Compartir

บทที่ 8

Autor: กวนอวิ๋นเจี้ยน
อวี้หลานชิงประหลาดใจ นางเดาได้ทันทีว่าอาจารย์เป็นคนเอามาวางไว้ รีบโน้มตัวลงหยิบ

นางเปิดถุงออก กำลังจะเพ่งกระแสจิตสำรวจด้านใน แสงระยิบระยับของหินวิญญาณด้านในก็แยงจนตาพร่ามัว

หินวิญญาณระดับสูงหนึ่งก้อนมีค่าเทียบได้กับหินวิญญาณธรรมดาร้อยก้อน

โดยทั่วไปแล้วยังหาที่แลกเปลี่ยนได้ยากมาก เพียงแค่ก้อนเดียวก็แลกเปลี่ยนได้ถึงร้อยกว่าก้อน

ภายในถุง หินวิญญาณระดับสูงที่วางกองกันอย่างไม่เป็นระเบียบมีมากถึงหนึ่งร้อยก้อน

ตีเป็นมูลค่าเท่ากับหินวิญญาณธรรมดาได้เป็นหมื่นก้อน!

แม้จะรู้แล้วว่าอาจารย์เป็นคนใจป้ำ อวี้หลานชิงก็ยังตกใจกับความใจป้ำนี้อยู่ดี

อวี้หลานชิงเพ่งกระแสจิตสำรวจของในถุงต่อ มีทั้งยันต์กระบี่ โอสถ และก็มีป้ายคำสั่งที่สลักคำว่า “ชิงจู๋” อยู่หนึ่งชิ้น คิดว่าน่าจะเป็นของสำหรับเปิดใช้งานอาคมเข้าออกยอดเขาชิงจู๋

นางนำป้ายคำสั่งออกมาแล้วใช้พลังวิญญาณผูกมัดให้เรียบร้อย

จากนั้นถือถุงเก็บของออกจากอาคารหลังน้อย มุ่งหน้าขึ้นไปยังยอดเขา

นางตั้งใจจะไปคำนับท่านอาจารย์ พร้อมทั้งรายงานความก้าวหน้าจากการฝึกช่วงสองวันนี้ จะได้นำหินวิญญาณระดับสูงพวกนั้นไปคืนให้กับท่านอาจารย์ด้วย

หินวิญญาณระดับสูงล้ำค่าเกินไป นางเพิ่งจะอยู่ขั้นสร้างฐานปราณ ปกติก็ใช้ชีวิตในสำนัก ไม่ต้องใช้หินวิญญาณมากขนาดนั้น อีกอย่าง ทางสำนักก็มีเบี้ยเลี้ยงประจำเดือนอยู่แล้ว นางเก็บสะสมมาตลอดห้าปี ไม่ต้องได้รับการสนับสนุนจากอาจารย์ก็มีพอแล้ว

ยอดเขาชิงจู๋กว้างใหญ่ ทว่ากลับมีแค่เสิ่นหวยจั๋วกับอวี้หลานชิงอยู่กันแค่สองคน สัตว์วิญญาณอาศัยอยู่ที่บริเวณครึ่งล่างของภูเขา บนยอดเขาเงียบสงัด มีเสียงน้ำไหลเอื่อย ๆ ดังมาจากลำธาร

กลิ่นหอมสดชื่นของพืชพรรณชวนให้รู้สึกผ่อนคลาย

สภาพแวดล้อมเช่นนี้ทำให้อวี้หลานชิงรู้สึกผ่อนคลายมาก แม้แต่ฝีเท้าก็ยังเบาขึ้นหลายส่วน

อวี้หลานชิงเดินขึ้นไปถึงสวนไผ่เขียวบนยอดเขา ประสานมือโค้งคำนับอย่างนอบน้อม

“ศิษย์ อวี้หลานชิง คารวะท่านอาจารย์”

ภายในสวนเงียบสงัด ไม่มีผู้ใดตอบกลับ

อวี้หลานชิงไม่แน่ใจนักว่าท่านอาจารย์ไม่อยู่ในสวนหรือว่าไม่สะดวกพบนางตอนนี้

หากเขาไม่สะดวก นางก็กลัวว่าการร้องเรียกหลายครั้งจะเป็นการรบกวน ด้วยเหตุนี้จึงยืนรออยู่เงียบ ๆ จากนั้นเอ่ยเรียกอีกครั้งหลังจากเวลาล่วงเลยไปหนึ่งก้านธูป

