Compartir

บทที่ 4

Autor: กวนอวิ๋นเจี้ยน
ภาพที่ศิษย์อาจารย์ทางฟากโน้นสนทนากันอย่างรื่นรมย์และเข้ากันได้ดีอย่างยิ่ง มองแล้วบาดตายิ่งนัก

ปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนยิ้มเยาะแล้วหันหน้าไปทางอื่น

เหลวไหลสิ้นดี!

ต่อให้พรสวรรค์จะดีพร้อมเพียงใด หากเลือกอาจารย์ที่ชี้แนะผิดคน วันหน้าก็จะไม่ต่างอะไรกับคนธรรมดา

ตอนแรกผู้อาวุโสจวีหยางที่นั่งอยู่ข้างเจ้าสำนักอวิ๋นไห่ก็เตรียมพร้อมที่จะ “ขโมยศิษย์” แล้ว ไหนเลยจะไปคิดว่าศิษย์อาจารย์คู่นั้นจะตกลงกันง่ายขนาดนี้!

ไม่รู้จะบอกว่าเสิ่นหวยจั๋วโชคดี หรือจะบอกว่าอวี้หลานชิงตาบอดดี

แต่ในเมื่อเป็นอันตกลงกันแล้ว คนนอกก็ยุ่งอะไรไม่ได้อีก

ที่บันไดสวรรค์ด้านนอก บรรดาศิษย์ใหม่ยังคงรับการทดสอบในสภาพเหงื่อไหลโชก

มีคนขึ้นปีนบันไดครบหนึ่งหมื่นขั้นและเข้ามายังตำหนักอย่างต่อเนื่อง

หากเทียบกับอวี้หลานชิงที่เข้ามาเมื่อห้าปีก่อนแล้ว ไม่ว่าจะมองอย่างไร ศิษย์ใหม่ชุดนี้ก็ยังดูห่างไกล

ไม่ได้ถึงขั้นที่จะบ่มเพาะไม่ได้ เพียงแต่ไม่มีผู้โดดเด่นจนเหล่าผู้อาวุโสต้องแย่งชิงกัน…

เมื่อคิดเช่นนี้ ผู้อาวุโสหลายคนก็รู้สึกนึกย้อนเสียใจ เมื่อครู่น่าจะเกลี้ยกล่อมให้มากกว่านี้

ศิษย์ที่ทั้งเก่งทั้งไม่เป็นภาระมันหาง่ายที่ใดกัน?

เสิ่นหวยจั๋วช่างโชคดียิ่งนัก…

เสิ่นหวยจั๋วขมวดคิ้วเมื่อเห็นสายตาหลายคู่มองมาทางตัวเอง ความคิดที่จะนอนต่อหายวับไปทันที

เขานั่งหลังตรง วางมือทั้งสองบนที่พักแขนของเก้าอี้ ใช้พลังวิญญาณเลื่อนเก้าอี้จนบังร่างของอวี้หลานชิงได้ครึ่งหนึ่ง

กระนั้นเมื่อมีหนึ่งคนนั่ง หนึ่งคนยืน มันก็ยากที่จะบดบังได้ทั้งหมด

เขาคิดแล้วสะบัดมือนำเบาะหยกขาวออกมาจากแหวนจักรวาล ตัวเบาะเป็นเบาะนุ่มที่ถูกหุ้มด้วยผ้าไหม แต่ด้านบนคลุมทับด้วยผ้าหุ้มที่เรียงร้อยขึ้นจากหยกชิ้นเล็ก ๆ ประกอบกัน มีไอเย็นยะเยียบและพลังวิญญาณหนาแน่นแผ่ออกมา เพียงมองก็รู้ว่ามูลค่าสูงลิ่ว

ที่ด้านหน้า เจ้าสำนักอวิ๋นไห่กำลังหารือกับเหล่าผู้อาวุโสเรื่องการแบ่งศิษย์ที่พิชิตบันไดสวรรค์ได้เป็นสามคนแรก

ส่วนที่มุม เสิ่นหวยจั๋วปูเบาะไว้ข้างที่นั่งตัวเองแล้วกวักมือเรียกอวี้หลานชิง

เมื่อเห็นมือเรียวขาวมีข้อกระดูกชัดเจนของเขาโบกขึ้นลงไม่หยุด เหมือนสุนัขที่วิ่งเล่นริมทะเลเพื่อบอกให้ตัวเองนั่งลง มุมปากของอวี้หลานชิงพลันยกยิ้มอย่างอดไม่ได้

