หลี่เล่อเยียน เรียกเถ้าแก่เจ้าของร้านเก็บเงินค่าบะหมี่ 3 ชาม วันนี้เธอจ่ายค่าเบิกทางในการหาเงินเกือบ 7 หยวนช่างเป็นประสบการณ์ที่แสนแพงเหลือเกิน แต่พอคิดถึงเม็ดเงินที่กำลังจะเกิดขึ้น ก็พลันทำให้เธอยิ้มขึ้นมาในทันที
หม่ายวี่ไท่ที่สังเกตใบหน้าของหลี่เล่อเยียน ที่เดี๋ยวยิ้มเดี๋ยวทำหน้าเศร้าแล้วก็กลับมายิ้มอีกครั้ง ก็คิดไปไกลว่าเธอคงจะใช้เงินมากจนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้วกระมัง
มันก็น่าใจหายอยู่หรอก เพียงครึ่งวันหล่อนใช้เงินไปถึง 6.9 หยวน นั่นมันเงินจำนวนเท่าไหร่กัน หากเป็นเธอคงใช้ได้ถึงครึ่งปีเป็นแน่
วันนี้ถือว่าหลี่เล่อเยียนได้ซื้อใจของเหอหมี่เมี่ยนกับหม่ายวี่ไท่ไปจนหมดแล้ว พวกเขาทั้งสองคนรู้สึกซาบซึ้งใจ จนน้ำตาคลอ เพราะหากเป็นพวกเธอที่ถึงแม้ว่าจะมีเงินก็คงไม่กล้าที่จะจ่ายเงินมากมาย เพื่อเลี้ยงข้าวแบบนั้นอย่างแน่นอน อย่างดีที่สุดก็คงจะแค่บะหมี่หนึ่งชาม แล้วกินด้วยกันหรือไม่ก็ซาลาเปาคนละลูกเพียงเท่านั้น ถือว่าเพียงพอแล้วต่อน้ำใจที่หยิบยื่นให้กัน
ด้านเจ้าตัวนั้น คงจะยังไม่รับรู้ว่าเธอนั้นได้ใจของเพื่อนทั้งสองไปแล้ว หลี่เล่อเยียนไม่คิดมากกับการแบ่งปันของกินเพียงเล็กน้อยนี้ เพราะหากเธอคิดจะทำการใหญ่เธอจะต้องมีคนคอยสนับสนุน แน่นอนว่าเธอทำมันคนเดียวไม่ได้
" กลับกันเถอะ " หลี่เล่อเยียนจ่ายเงินเถ้าแก่เสร็จก็ชวนทั้งสองออกจากร้านโดยไม่ทันสังเกตว่ามีใครคนหนึ่งมองเธอตั้งแต่ตัวเธอนั้นเดินเข้าร้านมาแล้ว
อีกฝั่งหนึ่งของร้านบะหมี่ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งสมกับเป็นชายชาติทหารทำให้ดูดีมีภูมิฐาน ทั้งยังดูน่าเกรงขามไม่น้อย เพียงแค่เขานั่งนิ่งๆ ก็ทำให้สาวน้อยใหญ่ที่เดินผ่านไปมาแทบจะละลายเหมือนกับในยามที่หิมะต้องแสงแดดแล้วนั้น แต่เจ้าตัวกลับไม่ได้สนใจสิ่งใด นอกจากหญิงสาวผิวขาว ปากจิ้มลิ้มดวงตากระต่ายทอประกายแสนจะมีเสน่ห์คู่นั้นที่เขาไม่มีวันลืม
ยิ่งเมื่อชายหนุ่มได้ยินน้ำเสียงที่แสนหวานของเธอ หัวใจที่ห่อเหี่ยวก็กลับฟูฟ่องขึ้นอีกครั้ง หัวใจของเขาเต้นแรงมาก มันดังมากเสียจนเกรงว่าโต๊ะข้างๆ นั้นจะได้ยิน
' เป็นเธอแน่ ๆ แล้วเธอมาทำอะไรที่นี่'
