Mag-log in“กระผมขออภัย กระผมจักรีบออกจากตัวท่านประเดี๋ยวนี้ขอรับคุณผู้หญิง” ดูท่าทางเลิ่กลั่กเมื่อถูกดุนั่นสิ ชายหนุ่มรีบรุดออกจากกายสาวพร้อมกับล้มลงไปคุกเข่าอยู่ที่พื้นเรือน มองหญิงงามที่ค่อยๆ หยัดตัวลุกขึ้นจัดผมเผ้าตนเองด้วยแววตาหลงใหล
แม่ช่างงามเหลือเกิน ท่วงท่ายามตื่นนอนอันแสนน่าดู เพลิดเพลินกับทรวดทรงองค์เอวที่ปรากฎอยู่นอกผ้าห่มกาย ชุดรัดอกและซิ่นบางๆ นั้นเปิดความงามเหมือนยามที่เคยเอานางมาอยู่ใต้ร่าง ยามเมื่อนางอนุญาตให้ละเลียด เขาก็กัดกินนางอย่างหิวกระหาย ราวกับคุณบัวงามที่อยู่ใต้ร่างนั้นคือชิ้นเนื้อชั้นดี ที่สุนัขจรจัดอย่างเขาโหยหามาตลอด
คุณบัวงามเคยบอกว่าชอบที่เขาภักดี ซื่อสัตย์ และโง่เขลาเหมือนสัตว์
คุณบัวงามอนุญาตให้เขาฉกชิมตัวหล่อนได้ แลกกับการใช้งาน
เขาจึงได้แต่มาเฝ้ารออย่างมีความหวังว่าวันนี้นางจะใช้งานเขาด้วยอะไรอีก แลกกับการได้เอาหล่อนมาอยู่ใต้ร่างอีกครั้ง
ไอ้ทาสนามว่ากล้าผู้นี้ จะขอถวายตัวรับใช้คุณบัวงาม ด้วยความรักความภักดีไปจนวันตาย
นางสาวบีที่จัดผมเผ้าเรียบร้อยแต่เห็นว่าทาสชายคนนั้นยังนั่งคุกเข่าจ้องมองเธอไม่ยอมลุกออก เลยทำได้แค่ปรายตาลงมองตาดุราวกับไล่กลายๆ
หากแต่หมาโง่ของนางบัวงามนั้นกลับไม่รู้สึกตัว เขาเอาแต่นั่งจ๋องส่ายหางดุ้กดิ้กอยู่ตรงนั้น
“ต้องให้ไล่หรือ พ่อหนุ่ม” ดูทรงจะอายุน้อยกว่า สักสิบแปดสิบเก้าได้มั้ง
“คุณบัวงามมิเคยพูดคุยกับกระผมได้มากมายเช่นนี้ กระผมเพียงแค่ดีใจเกินเหตุ แลอยากชื่นชมความงดงามของท่านอีกสักนิดเพียงเท่านั้นขอรับ” ออเซาะไม่พอยังฉีกยิ้มกว้างใส่ นางสาวบีแพ้ผู้ชายไทป์หมามากเหลือเกิน ใจสั่นไหว “ให้กระผมได้นั่งมองท่านอีกสักครู่ได้หรือไม่... แค่เพียงเพลาสั้นๆ แล้วกระผมจักมิรบกวนท่านไปอีกสักระยะเลยขอรับ”
หมอนี่... น่าจะใช้ประโยชน์ได้แฮะ
“ประเดี๋ยวนะ” เมื่อนึกได้ว่าควรเริ่มใช้ประโยชน์น้องสุนัขของนางบัวงามที่ตรงไหนก่อน สีหน้าของสาวงามก็เปลี่ยนไป อย่างไรทาสชายตรงหน้าก็ไม่รู้ว่าหล่อนคือคนอื่นที่สิงสู่ในร่างกายนี้เหมือนไอ้ผีแสนคำคนชาติหมา เลยปรายตามองเขาอย่างมีมาด ยังไงดูจากทรงถ้านับว่าชายคนนี้เป็นของเล่น ก็คงต้องวางฟอร์มหน่อยล่ะ “แปลว่าเธอจะทำตามที่ฉันสั่งทุกอย่างใช่ไหม”