ยังคงไม่มีเสียงตอบกลับจากด้านในสวน

อวี้หลานชิงไม่แปลกใจแต่อย่างใด

ท่านอาจารย์เป็นประมุขยอดเขา และเป็นผู้อาวุโสของสำนักกระบี่เสวียนเทียน ย่อมไม่มีทางอยู่ในที่พักได้ตลอดเวลา ต้องมีธุระหน้าที่อย่างอื่นต้องจัดการ

ในฐานะลูกศิษย์ นางไม่ควรรบกวนอาจารย์มากเกินไป

นอกจากนี้ ไม่ว่าจะทางภายนอกหรือทาง “จิตวิญญาณ” นางก็ไม่ใช่ศิษย์ใหม่ที่เพิ่งเข้าสำนัก ไม่จำเป็นต้องให้อาจารย์ช่วยจัดตารางการฝึก

อวี้หลานชิงคิดไปคิดมาแล้วเดินลงจากเขา

เมื่อวานนางมาอย่างเร่งรีบ แม้นางจะย้ายเข้ายอดเขาชิงจู๋แล้ว กระนั้นข้าวของเดิมที่เก็บมาห้าปีก็ยังอยู่ที่ยอดเขาหลิงเซียว

ต้องกลับไปเอา

พลังยุทธ์ขั้นสร้างฐานปราณสามารถขี่กระบี่ได้แล้ว แต่ตอนนี้นางยังไม่มีกระบี่วิญญาณคู่กายที่จะสามารถเก็บเข้าสู่ศูนย์ปราณ อีกทั้งกระบี่ที่ใช้ตอนอยู่ระดับหลอมปราณก็ถูกทิ้งไว้ที่พักในยอดเขาหลิงเซียว

เมื่อตอนนี้ไม่มีกระบี่ที่จะใช้การได้ อวี้หลานชิงจึงใช้วิชาตัวเบา ร่างของนางร่อนติดพื้นลงจากเขาเหมือนนกนางแอ่น

ความเร็วไม่ได้ด้อยไปกว่าการขี่กระบี่ของผู้ฝึกตนระดับสร้างฐานปราณเลย

ตอนนี้เป็นเวลาช่วงเที่ยง แสงแดดแผดเผา

ผู้ฝึกตนในสำนักกระบี่ไม่มีนิสัยที่ชอบนอนกลางวัน ตอนนี้เป็นเวลาที่เพิ่งเสร็จจากการฝึกช่วงเช้าและภารกิจในช่วงครึ่งแรกของวัน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ว่างสำหรับการฝึกฝน

เนื่องจากปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนผู้เป็นประมุขยอดเขาหลิงเซียวออกฌานแล้ว กำลังเป็นที่สนใจ ภายในที่พักของลูกศิษย์ชั้นนอกที่ด้านล่างภูเขาจึงคึกคักเป็นพิเศษ มีคนมากกว่าปกติถึงเท่าตัว

ทั้งหมดเป็นลูกศิษย์ชั้นนอกที่มาจากยอดเขาอื่น แม้จะรู้ว่าเหล่าผู้อาวุโสเดินทางด้วยการ “บินไปมา” แตกต่างจากศิษย์ชั้นนอกแบบพวกเขา กระนั้นพวกเขาก็ยังมีความหวังว่าจะได้พบปรมาจารย์กระบี่ฉางยวน

ต่อให้ไม่ได้พบปรมาจารย์กระบี่ตัวเป็น ๆ อย่างน้อยได้สัมผัสกับ “ปราณกระบี่” ของเขาก็ยังดี

ไม่แน่ว่ามาสักสองสามครั้ง พวกเขาจะได้ค้นพบเจตจำนงกระบี่ที่ต่างออกไป

อวี้หลานชิงลงจากยอดเขาชิงจู๋แล้วเดินขึ้นยอดเขาหลิงเซียวต่อ ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วยามก็พบกับศิษย์จากยอดเขาอื่นที่กำลังมาขอคำชี้แนะที่ยอดเขาหลิงเซียว