เดินทางกว่าจะถึงบ้านพักก็เป็นเวลาบ่ายสามโมงเย็นแล้ว ไม่รู้ว่ามันคือวันหยุดจริง ๆ หรือเปล่า แต่พวกเธอรู้สึกว่าเหนื่อยกว่าตอนที่ออกไปทำงานในทุ่งนาสะอีก
กลับมาถึงก็ต้องมีเรื่องชวนให้ปวดหัว เพราะเธอพบโจรกระจอกแอบย่องเข้าห้องตอนที่เธอไม่อยู่ หลี่เล่อเยียนไม่ได้ฉลาดจนรู้ว่าโจรคือใคร แต่ถ้าเห็นสภาพห้องที่โจรนั้นรื้อข้าวของของเธอกระจัดกระจายทั่วห้องเช่นนี้ เธอก็สุดแสนจะโมโห
แต่ถึงอย่างไรเล่อเยียนเชื่อว่าโจรจะต้องเป็นคนในบ้านพักหลังนี้อย่างแน่นอน
เมื่อสำรวจความเสียหายภายในห้องเธอพบว่า ไม่มีของมีค่าอะไรหายไปหรืออาจจะพูดอีกนัยหนึ่งว่าไม่มีของมีค่าใดให้โจรขโมยเพราะเธอนำเงินที่คิดว่ามีค่ามากที่สุดแล้วนั้น เก็บไว้ในมิติเรียบร้อยแล้ว
หลี่เล่อเยียนบอกกับหม่ายวี่ไท่ให้ไปตามคณะกรรมการมาพร้อมทั้งผู้ใหญ่บ้าน เพื่อที่จะมาช่วยเธอจับโจร
เมื่อทุกคนมาถึงฟ่านเหมยเหมยก็ตามมาด้วยขาดแต่ฟู่หลินฮุ่ยคนเดียวเท่านั้น
" เอาล่ะตอนเกิดเหตุมีใครเห็นเหตุการณ์บ้างครับ”สมาชิกในคณะกรรมการคนหนึ่งที่พูดขึ้น
" ฉันกับหม่ายวี่ไท่ค่ะ พอดีพวกเราเข้าไปในเมืองกับเล่อเยียน กลับมาถึงบ้านเห็นประตูเปิดทิ้งไว้ คิดว่ามีคนอยู่ในบ้าน พอเดินมาถึงกลางบ้าน เห็นประตูห้องของเล่อเยียนเปิดอยู่จึงเดินไปดูพร้อมกันค่ะ " เหอหมี่เมี่ยนเล่าเหตุการณ์ให้ฟังก่อน
" นอกจากข้าวสารกับแป้งมีอะไรที่หายอีกไหมครับ "
เลขาธิการหนุ่มถามหญิงในดวงใจด้วยความเป็นห่วง ตัวแค่นี้ทำไมต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วยนะ
" มีสบู่กับยาสระผมค่ะ " หลี่เล่อเยียนนึกอะไรดี ๆ ออกแล้วล่ะ
" ว่าแต่เธอสงสัยใครรึเปล่าล่ะเล่อเยียน หมู่บ้านเราไม่เคยมีประวัติของหายมาก่อน ฉันนึกไม่ออกจริง ๆ ว่าเป็นฝีมือใคร "
ทางด้านของเสี่ยวฮวาที่ตอนนี้กำลังร้อนใจ เพราะเลยกำหนดส่งของมานานแล้ว เธอกลัวว่าเล่อเยียนจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น เพราะธรรมดาแล้วเล่อเยียนจะไม่มาสายเลยนี่นา เธอเข้าออกภายในบ้านและนอกบ้านทุกๆ 10 นาที จนเมื่อชั่วโมงก่อนเธอตัดสินใจมานั่งรอเล่อเยียนที่หลังพุ่มไม้เดิม ที่เล่อเยียนเคยซ่อนของเอาไว้ เธอฟุบหลับที่หลังพุ่มไม้ จนรู้สึกได้ถึงแรงสะกิด คิดว่าคงเป็นสามีที่มาตามเธอเข้าบ้านอย่างแน่นอน