ท่านอาจารย์คนใหม่ของนางน่าสนใจกว่าอาจารย์เมื่อชาติก่อนเยอะมาก

ที่ด้านข้าง เสิ่นหวยจั๋วยิ้มออกมาเช่นกันที่บังร่างของลูกศิษย์ตัวเองได้สำเร็จ

อย่าคิดว่าเขามองไม่ออกนะว่าผู้อาวุโสพวกนั้นอิจฉาที่เขาได้ศิษย์ชั้นยอด ในเมื่อศิษย์ตัวน้อยเลือกเขาเป็นอาจารย์อย่างหลักแหลม เช่นนั้นเขาจะให้พวกผู้อาวุโสแย่งไปไม่ได้เด็ดขาด!

……

ศิษย์อาจารย์คู่นี้นั่งอย่างสบายใจ

เฝ้าดูบรรดาศิษย์ใหม่ที่เข้ามาในตำหนัก เสมือนเป็นคนนอกก็มิปาน

บัดนี้เวลาล่วงเลยไปแล้วหนึ่งเค่อเต็ม ๆ ตั้งแต่ที่ศิษย์ก่อนหน้าถูกจัดสรรอาจารย์เรียบร้อย

จนถึงตอนนี้ จากศิษย์ทั้งหมดเจ็ดสิบสามคนที่เข้าสำนักกระบี่เสวียนเทียนของรุ่นนี้ ยังเหลือเพียงคนเดียวที่ยังขึ้นมาไม่ถึง

กระจกวารีฉายภาพเงาร่างที่ดูย่ำแย่แต่ก็ยังมุ่งมั่น

เมื่อขยายภาพออกมาจะพบว่าเพิ่งไต่บันไดได้เพียงครึ่งทาง

บันไดสวรรค์ไม่ใช่บันไดธรรมดา มันเป็นบททดสอบจิตใจและความมุ่งมั่นของศิษย์โดยแท้จริง

หากเป็นเมื่อก่อน ศิษย์ที่ขึ้นมาช้าขนาดนี้จะถูกจัดให้เป็นลูกศิษย์ชั้นนอกโดยตรง ไม่มีสิทธิ์ถามอะไรทั้งนั้น

แต่ครั้งนี้…

ศิษย์หญิงที่อยู่รั้งท้ายสุดเป็นคนที่ปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนเลือกด้วยตัวเอง

ดูจากความเร็วของนางแล้ว เกรงว่าอีกหนึ่งชั่วยามก็น่าจะยังไม่ขึ้นมาถึงตำหนัก

บรรยากาศเป็นไปด้วยความกระอักกระอ่วน

เมื่อเห็นหญิงสาวในกระจกวารีข้อเท้าพลิก ร่างกายถูกแรงกดดันจากบันไดสวรรค์กดให้ร่วงตกลงไปหลายขั้น บรรยากาศก็ยิ่งกระอักกระอ่วนมากขึ้นไปอีก

ชั่วพริบตาต่อมา ปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนที่นั่งอยู่ข้างเจ้าสำนักอวิ๋นไห่พลันปรากฏกายในกระจกวารี

เขายกแขนขึ้น หยุดยั้งการทำงานของค่ายกลที่ปกคลุมอยู่เหนือบันได

จากนั้นประคองแขนของหญิงสาวที่ล้มอยู่บนพื้น พานางตรงขึ้นมาที่ตำหนัก

“ในเมื่อตำแหน่งของนางถูกกำหนดไว้อยู่แล้ว เช่นนั้นก็ละเว้นการทดสอบที่เหลือไปเถอะ”

เจ้าสำนักอวิ๋นไห่ขมวดคิ้ว กระนั้นก็ยังคงพยักหน้าอย่างให้เกียรติ

ด้วยระดับพลังยุทธ์และตำแหน่งของปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนตอนนี้ ตราบใดที่ไม่ใช่ข้อเรียกร้องที่มากเกินไป เช่นนั้นก็ไม่มีผู้ใดในสำนักที่จะคัดค้านความประสงค์ของเขา

