Share

บทที่ 4

Author: กวนอวิ๋นเจี้ยน
ภาพที่ศิษย์อาจารย์ทางฟากโน้นสนทนากันอย่างรื่นรมย์และเข้ากันได้ดีอย่างยิ่ง มองแล้วบาดตายิ่งนัก

ปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนยิ้มเยาะแล้วหันหน้าไปทางอื่น

เหลวไหลสิ้นดี!

ต่อให้พรสวรรค์จะดีพร้อมเพียงใด หากเลือกอาจารย์ที่ชี้แนะผิดคน วันหน้าก็จะไม่ต่างอะไรกับคนธรรมดา

ตอนแรกผู้อาวุโสจวีหยางที่นั่งอยู่ข้างเจ้าสำนักอวิ๋นไห่ก็เตรียมพร้อมที่จะ “ขโมยศิษย์” แล้ว ไหนเลยจะไปคิดว่าศิษย์อาจารย์คู่นั้นจะตกลงกันง่ายขนาดนี้!

ไม่รู้จะบอกว่าเสิ่นหวยจั๋วโชคดี หรือจะบอกว่าอวี้หลานชิงตาบอดดี

แต่ในเมื่อเป็นอันตกลงกันแล้ว คนนอกก็ยุ่งอะไรไม่ได้อีก

ที่บันไดสวรรค์ด้านนอก บรรดาศิษย์ใหม่ยังคงรับการทดสอบในสภาพเหงื่อไหลโชก

มีคนขึ้นปีนบันไดครบหนึ่งหมื่นขั้นและเข้ามายังตำหนักอย่างต่อเนื่อง

หากเทียบกับอวี้หลานชิงที่เข้ามาเมื่อห้าปีก่อนแล้ว ไม่ว่าจะมองอย่างไร ศิษย์ใหม่ชุดนี้ก็ยังดูห่างไกล

ไม่ได้ถึงขั้นที่จะบ่มเพาะไม่ได้ เพียงแต่ไม่มีผู้โดดเด่นจนเหล่าผู้อาวุโสต้องแย่งชิงกัน…

เมื่อคิดเช่นนี้ ผู้อาวุโสหลายคนก็รู้สึกนึกย้อนเสียใจ เมื่อครู่น่าจะเกลี้ยกล่อมให้มากกว่านี้

ศิษย์ที่ทั้งเก่งทั้งไม่เป็นภาระมันหาง่ายที่ใดกัน?

เสิ่นหวยจั๋วช่างโชคดียิ่งนัก…

เสิ่นหวยจั๋วขมวดคิ้วเมื่อเห็นสายตาหลายคู่มองมาทางตัวเอง ความคิดที่จะนอนต่อหายวับไปทันที

เขานั่งหลังตรง วางมือทั้งสองบนที่พักแขนของเก้าอี้ ใช้พลังวิญญาณเลื่อนเก้าอี้จนบังร่างของอวี้หลานชิงได้ครึ่งหนึ่ง

กระนั้นเมื่อมีหนึ่งคนนั่ง หนึ่งคนยืน มันก็ยากที่จะบดบังได้ทั้งหมด

เขาคิดแล้วสะบัดมือนำเบาะหยกขาวออกมาจากแหวนจักรวาล ตัวเบาะเป็นเบาะนุ่มที่ถูกหุ้มด้วยผ้าไหม แต่ด้านบนคลุมทับด้วยผ้าหุ้มที่เรียงร้อยขึ้นจากหยกชิ้นเล็ก ๆ ประกอบกัน มีไอเย็นยะเยียบและพลังวิญญาณหนาแน่นแผ่ออกมา เพียงมองก็รู้ว่ามูลค่าสูงลิ่ว

ที่ด้านหน้า เจ้าสำนักอวิ๋นไห่กำลังหารือกับเหล่าผู้อาวุโสเรื่องการแบ่งศิษย์ที่พิชิตบันไดสวรรค์ได้เป็นสามคนแรก

