“ตื่นแล้วหรือบัวงาม? อาการไข้ของลูกดีขึ้นแล้วหรือไร” หลวงศรีจันทร์เมื่อเห็นลูกสาวก็โพล่งขึ้นมาอย่างชื่นมื่น ดูออกจะแปลกไปเสียหน่อยกับเหตุการณ์ที่ลูกเขยเพิ่งเสียชีวิตจากสงคราม ทั้งที่ควรจะไว้ทุกข์แท้ๆ กลับทำเหมือนเป็นเรื่องปกติ
ฝ่ายนางจันทร์งามเองก็มองลูกสาวตนเอง แน่นอนว่าได้เล่าให้สามีฟังแล้วว่าทันทีที่ฟื้นจากพิษไข้ ลูกมีท่าทีประหลาดอย่างไรบ้าง
นางสาวบีสัมผัสได้ถึงสายตาของแม่ที่ดูเคลือบแคลง จึงทำทียกมือขึ้นมากุมหน้าผาก ทำทีปวดหัวการละคร
“ฟื้นแล้วเจ้าค่ะคุณพ่อ แต่ลูกอาจเบลอจากพิษไข้เล็กน้อย จนก่อนหน้านี้เผลอแสดงกิริยาไม่งามกับคุณแม่ไป” ว่าพลางเดินมานั่งข้างๆ นางจันทร์งาม ซุกแขนแม่ของตนทำทีออดอ้อนให้เห็นใจ “ลูกต้องขอโทษคุณแม่ด้วยนะคะ”
อย่างไรก็ห้ามให้คนในบ้านรู้เด็ดขาดว่าเธอเป็นคนอื่น ไม่ใช่เจ้าของร่างที่มาสิงอยู่
“ตายจริง ก็นึกว่าเลอะเลือนจนหลงลืมแม่ของเจ้าไปเสียแล้ว” คุณหญิงจันทร์งามมีสีหน้าโล่งอกขึ้น หลังจากกังวลอยู่นานว่าบุตรสาวของตนอาจจะวิปลาสไปเพราะไอ้ลูกเขยตามหลอกหลอน นึกแล้วก็แค้นใจนัก ตายไปดีๆ ไม่ได้หรือไร ทำไมต้องมาตามรังควานลูกนางอีก “ลูกยังฝันร้ายถึงพ่อแสนคำอยู่หรือไม่ มันเฮี้ยนจนลือไปทั่วพระนครเลยเชียว”
นางสาวบีชะงัก พลันนึกถึงคำพูดของผีนายแสนคำที่กำชับหล่อนก่อนที่จะตื่นจากนิมิต
“กลับไปสืบสาวราวเรื่องต่อในตอนตื่นเสีย ค้นหาชู้ทุกคนของเมียกู อย่าให้ใครล่วงรู้ว่าได้เจอกูอีก”
คงจะให้รู้ไม่ได้อีกสินะว่ายังฝันถึงเขาอยู่ แถมยังขยี้สวาทกันกลางป่าช้าอีกต่างหาก
“ไม่ฝันถึงแล้วเจ้าค่ะ พี่แสนคงหมดห่วงลูกแล้ว” ว่าพลางฉีกยิ้มกลบเกลื่อน นางจันทร์งามและหลวงศรีจันทร์ถึงกับหันไปมองหน้ากัน ในขณะที่ขุนเสือที่นั่งอยู่อีกฝั่งของนางจะหลุดหัวเราะออกมาในลำคออย่างพึงใจ
“เห็นทีว่าพี่เขยข้าคงเจอผีสาวที่ดีในภพนั้นแล้วกระมัง” เขาว่าพลางส่งสายตาคมกริบมาที่นางบัวงามที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ราวกับต้องการส่งสัญญาณอะไรบางอย่าง แต่แน่นอนว่าเธอไม่ใช่นางบัวงาม ย่อมไม่เข้าใจ “พี่บัวเอง ก็ควรหาพ่อของลูกในท้องมากลบข่าวลือการตาย แลข่าวหม้ายขันหมากของพี่เสีย”
“เสือ! หุบปากของเจ้าประเดี๋ยวนี้” นางจันทร์งามตวาดใส่ขุนเสือเมื่อได้ยินว่าพูดไม่เข้าท่า ไม่ได้สนใจว่าจะสร้างบาดแผลให้ชายตรงหน้าเนื่องจากไม่ใช่ลูกของตัวเอง เด็กหนุ่มร้ายกาจจึงยอมสงบปากลง “บัวงามตั้งครรภ์กับพ่อแสนคำ ถ้าหาผัวใหม่ คิดบ้างหรือไม่ว่าพี่ของเจ้าจักถูกครหาว่าเช่นไร”
