บทที่ 5 ข้าคือ 'คุณหนูลู่เพ่ย'
ชายทั้งสองตาพากันมองมาที่เสี่ยวลี่เหมย ดวงตาแวววาวจู่ ๆ ก็มีสตรีรูปงามมานั่งร่วมโต๊ะกับพวกเขาจึงเอ่ยถาม
"แม่นาง ไม่ทราบว่าท่านเป็นสตรีบุตรสาวของตระกูลใดกันถึงได้งดงามราวกับนางฟ้าเช่นนี้ และที่แม่นางมานั่งร่วมโต๊ะกับพวกข้ามีเรื่องอันใดหรือขอรับ" เสี่ยวลี่เหมยพยายามควบคุมอารมณ์โมโหเอาไว้ก่อนจะแสยะยิ้มมุมปากราวนางมารร้าย เอ่ยถามเรื่องที่พวกเขากำลังพูกคุยกันอยู่
"ข้าเป็นเพียงสตรีผู้ต่ำต้อยไม่สำคัญอันใด เมื่อครู่ข้าได้ยินพวกท่านกันกำลังคุยกันอย่างสนุกสนานมีเรื่องอันใดกันหรือเจ้าคะ ข้าเองก็อยากรับรู้ด้วย ข้าได้ยินพวกท่านกำลังเอ่ยถึงคุณหนูตระกูลลู่ใช่หรือไม่เจ้าคะ? "
"ใช่แล้ว แม่นางช่างแตกต่างจากนางมากนัก หากเป็นแม่นางผู้นี้จะมีผู้ใดบ้างไม่อยากแต่งงานด้วย ฮ่า ฮ่า" เสี่ยวลี่เหมยกำหมัดแน่นก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างเชื่องช้า
"แล้วพวกท่านเคยเห็นนางหรือเจ้าคะ ถึงนำเรื่องนางมาเอ่ยเช่นนี้ให้เสียหาย"
"แม่นาง ไม่ว่าผู้ใดในใต้หล้านี้ไม่รู้จักหรอกนะขอรับ เพียงแค่นางเดินหนึ่งก้าวสามารถทำให้แผ่นดินแทบยุบสะเทือนราวกับเกิดแผ่นดินไหว ชาวบ้านลือกันช่างไม่เหมาะสมกับท่านอ๋องที่รูปงาม หากเป็นแม่นางสตรีที่งดงามไร้ที่ติเช่นนี้น่าจะเหมาะสมยิ่งกว่าเป็นไหน ๆ" เขายังคงกล่าวว่าเสี่ยวลี่เหมยอย่างสนุกปาก เสี่ยวลี่เหมยลุกขึ้นยืนพร้อมยิ้มกว้าง
"อย่างนั้นหรือ เมื่อครู่ท่านถามข้าใช่หรือไม่ว่าข้ามาจากตระกูลใด ข้าจะบอกให้ท่านได้รู้ ข้ามีนามว่า ‘คุณหนูลู่เพ่ย’ บุตรสาวผู้เดียวของใต้เท้าลู่ไป๋เหวิน และข้าเองก็คือแม่หมูในเล้าที่พวกท่านกำลังเอ่ยถึงอย่างสนุกสนานอย่างไรล่ะ หากข้ารูปงามอย่างที่พวกท่านบอกแล้วเหตุใดข้าถึงไม่เหมาะสมกับท่านอ๋องกันนะ " เมื่อสิ้นคำพูดของเสี่ยวลี่เหมยชายทั้งสองพากันหน้าเสียรีบหัวเราะแห้ง ๆ ก่อนจะบอกว่าตนนั้นไม่เคยพบเจอคุณหนูลู่เลยสักครา