ส่วนที่มุม เสิ่นหวยจั๋วปูเบาะไว้ข้างที่นั่งตัวเองแล้วกวักมือเรียกอวี้หลานชิง

เมื่อเห็นมือเรียวขาวมีข้อกระดูกชัดเจนของเขาโบกขึ้นลงไม่หยุด เหมือนสุนัขที่วิ่งเล่นริมทะเลเพื่อบอกให้ตัวเองนั่งลง มุมปากของอวี้หลานชิงพลันยกยิ้มอย่างอดไม่ได้

ท่านอาจารย์คนใหม่ของนางน่าสนใจกว่าอาจารย์เมื่อชาติก่อนเยอะมาก

ที่ด้านข้าง เสิ่นหวยจั๋วยิ้มออกมาเช่นกันที่บังร่างของลูกศิษย์ตัวเองได้สำเร็จ

อย่าคิดว่าเขามองไม่ออกนะว่าผู้อาวุโสพวกนั้นอิจฉาที่เขาได้ศิษย์ชั้นยอด ในเมื่อศิษย์ตัวน้อยเลือกเขาเป็นอาจารย์อย่างหลักแหลม เช่นนั้นเขาจะให้พวกผู้อาวุโสแย่งไปไม่ได้เด็ดขาด!

……

ศิษย์อาจารย์คู่นี้นั่งอย่างสบายใจ

เฝ้าดูบรรดาศิษย์ใหม่ที่เข้ามาในตำหนัก เสมือนเป็นคนนอกก็มิปาน

บัดนี้เวลาล่วงเลยไปแล้วหนึ่งเค่อเต็ม ๆ ตั้งแต่ที่ศิษย์ก่อนหน้าถูกจัดสรรอาจารย์เรียบร้อย

จนถึงตอนนี้ จากศิษย์ทั้งหมดเจ็ดสิบสามคนที่เข้าสำนักกระบี่เสวียนเทียนของรุ่นนี้ ยังเหลือเพียงคนเดียวที่ยังขึ้นมาไม่ถึง

กระจกวารีฉายภาพเงาร่างที่ดูย่ำแย่แต่ก็ยังมุ่งมั่น

เมื่อขยายภาพออกมาจะพบว่าเพิ่งไต่บันไดได้เพียงครึ่งทาง

บันไดสวรรค์ไม่ใช่บันไดธรรมดา มันเป็นบททดสอบจิตใจและความมุ่งมั่นของศิษย์โดยแท้จริง

หากเป็นเมื่อก่อน ศิษย์ที่ขึ้นมาช้าขนาดนี้จะถูกจัดให้เป็นลูกศิษย์ชั้นนอกโดยตรง ไม่มีสิทธิ์ถามอะไรทั้งนั้น

แต่ครั้งนี้…

ศิษย์หญิงที่อยู่รั้งท้ายสุดเป็นคนที่ปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนเลือกด้วยตัวเอง

ดูจากความเร็วของนางแล้ว เกรงว่าอีกหนึ่งชั่วยามก็น่าจะยังไม่ขึ้นมาถึงตำหนัก

บรรยากาศเป็นไปด้วยความกระอักกระอ่วน

เมื่อเห็นหญิงสาวในกระจกวารีข้อเท้าพลิก ร่างกายถูกแรงกดดันจากบันไดสวรรค์กดให้ร่วงตกลงไปหลายขั้น บรรยากาศก็ยิ่งกระอักกระอ่วนมากขึ้นไปอีก

ชั่วพริบตาต่อมา ปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนที่นั่งอยู่ข้างเจ้าสำนักอวิ๋นไห่พลันปรากฏกายในกระจกวารี

เขายกแขนขึ้น หยุดยั้งการทำงานของค่ายกลที่ปกคลุมอยู่เหนือบันได

จากนั้นประคองแขนของหญิงสาวที่ล้มอยู่บนพื้น พานางตรงขึ้นมาที่ตำหนัก

“ในเมื่อตำแหน่งของนางถูกกำหนดไว้อยู่แล้ว เช่นนั้นก็ละเว้นการทดสอบที่เหลือไปเถอะ”

เจ้าสำนักอวิ๋นไห่ขมวดคิ้ว กระนั้นก็ยังคงพยักหน้าอย่างให้เกียรติ

ด้วยระดับพลังยุทธ์และตำแหน่งของปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนตอนนี้ ตราบใดที่ไม่ใช่ข้อเรียกร้องที่มากเกินไป เช่นนั้นก็ไม่มีผู้ใดในสำนักที่จะคัดค้านความประสงค์ของเขา

