Share

บทที่ 3

last update Terakhir Diperbarui: 2025-02-05 22:28:44

ห้าวันผ่านไปแล้ว เวลานี้กำลังพลของหั้วชินอ๋องที่มีฉือหย่งหลิงเป็นแม่ทัพใหญ่ คงจะถึงเมืองหลวงเป็นที่เรียบร้อย หลังจากนั้นพวกเขาทั้งหมดจะเดินร่วมกับกองกำลังของฮ่องเต้ ไปปราบกบฏที่ชายแดนทางเหนือของแคว้น ด้านฉือฟางอินเองก็ใช้ช่วงเวลาห้าวันนั้น คัดแยกสินเดิมจากมารดาที่นางเหลืออยู่ที่ลงในย่าม ด้วยความที่ตั้งแต่เข้ามาอาศัยอยู่ที่จวนสกุลฉือในฐานะฮูหยิน นอกจากเรือนหลังนี้ที่นางหลับนอนและใช้ชีวิตประจำวัน

 ก็ไม่มีสิ่งใดที่เลยที่บ่งบอกฐานะฮูหยินของนาง ฉือฟางอินต้องจัดการทุกอย่างในเรือนนี้ด้วยตัวเอง ไร้ซึ่งคนรับใช้ไร้ซึ่งอำนาจจัดการในจวน ต้องลำบากทำทุกอย่างด้วยตนเอง ทั้งที่ก่อนหน้านี้นางเองก็คือคุณหนูใหญ่ในจวนขุนนาง มีคนคอยรองมือรองเท้ามาตั้งแต่เกิด แต่ฉือหย่งหลิงผู้นี้กลับทำใช้ชีวิตนางตกต่ำลง ไม่เหลือเคล้าของการเป็นสตรีที่เกิดในชนชั้นสูงเลยแม้แต่น้อย ก็เพราะเขาปักใจเชื่อว่า นางจงใจวางแผนทำให้ตนเองได้แต่งงานกับเขา ในคืนงานเลี้ยงที่จัดขึ้น ณ จวนสกุลชวี่สกุลเดิมของนาง

คืนวันนั้นเป็นคืนจวนสกุลชวี่ จัดงานเลี้ยงต้อนรับหั้วชินอ๋อง สหายเก่าในวัยเด็กของใต้เท้าชวี่บิดาของนาง ทั้งสองเคยเล่าเรียนในสำนักศึกษาเดียวกันมาก่อน หลังจากที่หั้วชินอ๋องเข้าเฝ้าฮ่องเต้ของแคว้นหลูแคว้นบ้านเกิดของฉือฟางอิน เพื่อรับของพระราชทานรางวัล ที่ฮ่องเต้แคว้นฟู่แคว้นบ้านเกิดของหั้วชินอ๋องและฉือหย่งหลิง ได้ส่งกำลังพลของหั้วชินอ๋องมาช่วยทำส่งคราม จนทำให้ฝ่ายฮ่องเต้แคว้นหลูสามารถรวบรวมกำลังคน ทำการยึดอำนาจจากฮ่องเต้องค์ก่อน และสถาปนาตนเองเป็นฮ่องเต้คนใหม่ได้สำเร็จ หลังจากเสร็จพิธีมอบของพระราชทานแล้ว ใต้เท้าชวี่จึงเชิญสหายเก่า มางานเลี้ยงต้อนรับจวนสกุลชวี่