ในอดีต เนื่องจากปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนเข้าฌาน ตัวยอดเขาจึงถูกปิดไปครึ่งลูก บนยอดเขาเหลือศิษย์ชั้นนอกที่ทำหน้าที่ปัดกวาดขั้นบันไดและดูพืชพรรณบริเวณครึ่งล่างเพียงไม่กี่คน

นี่เป็นครั้งแรกที่มี “ผู้คนแน่นขนัด”

ภายในลานของศิษย์ชั้นนอกที่ไม่ได้กว้างขวางนัก ไม่สามารถจุคนได้มากขนาดนั้น ทุกคนจึงมารวมตัวในลานกว้างหน้าลาน

เวลานี้ ศิษย์ที่อยู่ระดับหลอมปราณขั้นสมบูรณ์สองคนกำลังประลองฝีมือกันโดยมีคนอื่นล้อมวงคอยดูอยู่

คนหนึ่งถือกระบี่สีเขียว ส่วนอีกคนถือกระบี่ยาวสีทองแดง

เห็นได้ชัดว่าศิษย์ที่ถือกระบี่ยาวสีทองแดงกำลังเป็นฝ่ายได้เปรียบ

“แกร๊ง” ปราณกระบี่พุ่งออกจากกระบี่ยาวสีทองแดง กระแทกกระบี่สีเขียวให้ปลิวออกไป

แม้แต่ศิษย์ที่ถือกระบี่ก็ถูกกระแทกกระเด็นออกไปด้วย

การประลองระหว่างศิษย์ในสำนักเดียวกัน เพียงแตะตัวเป็นอันจบลง ศิษย์คนนั้นล้มไม่แรง ลุกขึ้นแล้วปัดฝุ่นตามตัว จากนั้นหันไปพูดกับคนที่ประลองกับตัวเองเมื่อครู่ “ไม่เจอกันไม่กี่วัน วิชากระบี่ของศิษย์พี่จางพัฒนาขึ้นมาก ข้าสู้ไม่ได้จริง ๆ”

ผู้คนที่มุงดูรอบข้างพูดขึ้นเช่นกัน น้ำเสียงเจือด้วยความยกย่อง “กระบวนท่าที่ศิษย์พี่จางใช้เมื่อครู่สามารถปล่อยปราณกระบี่ออกมา นั่นเป็นความสามารถที่มีเพียงศิษย์ระดับสร้างฐานปราณที่จะทำได้ ดูแล้วศิษย์พี่จางน่าจะได้เข้าถึงระดับสร้างฐานปราณ อีกไม่นานคงเลื่อนระดับ!”

“ในบรรดาลูกศิษย์ชั้นนอกชุดนี้ มีเพียงศิษย์พี่จางที่ก้าวหน้าเร็วที่สุด เกรงว่าอีกไม่นานคงเข้าตาท่านเจ้าสำนักและถูกรับเป็นศิษย์…”

“ข้าดูแล้วกระบี่ของศิษย์พี่จางก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน หรือว่าจะแลกมาด้วยคะแนนของสำนัก? ต้องใช้คะแนนไม่น้อยเป็นแน่ คงมีเพียงกระบี่ชั้นดีแบบนี้ที่จะคู่ควรกับความสามารถของศิษย์พี่จาง!”

อวี้หลานชิงใช้วิชาตัวเบาตลอดทาง เดินทางรวดเร็วจนเห็นเพียงแค่เงา

เดิมทีนางไม่คิดจะหยุดระหว่างทาง เห็นลูกศิษย์ชั้นนอกรวมตัวอยู่หน้าลานก็คิดจะอ้อมไปอีกทางเพื่อเข้าสู่ที่พักของตัวเอง

แต่แล้วพลันได้ยินประโยคนี้เข้าพอดี

นางเหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้ จึงคลายเคล็ดวิชาและหยุดฝีเท้าลง

“ศิษย์พี่หญิงอวี้?”