ฉากต่อมาเป็นไปตามความทรงจำของอวี้หลานชิง

จี้ฝูเหยาที่ถูกปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนประคองเข้ามาในตำหนักมีสีหน้าซาบซึ้งใจประสมงุนงง ครั้นได้ทราบว่าผู้ที่ “ช่วยเหลือ” ตัวเองคือปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนผู้มีชื่อเสียง อีกทั้งตัวเองก็จะได้เป็นศิษย์ของเขา นางก็ยินดีปรีดาแทบเป็นลม

นางเรียก “อาจารย์” ด้วยเสียงใสกึกก้องหลายครั้ง

ปรมาจารย์ฉางยวนไม่ปกปิดความโปรดปรานที่มีต่อนางแม้แต่น้อย มอบยันต์กระบี่ที่ได้รับสืบทอดมาจากปรมาจารย์ชางหวนให้กับนางต่อหน้าธารกำนัล

โดยเรียกมันว่า “ของขวัญพบหน้า” ส่วนตัวนางที่ตอนนั้นถูกรับเป็นศิษย์คนแรกกลับไม่ได้รับอะไรสักอย่าง

การที่จะต้องนั่งในตำหนักเป็นเวลาสองสามชั่วยาม เสิ่นหวยจั๋วเริ่มเบื่อหน่าย

หากไม่ใช่เพราะกลัวที่จะต้องเสียหน้าต่อหน้าศิษย์ตัวน้อย เขาก็คงหาข้ออ้างมาหนีกลับยอดเขาชิงจู๋ไปแล้ว

ขณะที่เขากำลังหาวอย่างเบื่อหน่าย และหนังตาแทบจะปิดลง จู่ ๆ เขาก็รู้สึกถึงความผิดปกติจากศิษย์ตัวน้อยที่อยู่ด้านข้าง

เมื่อมองตามสายตาของศิษย์ตัวน้อยไป ก็เห็นว่าศิษย์หญิงที่ถูกฉางยวนใช้วิชาปัดฝุ่นให้สะอาดเรียบร้อยกำลังรับยันต์กระบี่ด้วยความซาบซึ้งใจ ปากพูดว่า “ขอบคุณท่านอาจารย์” ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ชั่วพริบตาที่สายตาของเสิ่นหวยจั๋วหยุดมองที่ยันต์กระบี่ เขาพลันเข้าใจในเสี้ยวพริบตา

ศิษย์ตัวน้อยคงกำลังอิจฉาเป็นแน่!

อวี้หลานชิงกำลังกลอกตามองบนในใจ คิดทบทวนว่าเหตุใดชาติก่อนตัวเองไม่ตาสว่างให้เร็วกว่านี้ ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงลอยเข้ามาในหู

น้ำเสียงนี้ใสกระจ่าง อบอุ่นราวกับแสงแดดในฤดูใบไม้ผลิ

“ยันต์กระบี่ที่ศิษย์หลานฉางยวนให้ถูกวาดโดยอาจารย์ทวดของเจ้า ยันต์กระบี่ของเขามีไม่มาก แต่ข้าเองก็พอมีอยู่จำนวนหนึ่ง เอาไว้กลับไปที่ยอดเขาชิงจู๋แล้วอาจารย์จะมอบให้เจ้า!”

“และเบาะที่เจ้ากำลังนั่งอยู่ก็ถูกเขาถักขึ้นเองเช่นกัน มีค่ามากกว่ายันต์กระบี่เสียอีก ประเดี๋ยวเจ้าเก็บไปได้เลย ถือว่าเป็นของขวัญพบหน้าจากอาจารย์!”