ฉากต่อมาเป็นไปตามความทรงจำของอวี้หลานชิง

จี้ฝูเหยาที่ถูกปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนประคองเข้ามาในตำหนักมีสีหน้าซาบซึ้งใจประสมงุนงง ครั้นได้ทราบว่าผู้ที่ “ช่วยเหลือ” ตัวเองคือปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนผู้มีชื่อเสียง อีกทั้งตัวเองก็จะได้เป็นศิษย์ของเขา นางก็ยินดีปรีดาแทบเป็นลม

นางเรียก “อาจารย์” ด้วยเสียงใสกึกก้องหลายครั้ง

ปรมาจารย์ฉางยวนไม่ปกปิดความโปรดปรานที่มีต่อนางแม้แต่น้อย มอบยันต์กระบี่ที่ได้รับสืบทอดมาจากปรมาจารย์ชางหวนให้กับนางต่อหน้าธารกำนัล

โดยเรียกมันว่า “ของขวัญพบหน้า” ส่วนตัวนางที่ตอนนั้นถูกรับเป็นศิษย์คนแรกกลับไม่ได้รับอะไรสักอย่าง

การที่จะต้องนั่งในตำหนักเป็นเวลาสองสามชั่วยาม เสิ่นหวยจั๋วเริ่มเบื่อหน่าย

หากไม่ใช่เพราะกลัวที่จะต้องเสียหน้าต่อหน้าศิษย์ตัวน้อย เขาก็คงหาข้ออ้างมาหนีกลับยอดเขาชิงจู๋ไปแล้ว

ขณะที่เขากำลังหาวอย่างเบื่อหน่าย และหนังตาแทบจะปิดลง จู่ ๆ เขาก็รู้สึกถึงความผิดปกติจากศิษย์ตัวน้อยที่อยู่ด้านข้าง

เมื่อมองตามสายตาของศิษย์ตัวน้อยไป ก็เห็นว่าศิษย์หญิงที่ถูกฉางยวนใช้วิชาปัดฝุ่นให้สะอาดเรียบร้อยกำลังรับยันต์กระบี่ด้วยความซาบซึ้งใจ ปากพูดว่า “ขอบคุณท่านอาจารย์” ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ชั่วพริบตาที่สายตาของเสิ่นหวยจั๋วหยุดมองที่ยันต์กระบี่ เขาพลันเข้าใจในเสี้ยวพริบตา

ศิษย์ตัวน้อยคงกำลังอิจฉาเป็นแน่!

อวี้หลานชิงกำลังกลอกตามองบนในใจ คิดทบทวนว่าเหตุใดชาติก่อนตัวเองไม่ตาสว่างให้เร็วกว่านี้ ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงลอยเข้ามาในหู

น้ำเสียงนี้ใสกระจ่าง อบอุ่นราวกับแสงแดดในฤดูใบไม้ผลิ

“ยันต์กระบี่ที่ศิษย์หลานฉางยวนให้ถูกวาดโดยอาจารย์ทวดของเจ้า ยันต์กระบี่ของเขามีไม่มาก แต่ข้าเองก็พอมีอยู่จำนวนหนึ่ง เอาไว้กลับไปที่ยอดเขาชิงจู๋แล้วอาจารย์จะมอบให้เจ้า!”

“และเบาะที่เจ้ากำลังนั่งอยู่ก็ถูกเขาถักขึ้นเองเช่นกัน มีค่ามากกว่ายันต์กระบี่เสียอีก ประเดี๋ยวเจ้าเก็บไปได้เลย ถือว่าเป็นของขวัญพบหน้าจากอาจารย์!”

