LOGINเมื่อคุยกับป้าหลินเสร็จ หลี่เหมยได้เดินทางออกจากบ้านพร้อมกับหม่าถง เธอไปเลือกซื้อเสื้อผ้าใหม่อย่างที่เธอบอกกับเจี้ยนเฉินอีกทั้งยังซื้อชุดเครื่องประดับเอาไว้ขายยามที่เธอต้องการมากกว่าซื้อกระเป๋าหรือเครื่องแต่งหน้า หลังจากนั้นก็เลือกเดินซื้อของใช้ต่าง ๆ จนสายตาของเธอเหลือบไปเห็นชายที่เธอคุ้นตา
‘นั่นจิ้นฟงไม่ใช่หรือไง เขามาที่นี่ได้ยังไงหรือว่ามาตามหาฉันแต่คงไม่ใช่หรอกเขาคงโกรธฉันที่ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บ และทำให้ห้องพักของเขาวุ่นวาย ’
หลี้เหมยคิดในใจพลางมองไปด้านหน้าเห็นเขากำลังเดินมาทางนี้ เธอกลัวเหลือเกินว่าหม่าถงจะทำร้ายเขาอีก จึงรีบขอร้องหม่าถงก่อนที่เขาจะเดินมาถึง
“หม่าถงฉันขอคุยกับคุณจิ้นฟงสักครู่ได้มั้ย ฉันไม่หนีไปไหนแน่นอน หากนายไม่เชื่อใจก็อยู่ข้าง ๆ ฉันระหว่างที่เราคุยกันก็ได้ ฉันรู้สึกผิดกับเขาที่เจี้ยนเฉินสั่งให้พวกนายทำร้ายเขาอยากขอโทษเขาด้วยความจริงใจอีกครั้งจะได้ไม่มีอะไรติดค้างกัน”
“ได้ครับ ผมเองก็รู้สึกว่าวันนั้นลงมือรุนแรงเกินไปทั้ง ๆ ที่รู้ว่าคุณสองคนไม่ได้เป็นอะไร” หม่าถงผายมือให้หลี่เหมยเดินไปหาจิ้นฟง อย่างน้อยเขาก็ยังคงเห็นหลี่เหมยอยู่ในสายตาและเขาก็เดินตามหลังเธอไปติด ๆ
“คุณหลี่เหมย เป็นอย่างไรบ้างครับไม่ได้รับบาดเจ็บตรงไหนใช่มั้ยครับ ?”
“ฉันต่างหากละคะที่ต้องถามคุณ ร่างกายของคุณเป็นอย่างไรบ้างคะ ฉันต้องขอโทษจริง ๆ ที่ไม่ได้บอกเรื่องส่วนตัวให้คุณได้รู้ เลยทำให้คุณต้องมาพบเจอเรื่องแบบนี้ขอโทษจริง ๆ นะคะ” หลี่เหมยก้มโค้งลงขอโทษเขาด้วยความจริงใจ
“ผมไม่เจ็บมากหรอกครับ อีกอย่างมันเป็นเรื่องส่วนตัวของคุณไม่จำเป็นต้องบอกนี่ครับ เมื่อเห็นว่าคุณสบายดีผมก็ดีใจ ผมออกมาตามหาคุณและเอาของที่คุณลืมเอาไว้มาให้ครับ” จิ้นฟงเสียใจเล็กน้อยผู้หญิงที่เขารู้สึกดี ๆ ด้วยกลับมีสามีอยู่แล้ว เขาเดินทางมาที่นี่เพื่อตามหาเธอกลัวเธอได้รับอันตราย แต่เมื่อเห็นเธอตอนนี้เขาก็พอเข้าใจสถานการณ์ หลี่เหมยยื่นมือไปยกของใช้ของเธอที่จิ้นฟงเอามาคืน หม่าถงเห็นรีบเข้ามาถือให้นายหญิงทันที
“ขอบคุณนะคะ หวังว่าเรายังจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้ ครั้งหน้าหากเจอกันทักทายฉันได้เสมอนะคะ” หลี่เหมยยิ้มกว้างให้กับเขาก่อนที่ทั้งสองจะแยกย้าย