"แฮะ ๆ คุณหนูผู้งดงามเป็นคุณหนูของใต้เท้าลู่ไป๋นี่เอง ข้ามีตาหามีแววไม่ ข้าเองไม่เคยพบเจอหน้าคุณหนูหรอกขอรับ เพียงได้ยินเขาเล่าต่อกันมาเท่านั้น จากนี้ข้าจะนำไปแจ้งต่อทุกคนเองว่าคุณหนูมิใช่หมูในเล้าแต่เป็นนางฟ้านางสวรรค์มาจุติต่างหาก ขอคุณหนูโปรดอภัยให้ข้าด้วยนะขอรับ เดี๋ยวข้าจะไปจัดการกับผู้ที่ต่อว่าคุณหนูเสีย ๆ หาย ๆ เอง และอีกอย่างคุณหนูช่างเหมาะสมกับท่านอ๋องมากราวกิ่งทองใบหยกเลยขอรับ" ชายทั้งสองเริ่มเยินยอปอปั้นให้ตนเองไม่ต้องรับโทษทันที
"ฮึ ก็ได้! ครั้งนี้ข้าจะไม่เอาเรื่องหากข้าได้ยินผู้ใดเอ่ยถึงข้าเสียหายอีกล่ะก็ข้าจะจัดการให้หมด" พูดจบเสี่ยวลี่เหมยก็วางเบี้ยลงบนโต๊ะพร้อมบอกให้ลี่อินกับไป๋เซ่อออกมาจากโรงเตี๊ยม
"เราเดินทางกันต่อเถอะ ข้าไม่อยากอาหารแล้ว" สาวใช้ยืนอ้าปากค้างกับการกระทำของคุณหนูหากเป็นเมื่อก่อนคุณหนูของนางคงวิ่งออกจากโรงเตี๊ยมไปแอบร้องไห้ แต่ครั้งนี้คุณหนูสามารถต่อว่ากู้ศักดิ์ศรีของตนเองได้อย่างเหลือเชื่อ
"เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ"ทั้งสองได้ตอบรับพร้อม ๆ กัน และเดินตามหลังเสี่ยวลี่เหมยออกจากโรงเตี๊ยม
ทั้งสามก็ได้เดินทางต่อไม่ไกลนักก็ถึงจวนของท่านอ๋อง รถม้าก็ได้หยุดเคลื่อนไหว เสี่ยวลี่เหมยเดินลงมาพร้อมกวาดตามองจวนของท่านอ๋อง จู่ ๆ ความทรงจำของลู่เพ่ยก็แว๊บเข้ามาอีกรอบ
ภาพความทรงจำที่นางพยายามเอาอกเอาใจบุรุษรูปงามที่ไม่เคยสนใจนางเลยสักครั้ง แต่นางก็ไม่เคยโมโหใส่เขาเลยทั้งที่เขาเมินนางเสมอมา ทำราวกับนางเป็นเพียงอากาศ เวลาพบเจอก็มักแสดงสีหน้าอย่างชัดเจนว่าอึดอัดที่มีนางอยู่ข้าง ๆ แต่ทว่านางยังคงแสดงความรู้สึกที่นางมีต่อเขาไม่จางหายทั้งที่เขาไม่สนใจนางเลยแม่แต่น้อย ทำให้เสี่ยวลี่เหมยรู้สึกเจ็บลึกที่อกข้างซ้ายราวกับร่างนี้ที่รู้สึกทุกครั้งที่เขาหยามความรู้สึกนาง
อึก!!