นายกล้ารีบผงกหัวขึ้น แต่เมื่อเธอยืดตัวมองก็รีบก้มหน้าหลบ เขารู้สึกตื่นเต้นราวกับคนตรงหน้ากำลังชูกระดูกมาล่อ
“ขอรับ! แค่เพียงท่านสั่งกระผม กระผมทำได้ทุกอย่าง”
นางสาวบีฉีกยิ้ม ก่อนที่จะค่อยๆ โน้มตัวลง อย่างไรนี่ก็ไม่ใช่ร่างกายของเธอ เธอจะทำยังไงเพื่อหลอกล่อใจชายก็ได้จริงไหม อีกอย่างนางบัวงามนี่นมโตใช้ได้เลย มิน่าล่ะถึงมัดใจได้แม้กระทั่งทาสชายหน้าซื่อตาใสคนนี้
หน้าอกอวบยามเมื่อโน้มตัวต่ำ เห็นเป็นร่องอกขาวๆ เป็นลูกกลมกลึงสวยงาม แถมผิวยังขาวจัดอมชมพูจนเห็นเส้นเลือด ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของนายกล้าเบิกกว้างจ้องมันตาไม่กระพริบ หญิงสาวจึงหยัดตัวลุกขึ้นยืนจากฟูกนอน เอื้อมมือเรียวสวยมาบีบปลายคางคมกร้าวของชายหนุ่มบังคับให้เงยหน้าขึ้นมองหล่อนที่ยืนอยู่สูงกว่า
ที่ถึงแม้นายกล้าจะตัวเล็กกว่าขุนแสนคำ แต่กะจากสายตา ก็คงไม่ต่ำกว่า 178 เซนติเมตร
ถ้าเทียบกับตัวนางบัวงามที่ส่วนสูงแค่เพียง 150 เซนแล้ว เขาที่นั่งคุกเข่าอยู่ยังตัวใหญ่กว่าเป็นไหนๆ
“งั้นเธอ...”
“...”
“ช่วยสืบให้ฉันรู้ทีได้ไหม ว่าชู้ของฉันนอกจากเธอแล้ว... มีอีกกี่คน”
นายกล้าที่ถูกเชิดคางคมขึ้นตาเลื่อนลอยอย่างเพ้อฝัน สัมผัสนุ่มของมือเล็กๆ กลิ่นหอมดอกไม้ที่โชยมาจากร่างกายอ้อนแอ้นอรชรนั่น ช่างน่าหลงใหลเหลือเกิน
“ขอรับ... กระผมจักสืบให้”
“...”
“งั้นที่บ่าวรับใช้ว่ากันว่าคุณผู้หญิงความจำเลือนหาย... ก็คงเป็นความจริงสินะขอรับ”
แม้จะมีดวงตาเคลิบเคลิ้มพร้อมรับคำสั่ง แต่สุนัขตัวนี้ยังอดสงสัยไม่ได้ นายกล้าโพล่งขึ้นมาในขณะที่มองหญิงสาวตาปริบๆ ดวงตาเรียวรีนั้นไม่ได้มีความเคลือบแคลงอะไรมากนัก อย่างไรคนตรงหน้าก็คือคนที่เขาหลงรักสุดดวงใจ
“ฮะๆ คงใช่แหละจ้ะ ก็ฉันฝันร้ายอยู่บ่อยๆ นี่นา แถมก่อนหน้านี้ก็เป็นไข้หนักด้วย” นางสาวบีแสร้งหัวเราะกลบเกลื่อน “อย่างไรเธอจะทำตามที่ฉันสั่งใช่ไหม แล้วชื่ออะไรเหรอ?”
“กระผมชื่อกล้าขอรับ” ชายหนุ่มกำยำผิวคล้ำแดดมีใบหน้าเปื้อนยิ้ม “แต่ท่านมิจำเป็นต้องจำชื่อกระผมก็ได้ขอรับ อย่างไรคุณผู้หญิงบัวงามก็เรียกผมว่าสุนัขอยู่แล้ว”
อ่า...