บ้านตระกูลเฟิ่ง
ซินหนานกับเสี่ยวลี่นั่งคุยกันเรื่องแผนการกำจัดหลี่เหมยออกจากบ้าน โดยเสี่ยวลี่เอาแผนที่ได้ปรึกษาพี่สะใภ้มาเล่าให้แม่เฟิ่งฟัง เธอไม่ได้ตำหนิอันใดแถมยังเห็นดีเห็นงามในแผนการครั้งนี้อีกด้วย
“อีกเพียงแค่ 5 วันก็ถึงวันงานไหว้บรรพบุรุษแล้ว อยากให้ถึงเร็ว ๆ เสียจริง”
“คุณป้าไม่ต้องห่วงนะคะ ครั้งนี้ฉันจะทำให้สำเร็จให้ได้ เพื่อกำจัดผู้หญิงร้าย ๆ คนนั้น ระหว่างรอวันนั้นมาถึงฉันจะไปหายาที่จะใช้กับพี่เฟิ่งเจี้ยนเฉินเอง คุณป้าก็ทำตัวเหมือนปกติอย่าให้ทั้งสองคนจับได้นะคะว่าเรากำลังวางแผนทำอะไรกัน ”
“ได้อยู่แล้ว ว่าแต่ยาที่เธอจะใช้กับเฟิ่งเจี้ยนเฉินต้องเป็นยาที่ไม่อันตรายกับเฟิ่งเจี้ยนเฉินเข้าใจมั้ย”
“ฉันเข้าใจค่ะ คุณป้ายาที่ฉันจะใช้เป็นเพียงยาปลุกความเป็นชายเท่านั้น แรก ๆ อาจจะมีอาการมึนหัวเล็กน้อยก่อนที่ร่างกายจะร้อนรุ่มและต้องการปลดปล่อย วันนั้นคุณป้าต้องช่วยกีดกัน หลี่เหมยออกไปไกล ๆ นะคะ ส่วนที่เหลือเดี๋ยวฉันจะจัดการเอง ครั้งนี้แผนของเราต้องสำเร็จหลี่เหมยต้องยอมจำนนและถอยไปเองส่วนพี่เฟิ่งเจี้ยนเฉินฉันจะร้องไห้อ้อนวอนให้พี่รับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้น และหย่ากับหลี่เหมยเองค่ะ”
“เยี่ยมเลย อย่างนั้นเอาตามนี้ก็แล้วกัน”
“ค่ะคุณป้า ”ทั้งสองยิ้มหัวเราะกันอย่างสนุกสนานเมื่อพูดเรื่องแผนสำเร็จ เสี่ยวลี่ยังคงอยู่ทีนี่เพราะแม่เฟิ่งชักชวนให้อยู่กินข้าวเย็นด้วยกันก่อนค่อยกลับ
ฝั่งด้านหลี่เหมย
เธอได้ของครบอย่างที่ต้องการหม่าถงก็พากลับ มาถึงบ้านเธอได้ยินเสียงของเสี่ยวลี่ยังอยู่ที่นี่ร่างเล็กถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะเดินไปที่ห้องของตนเองโดยที่ต้องเดินผ่าน เสี่ยวลี่กับแม่เฟิ่งที่ห้องโถงของบ้าน
“พี่หลี่เหมยกลับมาแล้วหรือคะ ว้าวของใช้มากมายที่เดียวซื้ออย่างกับว่าไม่เคยซื้อมาก่อน แต่ก็นะนาน ๆ พี่เฟิ่งเจี้ยนเฉินจะตามใจคงไม่เคยเห็นเงินเยอะขนาดนี้เลยเลือกซื้อของใช้จนล้นมือสินะ คนบ้านนอกเห็นเงินก็เป็นอย่างนี้เหมือนกันทุกคน ทั้ง ๆ ที่ช่วงนี้เศรษฐกิจบ้านเมืองยังอยู่ในช่วงชะลอตัวกำลังพัฒนาน่าจะช่วยคุณป้าประหยัดอดออม ” สองเท้าของหลี่เหมยหยุดชะงัก แม้ว่าเธอจะมาจากชนบทแต่เรื่องเศรษฐกิจบ้านเมืองเธอก็พอรู้เรื่องอยู่บ้าง ว่าช่วงนี้เป็นช่วงที่เศรษฐกิจกำลังขยับขยายมีนายทุนจากต่างประเทศมาก่อตั้งโรงงานอุตสาหกรรมมากมาย ชนบทที่เคยอดอยากก็เริ่มลืมตาอ้าปากได้เมื่อบ้านเมืองกำลังพัฒนา ร่างเล็กแสยะยิ้มก่อนจะหัวเราะออกมาเบา ๆ