อวี้หลานชิงนึกไม่ถึงว่าเบาะนั่งของตัวเองจะมีประวัติความเป็นมาเช่นนี้

ปรมาจารย์กระบี่ชางหวน อาจารย์ของเสิ่นหวยจั๋ว เป็นอาจารย์ทวดของปรมาจารย์กระบี่ฉางยวน เขาคือบุคคลในตำนานที่เข้าใกล้การบรรลุเซียนที่สุดในตงโจว

เขาดับสลายไปเมื่อสองร้อยกว่าปีก่อน กระนั้นชื่อเสียงก็ยังคงก้องกังวานจนถึงทุกวันนี้ ของวิเศษและอักขระยันต์ของเขาล้วนถูกยกย่องว่าเป็นสมบัติล้ำค่า กระทั่งกระบี่เสวียนเทียนซึ่งเป็นประจำกายที่เขาเคยใช้ก็ยังถูกยกย่องให้เป็นสมบัติประจำสำนักกระบี่เสวียนเทียน

อวี้หลานชิงเพิ่งเคยได้รับของขวัญล้ำค่าแบบนี้เป็นครั้งแรก

“ขอบคุณท่านอาจารย์!” นางกล่าวขอบคุณอย่างจริงจัง

“เรื่องเล็กน้อย อาจารย์มีของวิเศษเยอะมาก ไม่ต้องอิจฉาคนอื่น!”

อวี้หลานชิงเพิ่งเข้าใจว่าเหตุใดจู่ ๆ อาจารย์จึงให้ของขวัญ มุมปากสั่นกระตุก ยิ้มจนตาหยี

ที่แท้ท่านอาจารย์ก็กลัวว่านางจะอิจฉาจี้ฝูเหยา

ความรู้สึกที่มีคนใส่ใจนี่ช่างดีเหลือเกิน

หากตัดเรื่องของขวัญพบหน้า นางก็คิดว่าคุ้มแล้วที่ได้คำนับเขาเป็นอาจารย์

นอกจากที่อาจารย์คนใหม่จะนิสัยดีแล้ว ลำดับศักดิ์ของเขายังสูงด้วย

ปรมาจารย์กระบี่ชางหวนผู้เป็นอาจารย์ของอาจารย์คนใหม่ มีศักดิ์เป็นอาจารย์ทวดของปรมาจารย์กระบี่ฉางยวน

สรุปง่าย ๆ ก็คือ นางถือเป็นศิษย์หลานของปรมาจารย์กระบี่ชางหวน มีศักดิ์เทียบเท่ากับฉางยวน

ต่อจากนี้เวลาพบปรมาจารย์กระบี่ฉางยวน นางจะไม่ต้องทำความเคารพในฐานะผู้น้อยอีกต่อไป

ส่วนจี้ฝูเหยาก็ต้องเรียกนางว่า “อาจารย์อา!”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เกิดใหม่ครานี้ ข้าขอถีบอาจารย์ผู้ลำเอียงทิ้ง   บทที่ 62

    สายตาของผู้คนล้วนติดตามผีเสื้อที่กลายร่างจากแสงวิญญาณ ไปหยุดอยู่ที่อวี้หลานชิงลั่วอู๋ซางพลันนึกขึ้นได้ว่า ก่อนที่ตนจะลงมือเป็นครั้งที่สอง ศิษย์หญิงผู้นี้เองที่แอบ “ปลดปล่อย” ศิษย์สำนักกระบี่หลายคนซึ่งถูกแรงกดดันกดทับไว้ต่อหน้าต่อตาเขาก็จริงอยู่ เมื่อเทียบกับผู้ฝึกตนหญิงกระโปรงชมพูที่อาจเกี่ยวพันกับการตายของศิษย์ตน เอะอะก็ตาแดง แสร้งทำเป็นน่าสงสาร นางยังชวนให้พึงใจยิ่งกว่า“เอาเถิด ข้าจะเห็นแก่สำนักกระบี่เสวียนเทียน คนที่ไม่เกี่ยวข้องทั้งหลายถอยออกไปได้”มือที่ลั่วอู๋ซางยกขึ้นยังคงชี้ไปที่จี้ฝูเหยา น้ำเสียงเย็นชาไร้ปรานี “ข้าจะไต่สวนเพียงนางผู้เดียว”ร่างของจี้ฝูเหยาสั่นเทาเล็กน้อย มองไปรอบ ๆ อย่างไร้ที่พึ่งศิษย์ร่วมสำนักที่นางมองไปหา ต่างพากันหลบสายตาแม้แต่เจินเหรินระดับแก่นปราณหลายคนที่ก่อนหน้านี้ยังคอยปกป้องนาง เวลานี้กลับพากันนิ่งเงียบ ไม่มีผู้ใดลุกขึ้นมาพูดแทนนางอีกจี้ฝูเหยากำฝ่ามือแน่น ตัดใจเด็ดขาดหันไปทางเสิ่นหวยจั๋ว “ผู้อาวุโสเสิ่น อาจารย์ปู่…ท่านอาจารย์ของศิษย์ยังมาไม่ถึง ท่านจะทอดทิ้งศิษย์มิได้!”เสิ่นหวยจั๋วชิงชังที่สุดในชีวิตก็คือการมีผู้ใดมาข่มขู่ตนเองสายตาท