อีนี่มันโคตรแน่วแน่ในอุดมการณ์จัดๆ
“จ้ะ งั้นก็ไปได้เนอะ ฉันจะอาบน้ำ” นางสาวบีพยักหน้าพลางผละมือเล็กออกจากปลายคางทาสหนุ่ม นายกล้ามีสีหน้าแสนเสียดาย แต่ต่อมาก็ก้มหน้าลงแล้วค่อยๆ รุดออกไปทางหน้าต่างแล้วกระโดดลงไปราวกับเป็นเรื่องปรกติ
ทันทีที่ทาสหนุ่มลับสายตา นางสาวบีถึงกับออกอาการหอบถี่
“โอ้ย เกือบแล้ว” พึมพำกับตัวเองพลางยกมือมาทาบอกอวบ ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นบีบเคล้นหน้าอกของร่างกายที่ตัวเองอยู่อย่างมันส์มือ “พอนมใหญ่อะไรๆ ก็ง่ายแบบนี้นี่เอง”
นี่ถ้าอีหมอผึ้งนั่นไม่ทำเธอขิตนะ อาจออกจากคลีนิคควงผู้ชายเป็นร้อยไปแล้วก็ได้
ว่าพลางก็เดินไปส่องตัวเองหน้าคันฉ่องขนาดเล็กเพื่อสำรวจ ให้พอเห็นทรวดทรงโดยรวม แล้วก็ถึงกับครางฮือฮา
ไม่แปลกที่ผัวจะ (เคย) หลง แถมชู้ยังเยอะ ก็หุ่นสวยสะเด็ด หน้าอกใหญ่ แถมเบ้าหน้าสวยคม คิ้วโก่งดั่งคันศร ผิวพม่านัยน์ตาแขกแบบพิมพ์นิยมสมัยก่อน แถมด้วยไฝเสน่ห์ใต้ตาข้างซ้ายอีกต่างหาก
เรียกได้ว่างามจัดๆ ถ้าไม่ใช้บุญกีที่มีหนักไปหน่อย ก็เทียบชั้นดาราสมัยนี้ได้เลย
คิดในใจพลางหมุนตัวมองตนเองอย่างภาคภูมิใจ ถึงชาติก่อนเธอจะสวยแต่ก็ออกแนวเกาหลีเกาใจเสียมากกว่า อารมณ์น่ารักมองเพลินๆ แต่นางบัวงามนี่คนละแนวเลย สวยคมสไตล์สาวไทยโบราณ แต่ก็ดีไปอีกแบบนะ
คอยดูเถอะไอ้ผีขุนแสนคำ แม่จะใช้ประโยชน์ของความสวยนี่ให้คุ้มเลย
ผ่านไปสักพักใหญ่ หล่อนอาบน้ำชำระร่างกายขัดขี้ไคลเรียบร้อย พร้อมกับนุ่งสไบทรงไทยสีขาวสะอาด เมื่อเดินไปถึงหน้าเรือนใหญ่ ก็พบว่าครอบครัวของนางบัวงามนั่งพูดคุยกันอย่างพร้อมหน้า
จากที่นางสาวบีไปแอบลอบๆ เคียงๆ ถามมา ก็ทราบได้ว่านางบัวงามนั้นเป็นบุตรีของหลวงศรีจันทร์ กับนางจันทร์งาม หล่อนเป็นหน้าเป็นตาให้วงศ์ตระกูลเรื่องความงามและความอ่อนน้อมถ่อมตน ประพฤติตนอย่างกุลสตรี ที่พอได้ยินแบบนั้นถึงกับทำให้นางสาวบีแทบหลุดขำ
อย่างว่า... เป็นลูกสาวคนมีระดับก็ต้องสร้างภาพหน่อย จะให้ชาวบ้านชาวช่องรับรู้ได้ไงว่าลับหลังผู้คนนางลูกหลวงคนนี้นอกใจนอกกายผัวที่ตบแต่งแถมยังเอาของเล่นอย่างทาสชายมาขยี้สวาทกันถึงในเรือน
แต่เรื่องน่าสนใจที่รู้มาอีกอย่างคือหลวงศรีจันทร์มีบุตรชายคนที่สองกับเมียรับใช้ในเรือน จนขึ้นเป็นคุณหญิงคนที่สอง เป็นน้องชายคนละมารดากับหล่อน ชายหนุ่มหน้าตาคมเข้มดุดัน ตัวใหญ่โตจนดูไม่เหมือนน้องที่นั่งวางท่าอยู่ที่ตั่งข้างซ้ายของพ่อนางนั่นน่ะหรือ ที่ชื่อว่า ‘ขุนเสือ’
ดูสายตาที่มองมาที่หญิงสาวนั่นสิ พอเหลียวมาเจอว่านางยืนอยู่ตรงนี้ ก็วาววับราวกับคนเคยอาฆาตกันมาตั้งแต่ชาติปางไหน