แต่เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมาก็ต้องร้องตะโกนดีใจกระโดดกอดเล่อเยียนด้วยความโล่งอก“เล่อเยียน พี่คิดว่าเธอเป็นอะไรไปเสียอีก พี่มานั่งรอเธอหลายชั่วโมงแล้วก็ยังไม่มา ไม่ได้เกิดเรื่องไม่ดีกับเธอใช่ไหม” เสี่ยวฮวาที่มัวแต่ดีใจที่ได้เห็นหน้าหลี่เล่อเยียน ก็ไม่ทันได้สังเกตว่ามีใครอีกคนที่ติดตามเธอมาด้วย“ฉันไม่ได้เป็นอะไรค่ะ พี่คะนี่หยางหมิงเฉิงสามีของฉันค่ะ และนี่พี่เสี่ยวฮวาค่ะ ทั้งสองคนรู้จักกันไว้นะคะ” หลี่เล่อเยียนแนะนำสามีให้เสี่ยวฮวารู้จัก ส่วนทางด้านของเสี่ยวฮวานั้นตะลึงกับความหล่อของสามีน้องสาวหลี่ไปแล้ว เหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยกเสียจริง เธอยังคิดจินตนาการว่าสามีของหลี่เ
“ภรรยาครับได้โปรด…………” ตอนนี้เขายอมแลกทุกอย่างสำหรับการได้กินเนื้อในครั้งนี้“รับปากมาก่อนสิคะเรื่องส่งสบู่ ฉันรับปากค่ะถ้าหากเกิดอะไรที่ไม่ชอบมาพากลจะเลิกทำทันที ตอนนี้กำลังเป็นไปได้ด้วยดี เราก็ควรจะคว้าโอกาสนี้เอาไว้นะคะ” หยางหมิงเฉิงไม่รอให้เธอพูดจบ“อืม” เขาพูดออกไปได้เพียงเท่านั้นจริง ๆ แล้วก็ประกบเข้ากับริมฝีปากบางนั้นทันที เขาฉกฉวยเอาความหวานจากในโพลงปากที่เฝ้าคิดถึงมานาน ไม่ปล่อยให้เสียเวลามือก็ทำงานไปด้วยในการปลดเปลื้องอาภรณ์ให้ไปพ้นๆ สายตา เหลือเพียงร่างบางอรชรที่เขานั้นเคยชิมมาแล้วทุกตารางนิ้ว ผิวของเธอขาวเนียนละเอียดเหมือนไข่ขาว สวยไปทุกสัดส่วนไม่เว้นแม้แต่จุดอ่อนไหวที่สุด แม้เธอจะผ่านการคลอดลูกมาแล้วหนึ่งคน แต่ทุกอย่างยังดูสดใหม่เสมอ หยางหมิงเฉิงบอกรักภรรยาทุกตารางนิ้วของกายหยาบเธอ เขาไม่เคยมัวเมาอะไรเช่นนี้มาก่อน เธอทำให้เขาเมายิ่งกว่าสุราพันจอกที่ได้ดื่มมันลงไปหลี่เล่อเยียนยอมพลีกายสำหรับงานนี้มาก อะไรที่ไม่เคยทำเธองัดออกมาใช้จนหมด แม้กระทั่งการที่เธอเป็นคนคุมเกม ซึ่งดูเหมือนว่าสามีข
“ก็ได้ค่ะ ฉันยอมรับก็ได้ แล้วจะมาให้คุณลงโทษทีหลังแล้วกัน แต่ตอนนี้คุณต้องช่วยฉันขนสบู่พวกนี้ไปส่งพี่เสี่ยวฮวาก่อนค่ะ ฉันสายมากแล้ว” หลี่เล่อเยียนจนมุมไม่มีทางแก้ตัวใด ๆ เธอเต็มใจรับบทลงโทษหนักๆ เอ้ย บทลงโทษที่เขาจะมอบให้ แต่ตอนนี้ต้องรีบทำเวลาแล้วล่ะ“ไม่ได้ครับ คุณสัญญากับผมแล้ว