  • เกิดใหม่ครานี้ ข้าขอถีบอาจารย์ผู้ลำเอียงทิ้ง   บทที่ 61

    ต่อหน้าธารกำนัล เขานั่งลงบนเก้าอี้เมฆาตัวหนึ่งในนั้นอย่างไม่ลังเลจากนั้นก็ผลักเก้าอี้อีกตัวไปข้างหน้า โอบล้อมด้วยสายลมบริสุทธิ์ ส่งตรงไปยังด้านหลังของลั่วอู๋ซางศิษย์จากสี่สำนักที่อยู่ด้านล่าง ต่างก็มองจนตะลึงงันผู้อาวุโสแห่งสำนักกระบี่เสวียนเทียนท่านนี้ กำลังคิดจะทำสิ่งใดกัน?นี่มันยามใดแล้ว ยังจะมีกะจิตกะใจนั่งลงสนทนากันอีก!เหล่าศิษย์สำนักกระบี่เสวียนเทียน ยิ่งร้อนใจหนัก พวกเขาไม่อาจเข้าใจได้เลยว่าผู้อาวุโสเสิ่นคิดจะงัดกลอุบายอันใดออกมาเกรงว่าการกระทำของผู้อาวุโสเสิ่นอาจยิ่งยั่วโทสะลั่วอู๋ซาง ทำให้ทุกคนต้องพลอยรับเคราะห์หนักหนาสาหัสกว่าเดิมท่ามกลางแววตาสงสัยของผู้คนมากมาย เสิ่นหวยจั๋วเลิกคิ้วเล็กน้อย แล้วกล่าวกับลั่วอู๋ซางว่า “สหายโปรดนั่ง เรื่องราวในวันนี้ ข้าพอจะเข้าใจคร่าว ๆ แล้ว ข้ามิได้โน้มน้าวให้ท่านคลายโทสะ เพียงแต่อยากพูดคุยด้วยเหตุผลกับท่านเท่านั้น”เขาไม่เคยคิดจะประมือกับลั่วอู๋ซางเลยสักครั้ง เสิ่นหวยจั๋วผู้นี้ เป็นคนที่ยึดถือเหตุผลเสมอมาเป็นครั้งแรกที่ลั่วอู๋ซางต้องเผชิญกับคนที่เล่นนอกกติกาเช่นนี้อย่างไรเสียสองสำนักก็ยังคงมีความสัมพันธ์อันดีงามอยู่ อีกทั้ง