อวี้หลานชิงนึกไม่ถึงว่าเบาะนั่งของตัวเองจะมีประวัติความเป็นมาเช่นนี้

ปรมาจารย์กระบี่ชางหวน อาจารย์ของเสิ่นหวยจั๋ว เป็นอาจารย์ทวดของปรมาจารย์กระบี่ฉางยวน เขาคือบุคคลในตำนานที่เข้าใกล้การบรรลุเซียนที่สุดในตงโจว

เขาดับสลายไปเมื่อสองร้อยกว่าปีก่อน กระนั้นชื่อเสียงก็ยังคงก้องกังวานจนถึงทุกวันนี้ ของวิเศษและอักขระยันต์ของเขาล้วนถูกยกย่องว่าเป็นสมบัติล้ำค่า กระทั่งกระบี่เสวียนเทียนซึ่งเป็นประจำกายที่เขาเคยใช้ก็ยังถูกยกย่องให้เป็นสมบัติประจำสำนักกระบี่เสวียนเทียน

อวี้หลานชิงเพิ่งเคยได้รับของขวัญล้ำค่าแบบนี้เป็นครั้งแรก

“ขอบคุณท่านอาจารย์!” นางกล่าวขอบคุณอย่างจริงจัง

“เรื่องเล็กน้อย อาจารย์มีของวิเศษเยอะมาก ไม่ต้องอิจฉาคนอื่น!”

อวี้หลานชิงเพิ่งเข้าใจว่าเหตุใดจู่ ๆ อาจารย์จึงให้ของขวัญ มุมปากสั่นกระตุก ยิ้มจนตาหยี

ที่แท้ท่านอาจารย์ก็กลัวว่านางจะอิจฉาจี้ฝูเหยา

ความรู้สึกที่มีคนใส่ใจนี่ช่างดีเหลือเกิน

หากตัดเรื่องของขวัญพบหน้า นางก็คิดว่าคุ้มแล้วที่ได้คำนับเขาเป็นอาจารย์

นอกจากที่อาจารย์คนใหม่จะนิสัยดีแล้ว ลำดับศักดิ์ของเขายังสูงด้วย

ปรมาจารย์กระบี่ชางหวนผู้เป็นอาจารย์ของอาจารย์คนใหม่ มีศักดิ์เป็นอาจารย์ทวดของปรมาจารย์กระบี่ฉางยวน

สรุปง่าย ๆ ก็คือ นางถือเป็นศิษย์หลานของปรมาจารย์กระบี่ชางหวน มีศักดิ์เทียบเท่ากับฉางยวน

ต่อจากนี้เวลาพบปรมาจารย์กระบี่ฉางยวน นางจะไม่ต้องทำความเคารพในฐานะผู้น้อยอีกต่อไป

ส่วนจี้ฝูเหยาก็ต้องเรียกนางว่า “อาจารย์อา!”

Continúa leyendo este libro gratis
Escanea el código para descargar la App

Último capítulo

  • เกิดใหม่ครานี้ ข้าขอถีบอาจารย์ผู้ลำเอียงทิ้ง   บทที่ 100

    บรรดาสำนักที่เมื่อครู่นี้ลอยเด่นอยู่กลางอากาศ เวลานี้ได้ยึดครองตำแหน่งที่ดีที่สุดบนอัฒจันทร์แล้ว ส่วนสำนักขนาดกลางและขนาดเล็กที่เหลือก็แทรกตัวเข้าไปในช่องว่างที่สำนักใหญ่เหลือไว้ อวี้หลานชิงนั่งอยู่บนที่นั่งของศิษย์สายตรงชั้นใน นางกวาดตามองไปรอบ ๆ ทอดสายตามองไปยังเบื้องล่างที่มีศีรษะผู้คนอยู่อย่างเนืองแน่นผู้ฝึกตนในงานชุมนุมใหญ่ของสำนักเซียนมีเกือบหนึ่งแสนคนเลยทีเดียวเมื่อรอให้ทุกคนนั่งประจำที่เรียบร้อยแล้ว แสงที่เปล่งออกมาจากเสาค้ำฟ้าโดยรอบก็รวมตัวเข้าด้วยกันชายชราผมขาวโพลนดุจหิมะคนหนึ่ง ถือไม้เท้าหัวมังกร ดูสง่างามดั่งเซียนมากกว่าอวี้ชิงจื่อจากสำนักอวี้ซวีก็ปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศทุกก้าวที่เดิน ร่างก็เข้ามาใกล้มากยิ่งขึ้นราวกับว่าเดินมาจากท่ามกลางความว่างเปล่า ท้ายที่สุดก็หยุดอยู่ตรงใจกลางสนามเมื่อเขาปรากฏตัว เจ้าสำนักต่าง ๆ ที่อยู่บนที่นั่งสูงสุดของอัฒจันทร์โดยรอบก็พากันลุกขึ้น ประสานมือคารวะชายชราผู้นั้นแล้วร้องเรียกว่า “ผู้อาวุโสเช่อ” “ผู้อาวุโสเช่อผู้นี้เป็นใครกัน?” จิตวิญญาณของอวี้หลานชิงอยู่แค่ระดับหลอมแก่นปราณเท่านั้น ไม่อาจมองทะลุระดับพลังยุทธ์ของชายชราได้ คนท