นั่นจึงเป็นครั้งแรกที่ฉือฟางอินและฉือหย่งหลิงได้พบหน้ากัน ในฐานะคุณหนูใหญ่สกุลชวี่และแม่ทัพใหญ่ในกำลังพลของหั้วชินอ๋อง ในตอนนั้นทั้งสองคน ต่างเป็นเพียงคนแปลกหน้าของกันและกัน มิได้มีเค้าลางที่จะทำความรู้จักสนิมสนมกันเลยสักนิด อีกทั้งสถานะของพวกเขาเอง ต่างคนก็มีบุรุษและสตรีที่หมายมั่นเอาไว้เป็นของตัวเองกันอยู่แล้ว โดยฉือฟางอินนั้น ได้หมั้นหมายอยู่กับเพ่ยเหยาซ่าง คุณชายจวนคหบดีที่ร่ำรวย เป็นอันดับหนึ่งของแคว้นหลู และวันนี้ในฐานะที่บิดาของทั้งคู่สนิทสนมกัน แม่ทัพชวี่จึงเชิญสหายและครอบครัวร่วมงานเลี้ยงในคืนวันนั้นด้วย

 ส่วนด้านฉือหย่งหลิงตอนที่อยู่ในสงครามนั้น ได้สละตนเองเพื่อช่วยชีวิตฮ่องเต้แคว้นหลูเอาไว้ ฮ่องเต้แคว้นหลูจึงตั้งใจที่จะมอบสมรสพระราชทาน ระหว่างเขาและองค์หญิงห้าเป็นรางวัล ทว่าในตอนนั้น สถานการณ์ชายแดนแคว้นฟู่ของเขา ได้เกิดความระส่ำระสายขึ้นมา ในระหว่างที่กองทัพของหั้วชินอ๋อง กองกำลังสำคัญของแคว้น อยู่ระหว่างติดพันธ์ช่วยแคว้นหลูทำสงครามอยู่ กบฏชายแดนถึงได้ใช้ช่องโหว่นี้ บุกรุกเข้ามาทำลายเมืองที่ตั้งอยู่ชายแดนแคว้นฟู่ ฉือหย่งหลิงจึงกราบทูลแก่ฮ่องเต้แคว้นหลู ให้เลื่อนสมรสพระราชทานออกไป จนกว่าสถานการณ์บ้านเมืองของแคว้นฟู่จะกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง

เหตุการณ์ในวันนั้นดำเนินไปอย่างปกติ โดยที่ไม่มีผู้ใดคาดคิดเลยว่า ในช่วงท้ายของงานที่เหลือเพียงเหล่าบุรุษ นั่งสังสรรค์ดื่มสุรากันด้วยกันอยู่นั้น จะเกิดเรื่องร้ายแรงที่ทำให้ฉือฟางอิน ต้องระเห็จระเหินจากบ้านเกิดเมืองนอน มาเป็นฮูหยินไร้ค่าในจวนแม่ทัพใหญ่สกุลฉือของฉือหย่งหลิงได้

เมื่อจู่ๆ ก็เกิดเสียงกรีดร้องของสตรี ดังขึ้นที่จวนของชวี่หนิงซื่อ บุตรสาวคนเล็กของแม่ทัพชวี่ เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ ก็พบอนุภรรยานามว่าชวี่ซุนเหลียน

นั่งร้องไห้กอดชวี่หนิงซื่อที่อยู่ในสภาพอาภรขาดวิ่น ก้มหน้าร้องไห้ซุกอกมารดาอยู่ นอกจากนี้ ก็ยังพบร่างของเพ่ยเหยาซ่าง ชายหนุ่มคู่มั่นของบุตรสาวคนโต นั่งหน้าดําคร่ำเครียด เอามือบีบนวดขมับอย่างคนคิดไม่ตกอยู่ ณ ที่ตรงนั้นด้วย

“เกิดอะไรขึ้น เหตุใดซื่อเอ๋อร์ถึงมีสภาพเช่นนี้”

 “ฮรึก ท่านพี่ ที่งานเลี้ยงท่านก็รู้ ซื่อเอ๋อร์รู้สึกไม่ค่อยสบาย ถึงได้ขออนุญาตท่านออกจากงานเลี้ยงมาก่อน เมื่อครู่นี้ข้ารู้สึกเป็นห่วงอาการของนางจึงได้แวะมาดู ไม่คิดว่าบุรุษผู้นั้น จะ... จะ ฮรึก”

“เพ่ยเหยาซ่าง!”