ลูกศิษย์ชั้นนอกที่ยืนอยู่ด้านข้างร้องออกมาด้วยความตกใจเมื่อเห็นเงาร่างที่โผล่มาอย่างฉับพลัน

คนอื่น ๆ ได้ยินเสียงร้อง “ตกใจ” นี้ก็พากันหันมามอง

ที่ยอดเขาหลิงเซียว ผู้ที่จะถูกเรียกว่า “ศิษย์พี่หญิงอวี้” นั้น นอกเหนือจากอวี้หลานชิงแล้วก็ไม่มีผู้ใดอีก

แม้แต่คนที่ไม่เคยเจออวี้หลานชิงก็ยังเดาได้ว่านางเป็นผู้ใด

ผู้ฝึกตนหญิงร่างบางที่ปรากฏกายอย่างฉับพลันคนนี้ก็คืออวี้หลานชิงผู้เป็นที่กล่าวขวัญไปทั่วสำนักในช่วงสองวันมานี้!

เมื่อห้าปีก่อน นางเป็นคนแรกที่ผ่านเข้าสำนักกระบี่เสวียนเทียน กลายเป็นผู้ที่ถูกวางตัวให้เป็นศิษย์ของปรมาจารย์กระบี่ฉางยวน พัฒนาจากระดับหลอมปราณจนขึ้นสู่ระดับสร้างฐานปราณภายในระยะเวลาห้าปี

แต่แล้วในวันที่ปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนออกฌาน นางกลับปฏิเสธที่จะคำนับเขาเป็นอาจารย์ หันไปเลือกเสิ่นหวยจั๋วที่ไม่เอาไหนที่สุดในสำนักมาเป็นอาจารย์แทน

การกระทำเช่นนี้ทำให้ทุกคนอ้าปากค้าง

ผู้ใดฟังแล้วเป็นอันต้องร้องออกมาว่า “ตาบอดชัด ๆ!”

แม้ว่าผู้อาวุโสเสิ่นจะเป็นศิษย์ของปรมาจารย์กระบี่ชางหวนและมีลำดับศักดิ์สูง ถึงกระนั้น มันจะเทียบกับปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนซึ่งเป็นผู้ฝึกกระบี่อันดับหนึ่งของตงโจวได้อย่างไร?

ศิษย์พี่จางที่ถูกมุงล้อมเมื่อครู่นี้ค่อย ๆ นำกระบี่ไปซ่อนไว้ด้านหลัง ถามอวี้หลานชิงว่า “ศิษย์พี่หญิงอวี้ ท่านกลับมาทำอันใด?”

Continúa leyendo este libro gratis
Escanea el código para descargar la App

Último capítulo

  • เกิดใหม่ครานี้ ข้าขอถีบอาจารย์ผู้ลำเอียงทิ้ง   บทที่ 100

    บรรดาสำนักที่เมื่อครู่นี้ลอยเด่นอยู่กลางอากาศ เวลานี้ได้ยึดครองตำแหน่งที่ดีที่สุดบนอัฒจันทร์แล้ว ส่วนสำนักขนาดกลางและขนาดเล็กที่เหลือก็แทรกตัวเข้าไปในช่องว่างที่สำนักใหญ่เหลือไว้ อวี้หลานชิงนั่งอยู่บนที่นั่งของศิษย์สายตรงชั้นใน นางกวาดตามองไปรอบ ๆ ทอดสายตามองไปยังเบื้องล่างที่มีศีรษะผู้คนอยู่อย่างเนืองแน่นผู้ฝึกตนในงานชุมนุมใหญ่ของสำนักเซียนมีเกือบหนึ่งแสนคนเลยทีเดียวเมื่อรอให้ทุกคนนั่งประจำที่เรียบร้อยแล้ว แสงที่เปล่งออกมาจากเสาค้ำฟ้าโดยรอบก็รวมตัวเข้าด้วยกันชายชราผมขาวโพลนดุจหิมะคนหนึ่ง ถือไม้เท้าหัวมังกร ดูสง่างามดั่งเซียนมากกว่าอวี้ชิงจื่อจากสำนักอวี้ซวีก็ปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศทุกก้าวที่เดิน ร่างก็เข้ามาใกล้มากยิ่งขึ้นราวกับว่าเดินมาจากท่ามกลางความว่างเปล่า ท้ายที่สุดก็หยุดอยู่ตรงใจกลางสนามเมื่อเขาปรากฏตัว เจ้าสำนักต่าง ๆ ที่อยู่บนที่นั่งสูงสุดของอัฒจันทร์โดยรอบก็พากันลุกขึ้น ประสานมือคารวะชายชราผู้นั้นแล้วร้องเรียกว่า “ผู้อาวุโสเช่อ” “ผู้อาวุโสเช่อผู้นี้เป็นใครกัน?” จิตวิญญาณของอวี้หลานชิงอยู่แค่ระดับหลอมแก่นปราณเท่านั้น ไม่อาจมองทะลุระดับพลังยุทธ์ของชายชราได้ คนท