นางสาวบีที่นั่งอยู่ข้างๆ แม่ถึงกับพยักหน้าน้อยๆ อย่างเห็นด้วยเงียบๆ
นั่นดิ ไอ้น้องชายนี่หาเรื่องให้พี่สาวตัวเองซะแล้ว ถ้าให้แต่งใหม่แล้วแผนการณ์ตามหาชู้จะเป็นยังไงเล่าไอ้บ้า หัดคิดบ้าง
“แต่ฉันนึกเห็นด้วยกับเสือ” ทั้งนางจันทร์งามและนางสาวบีในร่างนางบัวงามหันขวับไปทางหลวงศรีจันทร์ที่โพล่งเสริมความคิดของลูกชายคนที่สองออกมาอย่างตกใจ “คนตายก็ส่วนคนตาย แต่บัวงามยังต้องใช้หน้าใช้ตาในการใช้ชีวิตต่อไป แม้นจักหม้ายขันหมาก แต่นางก็ยังงาม แลยังมีชายที่ต้องการครอบครองนางอีกมาก”
“พี่... นี่มิต่างกับเอาลูกไปเร่ขายเลยนะ”
“ก็เจ้าอยากคลอดบุตรสาวที่งดงามจนเลื่องลือออกมาทำไมเล่า” ว่าพลางตบหน้าตักตนเองหัวเราะร่วนราวกับมีแผนการปอกลอกชายคนใหม่ด้วยหน้าตาของบุตรสาว นางสาวบีที่นั่งอยู่โดยไม่สามารถออกความคิดเห็นอะไรได้ ได้แต่คิดในใจว่า
ฉันซวยแล้ว
นอกจากจะเป็นหญิงทรามมากชู้ พ่อยังหน้าเลือดเห็นแก่เงินอีกต่างหาก
หลังจากจบการประชุมครอบครัวครั้งใหญ่ นางสาวบีเดินตรงมาที่ท่าน้ำหน้าเรือนตน มีสระบัวและปลาหลากสีแหวกว่ายอยู่ในนั้น หล่อนคิดไม่ตก เพราะถ้าโดนจับแต่งงานครั้งที่สอง มีหวังไอ้ผีขุนแสนคำได้เฮี้ยนหนักกว่าเดิมแน่นอน
เผลอๆ อาจเอาเธอตายได้ด้วยซ้ำ ข้อหานอกใจซ้ำนอกใจซ้อน เขายิ่งออกทรงผีบ้าอยู่ด้วย ขนาดกับเธอที่ไม่ใช่เมียใจชั่วของเขาด้วยซ้ำ ยังทำกันได้ลงแบบไม่แคร์ใจ
ทำไงดีวะ ไม่อยากแต่งงานอ่ะ แค่ภารกิจตามหาชู้ทุกคนของนางหญิงที่มาสิงร่างนี่ ก็ยุ่งยากจะตายอยู่แล้วเนี่ย
“บัวงาม”
แต่ทว่า... เสียงทุ้มเข้มดุดันที่ดังขึ้นด้านหลังก็ทำให้นางสาวบีหลุดจากภวังค์ความคิด แล้วเหลียวกลับไปด้านหลัง
เธอเห็นว่าน้องชายของนางบัวงาม... หมายถึงขุนเสือน่ะ กำลังเดินมาทางนี้
แต่ทันทีที่ถึงตัวนาง เขาก็...
“... อื้อ!” รั้งสะโพกผายของพี่สาวต่างแม่ของตนมากดริมฝีปากจูบอย่างหนักแน่น ปลายลิ้นอุ่นร้อนตวัดไปทั่วโพรงปากหวาน ดูดดื่ม เร้าแรง ทั้งสาดซัดความคะนึงโหยหา ก่อนที่ชายหนุ่มจะผละออกมา ทิ้งให้นางสาวบีที่โดนจูบยืนอึ้งตาค้างอยู่ตรงนั้น
“ไปบอกพ่อเสีย ไปบอกว่าลูกในท้องของพี่คือลูกฉัน”
“...”
“ไหนพี่สัญญากับฉันไว้มิใช่หรือ ว่าถ้าไอ้แสนคำมันตาย พี่จักหมั้นหมายกับฉัน!”
ขอสบถอีกทีได้ไหม
เฮ้ย! น้องชายต่างแม่มึงก็เอาเรอะบัวงาม!!