พลั๊ก 

ไม่ต้องรอให้อนุเหลียนกล่าวสิ่งใดไปมากกว่านี้ แม่ทัพชวี่ก็เดินเข้าไปผลักเพ่ยเหยาซ่าง จนหงายหลังล้มลง ขึ้นค่อมร่างของชายหนุ่ม แล้วชกเข้าไปที่ใบหน้าของเขาไม่ยั้ง จนบิดาของเพ่ยเหย่าซ่าง ต้องคุกเข่าอ้อนวอนขอชีวิตบุตรชาย พร้อมทั้งให้สัญญาว่า จะให้บุตรชายรับผิดชอบทุกอย่างที่เกิดขึ้น

แม่ทัพชวี่ถึงได้หยุดการกระทำนั้นของตนเอง ลุกขึ้นเดินออกจากเรือนของบุตรสาวคนเล็ก มุ่งหน้าไปที่เรือนของฉือฟางอินทันที ในเมื่อบิดาของเพ่ยเหยาซ่างกล่าวเช่นนั้น นั่นก็หมายความว่าการแต่งงานระหว่างฉือฟางอิน และเพ่ยเหยาซ่างจะต้องถูกยกเลิกไป เขาในฐานะบิดาของนาง สมควรจะต้องมาบอกเรื่องที่เกิดขึ้น ให้บุตรสาวคนโตรับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นด้วยตัวเอง

ทุกอย่างก้าวของแม่ทัพชวี่นั้นช่างหนักอึ้ง ราวกับว่าความรู้สึกในวันที่เขาพาอนุเหลียน ที่กำลังตั้งครรภ์บุตรสาวคนเล็ก เข้ามาในจวนสกุลชวี่ไม่มีผิด ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นตอนที่เขาต้องไปออกรบในครานั้น ได้พรากความสัมพันธ์ในครอบครัวไปในทันที ฮูหยินฉือเสียใจจนป่วยหนัก ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและบุตรสาวคนโต ระหองระแหงกันมาเรื่อยๆ จนมาถึงจุดแตกหัก และไม่สามารถกลับแก้ไขอะไรได้ เมื่อฮูหยินชวี่จากโลกนี้ไปอย่างไม่มีวันกลับ ฉือฟางอินแสดงท่าทีโกรธเกลียด แม่ทัพชวี่ผู้เป็นบิดาจนทำให้เขาเจ็บปวดหัวใจ

แต่ถึงนางจะโกรธเกลียดเขาอย่างไร เขาก็ยังให้ความสำคัญกับและรักนางสุดหัวใจ เพราะฉะนั้นแล้วไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น  เขาจะไม่ยอมให้นางเสียเกียรติ์ เพราะเรื่องต่ำทรามที่เกิดขึ้นเป็นอันขาด แต่ทว่าเมื่อแม่ทัพชวี่เดินมาถึงที่หน้าเรือนของบุตรสาว เขาก็ต้องแปลกใจเมื่อได้พบกับสหายเก่าอย่างหั้วชินอ๋อง ยืนทำหน้าเคร่งเครียดอยู่ก่อนแล้ว

“อาหั้ว! เจ้ามาทำอะไรที่เรือนบุตรสาวข้า!”