  • เกิดใหม่ครานี้ ข้าขอถีบอาจารย์ผู้ลำเอียงทิ้ง   บทที่ 99

    เวลานี้เอง ฉากที่อยู่ด้านนอกเสาค้ำฟ้าแทบจะเป็นภาพจำลองของโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรทั้งหมด เมืองที่รองรับผู้คนได้หลายแสนคนแห่งนี้ ทุกคนในเมืองล้วนเฝ้าติดตามสถานการณ์ของทางเสาค้ำฟ้าตรงใจกลางเมือง ศิษย์สำนักใหญ่ที่นำโดยอาจารย์จากสำนัก ต่างก็ยืนอยู่บนอาวุธวิเศษเหาะเหินขนาดใหญ่ที่เปล่งแสงแวววาวของสำนักต่าง ๆ ส่วนลูกศิษย์ของสำนักขนาดกลางและขนาดเล็กก็ยืนอยู่บนพื้นดิน รออยู่รอบ ๆ เสาค้ำฟ้าอย่างเงียบเชียบถัดออกไปด้านนอก ยังมีผู้ฝึกตนอิสระนับไม่ถ้วนที่ไม่มีสิทธิ์เข้างานชุมนุมใหญ่ของสำนักเซียนกำลังชะเง้อคอมองสถานการณ์ในนี้ แววตาแฝงไปด้วยความชื่นชมและความหลงใหลใฝ่ฝันอย่างไม่มีที่สิ้นสุดก่อนที่หมอกจาง ๆ ที่ปกคลุมเสาค้ำฟ้าจะสลายหายไป สายตาของทุกคนล้วนจับจ้องไปยังบรรดาเจ้าสำนักและผู้อาวุโสของสำนักใหญ่ที่กำลังลอยอยู่กลางอากาศอัดฉีดพลังวิญญาณเข้าไปในเสาค้ำฟ้า ผู้ที่ยืนตระหง่านกลางอากาศปลดปล่อยพลังอันมหาศาลเหล่านี้ล้วนเป็นผู้ฝึกตนผู้ยิ่งใหญ่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในโลกแห่งการบำเพ็ญเพียร ส่วนมากก้าวเข้าสู่ระดับทารกวิญญาณช่วงปลายแล้ว ยังมีบางส่วนที่ครอบครองพลังของระดับเทพจุติด้วยผู้ทรงพลังที่มีคว

  • เกิดใหม่ครานี้ ข้าขอถีบอาจารย์ผู้ลำเอียงทิ้ง   บทที่ 98

    บางทีอาจเป็นเพราะตอนนี้จี้ฝูเหยายังเยาว์วัย ยังไม่เข้าใจการเก็บงำอารมณ์โดยสมบูรณ์ หรืออาจเป็นเพราะประสบการณ์ที่สั่งสมมาสองชาติ ทำให้อวี้หลานชิงเข้าใจนางดีเกินไป เมื่อจิตสัมผัสรู้สึกได้ถึงสายตาของจี้ฝูเหยาที่มองตามหลังอีกฝ่ายไป อวี้หลานชิงก็คาดเดาการกระทำต่อไปของนางได้แล้ว นางทำเช่นนี้เป็นประจำใช้ท่าทางบริสุทธิ์ไร้เดียงสา คำนึงถึงผู้อื่นมาดึงดูดทุกคนที่มีประโยชน์ต่อนาง ชาติที่แล้ว หากไม่ใช่เพราะกระบี่ที่ทะลวงหัวใจในตอนสุดท้าย อวี้หลานชิงก็คงถูกรูปลักษณ์ภายนอกของนางหลอกไปแล้ว ในฐานะผู้หญิงเหมือนกัน อวี้หลานชิงไม่อยากใช้คำพูดที่ร้ายกาจมาบรรยายจี้ฝูเหยา แต่เห็นได้ชัดว่านางไม่ได้สมบูรณ์แบบเหมือนที่แสดงออกมาเลย สายตาของปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนน่าเป็นห่วงยิ่งนักความคิดนี้เพิ่งจะผุดขึ้นมาในใจ อวี้หลานชิงก็อดไม่ได้ที่จะ “ถุย” อีกครั้ง ปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนก็ไม่ใช่คนดีอะไรเหมือนกัน ศิษย์อาจารย์คู่นั้นชอบพอกันและกัน มีความรักต้องห้าม เรียกได้ว่าเหมือนเต่ามองถั่วเขียว รับสืบทอดสายตาที่ย่ำแย่มา“ไปกันเถิด” อวี้หลานชิงหันหน้ากลับมามอง เจ้าของแผงลอยที่ยังกำถุงเก็บของไว้แน่นเพราะกล