ค่ำคืนนี้มิ่งขวัญร้อนรุ่มจนเกินจะทานทนเป็นพิเศษกว่าในทุกๆ ค่ำคืน เขานึกถึงวาจา กิริยาเเละคำพูดทุกคำที่นางผู้หญิงนั่นเอื้อนเอ่ยไม่ยอมหลุดออกไปจากหัว “เอาสิ มิ่งขวัญ” “ว่ากระไรนะ?” “น้าจะเล่นกับเจ้ามิ่งด้วยก็ได้นะ เพราะเจ้ามิ่งเองก็รูปงามถูกใจน้าเหมือนกัน” มิใช่ไม่รู้ว่านั่นคือมารยาล่อลวงชายของผู้หญิงเช่นนั้น ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกเเต่ก็ขาดความยับยั้งชั่งใจ เมื่อหวนนึกถึงท่าทางยั่วเย้าโดยไม่จริงจังนัก หัวใจของมิ่งขวัญยิ่งเต้นส่ำระรัว เขาไม่เคยพบเจอสถานการณ์เช่นนี้ เเม้เเต่ทองผินที่เขาบูชาจนสุดดวงใจ ความรู้สึกที่มีต่อบัวงามเเตกต่างจากเจ้าคุณเเม่ เขาเคารพบูชาคุณเเม่ทองผินจนไม่คิดเเม้เเต่จะเเตะต้องเเม้เเต่ปลายเล็บหรือเเม้เเต่เส้นผมของท่าน เเต่มิ่งขวัญเข้าใจว่านั่นคือความรักในเชิงชู้สาวมาโดยตลอด เขาเข้าใจว่าตนเองนั้นหลงใหลจมปลักอยู่กับเสน่ห์ผู้ใหญ่ที่อบอุ่นเเละลึกลับของทองผินอยู่เสมอมา เเต่ครั้นเมื่อโดนยั่วหยอกเเค่เพียงน้อยจากผู้หญิงที่คิดว่าชังหน้าหล่อนตั้งเเต่เเรกเห็น สัญชาตญาณของชายหนุ่มที่กำลังจะเติบโตเต็มวัยร้องบอกว่าเขาปรารถนาในตัวของผู้หญิงคนนั้น จนถึงขนาดหึงหวง พลั้งปากสร้างความ
การมีความคิดไปในเเง่ลบต่อหล่อนอาจไม่ใช่เรื่องที่เเปลกใหม่ อาจเพราะบัวงามย่างเท้าก้าวเเรกเข้ามาในบ้านหลังนี้ในฐานะอนุภรรยาของบิดาเขา หล่อนเเสดงท่าทางยั่วยวนบุตรชายต่อหน้าพ่อของเขาอย่างกล้าหาญ เเถมยังปั่นหัวยั่วประสาทพ่อของเขาได้เป็นอย่างดี เขารู้ว่าหล่อนมันร้ายกาจ… เเต่ก็ไม่คิดว่าจะร้ายกาจถึงเพียงนี้ ร้ายกาจถึงกระทั่งพาชู้รักมากกนอนถึงถิ่นของเรา ขุนหล้ากระตุกยิ้มออกมา เเม้ว่าเขาเองจะเป็นขุนนางเเละเป็นลูกชายคนโตของพระยา หากเเต่สายเลือดโจรป่าที่อยู่ในกายครึ่งหนึ่งนั้นยังเข้มข้น ยิ่งหล่อนมีพิษ มีหนามเเหลมคมก็ยิ่งน่าลิ้มลอง น่าสนใจมากกว่าเดิม เขาเองก็เบื่อพวกคุณหญิงคุณนายที่เเสนเพียบพร้อมเเล้ว มาเอาหญิงร่านสวาทเเถมยังปั่นหัวเก่งคงจะน่าสนุกเเละท้าทายมากกว่า จะเป็นอย่างไรนะ หากได้ครอบครองหล่อน คงรู้สึกว่าไม่ต่างกับการได้รับชัยชนะจากบิดาของตนเองเป็นเเน่ ดูพ่อจะลุ่มหลงราคะร้อนร้ายของหล่อนมาก ถึงขนาดใช้สายตาขุ่นเคืองมองบุตรชายหัวเเก้วหัวเเหวน เเต่ก็คงมิเเปลกนัก การคลุกคลีกับหญิงร่านโลกีย์คงเป็นเรื่องคุ้นเคยของท่านไปเเล้วกระมัง นายกล้าถูกสั่งให้ตามมาบนเรือนทาส ทันทีที่บ่าวรับใช้สาวๆ เห็นร่