บ่าวรับใช้ประจำตัวนางบัวงามกระซิบบอกกับเธอว่าขุนเสือนั้นไม่ชอบพี่สาวตนเองนัก เพราะแย่งความรักมาจากพ่อเนื่องจากเกิดมาจากเมียที่ออกหน้าออกตา ไม่ใช่เขาที่เกิดมาจากบ่าวรับใช้
ก็คงจะจริงดังว่าล่ะนะ
หากขุนเเสนคำรู้เล่า? เขาคงได้จบสิ้นในฐานะเพื่อนรักเป็นเเน่ อีกด้านของก้นบึ้งภายในจิตใจที่เขาไม่สามารถทำความเข้าใจมันได้เเม้ว่าจะตนเองจะเป็นหมอที่รักษาผู้ป่วยก็ตาม นั่นก็คือความรู้สึกไร้ความเห็นอกเห็นใจที่ไม่ว่าจะต้องเเย่งชิงเมียรักของเพื่อนเขาก็ไม่ได้สนใจ ชายหนุ่มผู้นี้หาได้มีความหวาดกลัวต่อเลือดเเละศพจึงได้เป็นหมอ อนึ่งเพราะต้นตระกูลของเขาต้องการให้บุตรชายเป็นหมอด้วยส่วนหนึ่ง หมอรักษาทัพผู้อื่นมักมีอาการ ‘โทษใจ’ หรืออารมณ์สะเทือนขวัญหลังจากการรักษาเเผลฉกรรจ์ขั้นรุนเเรงของเหล่าทหารในสนามรบ หรือเมื่อการรักษานั้นทำให้คนไข้ตายอย่างน่าเวทนา เเต่เขานั้นกลับไร้ซึ่งความรู้สึกเหล่านั้นโดยสิ้นเชิง ความรู้สึกขาดความเห็นอกเห็นใจนั้นอาจสร้างความผิดปกติให้เเก่ภาพลักษณ์ของเขาก็ได้ ยิ่งกับต้นตระกูลที่เข้มงวดเเละคาดหวังในตัวของบุตรชายเพียงคนเดียว หมออินจึงซุกซ่อนความเลือดเย็นไว้ภายใต้หน้ากากหมอยาที่เเสนอบอุ่นเเละพูดน้อย หากเเต่ใครเล่าจะรู้... เบื้องลึกอันน่าประหวั่นพรั่นพรึงภายในหัวของหมอหนุ่มผู้เต็มไปด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน นั้นกลับเต็มไปด้วยความกักขฬะหยาบต่ำเสียมากมาย อยากลากทึ้งบัวงามที่เขาหลงใหล
ภายในตำหนักหลวงของพระมเหสีเทวีรัตน์ กลิ่นกำยานหอมเย็นแผ่วเบาอบอวลตลบอยู่ในห้องทึบแสง ผ้าม่านไหมสีมรกตพลิ้วตามแรงลมอ่อนจากภายนอก ขับเน้นบรรยากาศให้เยียบเย็นน่าหวาดหวั่นยิ่งกว่ายามค่ำ พระมเหสีทรงนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องสำอาง พู่กันถูกจรดลงบนพวงแก้มที่ไม่จำเป็นต้องประดับแต้มใดให้มากความ ใบหน้างามหยาดหยดที่เคยเป็นหนึ่งเดียวในสายพระเนตรขององค์เหนือหัว บัดนี้กลับถูกแบ่งปันให้หญิงอื่นเสียเเล้ว "เมื่อคืน... ทรงทอดพระเนตรนางจนลืมแม้กระทั่งข้า" น้ำเสียงที่เปล่งออกจากเรียวปากแดงฉ่ำของพระนางนั้นเย็นเยียบ แต่แววตาที่สะท้อนอยู่ในกระจกกลับแดงก่ำด้วยเพลิงริษยา ดวงหน้าอันงดงามนั้นยังไม่เปลี่ยนเเปรเเม้อายุจะมากขึ้น หากเเต่หล่อนกลับสู้ความงดงามของพระสนมชั้นต่ำศักดิ์นั่นมิได้อย่างนั้นหรือ “ช้องนาง เจ้ามิคิดงั้นหรือ?” พระมเหสีทรงตรัสเรียกหญิงนางนมคนสนิทที่จรดพู่กันลงบนพวงเเก้มงาม หล่อนรู้ดีว่าตอนนี้พระองค์ทรงเป็นทุกข์เพียงใด สวามีเพียงหนึ่งเดียวมีสนมมากมายนั่นไม่พอให้ทุกข์ทรมานเเสนสาหัส เเต่พระเจ้าสุริยะจักราธิวงศ์มิเคยไว้หน้าพระองค์ในฐานะมเหสีเลยเเม้เเต่น้อย ตั้งเเต่ที่พระสนมจันทร์จรีป่วยหนักเเลเปลี่ยน