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทส่งท้าย

    “นี่พวกเราไม่ได้จะกลับบ้านกันหรอกหรือเจ้าคะ”ฉือฟางอินเอ่ยถามขึ้นมา เพราะเห็นว่าที่ที่ฉือหย่งหลิงพาตัวนางกับเฉียนเอ๋อร์มานั้น คือท่าเรือแคว้นหลูแทนที่มุ่งหน้า เดินกลับจวนสกุลฉือตามกำหนดการ ฉือหย่งหลิงไม่ได้อธิบายในทันที แต่กลับเดินนำหน้านางไปที่เรือลำหนึ่ง ที่ตกแต่งไปด้วยผ้าสีแดงสวยงาม ราวกับมีงานมงคลอยู่บนเรือลำนั้น แล้วหันมายื่นมือรอให้นางเดินเข้าไป เพื่อที่ได้พยุงนางกับลูกขึ้นเรือ“นี่อย่างไร จะพากำลังจะพาเจ้ากลับบ้าน”ความแปลกใจของฉือฟางอินยิ่งทวีขึ้น เมื่อเดินเข้ามาด้านในเรือแล้วพบว่า ด้านในของเรือลำนี้ได้ถูกจำลอง ให้เหมือนกับงานพิธีสมรสอย่างไรอย่างนั้น“นี่มันอะไรกันเจ้าคะ ทำในนี้ถึงได้...”“ฮูหยิน เมื่อสามปีก่อนที่เราแต่งงานกัน เป็นข้าที่ปฏิบัติกับเจ้าไม่ดี ไม่ให้เกียรติ์เจ้าในฐานะภรรยา แม้แต่เกี้ยวเจ้าสาวดีดี ก็ไม่ได้หาให้เจ้า ในวันนี้ที่ข้าสำนึกผิดแล้ว จึงอยากจะขอแก้ตัวกับเจ้าใหม่ ฮูหยิน ได้โปรดแต่งงานกับข้าอีกครั้งได้หรือไม่ ครั้งนี้ข้าสัญญาด้วยชีวิต ว่าเจ้าจะไม่เสียใจที่ได้แต่งงานกับคนอย่างข้าอีก เหมือนเมื่อสามปีที่แล้วอย่างแน่นอน

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 63

    “ด้วยนิสัยเดิมของบุตรชายข้าคนนี้ ที่นอกจะไม่เอาไหนแล้ว เขามักจะชอบลักเล็กขโมยน้อย สิ่งของคนที่เขาเคยได้สนทนาด้วยเสมอพะย่ะค่ะ”พรึ่บชวี่ซุนเหลียนขาอ่อนล้มพับลงไปนั่งกับทันที เมื่อนางเห็นพู่ตราสัญลักษณ์สกุลรุ่ย ประจำตัวของนางอยู่ในมือของฮ่องเต้ พู่ตราสัญลักษณ์นี้ เป็นสิ่งที่ติดตัวนางมาตั้งแต่เด็ก ด้วยความผูกพันกับของสิ่งนี้ ทำให้แม้จะเข้ามาเป็นอนุภรรยาในสกุลชวี่แล้ว นางก็ยังคงห้อยพู่ตราสัญลักษณ์สกุลรุ่ย ไว้กับตัวอยู่ตลอดเวลา ชวี่ซุนเหลียนไม่รู้ว่าตัวเองทำมันหล่นหายไปตอนไหนจนเข้าใจไปว่านางอาจจะทำพู่นั่น ตอนที่ไปอารามหวั่งสุ่ยกับจินหู่อดีตสาวใช้ ที่ถูกนางผลักตกเขาไปเมื่อสามปีก่อน เพราะจินหู่เป็นคนเดียวที่อยู่กับนาง ทั้งตอนวางแผนและตอนที่นางไปพบกับหลี่หมิงด้วยตัวเอง ชวี่ซุนเหลียนจึงจำต้องกำจัดนาง ตามคำสั่งของกู้ชินอ๋อง เพราะไม่อยากเกิดปัญหาตามมาในอนาคต หลังจากผ่านคืนนั้นไปไม่นาน ขณะที่ชวี่เจียงโหลวนำทัพไปทำสงคราม ชวี่ซุนเหลียนจึงออกอุบายกับจินหู่ ว่าตัวนางนั้นอยากจะไปสงบจิตใจ จากเรื่องที่พึ่งผ่านพ้นไป ด้วยการไปไหว้พระที่อารามหวั่งสุ่ยและต้องการไ