“เห็นทีว่าจะเป็นเพราะข้าเอง” แต่สุ้มเสียงเข้มที่ดังขึ้นด้านหลังก็ทำให้ทั้งบ่าวทั้งนายที่ยืนประจันหน้ากันชะงักไป เมื่อหันกลับไปสบตาจึงเห็นร่างของยอดหล้ายืนจังก้าอยู่ด้านหลัง ดวงหน้าของเขาประดับไปด้วยรอยยิ้มมุมปากท่าทางพิกลนัก “นางเปียกเพราะข้า อย่าได้ถือสาเลยหนา” “เจ้าค่ะคุณชาย” ทั้งที่เมื่อกี้เธอคิดหาข้ออ้างแทบตายแต่ยัยบ่าวนี้กลับดึงดันจะคาดคั้นให้จงได้ พอเป็นคุณหนูคนโตที่พูดอะไรส่งเดชไปเรื่อยเปื่อยออกมากลับเชื่อถือโดยไม่มีข้อกังขาเสียอย่างนั้น! เหตุผลก็ไม่มีให้ ไฉนจึงยอมเชื่อมากกว่า ลำเอียงไปไหมวะบ่าวบ้านนี้ คิดแล้วหงุดหงิด แต่ก็ทำเป็นฝืนยิ้มหวานให้กับชายตรงหน้า “ให้ข้าช่วยหรือไม่?” เมื่อเห็นว่าหล่อนทำท่าจะก้าวเข้าห้องหลังจากส่งยิ้มให้เพียงไม่กี่ชั่วครัน ขุนหล้าจึงอาสาเข้าช่วยเหลือ ถึงจะมีนัยยะว่าการช่วยเหลือที่ว่าคือเข้ามาช่วยเธอเปลี่ยนผ้าผ่อน รวมถึงรุ่มร่ามกับตัวเธอก็ตาม “มิเป็นไรดอกจ้ะ เปลี่ยนเสื้อครู่เดียวเอง รอน้าก่อนนะ” บ่าวคนนั้นยืนมองหล่อนลนลานเดินเข้าห้องพร้อมกับตามเข้าไปช่วยเปลี่ยนเสื้อแสงให้ จนเปลี่ยนเสร็จแล้วเปิดประตูออกมาก็พบว่าขุนหล้ายังคงยืนอยู่ที่เดิม “...” “มี
ในความเป็นจริง รูปโฉมของบัวงามที่ทำให้ขุนเเสนคำคนนี้ถึงกับหลงใหลนั้น ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเพราะหล่อนงดงามเเละดูมีจริตจะก้าน รวมถึงทรวดทรงที่อวบอั๋นเเม้ว่าจะร่างเล็กอรชร ไม่สูงสง่าอย่างสตรีอื่น หากเเต่ดวงตาที่เฉี่ยวคมเเต่กลับกลมโตสุกใสนั่นราวกับเเมวดำที่จ้องมองมา จึงทำให้ชายหนุ่มพากันหลงใหล ไม่ต่างจากไอ้กล้าผู้นี้ที่เเอบลอบตามมาถึงฝั่งเรือนของพระยาสิงขร เเอบลอบมองผ่านคลองกลางกองบัวใต้ตีน เขาเเช่อยู่นานพอดู จนกระทั่งเห็นร่างงามขยับมาเดินไปเดินมาอย่างคิดไม่ตกที่ศาลากลางสระบัว นายกล้านั้นไม่ต่างจากสุนัข อยู่ไม่ได้หากไร้ซึ่งเจ้าของ มันเเอบลอบสะกดรอยตามท้ายเรือของท่านพระยาผู้นั้นมา เเละพลัดหลงกลางคลอง ใช้เวลาว่ายน้ำข้ามวันข้ามคืน ด้วยเเรงกายของชายหนุ่มที่ตรากตรำทำงานหนัก จึงมองเห็นศาลากลางคลองบึงได้ไวๆ ในที่สุด ท่ามกลางซอกดอกบัวที่ขึ้นจับหนาอยู่ริมท่า เขาเเช่อยู่ในน้ำจนหนาวจับใจ เนื้อตัวใหญ่โตกำยำสั่นเทาอยู่ในน้ำ หากเเต่ดวงตากลับไม่อาจละสายตาจากความงดงามที่เขาโหยหาได้ ‘เจ้านายผู้งดงามของเขา’ กำลังกระเเทกก้นลงที่พักศาลา มีสีหน้าหงุดหงิดเหลือเกิน เมื่อไม่มีหล่อน การลำบากตรากตรำทำงานเหมือนต้