"ทำไมกัน ทำไมฉันต้องเจ็บที่อกด้วย นี่มันไม่ใช่ความรู้สึกของฉันสักหน่อยทำไมฉันต้องเจ็บปวดด้วยนะ ลู่เพ่ยนางสงสารจัง ดีแล้วที่ฉันจะมาถอดหมั้นในวันนี้ ทั้ง ๆ ที่เขาทำให้นางรู้สึกเสียใจขนาดนี้ทำไมยังทนได้อยู่นะ ไม่รักตัวเองบ้างเลย ในเมื่อฉันมาอยู่ร่างเธอฉันจะทำให้เธอรู้จักคุณค่าของตัวเองเอง"เสี่ยวลี่เหมยใช้มือทาบที่อกพรางคิดในใจ เมื่อความเจ็บแปล๊บหายไปนางเงยหน้าขึ้นอย่างสง่าพร้อมย่างเท้าก้าวเข้าไปยังจวนท่านอ๋องอย่างหนักแน่นอย่างไรเสียบุรุษก็เหมือนกันหมด ไม่ว่าจะร่างเก่าหรือร่างใหม่ก็ไม่เคยพบรักจริง ๆ เสียทีนางจึงตัดสินใจไม่ขอมีความรักให้เจ็บช้ำจะดีกว่า
"คุณหนูมาจากที่ใดหรือขอรับ " จู่ ๆ ก็มีบ่าวรับใช้เดินเข้ามาถามเสี่ยวลี่เหมยที่เห็นนางเดินเข้ามาอย่างคุ้นเคย
"ข้าคุณหนูลู่เพ่ย ท่านอ๋องอยู่หรือไม่ข้าต้องการพบโดยด่วน" บ่าวรับใช้ตะลึงยืนอึ้งอยู่พักใหญ่จนไป๋เซ่อต้องถามย้ำอีกครั้ง
"นี่เจ้าไม่ได้ยินหรือ คุณหนูของข้าถามว่าท่านอ๋องอยู่หรือไม่? "
"อยู่ อยู่ขอรับเชิญตามข้าน้อยมาเลยขอรับ" เขาตั้งสติได้ก็พาเสี่ยวลี่เหมยเดินไปหาท่านอ๋องที่ตำหนักของเขา จวนของท่านอ๋องเองก็กว้างใหญ่พอสมควร จนเสี่ยวลี่เหมยอดคิดไม่ได้เหตุใดเขาต้องการอำนาจคอยหนุนหลังด้วยทั้ง ๆ ที่อยู่เช่นนี้ก็สบายดีอยู่แล้ว หรือว่าเขาจะมีแผนการใหญ่อันใดคงมิใช่จะชิงบัลลังก์หรอกนะ เสี่ยวลี่เหมยครุ่นคิดฟุ้งซ่านจนมาถึงตำหนักของท่านอ๋อง
"คุณหนูลู่โปรดรอข้าอยู่ด้านนอกสักครู่ข้าน้อยจะเข้าไปบอกแก่ท่านอ๋องให้ว่าคุณหนูมาขอเข้าพบนะขอรับ" บ่าวได้บอกก่อนที่ตนจะเปิดประตูเข้าไปด้านใน
"ท่านอ๋องคุณหนูลู่เพ่ยขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ"
"ไปบอกนางว่าข้าไม่ว่างและวันนี้ก็ไม่ให้ผู้ใดเข้าพบหากนางมีเรื่องอันใดไม่รีบร้อนก็ให้นางกลับไปเสียก่อน แล้วค่อยมาในคราวหลัง " น้ำเสียงเย็นชาได้เอ่ยออกมาเมื่อรู้ว่าผู้ใดขอเข้าพบ
"พ่ะย่ะค่ะ" บ่าวรับใช้รับคำสั่งพร้อมเดินออกมาบอกเสี่ยวลี่เหมยที่ยืนรออยู่ด้านนอก
"คุณหนูลู่เพ่ย ท่านอ๋องบอกว่าวันนี้ไม่ว่างให้ท่านเข้าพบโปรดกลับไปเรือนไปก่อนแล้ววันหน้าค่อยมาใหม่เถิดขอรับ"
