หลิ่งอินเดินลัดเลาะตามแนวภูเขามาเรื่อย ๆ โดยมีแสงสว่างลูกกลม ๆ คอยนำทาง เขาสังเกตุเห็นแสงสีม่วงวิบวับอยู่ในป่าอีกฝั่งจึงหยุดมองดูลาดเลา แต่เจ้าแสงสว่างนั้นกลับลอยลิ่วไม่รอเขา
หลังจากวิ่งตามมาได้พักหนึ่งจึงได้เห็นว่าเจ้าลูกกลมนั้นหยุดอยู่ต่อหน้าคนที่เขาคิดถึงมากที่สุด แสงนั้นตรงรี่เข้าไปหาเหลียนเฟินแล้วหายไปในทันที ยิ่งทำให้เขาแน่ใจว่าคนตรงหน้าคือคนเดียวกัน
เมื่อแสงสว่างทะลุเข้าไปในตัวของเหลียนเฟิน เขานิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ภาพในความทรงจำหลั่งไหลเข้ามา สายตาจ้องมองคนอีกฝั่งที่อยู่ไกล ๆ
“ชิงหยางห
เพียงได้ยินเหลียนเฟินพูดคำนั้นออกมา ใจของเขาก็กระตุกวูบพลันเลือดขึ้นหน้าด้วยความโมโห “หยุดร้องไห้!” เขาตะคอกเสียงดังจนเจ้าตัวสะดุ้งตกใจ “...” น้ำตาที่ไหล่เอ่อไม่อาจหยุดได้เพราะความเสียใจยังคงอยู่ “ข้าบอกให้หยุด” อารมณ์ของหวังเยี่ยนหลงเริ่มแปรปรวนมากกว่าเดิม ไอปราณมารราวกับจะปะทุอีกครั้ง ยิ่งเมื่อเห็นคนตรงหน้าไม่สนใจเขาก็ยิ่งเหลืออด “...” เสียงสะอื้นอาลัยอาวรณ์ของเหลียนเฟินไม่มีท่าทีจะ
หลิ่งอินเดินลัดเลาะตามแนวภูเขามาเรื่อย ๆโดยมีแสงสว่างลูกกลม ๆ คอยนำทาง เขาสังเกตุเห็นแสงสีม่วงวิบวับอยู่ในป่าอีกฝั่งจึงหยุดมองดูลาดเลา แต่เจ้าแสงสว่างนั้นกลับลอยลิ่วไม่รอเขา หลังจากวิ่งตามมาได้พักหนึ่งจึงได้เห็นว่าเจ้าลูกกลมนั้นหยุดอยู่ต่อหน้าคนที่เขาคิดถึงมากที่สุด แสงนั้นตรงรี่เข้าไปหาเหลียนเฟินแล้วหายไปในทันที ยิ่งทำให้เขาแน่ใจว่าคนตรงหน้าคือคนเดียวกัน เมื่อแสงสว่างทะลุเข้าไปในตัวของเหลียนเฟิน เขานิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ภาพในความทรงจำหลั่งไหลเข้ามา สายตาจ้องมองคนอีกฝั่งที่อยู่ไกล ๆ “ชิงหยางห
รุ่งเช้าวันต่อมา หวังเยี่ยนหลงและพรรคพวกของตนออกเดินทางไปตอนใต้ของแคว้นซีเป่ย “ข้าไม่เข้าใจว่าทำไมข้าต้องมาด้วย” เหลียนเฟินที่เดินอยู่ข้าง ๆ ถามหวังเยี่ยนหลง อย่างไรเสียนี่ก็เป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับตัวเขาเลยสักนิด “...” เขาไม่ตอบสิ่งใด คว้าเอวของเหลียนเฟินไว้แล้วใช้วิชาย่นระยะทางในพริบตา เพียงแค่ชั่วอึดใจ ทั้งสองคนก็มาถึงที่พักแรมคืนแรก คนอื่นในสำนักต่างพากันแยกย้ายจัดเตรียมสถานที่พั
สำนักเขาศิลาหยก อาจารย์ประจำสำนักพาตัวหลิ่งอินกลับมารักษาอย่างทันท่วงที อาการของเขาดีขึ้นมากจนฟื้นได้สติ หลังจากได้ฟังคำบอกเล่าเรื่องราวของคนอื่น ๆ ที่เข้าช่วยเหลือในวันนั้น หลิ่งอินรู้สึกว่าสถานการณ์แปลกไปมากนัก ใครต่อใครต่างบอกว่าร่องรอยบนตัวของชาวบ้านและศิษย์พี่น้องร่วมสำนักเกิดจากฝีมือของคนวังธาราเหมันต์ วิชาเกล็ดน้ำแข็งไม่มีผิดเพี้ยน “วังธาราเหมันต์หรือขอรับ”&
เช้าวันต่อมา เหลียนเฟินลืมตาตื่นขึ้นมาก็ไม่เห็นใครอยู่ตรงนั้นแล้ว ขอบตายังคงบวมเพราะน้ำตาที่ไหลล้นตลอดทั้งคืน ร่างกายทุกส่วนบอบช้ำ กลางหว่างขาเปรอะเปื้อนน้ำสีขุ่น เขาเกลียดที่เห็นสภาพเช่นนี้ของตัวเองยิ่งนักจึงรีบหาน้ำท่ามาอาบชำระล้างร่องรอยที่เหลืออยู่ เขาขัดถูร่างกายซ้ำไปซ้ำมาจนผิวขาวเริ่มแดง ทว่าสิ่งเหล่านั้นยังคงไม่จางหายไป พลันรู้สึกเหนื่อยล้าจิตใจยิ่งกว่าที่เคยเป็นมา ทั้งยังสัมผัสได้ถึงปราณมารอ่อน ๆ ในตัว เหลียนเฟินมีพลังเพียงพอที่จะขจัดมันออกไปได้ แต่มีบางสิ่งบางอย่างไม่ถูกต้อง ปราณมารส่วนหนึ่ง
วันต่อมา หวังเยี่ยนหลงออกไปทำงานตั้งแต่เช้าตรู่ปล่อยให้เหลียนเฟินนอนหลับเพียงลำพัง ครั้นเมื่อเจ้าตัวตื่นขึ้นมาแล้วไม่เห็นใครจึงพอโล่งใจไปบ้าง กระนั้นก็ไม่ลืมสังเกตร่างกายตัวเองกลัวจะมีสิ่งแปลกปลอมดังเช่นตอนนั้น เสื้อผ้าทั้งชุดยังปิดมิดชิดจึงถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะรีบวิ่งออกไปเปิดประตู ทว่า หวังเยี่ยนหลงร่ายอาคมปิดเรือนเอาไว้ ทำให้เขาออกไปที่ใดไม่ได้ จึงถือโอกาสเดินสำรวจในตัวเรือนใบไผ่ ชั้นวางหนังสือด้านในถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ ตำราวิชาต่าง ๆ เรียงรายชิดริมฝั่งผนัง ส่วนใหญ่