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 62

    เกิดเสียงฮือฮาไปทั่วทุกสารทิศ ว่าเหตุใดชวี่เจียงโหลวถึงได้มาขออย่าขาดกับชวี่ซุนเหลียน ต่อหน้าธารกำนัลในวันสำคัญเช่นนี้ แม้แต่กู้ชินอ๋องเองก็ต้องถึงกับลุกขึ้นจากที่นั่ง เพราะไม่ได้คาดคิดถึงการกระทำเช่นนี้ ของชวี่เจียงโหลวมาก่อน“ท่านพี่ นี่มันอะไรกันเจ้าคะ”“นั่นสิแม่ทัพชวี่ วันดีๆ แบบนี้ เหตุใดเจ้าถึงขออย่ากับนางต่อหน้าข้าและคนอื่นๆ”“นั่นก็เพราะว่าข้า มิอาจอยู่ร่วมชายคา กับสตรีชั่วช้าคนนี้ได้อีกต่อไปแล้วพะย่ะค่ะ”“เจ้าหมายความว่าอย่างไรกัน”“พระองค์คงจะไม่รู้ว่าเมื่อสามปีที่แล้ว มีสิ่งใดเกิดขึ้นในจวนของกระหม่อมบ้าง”ทันทีที่ได้ยินชวี่เจียงโหลวกล่าวเช่นนั้น กู้ชินอ๋องและชวี่ซุนเหลียนต่างก็ตาเบิกกว้าง พร้อมกับหันหน้ามาสบตากัน เรื่องเมื่อสามปีที่แล้วจะเป็นเรื่องใดได้อีก หากไม่ใช่เรื่องที่ชวี่ซุนเหลียนวางแผน แย่งคู่หมั้นของฉือฟางอินมาให้บุตรสาว และหมายจะให้คนงานหอนางโลม เข้ามาทำมิดีร้ายกับฉือฟางอินถึงในเรือนของนาง“กระหม่อมสู้อดทน สืบหาเบาะแสผู้ที่อยู่เบื้องหลังมาตลอด จนได

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 61

    “แล้วเขาให้ความร่วมมือหรือไม่ขอรับ”“ย่อมต้องเป็นอย่างนั้น”หลังจากที่รู้ให้คนพาตัวหลี่เฉินมาที่ค่ายทหาร ชวี่เจียงโหลวแสดงตนต่อหน้าเขา พร้อมทั้งบอกให้เขาได้รู้ว่า คุณหนูที่สตรีชนชั้นสูงนิรนามคนนั้น จ้างวานให้เขามาทำมิดีมิร้ายคือบุตรสาวของตน เท่านั้นก็ทำให้ลี่เฉินตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า เพราะความโง่เขลา“ท่านแม่ทัพชวี่ เรื่องนี้ ข ข้าไม่เกี่ยวนะขอรับ ป เป็น เป็นบุตรชายของข้า ที่แอบรับงานนั้นด้วยตัวเอง ข้าไม่เกี่ยวนะขอรับ”“คนตายไปแล้วจะพูดอะไรได้ หากเจ้าบอกว่าเจ้าไม่เกี่ยวกับข้องเรื่องนี้ แต่ทันทีที่พบของพวกนี้ เจ้ากลับจะนำไปทำลาย นี่หรือที่เจ้าบอกว่าไม่เกี่ยวข้อง”“ม ไม่ใช่ ไม่ใช่อย่างนั้นขอรับท่านแม่ทัพ ที่ข้าคิดจะเอาของพวกนี้ไปทิ้ง ก็เพราะว่าข้ากลัวข้า กับคนในครอบครัวที่เหลือที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ต้องโดนหางเลขไปด้วยขอรับ”“งั้นก็แสดงว่าเจ้ารู้แล้วอย่านั้นหรือ ว่าของสองอย่างนี้เป็นของใคร”“ยังไม่ทราบแน่ชัดขอรับ แต่คนผู้นั้นน่าจะมีความเกี่ยวข้องกับสกุล