  • เกิดใหม่ครานี้ ข้าขอถีบอาจารย์ผู้ลำเอียงทิ้ง   บทที่ 99

    เวลานี้เอง ฉากที่อยู่ด้านนอกเสาค้ำฟ้าแทบจะเป็นภาพจำลองของโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรทั้งหมด เมืองที่รองรับผู้คนได้หลายแสนคนแห่งนี้ ทุกคนในเมืองล้วนเฝ้าติดตามสถานการณ์ของทางเสาค้ำฟ้าตรงใจกลางเมือง ศิษย์สำนักใหญ่ที่นำโดยอาจารย์จากสำนัก ต่างก็ยืนอยู่บนอาวุธวิเศษเหาะเหินขนาดใหญ่ที่เปล่งแสงแวววาวของสำนักต่าง ๆ ส่วนลูกศิษย์ของสำนักขนาดกลางและขนาดเล็กก็ยืนอยู่บนพื้นดิน รออยู่รอบ ๆ เสาค้ำฟ้าอย่างเงียบเชียบถัดออกไปด้านนอก ยังมีผู้ฝึกตนอิสระนับไม่ถ้วนที่ไม่มีสิทธิ์เข้างานชุมนุมใหญ่ของสำนักเซียนกำลังชะเง้อคอมองสถานการณ์ในนี้ แววตาแฝงไปด้วยความชื่นชมและความหลงใหลใฝ่ฝันอย่างไม่มีที่สิ้นสุดก่อนที่หมอกจาง ๆ ที่ปกคลุมเสาค้ำฟ้าจะสลายหายไป สายตาของทุกคนล้วนจับจ้องไปยังบรรดาเจ้าสำนักและผู้อาวุโสของสำนักใหญ่ที่กำลังลอยอยู่กลางอากาศอัดฉีดพลังวิญญาณเข้าไปในเสาค้ำฟ้า ผู้ที่ยืนตระหง่านกลางอากาศปลดปล่อยพลังอันมหาศาลเหล่านี้ล้วนเป็นผู้ฝึกตนผู้ยิ่งใหญ่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในโลกแห่งการบำเพ็ญเพียร ส่วนมากก้าวเข้าสู่ระดับทารกวิญญาณช่วงปลายแล้ว ยังมีบางส่วนที่ครอบครองพลังของระดับเทพจุติด้วยผู้ทรงพลังที่มีคว

  • เกิดใหม่ครานี้ ข้าขอถีบอาจารย์ผู้ลำเอียงทิ้ง   บทที่ 98

    บางทีอาจเป็นเพราะตอนนี้จี้ฝูเหยายังเยาว์วัย ยังไม่เข้าใจการเก็บงำอารมณ์โดยสมบูรณ์ หรืออาจเป็นเพราะประสบการณ์ที่สั่งสมมาสองชาติ ทำให้อวี้หลานชิงเข้าใจนางดีเกินไป เมื่อจิตสัมผัสรู้สึกได้ถึงสายตาของจี้ฝูเหยาที่มองตามหลังอีกฝ่ายไป อวี้หลานชิงก็คาดเดาการกระทำต่อไปของนางได้แล้ว นางทำเช่นนี้เป็นประจำใช้ท่าทางบริสุทธิ์ไร้เดียงสา คำนึงถึงผู้อื่นมาดึงดูดทุกคนที่มีประโยชน์ต่อนาง ชาติที่แล้ว หากไม่ใช่เพราะกระบี่ที่ทะลวงหัวใจในตอนสุดท้าย อวี้หลานชิงก็คงถูกรูปลักษณ์ภายนอกของนางหลอกไปแล้ว ในฐานะผู้หญิงเหมือนกัน อวี้หลานชิงไม่อยากใช้คำพูดที่ร้ายกาจมาบรรยายจี้ฝูเหยา แต่เห็นได้ชัดว่านางไม่ได้สมบูรณ์แบบเหมือนที่แสดงออกมาเลย สายตาของปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนน่าเป็นห่วงยิ่งนักความคิดนี้เพิ่งจะผุดขึ้นมาในใจ อวี้หลานชิงก็อดไม่ได้ที่จะ “ถุย” อีกครั้ง ปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนก็ไม่ใช่คนดีอะไรเหมือนกัน ศิษย์อาจารย์คู่นั้นชอบพอกันและกัน มีความรักต้องห้าม เรียกได้ว่าเหมือนเต่ามองถั่วเขียว รับสืบทอดสายตาที่ย่ำแย่มา“ไปกันเถิด” อวี้หลานชิงหันหน้ากลับมามอง เจ้าของแผงลอยที่ยังกำถุงเก็บของไว้แน่นเพราะกล