  • เกิดใหม่ครานี้ ข้าขอถีบอาจารย์ผู้ลำเอียงทิ้ง   บทที่ 97

    อวี้หลานชิงไม่ได้สนใจสายตาของผู้คนรอบข้าง และไม่อยากอธิบายอะไร เดิมทีนางก็ไม่ได้คิดจะสังหารสัตว์วิญญาณตัวนี้เลย ในเมื่อจี้ฝูเหยายินดีเข้ามายุ่งเรื่องผู้อื่น ก็ปล่อยให้นางดูแลต่อไปก็พอ “ศิษย์หลานกล่าวมีเหตุผล เช่นนั้นหน้าที่สำคัญอย่างตามหาเจ้าของสัตว์วิญญาณตัวนี้ก็ยกให้ศิษย์หลานจัดการแล้วกัน” “แต่ว่าสัตว์วิญญาณตัวนี้มีนิสัยซุกซน ศิษย์หลานต้องคอยจับตาดูหน่อย อย่าให้มันทำร้ายผู้คนอีกเป็นอันขาด” อวี้หลานชิงพูดจบก็เก็บกระบี่ยาว เจ้าของแผงลอยที่อาศัยช่วงเวลาชุลมุนเก็บกล่องบรรจุหญ้าเย็นกระจ่างกลับคืนสู่อ้อมอกอีกครั้ง ก็ฉวยโอกาสที่จี้ฝูเหยาพูดเมื่อครู่นี้เก็บข้าวของบนแผงลอยจนเสร็จเรียบร้อยนานแล้วอวี้หลานชิงส่งสายตา เขาก็เดินตามหลังนางออกจากฝูงชนทันทีจิ้งจอกแดงเพลิงที่ก่อความวุ่นวายไปครึ่งถนนตัวนั้น เมื่อครู่กำลังทำตากลมสุกใสนิ่งอยู่กับที่ มองอวี้หลานชิงกับจี้ฝูเหยาเหมือนชมละครสนุก ๆ ก็ไม่ปานปากยังคงเคี้ยว “หนวดหัวไชเท้า” ที่มันโยนทิ้งไว้บนพื้นลวก ๆ ก่อนหน้านี้อย่างไม่เร่งรีบเมื่อเห็นอวี้หลานชิงและเจ้าของแผงลอยนำสมุนไพรวิญญาณที่มันหมายตาจากไป มันก็อดร้อนใจไม่ได้มันคายหนวดหัว