  • เกิดใหม่ครานี้ ข้าขอถีบอาจารย์ผู้ลำเอียงทิ้ง   บทที่ 60

    “ปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนห่วงใยความปลอดภัยของศิษย์น้องหญิงจี้จริงดังคาด เพิ่งจะผ่านมาได้ไม่นาน ก็รีบมาด้วยตัวเองแล้ว”ส่วนลั่วอู๋ซางแห่งสำนักอู๋จี๋เตี้ยน มาเร็วก็จริง แต่ก็เป็นเพียงร่างแยกเท่านั้นแต่ดูจากแสงสีขาววาบเดียวเมื่อครู่นั้น เพียงกระบวนท่าเดียวก็ทำลายแรงกดดันของลั่วอู๋ซางได้ พลังนั้นชัดเจนว่าย่อมมีได้เมื่อร่างจริงมาถึงเท่านั้นต่างเป็นระดับเทพจุติเหมือนกัน ฝ่ายหนึ่งเป็นเพียงร่างแยก ขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งปรากฏกายมาด้วยร่างจริง...ใครแพ้ใครชนะ มองปราดเดียวก็รู้แล้วเหล่าศิษย์สำนักกระบี่เสวียนเทียนต่างถอนหายใจโล่งอกในที่สุดเหล่าเจินเหรินที่เมื่อครู่ยังรู้สึกไม่พอใจที่จี้ฝูเหยายั่วโมโหลั่วอู๋ซาง บัดนี้ต่างก็สงบความขุ่นเคืองใจลงแล้วอย่างไรเสีย จี้ฝูเหยาก็เป็นศิษย์สายตรงของปรมาจารย์กระบี่ ไม่เห็นหรือว่าแค่นางเกิดปัญหาเล็กน้อย ปรมาจารย์กระบี่ก็รีบรุดมาด้วยตัวเอง?เพียงเท่านี้ ก็มากพอให้นางมีทุนที่จะเอาแต่ใจแล้วเช่นเดียวกับทุกคน จี้ฝูเหยาก็กำลังแหงนหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้าตามทิศทางที่แสงสีขาวพุ่งมา บนหมู่เมฆที่ขอบฟ้าอันไกลโพ้น ปรากฏร่างหนึ่งยืนอยู่จี้ฝูเหยากำยันต์หยกไว้ในฝ่ามื

  • เกิดใหม่ครานี้ ข้าขอถีบอาจารย์ผู้ลำเอียงทิ้ง   บทที่ 59

    ทั้งสองคนนี้อวี้หลานชิงไม่รู้จักเลย พียงเลือกคนที่อยู่ใกล้ตัวที่สุดเท่านั้นขณะที่นางยื่นมือช่วยเหลือศิษย์ร่วมสำนักใกล้ตัวต้านแรงกดดัน ทางด้านนั้น ลั่วอู๋ซางก็ยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าพวกจี้ฝูเหยาทั้งสี่แล้วมองปราดเดียวก็รู้ว่า จี้ฝูเหยาต่างหากที่เป็นผู้ตัดสินใจได้ในบรรดาทั้งสี่คนและไม่สนใจว่าคนอื่นจะกล่าวว่าเขารังแกคนอ่อนแอกว่า สายตาจ้องเขม็งไปที่จี้ฝูเหยา มองจากที่สูงลงมาอย่างดูถูก ก่อนเอ่ยด้วยเสียงเย็นชา “พูดมา หลังจากเจ้าพบเฉินถงแล้วไปที่ไหน แยกจากกันเมื่อใด หลังจากนั้นเจ้าพบเขาอีกหรือไม่?”ใบหน้าจี้ฝูเหยาซีดเผือดภายใต้สายตาอำมหิตของยอดฝีมือระดับเทพจุติ นางตัวสั่นระริก จนไม่อาจเอ่ยวาจาใดออกมาแต่หาใช่เพราะแรงกดดันไม่ นางมีของวิเศษที่ท่านอาจารย์มอบไว้ติดตัว จึงไม่รู้สึกถึงแรงกดดันของลั่วอู๋ซางที่ปกคลุมเหนือหัวของเหล่าศิษย์สำนักกระบี่เสวียนเทียนเพียงแต่นางมีระดับพลังยุทธ์เพียงขั้นหลอมปราณช่วงกลางเท่านั้น การถูกยอดฝีมือระดับเทพจุติจ้องด้วยสายตาอำมหิต ความกดดันเช่นนี้เพียงพอจะทำลายแนวป้องกันในจิตใจของนางได้นางหลับตาลงเบา ๆ กำยันต์หยกที่ท่านอาจารย์มอบให้ตนเอง สัมผัสถึงความอบอุ่นจา