  • เกิดใหม่ครานี้ ข้าขอถีบอาจารย์ผู้ลำเอียงทิ้ง   บทที่ 97

    อวี้หลานชิงไม่ได้สนใจสายตาของผู้คนรอบข้าง และไม่อยากอธิบายอะไร เดิมทีนางก็ไม่ได้คิดจะสังหารสัตว์วิญญาณตัวนี้เลย ในเมื่อจี้ฝูเหยายินดีเข้ามายุ่งเรื่องผู้อื่น ก็ปล่อยให้นางดูแลต่อไปก็พอ “ศิษย์หลานกล่าวมีเหตุผล เช่นนั้นหน้าที่สำคัญอย่างตามหาเจ้าของสัตว์วิญญาณตัวนี้ก็ยกให้ศิษย์หลานจัดการแล้วกัน” “แต่ว่าสัตว์วิญญาณตัวนี้มีนิสัยซุกซน ศิษย์หลานต้องคอยจับตาดูหน่อย อย่าให้มันทำร้ายผู้คนอีกเป็นอันขาด” อวี้หลานชิงพูดจบก็เก็บกระบี่ยาว เจ้าของแผงลอยที่อาศัยช่วงเวลาชุลมุนเก็บกล่องบรรจุหญ้าเย็นกระจ่างกลับคืนสู่อ้อมอกอีกครั้ง ก็ฉวยโอกาสที่จี้ฝูเหยาพูดเมื่อครู่นี้เก็บข้าวของบนแผงลอยจนเสร็จเรียบร้อยนานแล้วอวี้หลานชิงส่งสายตา เขาก็เดินตามหลังนางออกจากฝูงชนทันทีจิ้งจอกแดงเพลิงที่ก่อความวุ่นวายไปครึ่งถนนตัวนั้น เมื่อครู่กำลังทำตากลมสุกใสนิ่งอยู่กับที่ มองอวี้หลานชิงกับจี้ฝูเหยาเหมือนชมละครสนุก ๆ ก็ไม่ปานปากยังคงเคี้ยว “หนวดหัวไชเท้า” ที่มันโยนทิ้งไว้บนพื้นลวก ๆ ก่อนหน้านี้อย่างไม่เร่งรีบเมื่อเห็นอวี้หลานชิงและเจ้าของแผงลอยนำสมุนไพรวิญญาณที่มันหมายตาจากไป มันก็อดร้อนใจไม่ได้มันคายหนวดหัว