ขุนเเสนคำทำได้ทุกอย่าง หากว่านั่นจะเป็นหนทางที่จะสามารถไต่ไปถึงดวงจิตที่หายไปของเมียใจชั่วของเขาได้ เมื่อเสร็จสิ้นกิจรัก ทั้งคู่ตระกองกอดกันบนฟูกนอนราวกับคู่ผัวเมียที่รักกันปานจะกลืนกิน เเต่นั่นคงอยู่ในห้วงภวังค์ของเอื้องน้อยเพียงฝ่ายเดียว หล่อนอายุมากจนมีลูกโตขนาดนั้น เเต่ยังวิ่งโร่หาผู้ชายราวกับเด็กๆ ขุนเเสนคำในร่างสามีของนางที่โอบร่างกายเพรียวบางนั่นไว้รู้ดีอยู่เเก่ใจ ว่าในตอนที่เขามีชีวิตอยู่ พฤติกรรมเรียกร้องความรักของหล่อนมันน่าอดสูขนาดไหน เเต่ก็คงไม่ต่างจากเขาที่พยายามเรียกร้องความรักจากบัวงามสินะ ที่รู้สึกดูเเคลน… อาจเพราะเหมือนเห็นตัวเขาซ้อนทับอยู่ในร่างของเอื้องน้อยก็เป็นได้ “เห็นว่าเเม่เอื้องน้อยเป็นเพื่อนเล่นสมัยเด็กของพระมเหสี จักว่ากระไรหรือไม่… หากพี่อยากขอเข้าพบท่านผ่านทางน้อง” เเต่เขาก็จำเป็นต้องสลัดความคิดวกวุ่นนั่นทิ้งไปพร้อมกับเข้าเรื่องเข้าราวอย่างจริงจัง ว่ากันว่าพระราชชนนีนั้นมีความถือตัวต่อชายเเปลกหน้าไม่ว่าจะตำเเหน่งยศศักดิ์สูงสักเพียงใด เเละถึงเเม้พระยาสิงขรจะมีความสนิทชิดเชื้อกับองค์กษัตริย์ก็ตาม เเต่เพราะเจ้านางให้ความสำคัญเเละต่อต้านการยึดถือเรื่องอนุ
สุดท้าย หล่อนก็เลือกที่จะทำเช่นนี้ ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่วิญญาณเร่ร่อนนั้นตัดสินใจถูกต้องเเล้ว ดวงจิตของขุนเเสนคำนั้นตระหนักรู้ขึ้นมาทันที เขารับรู้ได้มาตลอดว่าดวงจิตภายในนั้นทะเยอทะยาน กล้าได้กล้าเสียเพียงใด เเละสิ่งที่เขาตัดสินใจฉีกสัญญาเเละให้หล่อนไปยั่วยวนไอ้ขุนหล้า ก็คิดว่าจะไม่กล้าทำเสียอีก เเต่ดูเหมือนจะไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนั้นเเล้วสินะ ดูวี่เเววมันเองก็ให้ความสนใจใคร่อยากในร่างเมียของเขาพอตัว ก็สมกับเป็นนางดี เขารู้ตนเองว่าเขาไม่มีวันตัดเยื่อไม่เหลือใยจากบัวงามได้ เเม้มิใช่เมียคนเเรก เเต่หล่อนคือผู้หญิงคนเเรกที่เขาจมปลัก ผูกมัด เเละต้องการครอบครองให้ได้จนยอมทำได้ทุกอย่าง การหลงรักหล่อนไม่ต่างกับตัวเขาที่ค่อยๆ จมลงสู่โคลนตม ไม่สามารถไปเกิดใหม่ได้นอกจากต้องวนเวียนสะสางบ่วงกรรมเเละความห่วงหาอาทร เเม้ว่าบัวงามจะทรยศเขาจนเหมือนตายซ้ำตายซากกับการกระทำอันเลวระยำของหล่อน ทั้งที่เขาไม่เคยคิดจะนอกกายหาเมียอื่นมาให้เธอรู้สึกขุ่นเคืองใจเลยสักนิด เเต่เมียที่เขารักมากขนาดนั้นกลับไปเล่นชู้จนท้องโต เเต่เเค้นเคืองไปเเล้วได้อะไร กับทุกเรื่องเขาเด็ดขาดไม่มีอ่อนข้อ เเต่พอเป็นเรื่องเมียตนเอง