  • เกิดใหม่ครานี้ ข้าขอถีบอาจารย์ผู้ลำเอียงทิ้ง   บทที่ 96

    วิญญาณร้ายยังไม่สลายไปสักที ในสมองของอวี้หลานชิงผุดขึ้นมาแปดคำทันที จี้ฝูเหยาที่อยู่ตรงหน้าถือกระบี่ใบหลิวที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ปลายกระบี่เรียวเล็ก ตรงด้ามกระบี่เคลือบทอง บนนั้นยังฝังอำพันที่ส่องประกายแวววาวสามก้อนตอนที่กระบี่ทั้งสองปะทะกันเมื่อครู่นี้ อวี้หลานชิงรู้สึกได้ถึงพลังวิญญาณธาตุไฟที่บริสุทธิ์สายหนึ่งปรากฏขึ้นบนตัวกระบี่เล่มนั้น เป็นลมปราณสายนี้เองที่ต้านทานปราณกระบี่ของนาง ดูเหมือนว่านี่จะเป็นกระบี่เล่มใหม่ที่ปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนมอบให้จี้ฝูเหยา แม้จะเทียบไม่ได้กับกระบี่ที่หล่อหลอมปราณกระบี่ของปรมาจารย์กระบี่เยวี่ยหวาเล่มนั้นในชาติก่อน ซึ่งเข้ากับวิชาที่จี้ฝูเหยาฝึกฝนแต่ก็เป็นกระบี่ดีที่หาได้ยากเล่มหนึ่งจริง ๆ อย่างน้อยในแง่ของระดับก็ถือว่าหายากมากนี่ไม่ใช่อาวุธวิเศษ แต่เป็นอาวุธวิญญาณ แตกต่างกันเพียงคำเดียว แต่ราคาและความล้ำค่าระหว่างทั้งสองนั้นแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว อาวุธวิญญาณทั่วไปมีราคาแค่หินวิญญาณไม่กี่ร้อยก้อน แพงอีกแค่ไหนก็แค่พันกว่า แต่อาวุธวิญญาณเป็นสิ่งที่มีราคาแต่ไม่มีในตลาดมาโดยตลอด อย่าว่าแต่ผู้ฝึกตนระดับหลอมปราณเลย ตลอดชีวิตของผู้ฝึกตนระดับห

  • เกิดใหม่ครานี้ ข้าขอถีบอาจารย์ผู้ลำเอียงทิ้ง   บทที่ 95

    เจ้าของแผลลอยกล่าวจบก็แอบเชยตามองปฏิกิริยาของอวี้หลานชิง จากนั้นก็เห็นนางทำสีหน้าเคร่งขรึม ไม่เอ่ยสักคำเดียวในใจอด “กระตุก” ขึ้นมาไม่ได้ผู้ฝึกตนหญิงผู้นี้คงไม่ให้เขาคืนหินวิญญาณหรอกนะ?ศิษย์ของสำนักใหญ่ ปกติแล้วจะไม่ยอมเสียหน้ากระมัง?แต่ว่าไม่มีเรื่องอะไรที่แน่นอน เขาตัดสินใจแล้วว่าหากผู้ฝึกตนหญิงตรงหน้าให้เขาคืนหินวิญญาณละก็ เขาจะเก็บแผงหนีไปทันที จากนั้นก็เปลี่ยนที่แล้วค่อยตั้งแผงใหม่ เจ้าของแผงลอยถึงค่อยเอ่ยปากพูดอย่างระมัดระวังว่า “สหายน้อย?” สิ่งที่อวี้หลานชิงคิดไม่ใช่เรื่องขอหินวิญญาณคืน “เมื่อครู่ท่านบอกว่าสมุนไพรวิญญาณที่ใช้ระงับพิษเพลิงชื่อว่าอะไรนะ?”“หญ้าเย็นกระจ่าง สมุนไพรวิญญาณชั้นสูง หนึ่งต้นสามารถระงับพิษเพลิงได้สามเดือน” ความคิดที่จะหนีไปของเจ้าของแผงลอยถูกโยนทิ้งไว้ที่ด้านหลังสมองทันที ก่อนจะถามด้วยแววตาที่แฝงไปด้วยความตื่นเต้นว่า “สหายน้อยถามถึงสมุนไพรนี้ แสดงว่า?”“ข้ามีอยู่ต้นหนึ่ง” อวี้หลานชิงก็เพิ่งนึกขึ้นได้เช่นกันว่ามีสมุนไพรวิญญาณเช่นนี้อยู่ในแหวนเก็บของของตนเป็นของที่ผู้อาวุโสจวีหยางจากสำนักมอบให้ในพิธีกราบอาจารย์ก่อนหน้านี้ สมุนไพรวิญญาณที่

Más capítulos
Explora y lee buenas novelas gratis
Acceso gratuito a una gran cantidad de buenas novelas en la app GoodNovel. Descarga los libros que te gusten y léelos donde y cuando quieras.
Lee libros gratis en la app
ESCANEA EL CÓDIGO PARA LEER EN LA APP
DMCA.com Protection Status