  • เกิดใหม่ครานี้ ข้าขอถีบอาจารย์ผู้ลำเอียงทิ้ง   บทที่ 58

    ภายในเตาหลอมใหญ่พลันปรากฏเงาร่างขึ้นมา แรกเห็นยังคงเลือนราง แต่เพียงพริบตาก็แน่ชัดเป็นรูปเป็นร่างอาภรณ์ดำ ผมสีเพลิง ปกเสื้อหลวมโครก เสื้อคลุมยับย่น ดูไม่งามตา แต่กลับไม่มีผู้ใดกล้าดูแคลนเห็นเขาก้าวย่างอันองอาจ ก้าวข้ามออกมาจากเตาหลอมผมยาวสีเพลิงนั้น ถูกรวบไว้ด้านหลังอย่างไม่ใส่ใจด้วยผ้าคาดผมสีขาว ในจังหวะที่เขาขยับกาย ผ้าคาดผมที่หลวมโครกนั้นก็ขาดสะบั้น ผมยาวสีเพลิงปลิวสยายออก พลิ้วไหวโดยไร้ลม ราวกับเพลิงโทสะที่ลุกโชนในดวงตาของเขา เพียงสบมองก็ทำให้ผู้คนพลันเกิดความหวาดหวั่นจากก้นบึ้งหัวใจนี่แหละความน่าเกรงขามของยอดฝีมือระดับเทพจุติแม้เป็นเพียงร่างแยกสายเดียว ก็สามารถทำให้คนนับร้อยตรึงอยู่กับที่พร้อมกัน อดไม่ได้ที่จะอกสั่นขวัญแขวน“ผู้ใดบังอาจลงมือทำร้ายศิษย์ของข้า?” ลั่วอู๋ซางมองไปรอบทิศด้วยแววตาอันดุดันสายตาทอดไปที่ใด ก็ไม่มีผู้ใดหาญกล้าสบตาหลิงสวินเฟิงก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว “ท่านอาจารย์ ท่านมาถึงเร็วเกินไป ตอนนี้ยังตรวจสอบไม่พบสาเหตุที่ศิษย์น้องหายตัวไปขอรับ”“แล้วเหตุใดไม่รีบตรวจสอบต่อไปเล่า!”ลั่วอู๋ซางตวาดก้อง พูดจบแล้วก็ยกมือขึ้น พลังจิตวิญญาณสายหนึ่งพุ่งห่อหุ้มเ

  • เกิดใหม่ครานี้ ข้าขอถีบอาจารย์ผู้ลำเอียงทิ้ง   บทที่ 57

    ก่อนที่ผู้อาวุโสจะมาถึง เจินเหรินหลายท่านของสำนักอู๋จี๋เตี้ยนยังคงสอบถามสำนักต่าง ๆ ว่ามีใครเคยพบศิษย์สองคนนั้นอีกบ้าง“สำนักอู๋จี๋เตี้ยนก็เหลือเกิน ตอนมาก็ให้คนรอ ตอนกลับก็ยังต้องรออีก ทำตัวใหญ่โตเสียจริง!”“แล้วคนเมื่อครู่นั้นก็ด้วย ท่าทีอย่างไรกัน กล้าพูดกับศิษย์น้องหญิงจี้แบบนี้ได้อย่างไร”ผู้คนที่อยู่รอบตัวจี้ฝูเหยา พากันเป็นเดือดเป็นร้อนแทนนางสายตาของอวี้หลานชิงก็จับอยู่ที่จี้ฝูเหยาเช่นกันนางนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ในแดนลับ ตอนที่ขัดขวางจี้ฝูเหยาไม่ให้ใช้ค่ายกลเข็มทิศสอดส่องเข้าไปยังแดนลับใหญ่ ข้างกายจี้ฝูเหยามีผู้ติดตามอยู่หลายคนนอกจากลูกศิษย์ชั้นนอกสามคนของยอดเขาหลิงเซียวที่ยังยืนเคียงข้างจี้ฝูเหยาแล้ว ยังมีผู้ฝึกตนตัวสูงคนหนึ่งตัวเตี้ยคนหนึ่ง ทั้งสองแต่งกายหรูหรา สีหน้าหยิ่งยโส สองคนนั้นน่าจะเป็นเฉินถงและหนานกงที่สำนักอู๋จี๋เตี้ยนกำลังตามหาในตอนนั้นแดนลับเพิ่งเปิดได้ไม่ถึงห้าวัน ระดับพลังยุทธ์ของจี้ฝูเหยายังคงหยุดอยู่ที่ขั้นดึงลมปราณเข้าร่างสัญชาตญาณบอกนางว่า จี้ฝูเหยาดูไม่ชอบมาพากลแต่ ณ เวลานั้นนางไม่อาจบอกได้ว่า ไม่ชอบมาพากลตรงไหนกันแน่“อาจารย์อาอวี้”เมื

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status