“นี่นะหรือคนร่ำรวยและอยู่ในเมือง ช่างไม่มีความรู้เกี่ยวกับเศรษฐกิจบ้านเมืองเลยสักนิด โง่แล้วยังอวดฉลาดตอนนี้ประเทศกำลังพัฒนา อย่าได้ไปเที่ยวบอกใครเขาเรื่องนี้นะมันจะอายคนอื่นเอาได้ อีกอย่างเงินที่ฉันใช้คือเงินที่สามีมอบให้ใช้ได้อย่างตามใจเหตุใดฉันต้องประหยัดด้วยล่ะ หม่าถงเอาของไปเก็บที่ห้องให้ฉันด้วยนะ ฉันจะของสดไปให้ป้าหลิน” หลี่เหมยพูดจบหันไปสั่งหม่าถงที่ถือของใช้ตามหลังมาให้เอาไปเก็บที่ห้อง
เสี่ยวลี่สั่นเทาทั้งตัวกำมือแน่นกัดฟันกรามดังกรอดก่อนที่จะลุกขึ้นต่อว่า หลี่เหมยที่ดูถูกเธอเรื่องความรู้ ทั้ง ๆ ที่มาจากชนบทแท้ ๆ
“ที่ฉันพูดเพราะหวังดีเท่านั้นทำไมพี่หลี่เหมยต้องว่าฉันแบบนั้นด้วยคะ ฉันแค่เป็นห่วง”
“นั่นสิ ทำไมแกต้องว่าหนูเสี่ยวลี่ด้วย เห็นว่าเจี้ยนเฉินเข้าข้างถือหางหน่อยเอาใหญ่จนไม่เห็นหัวฉันเลยนะ ”
“เฮ้อ ! แล้วแต่จะคิดเถอะ ฉันไม่อยากเสียเวลามาพูดเรื่องไร้สาระนี่ด้วยหรอก คนนิสัยเดียวกันอยู่ด้วยกันก็คงมีความคิดเหมือน ๆ กันสินะ ” หลี่เหมยกำลังจะเดินหนีแต่ตอนนี้เสี่ยวลี่รีบเดินเข้ามาจับมือของเธอเอาไว้เสียก่อน
“พี่หลี่เหมย ทำไมต้องพูดแบบนี้กับคุณป้าคะ ในเมื่อเรื่องนี้ฉันเป็นคนผิดที่เป็นคนเริ่มพูดก่อนแต่พี่หลี่เหมยว่าคุณป้าอย่างนี้ไม่สมควรนะคะ ใช่ค่ะฉันมันไม่มีสมองไม่ดีเองที่คิดเองเออเองไม่คิดว่าความเป็นห่วงของฉันจะทำให้พี่หลี่เหมยโกรธขนาดนี้ ต้องขอโทษจริง ๆ นะคะ ” หลี่เหมยรำคาญจนสะบัดแขนของเสี่ยวลี่ให้ออกจากแขนของตนเอง ตอนนั้นเสี่ยวลี่เหลือบไปเห็นเจี้ยนเฉินกลับเข้ามาพอดี เธอรีบแสร้งเป็นถลาล้มลงกับพื้นเพื่อใส่ร้ายหลี่เหมย
ตอนที่ 26 ตะวันขึ้นใหม่ในทุก ๆ เช้าบ้านตระกูลเฟิ่ง หลังจากหย่ากับหลี่เหมยสามวัน เขาก็ได้เขาพิธีแต่งงานกับเสี่ยวลี่อย่างเรียบง่าย ตอนนี้เสี่ยวลี่เผยธาตุแท้ให้ทุกคนในบ้านได้เห็น จนแม่เฟิ่งเอือมระอาสาวใช้พากันลาออกกันทีละคน จนตอนนี้ในบ้านเปลี่ยนสาวใช้หลายสิบคนภายในเวลาไม่ถึง 1 เดือน ในแต่ละวันมีแต่เรื่องวุ่นวายทำให้แม่เฟิ่งแทบไม่มีความสุขไม่ยิ้มแย้มแจ่มใสเหมือนเมื่อก่อน ทุกข์ระทมจนแทบกินไม่ได้นอนไม่หลับ เจี้ยนเฉินลาออกจากตำแหน่งนายพลวัน ๆ เอาแต่คลุกตัวอยู่ในห้อง ดื่มเหล้าจนกลายเป็นคนติดเหล้าและพร่ำเพ้อคิดถึงแต่หลี่เหมยทุก ๆ วัน“นี่คงเป็นเวรกรรมที่ฉันได้ทำกับหลี่เหมยสินะ บ้านตระกูลเฟิ่งที่เคยร่ำรวยรุ่งเรือง กลายเป็นบ้านที่มีเรื่องวุ่นวายไม่มีความสุข มีเงินมากเท่าไหร่ก็ถูกเสี่ยวลี่ผลาญไปจนเกือบจะหมด เป็นเพราะฉันแท้ ๆ คำพูดของหลี่เหมยที่บอกฉันไม่มีสิ่งไหนเลยที่เธอพูดผิด ตอนนี้ฉันสำนึกแล้ว ฉันไม่น่าเลย ไม่น่าละทิ้งเพชรเพื่อคว้าก้อนกรวดเข้าบ้านเลย”“บ่นอะไรอยู่คนเดียวคะ คุณแม่ฉันสั่งโต๊ะกินข้าวมาใหม่ไม่นานคงเข้ามาส่ง คุณแม่จัดการจ่ายให้ด้วยนะคะ ตัวเก่ามันโบราณเกินไปไม่เข้ายุคสมัย ฉันเอาออ
ตอนที่ 25 ชีวิตใหม่หัวใจของหลี่เหมยเต้นแรงระรัว สองเท้าก้าวเข้ามาในศาลกว้างใหญ่ พร้อมกับทนายคนเมื่อวานวันนี้มีป้าหลินมาคอยยืนเคียงข้างเธอเพื่อเป็นพยานฟ้องหย่าในครั้งนี้ด้วย ไม่นานคนตระกูลเฟิ่งก็เดินเข้ามาด้านใน หลี่เหมยไม่มองแม้เพียงหางตา เมื่อทุกฝ่ายมาครบผู้พิพากษาก็เดินเข้ามาในห้องโถงขนาดใหญ่ เอ่ยคำเปิดศาลและฟังทนายของแต่ละฝั่ง โดยให้ฝ่ายหลี่เหมยเป็นคนร้องทุกข์ก่อน และให้ฝ่ายของเจี้ยนเฉินแย้งคำพูดของทนายทว่าฝ่ายของเจี้ยนเฉินน้อมรับทุกคำขอของหลี่เหมยทุกอย่างไม่ว่าเธอต้องการเรียกร้องอะไร จนกระทั่งทนายเอ่ยฟ้องชู้ของสามี เสี่ยวลี่ร้อนรนด้วยความตกใจ เพราะไม่ใช่เงินจำนวนน้อย ๆ ที่หลี่เหมยเป็นคนเรียกร้อง“ศาลที่เคารพฉันขอแย้งค่ะ เรื่องการฟ้องหย่าใช่ว่าฉันจะเต็มใจเรื่องที่ฉันนอนกับเฟิ่งเจี้ยนเฉินและเราพึ่งจะพลาดนอนด้วยกันเพียงแค่ครั้งเดียว ทำไมถึงได้เรียกร้องมากมายขนาดนี้ อีกอย่างฉันเองก็เป็นผู้ถูกกระทำ เพราะเฟิ่งเจี้ยนเฉินนะคะ”“เสี่ยวลี่เธอพูดเรื่องอะไร ต้องการอับอายไปถึงเมื่อไหร่แค่นี้ยังอายไม่พอหรือไง” แม่เฟิ่งกุมขมับปวดหัวกับสิ่งที่เสี่ยวลี่พูดออกไปต่อหน้าทุกคนอย่างไม่อายปากแม้
ตอนที่ 24 ฟ้องหย่า บ้านตระกูลเฟิ่ง ตั้งแต่เกิดเรื่องแม่เฟิ่งก็เปลี่ยนไปจากเดิม เธอไปหาหลี่เหมยที่โรงพยาบาลแต่ไม่กล้าเข้าไปเยี่ยมเพียงแค่ถามอาการจากพยาบาลเท่านั้น ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายเธอจัดการจ่ายให้หลี่เหมยทั้งหมดและฝากให้พยาบาลดูแลเธอเป็นอย่างดี ใบหน้าของแม่เฟิ่งหม่นหมองจนเห็นได้ชัด