"เฮอะข้าคิดไว้แล้วไม่มีผิด " อย่างที่เสี่ยวลี่เหมยคิดไว้ในใจ เขาเบื่อลู่เพ่ยจนไม่อยากพบหน้ามีหรือที่นางจะยอมกว่านางจะเดินทางมาถึงและมีเรื่องที่สำคัญที่นางต้องทำให้สำเร็จในวันนี้เสียด้วย
"คุณหนูเรากลับกันดีไม่เจ้าคะ"
"ไม่! ข้ามาถึงขั้นนี้แล้ว จะกลับได้อย่างไร ท่านอ๋องไม่ว่างที่จะให้ข้าเข้าพบหรือว่าไม่อยากพบหน้าข้ากันแน่ เจ้าหลีกไปข้าจะเข้าไปหาท่านอ๋อง ต่อให้ท่านอ๋องไม่อยากพบข้า แต่ว่าข้าต้องพบเขาให้ได้" เสี่ยวลี่เหมยผลักบ่าวรับใช้ให้ออกจากประตูก่อนจะเปิดประตูเข้าไปโดยไม่เกรงกลัว ลี่อินเห็นดังนั้นรีบบอกให้ไป๋เซ่อไปหยุดคุณหนูก่อนที่ท่านอ๋องจะโมโห
"ไป๋เซ่อเจ้ารีบไปห้ามคุณหนูเร็วเข้าสิ"
"ไม่เอาเจ้าไม่เห็นหรือไงว่าคุณหนูมุ่งมั่นขนาดไหน อีกอย่างข้ามั่นใจว่าคุณหนูตัดสินใจว่าจะทำสิ่งใดต้องทำให้ได้และอีกอย่างคุณหนูของเรามิใช่คนเดิมอีกต่อไป " ไป๋เซ่อยืนยิ้มไม่เข้าไปห้ามแถมยังปลาบปลื้มที่เห็นคุณหนูเปลี่ยนไปอีกด้วย ส่วนลี่อินโมโหที่บอกไป๋เซ่อไม่ได้รีบตามคุณหนูเข้าไปด้านในกลัวว่าจะเกิดอันใดขึ้นอีก
บทที่ 40 ให้โอกาสความรักอีกครั้งหลายวันต่อมาเสี่ยวลี่เหมยยังคงไม่ฟื้นนางนอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงอย่างไม่รู้สึกตัว ไป๋เซ่อลี่อินคอยพลัดเปลี่ยนกันมาเปลี่ยนเสื้อผ้าเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ตลอด"เมื่อไหร่เจ้าจะฟื้นเสียที รีบฟื้นมาเถิดต่อให้เจ้าจำข้าไม่ได้หรือชิงชังข้าเพียงใดข้าก็ยอม "เจียวหั่วจับมือของนางแน่นมองใบหน้าที่หลับสนิทพร้อมอ้อนวอนให้นางฟื้น ตอนนี้เข้าสู่ฤดูหนาวแล้วลมพัดเข้ามาทางหน้าต่างให้ความรู้สึกหนาวเย็น เจียวหั่ววางมือของนางไว้แนบกายนางก่อนจะเดินไปปิดหน้าต่างเพื่อไม่ให้ลมเข้ามาได้ ก่อนจะเดินมาที่เตียงพร้อมดึงผ้าห่มมาห่มกายให้นาง"เจ้ารีบฟื้นมาเสียที ต่อให้เจ้าอวบอ้วนเช่นดั่งเมื่อก่อน ข้าสัญญาว่าข้าจะไม่เฉยชาเมินเฉยต่อเจ้า เจ้ารอคอยให้ข้าสนใจเจ้ามาตลอดมิใช่หรือ? และข้าก็มีเรื่องอีกเรื่องที่ยังไม่ได้บอกเจ้าเลย ว่าตอนนี้ข้ารักเจ้าเพียงใด แม้ว่าข้าจะรู้ตัวช้าแต่ตอนนี้ทั้งหัวใจของข้ามีเพียงเจ้า เจ้าได้ยินหรือไม่พระชายาของข้า""จริงหรือ แล้วรักหม่อมฉันเมื่อไหร่กันเพคะ" น้ำเสียงแหบพร่าได้เอ่ยขึ้นเสี่ยวลี่เหมยนางรู้สึกตัวในตอนแรกนางคิดว่าตนเองจะตายไปแล้วเสียอีกแต่ทว่านางได้ไปพบกับลู่เพ่ยตั