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 60

    “อื้อ แอ้! คิกๆ”“ฮ่าๆ เฉียนเอ๋อร์ ขาเจ้าเล็กแค่นี้ แต่พละกำลังมากเหลือเกิน แม่เจ้าคงเลี้ยงเจ้ามาอย่างดีเลยสินะ”ชวี่เจียงโหลวกล่าวอย่างอารมณ์ดี ขณะที่กำลังให้หลานชาย ใช้ขาอวบทั้งสองข้าง ยันหน้าขากระโดดเด้งขึ้นเด้งลง ส่งเสียหัวเราะคิกคักด้วยความสนุกสนาน โดยมีฉือฟางอินและฉือหย่งหลิง นั่งอยู่ใกล้ๆ คอยมองสองตาหลาน เล่นด้วยกันด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม หลังจากทานมื้อค่ำด้วยกันแล้ว ชวี่เจียงโหลวได้ชักชวนบุตรสาวและบุตรเขย มานั่งพูดคุยถามสารทุกข์ตลอดหลายปีที่ไม่ได้พบหน้ากัน ซึ่งแน่นอนว่าการพูดคุยในครั้งนี้นั้น ไม่มีอนุเหลียนตามมาด้วย“เฉียนเอ๋อร์ เจ้าเล่นเบาๆ หน่อยเถิด เดี๋ยวท่านตาของเจ้าจะเจ็บเอาได้”“ไม่เป็นไรๆ ปล่อยให้เขาได้เล่นตามใจเถิด แรงเพียงเท่านี้ จะทำข้ากับได้อย่างไร เฉียนเอ๋อร์เจ้าเหนื่อยหรือยัง ให้ตาจับเจ้าโยนเล่นบนอากาศดีหรือไม่”“อื้อ แอ๊!”แม้จะพบหน้ากันเป็นวันแรก แต่สองตาหลานก็ดูจะเข้ากันดีจนคนเป็นแม่อย่างฉือฟางอินอดที่จะแปลกใจไม่ได้ เพราะที่ผ่านมา เฉียนเอ๋อร์ไม่ค่อยได้พบเจอคนอื่

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 59

    “เชิญพวกเจ้าพักผ่อนกันให้หายเหนื่อยเถิด ขาดเหลืออะไรก็บอกคนรับใช้ เดี๋ยวสักครู่ข้าจะต้องเข้าวังไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้คงไม่ได้อยู่ถามสารทุกข์สุขดิบของพวกเจ้า เอาไว้พบกันตอนค่ำก็แล้วกัน”“เจ้าค่ะท่านพ่อ ท่านไปเตรียมตัวเถิดเจ้าค่ะ ไม่ต้องห่วงทางนี้”หลังจากที่พาบุตรสาวและบุตรเขย มาส่งยังเรือนเก่าของฉือฟางอิน ที่ชวี่เจียงโหลวยังคงให้คนรับใช้เข้ามาทำความสะอาดทุกวัน เหมือนเมื่อครั้งที่บุตรสาวอาศัยอยู่ที่นี่ เจ้าตัวก็ต้องรีบเดินทางไปยังวังหลวงเพื่อส่งรายงาน สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างการทำศึกรวบรวมดินแดน ที่ชวี่เจียงโหลวเป็นผู้นำทัพ และสามารถคว้าชัยชนะมาได้เมื่อหลายเดือนก่อนด้านฉือฟางอินที่พึ่งจะตกปากรับคำที่บิดาไป แต่นางกลับมีความคิดจะออกไปข้างนอก แทนที่จะพักผ่อนตามที่บิดาบอก เหตุเห็นว่าไหนๆ ตนเองก็เดินทางมาถึงจวนสกุลชวี่ เร็วกว่าเวลาที่คำนวณเอาไว้มาก ประกอบกับที่นางไม่ได้รู้สึกเหนื่อยล้า จากการเดินทางที่ผ่านมาเลยสักนิด นางจึงอยากจะเดินทางไปเยี่ยมชมกิจการเลี้ยงหม่อน ที่เคยวางแผนว่าจะไปที่นั่นใน หลังจากผ่านไปแล้วสองถึงสามวัน หลังจากที่ถึงจวนสกุลชวี

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status