เธอกำลังกลับบ้านหลังจากจ่ายเงินค่ารักษาตัวของหลี่เหมย เสียงเรียกดังขึ้นจากด้านหลังต้องหยุดเท้าชะงักหันไปมอง“คุณนายมาทำอะไรที่นี่คะ หรือว่ามาเยี่ยมคุณหลี่เหมย”ป้าหลินกำลังเดินกลับจากซื้อของใช้ให้หลี่เหมยเห็นด้านหลังคุ้นๆ เหมือนคุณผู้หญิงคิดว่าตัวเองตาฝาดจึงรีบสาวเท้าเดินเร็วกว่าเดิมจึงได้รู้ว่าเป็นคุณนายจริง ๆ “ฉันไม่ได้มาเยี่ยมหลี่เหมยหรอก จะเอาหน้าที่ไหนเข้าไปหาเธอกันแล้วนี่เธอก็มาเยี่ยมหลี่เหมยสินะ”“ใช่ค่ะ อย่างนั้นฉันขอตัวนะคะ” ป้าหลินไม่ได้ถามอะไรต่อเห็นใบหน้าซูมโทรมของนายหญิงเธอคงมีเรื่องให้คิดมากมาย แต่อย่างไรก็ไม่มากเท่าคุณหลี่เหมยที่พบเจอตอนนี้แน่นอน เธอไม่มีความสงสัยและเห็นใจสักนิดเพราะทุกอย่างเป็นผลจากการกระทำของตัวคุณนายเอง แอ้ด ! เสียงประตูเปิดเข้ามาด้านใน หมี่เหมยเปลี่ยน
ตอนที่ 23 ไม่อาจรักษาไว้เวลาผ่านไปพักใหญ่ในห้องฉุกเฉินวุ่นวายพยาบาลเดินไปเดินมา ใจของเจี้ยนเฉินเองไม่สงบสุขกระวนกระวายเป็นห่วงหลี่เหมยจับใจ จนกระทั่งคุณหมอเดินออกมาจากห้องฉุกเฉินเข้ารีบเข้าไปถามทันที“คุณหมอครับภรรยาของผมเป็นอย่างไรบ้าง ลูกของผมยังปลอดภัยดีใช่มั้ยครับ”“ต้องขอโทษด้วยนะครับ ทางเราไม่สามารถช่วยเหลือเด็กได้ เพราะร่างกายได้รับการกระแทกอย่างรุนแรงอีกทั้งจิตใจของคุณหลี่เหมยก็ได้รับการกระทบกระเทือน เราทำเต็มที่แล้วตอนนี้คุณหลี่เหมยพ้นขีดอันตรายต้องนอนให้เลือดและดูอาการอีกสักระยะครับ” สิ้นคำพูดของหมอเหมือนแสงสว่างที่เคยเจิดจ้ามืดสนิท หูของเจี้ยนเฉินอื้ออึงไปหมด ร่างกายไร้เรี่ยวแรงจนหม่าถงยืนอยู่ใกล้ ๆ ต้องมาประคองให้นั่งลงที่เก้าอี้“หม่าถงฉันได้ยินผิดไปใช่มั้ย? บอกฉันทีว่าฉันได้ยินผิดไป หรือว่านี่คือความฝัน มันเป็นฝันร้ายช่วยปลุกฉันให้ตื่นเสียที”“ผมเสียใจด้วยนะครับ” หม่าถงตอบกลับด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาย้ำให้เจี้ยนเฉินรู้สิ่งที่เขาได้ยินมันคือความจริงมิใช่ฝันร้าย ป้าหลินเดินทางมาที่โรงพยาบาลรู้อาการของหลี่เหมยตอนนี้จึงอาสาที่จะอยู่เฝ้าหลี่เหมยเอง อย่างไรต้องมีคนคอยดูแลยิ่