บทที่ 39 เสี่ยวลี่เหมยได้รับบาดเจ็บฝั่งด้านซีเหนี่ยวกับสาวใช้ที่ร้อนรนหัวใจเป็นห่วงเสี่ยวลี่เหมยนานมากแล้วที่นางกับท่านอ๋องหายตัวไปไม่กลับมาเสียที ซีเหนี่ยวไม่อาจจะนั่งติดเก้าอี้เดินไปมาอย่างร้อนใจ ไม่นานนักเสียงฝีเท้าของม้าได้วิ่งเข้ามาในเรือนทุกคนรีบเดินออกไปดูก็พบว่าบัดนี้ท่านอ๋องได้อุ้มร่างของเสี่ยวลี่เหมยที่หมดสติเสื้อผ้าเปื้อนไปด้วยเลือด ซีเหนี่ยวทรุดตัวลงเป็นลมที่เห็นหลานสาวของตนเองได้รับบาดเจ็บ"ซีเหนี่ยว ซีเหนี่ยวเจ้าคะลี่อินรีบพาซีเหยี่ยวไปนั่งก่อนข้าจะรีบไปดูคุณหนู" แม้ว่าพวกนางแตกตื่นแต่ตอนนี้นายหญิงของตนต่างดูแลตนเองไม่ได้ไป๋เซ่อรีบตั้งสติเรียกลี่อินที่ยืนตัวสั่นเทาดวงตาเริ่มสั่นคลอนคล้ายจะร้องให้ตั้งสติ"คุณหนู คุณหนูของข้า ฮื้อ ๆ""นี่ลี่อินเจ้าจั้งสติพาซีเหนี่ยวเข้าไปด้านในก่อนเร็วเข้า ""อื้อ ๆ " ลี่อินปาดน้าตาประคองร่างซีเหนี่ยวเข้าไปด้านในส่วนไป๋เซ่อรีบวิ่งมาหาเสี่ยวลี่เหมย"ท่านอ๋องเกิดอะไรขึ้นกับคุณหนูเพคะ""ลู่เพ่ยได้รับบาดเจ็บ เจ้ารีบไปเตรียมน้ำพร้อมกับผ้าเช็ดเลือดมาให้ข้าโดยเร็ว " เจียวหั่วอุ้มร่างของเสี่ยวลี่ไปที่ห้องพักของนาง ไป๋เซ่อรีบไปทำตามที่ท่านอ๋องบอกอ
บทที่ 38 ข้าไม่ได้ตั้งใจทั้งสองต่อสู้ฟาดฟันเพลงดาบกันอย่างดุเดือดฝุ่นคละคลุ้งเต็มอากาศ เจียวหั่วแม้จะมีฝีมือเก่งกาจแต่ทว่าฮุ่ยเจินมีแรงเหลือมากกว่า ทำให้เขาได้พลาดท่าโดนฟันเข้าที่แขนข้างขวาจนล้มลงกับพื้น ดาบกระเด็นออกไปไกลห่างตัว"แฮ่ก ๆ! " เสียงเหนื่อยหอบของทั้งสองดังระงม"ฮุ่ยเจินต่อให้เจ้าจะฆ่าพวกข้าได้แต่เจ้าเปลี่ยนแปลงทุกอย่างไม่ได้หรอกนะ ตอนนี้ทางการได้จับกุมท่านพ่อของเจ้ายึดของที่เจ้าได้ขโมยจากชาวบ้านเพื่อเป็นหลักฐานแล้ว อีกไม่นานทหารของข้ากำลังตาม