  • เกิดใหม่ครานี้ ข้าขอถีบอาจารย์ผู้ลำเอียงทิ้ง   บทที่ 96

    วิญญาณร้ายยังไม่สลายไปสักที ในสมองของอวี้หลานชิงผุดขึ้นมาแปดคำทันที จี้ฝูเหยาที่อยู่ตรงหน้าถือกระบี่ใบหลิวที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ปลายกระบี่เรียวเล็ก ตรงด้ามกระบี่เคลือบทอง บนนั้นยังฝังอำพันที่ส่องประกายแวววาวสามก้อนตอนที่กระบี่ทั้งสองปะทะกันเมื่อครู่นี้ อวี้หลานชิงรู้สึกได้ถึงพลังวิญญาณธาตุไฟที่บริสุทธิ์สายหนึ่งปรากฏขึ้นบนตัวกระบี่เล่มนั้น เป็นลมปราณสายนี้เองที่ต้านทานปราณกระบี่ของนาง ดูเหมือนว่านี่จะเป็นกระบี่เล่มใหม่ที่ปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนมอบให้จี้ฝูเหยา แม้จะเทียบไม่ได้กับกระบี่ที่หล่อหลอมปราณกระบี่ของปรมาจารย์กระบี่เยวี่ยหวาเล่มนั้นในชาติก่อน ซึ่งเข้ากับวิชาที่จี้ฝูเหยาฝึกฝนแต่ก็เป็นกระบี่ดีที่หาได้ยากเล่มหนึ่งจริง ๆ อย่างน้อยในแง่ของระดับก็ถือว่าหายากมากนี่ไม่ใช่อาวุธวิเศษ แต่เป็นอาวุธวิญญาณ แตกต่างกันเพียงคำเดียว แต่ราคาและความล้ำค่าระหว่างทั้งสองนั้นแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว อาวุธวิญญาณทั่วไปมีราคาแค่หินวิญญาณไม่กี่ร้อยก้อน แพงอีกแค่ไหนก็แค่พันกว่า แต่อาวุธวิญญาณเป็นสิ่งที่มีราคาแต่ไม่มีในตลาดมาโดยตลอด อย่าว่าแต่ผู้ฝึกตนระดับหลอมปราณเลย ตลอดชีวิตของผู้ฝึกตนระดับห

  • เกิดใหม่ครานี้ ข้าขอถีบอาจารย์ผู้ลำเอียงทิ้ง   บทที่ 95

    เจ้าของแผลลอยกล่าวจบก็แอบเชยตามองปฏิกิริยาของอวี้หลานชิง จากนั้นก็เห็นนางทำสีหน้าเคร่งขรึม ไม่เอ่ยสักคำเดียวในใจอด “กระตุก” ขึ้นมาไม่ได้ผู้ฝึกตนหญิงผู้นี้คงไม่ให้เขาคืนหินวิญญาณหรอกนะ?ศิษย์ของสำนักใหญ่ ปกติแล้วจะไม่ยอมเสียหน้ากระมัง?แต่ว่าไม่มีเรื่องอะไรที่แน่นอน เขาตัดสินใจแล้วว่าหากผู้ฝึกตนหญิงตรงหน้าให้เขาคืนหินวิญญาณละก็ เขาจะเก็บแผงหนีไปทันที จากนั้นก็เปลี่ยนที่แล้วค่อยตั้งแผงใหม่ เจ้าของแผงลอยถึงค่อยเอ่ยปากพูดอย่างระมัดระวังว่า “สหายน้อย?” สิ่งที่อวี้หลานชิงคิดไม่ใช่เรื่องขอหินวิญญาณคืน “เมื่อครู่ท่านบอกว่าสมุนไพรวิญญาณที่ใช้ระงับพิษเพลิงชื่อว่าอะไรนะ?”“หญ้าเย็นกระจ่าง สมุนไพรวิญญาณชั้นสูง หนึ่งต้นสามารถระงับพิษเพลิงได้สามเดือน” ความคิดที่จะหนีไปของเจ้าของแผงลอยถูกโยนทิ้งไว้ที่ด้านหลังสมองทันที ก่อนจะถามด้วยแววตาที่แฝงไปด้วยความตื่นเต้นว่า “สหายน้อยถามถึงสมุนไพรนี้ แสดงว่า?”“ข้ามีอยู่ต้นหนึ่ง” อวี้หลานชิงก็เพิ่งนึกขึ้นได้เช่นกันว่ามีสมุนไพรวิญญาณเช่นนี้อยู่ในแหวนเก็บของของตนเป็นของที่ผู้อาวุโสจวีหยางจากสำนักมอบให้ในพิธีกราบอาจารย์ก่อนหน้านี้ สมุนไพรวิญญาณที่

Más capítulos
Explora y lee buenas novelas gratis
Acceso gratuito a una gran cantidad de buenas novelas en la app GoodNovel. Descarga los libros que te gusten y léelos donde y cuando quieras.
Lee libros gratis en la app
ESCANEA EL CÓDIGO PARA LEER EN LA APP
DMCA.com Protection Status