คุณบอกผมว่าไม่ชอบคนโกหกมีอะไรต้องพูดกันตรง ๆ ผมบอกคุณไปแล้วว่าไม่ชอบคนทำอะไรลับหลัง เรื่องนี้คุณผิดรู้ตัวใช่ไหมครับ” เล่อเยียนยืนหน้าบึ้งที่ประตูห้องของหลี่หาน เธอผิดมากหรืออย่างไรกันที่อยากจะให้ครอบครัวมีชีวิตที่ดีขึ้น ลำพังแค่เงินเดือนของเขาที่จะต้องจากลูกเมียไปเป็นเวลานาน ๆ แต่ได้เงินกลับมาไม่ถึง 1 ใน 4 ส่วนที่เธอหามันมาได้ด้วยซ้ำไป“ฉันยอมรับว่าทำผิดค่ะ แต่ไม่ขอยอมรับเรื่องที่ทำอะไรลับหลังคุณฟังแล้วดูเหมือนฉันเป็นคนไม่ดี เหมือนผู้หญิงที่สวมหมวกเขียวให้สามีซึ่งฉันไม่ได้ทำแน่นอน เพราะฉะนั้นคุณจะมาเหมารวมว่าฉันเป็นคนประเภทนั้นไม่ได้เด็ดขาดค่ะ ไม่อย่างนั้นฉันจะฟ้องคุณแม่เรื่องที่คุณดูถูกฉันว่าทำอะไรไม่ดีลับหลังคุณ” เธอไม่ได้เก่งแค่เรื่องทำสบู่อย่างเดียวหรอก
กำหนดวันส่งสบู่ล็อตใหญ่ก็มาถึง ตอนนี้สิ่งที่เล่อเยียนกังวลที่สุดคือเธอจะบอกแม่สามีเรื่องขนสบู่ไปอย่างไรดี เธอให้น้องชายช่วยเรียงมันใส่ไว้ในถุงขนาดใหญ่ 4 ถุงเรียบร้อยแล้ว ถ้าเธออยู่บ้านคนเดียวเหมือนเมื่อก่อน เธอจะไม่คิดมากเลย เสร็จแล้วก็แค่เอาใส่เข้าไปในมิติ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เลยคงต้องหาวิธีใหม่เสียแล้วล่ะ“เธอจะเอาไปยังไงล่ะแม่หนิงหลง เรียกเมียเหยาอินมาช่วยดีหรือไม่แผลเพิ่งจะสมานกันดี แม่ไม่ค่อยอยากจะให้เธอยกของหนักเท่าไหร่ หรือจะให้แม่กับเมียเหยาอินยกไปส่งเขาดี” แม่เฒ่าหยางเห็นหุ่นของลูกสะใภ้แล้วก็เป็นห่วง กลัวว่าถุงสบู่จะทับหล่อนเอวหักไปเสียก่อน“ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณแม่ เดี๋ยวฉันจะไปเรียกพี่สะใภ้มาช่วยยกไปหน้าบ้าน เดี๋ยวคนที่สั่งก็มาเอาของแล้วล่ะค่ะ” เธอกะว่าจะใช้มุกเดิมที่โกหกสามีไปเมื่อครั้งที่แล้วยังไงก็ต้องแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าไปให้ได้ก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากันเถอะตอนนี้เธอปวดหัวมาก ๆ เลยกับความเป็นห่วงเป็นใยของแม่สามีที่ดูจะมากเกินไปหน่อย“ถ้าอย่างนั้นก็รีบไปเถอะ เดี๋ยวแม่จะดูอาหลงเอง ถ้าได้หลับแล้วก็น่าจะนอนได้นานไม่น่าเป็นห่วง
“เพียงแค่นี้ก็ดีมากแล้วละจ้ะ พี่จะลองไปทำดูนะ ขอบคุณเธอมาจริง ๆ ถ้ามีอะไรให้พี่ช่วยก็บอกได้เลยนะ” สะใภ้ใหญ่หยิบสบู่ในตะกร้ากำลังจะกลับเข้าบ้านแต่เล่อเยียนเรียกเธอไว้อีกครั้ง“เดี๋ยวก่อนค่ะ นี่เป็นค่าแรงสำหรับ 4 วันที่ผ่านมาค่ะ รับไว้ไม่ต้องเกรงใจฉันเพราะถ้าพี่ไม่รับมันไว้ รอบหน้าฉันคงไม่กล้าเรียกพี่ให้มาช่วยแล้วละค่ะ” เธอไม่อยากให้คิดว่าเป็นหนี้บุญคุณหรืออะไร เพียงแต่ทุกคนทำงานต้องได้ค่าแรงสิถึงจะถูก ของฟรีไม่มีในโลกแม้แต่น้ำใจยังต้องตอบแทนด้วยน้ำใจ"ขอบคุณแม่หนิงหลงมาจริง ๆ นะ" สะใภ้ใหญ่เธอจำไม่ได้แล้ว่าขอบคุณน้องสะใภ้ไปกี่รอบแล้วสำหรับวันนี้ เธอรับเงิน 40 หยวนมาด้วยมือที่สั่นเทา นี่คือเงินก้อนใหญ่ที่สุดจากการทำงานของเธอเลยก็ว่าได้ ถ้าเทียบกับเงินเดือนของสามีก็เกือบจะ 4 เท่าของเงินเดือนสามีด้วยซ้ำ สามีเธอทำงานทั้งเดือนได้เงิน 12 หยวน แต่เธอทำงานเพียง 4 วันได้เงินถึง 40 หยวน นี่สินะความภูมิใจในตัวเองที่เล่อเยียนบอก ความรู้สึกมันเป็นอย่างนี้นี่เองกับการเห็นคุณค่าของตัวเอง พรุ่งนี้เธอจะไปซื้อเนื้อมาทำซุปให้ลูกๆ กิน รวมถึงลูกอมกระต่าย แล้วก็ยังมีนม
วันนี้เป็นวันที่แม่สามีลงมือเก็บว่านหางจระเข้ให้กับลูกสะใภ้ เธอลงมือเก็บตั้งแต่เช้ามืด เพื่อให้ทันกับการทำสบู่ เพราะกลัวว่าจะช้าเกินไป หลี่หานที่มาถึงก็รับหน้าที่ในการทำอาหาร อย่าดูถูกว่าเขาเป็นผู้ชายแล้วทำมันไม่ได้ดี เพราะเป็นหน้าที่ของผู้หญิงหรืออย่างใด เพราะเขาทำมันออกมาได้ดีมากเลยทีเดียว แม้แต่แม่เฒ่าหยางยังอดชมฝีมือการทำอาหารของเขาไม่ได้ ซ้ำยังเป็นตัวเชื่อมระหว่างแม่สามีกับลูกสะใภ้อีกด้วย เพราะเขาคุยเก่งเลยทำให้วงสนทนาดูไม่เงียบเหงาเมื่อมีเขาอยู่ส่วนหลี่เยียนหลังจากที่จัดการลูกชายเสร็จแล้ว ก็เตรียมของสำหรับทำสบู่ ส่วนพี่สะใภ้ใหญ่ก็มาช่วยงานแต่เช้าเหมือนกัน เป็นความโชคดีอย่างหนึ่งที่วันนี้เป็นวันหยุดของสามีเธอพอดี เธอจึงฝากลูกไว้กับสามีให้เขาดูแลต่อจากเธอ จะเอามาส่งแค่ตอนที่เขาหิวนมเท่านั้น ส่วนหลี่หานนั้นลงไปช่วยแม่เฒ่าหยางขนว่านหางจระเข้มาให้กับพี่สาวที่ลานหน้าบ้านหลี่เล่อเยียนทำตรงลานหน้าบ้าน ไม่ต้องกลัวใครจะเดินผ่านมาเห็น เพราะกำแพงและประตูรั้วบ้านเธอนั้นกั้นได้มิดชิดอยู่แล้วจึงไม่ได้กลัวว่าความลับจะรั่วไหล อีกอย่างตั้งแต่ที่แม่สามีเธอมาอยู่ด้วย น้าสะใภ้ก็ไม่