เจ้าหนีไม่พ้นหรอกนะ" เพราะเห็นว่ามีเพียงฮุ่ยเจินเพียงคนเดียวเจียวหั่วจึงสั่งให้องครักษ์พร้อมกำลังทหารไปที่เรือนของท่านพ่อฮุ่ยเจินเพราะเกรงกลัวว่าเขาจะหนีไปเสียก่อน"หยุดปากไปซ่ะ หากข้าถูกจับอย่างไรก็ต้องตายสู้ฆ่าพวกท่านทั้งสองให้ตายไปพร้อมกับข้าไม่ดีกว่าหรือ?? " เสี่ยวลี่เหมยเห็นเจียวหั่วได้รับบาดเจ็บรีบวิ่งเข้ามาห้ามฮุ่ยเจินทันที"คุณชายฮุ่ยเจิน!! หยุดเถอะนะข้าไม่เชื่อหรอกว่าท่านเป็นคนไม่ดี ข้ารู้ว่าที่ผ่านมาท่านไม่ได้แสร้งเป็นคนดีความรู้สึกที่ท่านมีต่อพวกเรานั้นเป็นความรู้สึกของท่านจริง ๆ ไหนท่านเคยบอกรักข้า ความรู้สึกที่ท่านมีต่อ
บทที่ 37 ผู้อยู่เบื้องหลังแต่ทันใดนั้นเองก่อนที่ดาบจะฟาดลงมาที่บ่าของเสี่ยวลี่เหมยมีดาบอีกด้ามมาขวางเสียก่อน เจียวหั่วดีใจที่เสี่ยวลี่เหมยปลอดภัยแม้ไม่รู้ว่าบุรุษที่โผล่เข้ามาช่วยนั้นคือผู้ใด เขาสวมชุดสีดำคล้าย ๆ คนกลุ่มนี้ปกปิดใบหน้าด้วยเช่นกันแต่ก็มองออกเพราะชุดเนื้อผ้าคนละแบบ"ทำไมต้องมาขวางด้วย ข้าจจะจัดการสตรีนางนี้" ชายที่จะฆ่าเสี่ยวลี่เหมยเอ่ยถามชายที่ปรากฏตัว แต่ทว่าเขาไม่ตอบอันใดฟาดดาบไม่ยั้งจนชายชุดดำล้มลงพลาดท่า เขารีบคว้าตัวเสี่ยวลี่เหมยขึ้นมาจะพาหนี เสี่ยวลี่เหมยลืมตาเพราะได้ยินเสียงต่อสู้กันนางมองอย่างแน่ชัดผู้ที่มาช่วยคือคุณชายฮุ่ยเจินไม่ผิดแน่ เมื่อเขาคว้าตัวของนางมาประคองจะให้นางขึ้นหลังจะได้หลบหนีทัน เสี่ยวลี่เหมยยอมขึ้นหลังเขาแต่โดยดี เจียวหั่วจึงตะโกนมาบอกเขา"ข้าไม่รู้ว่าท่านเป็นใครแต่ท่านหวังดีกับนางข้าฝากให้ท่านดูแลนางอย่าให้ได้รับบาดเจ็บ" เขาจับเสี่ยวลี่เหมยขึ้นหลังพยักหน้าให้เจียวหั่วก่อนจะวิ่งหนี้ไปโดยเร็ว ส่วนเจียวหั่วก็ยังคงต่อสู้กับชายที่เหลืออีกคน จนในที่สุดเจียวหั่วก็ได้จัดการจนไม่เหลือสักคนไม่นานกลุ่มขององครักษ์พร้อมทหารที่ตามมาจากวังหลวงได้เดินทางมาอ
บทที่ 36 ตามคนร้ายเสี่ยวลี่เหมยวิ่งสุดแรงจนตามไปพบกลุ่มชายที่ปกปิดใบหน้าพูดคุยกันเพื่อแยกย้ายเพราะตอนนี้ถูกจับได้เสียแล้ว"ตอนนี้พวกเราต้องแยกย้ายก่อน เมื่อครู่ข้าถูกคุณหนูของเรือนนั้นจับได้""ทำไมเจ้าถึงทำงานพลาดเช่นนี้งั้นเอาตามนี้แยกย้ายก่อนจะถูกจับได้อีก" เสี่ยวลี่เหมยจะออกไปยืนกรานแต่ก็ต้องถูกองครักษ์ของเจียวหั่วเข้ามาห้ามเสียก่อน"คุณหนูอย่าทำอันใดบุ่มบ่ามคนพวกนี้มีมากกว่าที่เราเห็นขอรับ จะเกิดอันตรายได้""แล้วเจ้าจะให้ข้าทำเช่นใดจะให้ปล่อยไปอย่างนั้นหรือแล้วก็ไปทำเช่นนี้กับชาวบ้านอีกอย่างนั้นหรือ""ลู่เพ่ยเจ้าใจเย็นก่อน องครักษ์ของข้าได้ตรวจตราดูคนพวกนี้มีมากกว่าเรา ข้าว่าเรากลับเรือนไปตั้งหลักเสียก่อน ตอนนี้ท่านอาของเจ้าเป็นห่วงเจ้ามากเลยรู้หรือไม่!! " เจียวหั่วที่ตามมาถึงคว้ามือของเสี่ยวลี่เหมยให้หยุดตามคนพวกนั้น"ไม่เพคะ หากท่านอ๋องเกรงกลัวคนพวกนั้นก็ทรงปล่อยหม่อมฉัน เพราะหม่อมฉันไม่กลัวเลยสักนิดการตายเจ็บเพียงตอนที่เรายังไม่หมดลม แต่เมื่อเราหมดสติเมื่อไหร่ก็ไม่เจ็บปวดอันใดแล้วเพคะ " สายตาดุดันน้ำเสียงแข็งกร้าวของเสี่ยวลี่เหมยเปล่งออกมาจนเจียวหั่วต้องตกใจ เขาไม่เคยเห็นสีหน้
บทที่ 35 แปลงผักถูกทำลายมาถึงเรือนท่านอารีบปิดประตูเรือนอย่างเร่งรีบ ก่อนจะจับเสี่ยวลี่เหมยให้นั่งที่เก้าอี้เพื่อพูดให้หลานสาวตนเองเปลี่ยนใจ"ลู่เพ่ยเจ้าเห็นหรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น ข้าว่าเจ้าเปลี่ยนใจเก็บผักไปขายที่ตลาดหมู่บ้านเราเถอะนะ แม้จะได้ไม่มากแต่ยังดีกว่าไม่ได้ข้ากลัวว่าเจ้าจะเจอเช่นดั่งท่านลุง" ซีเหนี่ยวอ้อนวอนขอให้เสี่ยวลี่เหมยเปลี่ยนใจแต่มีหรือที่นางจะกลัวและยอมเปลี่ยนใจอย่างที่ท่านอาขอ"ไม่เจ้าค่ะ ข้าไม่เปลี่ยนใจข้าไม่เชื่อหรอกนะเจ้าคะว่าเรื่องนี้เป็นฝีมือของปีศาจบ้าบออะไรนั่น คนที่ได้ประโยชน์มากที่สุดในเรื่องนี้คือเฒ่าแก่เจ้าของร้านรับซื้อผักมิใช่หรือเจ้าคะ ไม่แน่นี่อาจจะเป็นฝีมือของเขาก็ได้ ข้าจะทำให้ชาวบ้านได้เห็นเองว่าหากข้าไปขายที่อื่นจะไม่มีอันใดเกิดขึ้น" เสี่ยวลีเหมยโมโหแทนชายชราที่ถูกทำลายแปลงผัก และนางก็ไม่กลัวที่ท่านผู้เฒ่าข่มขู่อีกด้วย "ไม่ได้นะ!!! หากเกิดเรื่องขึ้นกับเจ้าข้าจะเอาหน้าที่ไหนไปพบท่านพี่""ซีเหนี่ยวท่านเบาใจเถิด หากนางอยากจะนำผักไปขายที่หมู่บ้านอื่นข้าจะไปเป็นเพื่อนนางเองท่านไม่ต้องห่วง หากมีข้าอยู่เคียงข้างข้าไม่ให้นางได้รับอันตรายแน่นอน " เสี่ยว