ตอนที่ 22 จบสิ้นทุกอย่าง“เจี้ยนเฉินแม่ขอโทษ แม่ขอโทษ” แม่เฟิ่งทรุดตัวลงกับพื้นน้ำตาไหลอาบแก้ม เจี้ยนเฉินหันไปถามหลี่เหมยด้วยความเป็นห่วง“หลี่เหมยเจ็บตรงไหนหรือเปล่า”“ฉันไม่เจ็บนักหรอก ในเมื่อคุณมาแล้วก็ดีฉันจะออกไปอยู่ที่อื่น คุณจัดการเรื่องที่บ้านเสร็จแล้วอีก 2 วันมาพบกันที่อำเภอ” เจี้ยนเฉินไม่อยากเธอจากเขาไปทั้งแบบนี้ เขาทรุดตัวลงกับพื้นกอดขาของเธอเอาไว้แน่นอ้อนวอนเธอด้วยความรักที่เขามีต่อเธอทั้งหมด“หลี่เหมยขอร้องล่ะ อย่าไปจากฉันเลยนะ ฉันคงอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเธอ ฉันยอมทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งหรือหน้าตาทางสังคมขอเพียงแค่เธอยอมให้อภัยยกโทษให้ฉัน ฉันจะละทิ้งทุกอย่างไปใช้ชีวิตอย่างที่เราเคยคาดหวังเอาไว้ ได้โปรดคิดทบทวนอีกครั้งได้มั้ย” หลี่เหมยเคล้นหัวเราะออกมาอย่างขบขันนี่นะหรือเจี้ยนเฉินนายพลผู้ยิ่งใหญ่ ตอนนี้กำลังอ้อนวอนขอให้เธอให้อภัย ไม่ต่างจากเธอชาติที่แล้วเธออ้อนวอนแทบก้มลงแนบเท้าของเขาให้เขาฟังเธออธิบายแต่เขาให้เธอเพียงความเย็นชาและคำพูดตัดขาดเยื่อใย ครั้งนี้เธอจะทำให้ได้เหมือนเขาบ้างแม้จะรักเขามากเพียงใด แต่ตอนนี้เธอขอรักตัวเองและลูกจะดีกว่า“หยุดเถอะ เอามือออกจากขาของฉั
ตอนที่ 21 ไม่สมควรเป็นแม่คนฝั่งด้านเจี้ยนเฉิน หลังจากที่หม่าถงพาตัวออกมาเขาก็นั่งดื่มเฝ้าคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ในใจคิดว่ามันเป็นความผิดของเขาเองและเป็นความผิดของคุณแม่ เขาไม่อยากจะปล่อยมือจากหลี่เหมยไปเลย แต่ไม่ว่าจะคิดอย่างไรก็ไม่ทีหนทางที่จะยื้อเธอเอาไว้ ความผิดครั้งนี้ยิ่งใหญ่จริง ๆ “หม่าถงเอามาอีก ฉันอยากกินจนเมาหลับไปเลยไม่อยากจะคิดอะไรทั้งนั้น”“ท่านนายพลจะให้ผมตรวจสอบมั้ยครับว่าเกิดเรื่องนั้นขึ้นได้อย่างไร อาจจะพออธิบายกับคุณหลี่เหมยได้ ”“ไม่ ! ต่อให้ตรวจสอบและรู้ว่าเป็นแผนของคุณแม่กับเสี่ยวลี่ทุกอย่างก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้เพราะฉันนอนกับเสี่ยวลี่ไปแล้วจริง ๆ เอาเหล้ามาอีก เอามาจนกว่าฉันจะเมาจนสลบไป หากฉันไม่ตื่นมาเลยคงจะดีไม่น้อย ฉันไม่อยากจะเผชิญหน้ากับหลี่เหมยเลย กลัวกลัวว่าฉันจะไม่อยากปล่อยเธอไป กลัวจะดึงรั้นเธอเอาไว้ในอ้อมกอด หรือฉันจะพาเธอหนีไปอยู่ที่อื่นกักขังเธอเอาไว้ให้อยู่ข้างกายฉันตลอดไป ”“นั่นไม่ใช่ความคิดที่ดีครับ อย่าทำร้ายจิตใจคุณหลี่เหมยไปมากกว่านี้อีกเลย หากคุณรักเธอผมว่าปล่อยเธอไปอย่างที่เธอต้องการจะดีกว่า” พูดจบหม่าถงเดินออกไปจากบ้านพักที่ป้าห