เมื่อบุตรชายคนโตคล้อยหลังไป แย้มเนืองก็เข้ามาบีบนวดขาของหล่อนอย่างคุ้นชิน ทองผินส่งสายตาไปเพียงครู่เดียว น้องสาวใน้คราบบ่าวรับใช้ผู้รู้ใจก็พยักหน้ารับ ก่อนจะวางห่อผ้าเล็กๆ ไว้เบื้องหน้าหล่อน ‘ผงสังข์ทองล้างกลด’ ผงพิษร้ายแรงซึ่งประกอบด้วยเถ้ากระดูกชายตายโหง ดินเจ็ดป่าช้า และน้ำมันพราย มันมีลักษณะเป็นผงละเอียด สีเทาหม่นปนน้ำตาลดำ คล้ายเถ้าถ่านผสมคราบดินเก่าชื้น มีกลิ่นฉุนบางเบา คล้ายดินเปียก น้ำมันเก่า และควันไฟ หากนำเข้าใกล้จมูกนานๆ เเล้วละก็... จะรู้สึกเหมือนมีกลิ่นเนื้อคนเผาไฟแทรกซึมอยู่ในอากาศ ใช่แล้ว... ผงพิษนี้นางใช้ผสมปะปนในสำรับอาหารของสามีทุกวัน ทั้งของคาวหวาน ไพร่ในโรงครัวเป็นผู้มีหน้าที่ปรุงก็จริง เเต่คนจัดสำรับขั้นสุดท้ายก็หาใช่ใครอื่น นอกจากน้องสาวแท้ๆ ของนางเองอยู่ดี แน่นอน... มือสุดท้ายของคนในเรือนเดียวกัน ไม่มีทางจับมือใครดมได้ “แต่ดูเหมือนไอ้พระยานั่นยังจะมีเรี่ยวแรงดีนัก” แย้มเนืองยังคงไม่วางใจนัก หล่อนเอ่ยอย่างขุ่นเคืองที่ยังคงเห็นพระยาสิงขรดำเนินงานได้ตามปรกติ เเถมเริ่มเข้ารูปเข้ารอยมากขึ้นจากเมื่อก่อนที่เสเพล หากแต่ทองพินกลับกระตุกยิ้มที่มุมปากออกมาพร้อมกับเสีย
“เช่นนั้นข้าก็วางใจ” เขาตอบเพียงเเค่นั้น พลางคลี่ยิ้มบางซ่อนความไม่พึงใจภายใต้รอยยิ้มนั้นไว้ “ข้าได้จัดเรือนรับรองไว้ให้แล้ว ขุนอิน เจ้าพำนักอยู่ที่นี่สักเดือนหนึ่งเถิด จักพอมีเพลาอยู่กับข้าได้หรือไม่่?” ขุนอินยิ้มน้อยๆ เมื่อร่างชายวัยกลางคนชักชวน ดวงตาภายใต้เเว่นกรอบหนาเปี่ยมด้วยไมตรีจิตที่จริงใจ “ครานี้สนามรบหาได้คึกคักไม่ ข้าไม่มีภาระอันใดดอก ข้าจักอยู่เป็นเพื่อนเอ็งเอง จักมิปล่อยให้เอ็งเผชิญความลำบากนี้โดยลำพังเป็นอันขาด” นางสาวบีเผลอประทับใจกับความสัมพันธ์ของชายทั้งสองจนสายตาวาววับเป็นประกาย อย่างน้อยเเม้ไม่มีใครจริงใจกับขุนเเสนคำเลยเเม้เเต่เมียตนเอง เเต่เขาก็ยังมีมิตรเเท้ที่หาได้ยากยิ่งในช่วงเวลานี้อยู่ หญิงสาวฉีกยิ้มบาง ดูเต็มไปด้วยอารมณที่ดีนักหนา โดยที่ไม่เข้าใจตนเองเลยจริงๆ ว่าทำไมถึงต้องดีใจไปกับเรื่องดีๆ ของเขา ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าภาพเหล่านั้นกำลังอยุ่ในสายตาของหมอหนุ่มในทุกอิริยาบถของเธอ “งั้นข้าขอตัวก่อน เสร็จธุระเเล้ว” ขุนอินโพล่งขึ้นมาด้วยรอยยิ้มบาง ซุกซ่อนความรู้สุกบางอย่างไว้ใต้พรมเเห่งความคิด ขุนเเสนคำในร่างพระยาสิงขรจึงฝากฝังให้ข้าไทประจำเรือนรับรองพาชายหนุ่มไ
“เขา... จะไม่ตายใช่หรือเปล่าจ๊ะ?” เธอถามเสียงแผ่ว ขุนอินยังคงสับสนไม่รู้ว่าหล่อนรู้เรื่องชายผู้นี้ที่บาดเจ็บอยู่ในเรือนได้อย่างไร เขายังคงสับสนหลายๆ อย่างเพราะรู้จักขุนเเสนคำมานาน รวมถึงรู้จักบัวงามในฐานะเมียของเพื่อน เเต่ในตอนนี้หล่อนจับพลัดจับผลูมาเป็นเมียของผู้ที่เราทั้งสองเคารพรัก เเละดูเหมือนท่านจะไว้วางใจในตัวนางให้รู้เรื่องราวทุกอย่างเสียงด้วย ขุนอินเหลือบมองหล่อนเพียงแวบหนึ่ง ก่อนจะรีบก้มหน้ากลับลง “ถ้านี่มิใช่กระสุนอาคมเจาะเนื้อหนัง ก็ตอบได้ทันทีว่าไม่... หากแต่ตอนนี้กระผมตอบไม่ได้” พระยาสิงขรเม้มปากแน่น “กระสุนนี้เป็นกระสุนที่ข้าได้มาเพื่อกำจัดผู้มีอวิชาฟันเเทงมิเข้า” ขุนอินไม่ตอบอะไรเมื่อเขาอธิบาย ชายหนุ่มเพียงหยิบเอาใบยาฝานบางแช่น้ำสมุนไพรที่มีกลิ่นฉุนจากดีปลี ขมิ้นอ้อย และรากขันทองพยาบาท ค่อยๆ วางแนบบริเวณแผล แล้วปิดทับด้วยผ้าขาวสะอาด เขาหยิบแหนบเล็กจากปลอก มีปลายงอนคมเหมือนงาช้าง แล้วล้วงลึกลงไปในแผลที่เป็นรูโดนกระสุนฝังในร่างกายของมัน ร่างของไอ้เหล็กกระตุกเบาๆ ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด รวมถึงนางสาวบีที่เเสดงสีหน้าเหยเกเพราะเป็นการรักษาสดๆ ต่อหน้าโดยที่ไร
ทั้งที่พ่อทำให้แม่ต้องตรอมใจถึงเพียงนั้น ยังจะกล้ามองเขาเป็นลูกที่น่าภูมิใจอีกหรือ? ตลกสิ้นดี เผยธาตุแท้ออกมาเถิด ให้เขาได้เห็น ให้ผู้คนทั้งพระนครได้เห็นว่าพ่อก็เป็นเพียงชายผู้มีจิตใจคับแคบ เห็นแก่ตัว มัวเมาในราคะและหลงเชื่อหญิงโง่เง่ามากกว่าคนในครอบครัว ดังที่เคยทำจนชื่อเสียงเสื่อมเสียไปทั้งเมือง พ่อไม่เคยนึกถึงเลยหรือ ว่าตระกูลเราต้องอับอายมากถึงเพียงไหน? เขาเกลียดนัก เกลียดความใจดีเเละเสแสร้งนั่น เกลียดแววตาภาคภูมิใจเวลาที่พ่อมองมาที่เขา ทั้งที่ไม่ต้องการ ใช่... เขาอยากเห็นสีหน้าแบบนี้แหละ หน้าตาเต็มไปด้วยความชิงชัง ริษยา รวมถึงพิษร้ายอย่างความหึงหวง สมแล้วกับหน้ากากของพระยาสิงขรผู้ยิ่งใหญ่ที่เบื้องหลังฟอนเฟะยิ่งกว่ากระไรดี ขอบคุณท่านจริงๆ เจ้าคุณพ่อ... ขอบคุณที่ในที่สุดก็เผยไส้ในให้ลูกได้เห็นเสียที ข้าจะได้ก้าวข้ามท่านโดยไร้ความลังเลอีกต่อไป หนึ่งวันผ่านไป ตกช่วงเย็นใกล้ฟ้ามืด ก็มีเสียงม้าดังเร่งฝีเท้าเข้ามาท่ามกลางความเงียบของเรือนใหญ่ของท่านพระยา บัวงามเปิดม่านเเพรอย่างตื่นเต้น เพราะทันทีที่ขุนเเสนคำส่งข้อความไปถึง ‘ขุนอินเวชะสรรพ์’ หรือหมอหลวงที่เป็นสหายเก่าของขุนเเสนคำ







