แชร์

เกิดใหม่อีกคราเป็นผู้ช่วยตัวน้อยของมารดาที่บิดาไม่รัก!
เกิดใหม่อีกคราเป็นผู้ช่วยตัวน้อยของมารดาที่บิดาไม่รัก!
ผู้แต่ง: ซีไซต์

บทที่ 1

ผู้เขียน: ซีไซต์
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-04-15 15:39:45

บทที่ 1 ศัตรูคู่แค้น

หลังการล้อมเมืองอย่างยาวนานถึงสามเดือนจบลง

เมืองอวีก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ต่อทัพของแคว้นลู่ แม่ทัพหานชางเหยียนนำกำลังทหารกว่าสามหมื่นนายเข้าไปเหยียบยังที่ทำการเจ้าเมืองอย่างอาจหาญ

การรบครานี้นับว่าเสียกำลังไพร่พลของแคว้นลู่น้อยที่สุดเป็นประวัติการณ์ด้วยเพราะเป็นการล้อมเมืองอวีเอาไว้อย่างยาวนานจนไม่สามารถส่งเสบียงอาหารเข้าไปภายในได้จนทำให้เมืองอวีต้องยอมแพ้เพราะกำลังจะอดตาย

อีกประการหนึ่งที่ทำให้เมืองอวียอมแพ้นั่นเป็นเพราะฝ่าบาทแคว้นเฝินผู้ซึ่งเป็นผู้ครองเมืองอวีถูกขุนนางถ่อยกล่าวหาว่าเจ้าเมืองอวีคิดคดทรยศสวามิภักดิ์แก่แคว้นลู่จึงทำให้ฝ่าบาทหลงเชื่อและมีโทสะไม่ยอมยกทัพมาช่วยเหลือ

สุดท้ายแล้วเมืองอวีจึงต้องจำยอมแพ้อย่างไร้กำลังหนุนหลัง

ฮ่องเต้แคว้นลู่มีพระราชโองการเร่งด่วนมอบสมรสพระราชทานให้หานชางเหยียนกับบุตรสาวเจ้าเมืองอวี นามเมิ่งสืออีอย่างเร่งด่วน

 แม้ว่าหานชางเหยียนจะเกลียดคนสกุลเมิ่งเพียงใดเพราะในอดีตท่านปู่ของเขาได้ออกรบกับคนสกุลเมิ่ง ในสงครามอันยาวนานครานั้นได้ตกลงสงบศึกกันชั่วคราวเพราะอากาศที่หนาวจัด

แต่คนสกุลเมิ่งกลับใช้วิธีสกปรกไม่ยอมทำตามที่ตกลงยังลอบทำร้ายลับหลังฉีกสัญญากองทัพอย่างไร้ยางอายและสังหารท่านปู่จนตาย

หลังจากนั้นไม่พอคนเจ้าเล่ห์ยังตัดศีรษะของท่านปู่เสียบประจานบนกำแพงเมืองอย่างยาวนานจนศีรษะเหือดแห้งเหลือเพียงโครงกระดูก

หานชางเหยียนเสียบิดามารดาไปตั้งแต่ยังเด็ก เขาจึงถูกท่านปู่ท่านย่าเลี้ยงมาและคาดหวังให้เขาเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ของสกุลหานคนต่อไป

หานชางเหยียนเคารพรักท่านปู่มากกว่าผู้ใดในโลกนี้ แค้นนี้เขาจึงจำฝังใจและต้องให้คนสกุลเมิ่งชดใช้คืน บัดนี้เขาทำสำเร็จแล้วแต่เขาต้องรับบุตรสาวของพวกศัตรูมาเป็นภรรยาจึงทำให้เขาไม่พอใจยิ่งนัก

ทว่าเขาก็ไม่อาจขัดรับสั่งได้ดังนั้นสมรสพระราชทานจึงได้จัดงานมงคลขึ้นอย่างเรียบง่ายแม้ว่าเจ้าสาวของเขานั้นจะงดงามเพียงใดหานชางเหยียนก็ไม่แม้แต่คิดจะชายตาแล และในที่สุดเขาก็สืบรู้มาจนได้ว่าสมรสพระราชทานนั้นเกิดขึ้นเพราะเหตุใด

แท้ที่จริงแล้วเป็นเจ้าเมืองอวีบิดาของเมิ่งสืออีที่เสนอเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อเอาตัวรอดไม่ให้เขาเข่นฆ่าคนสกุลเมิ่งด้วยเรื่องในอดีตที่คนสกุลเมิ่งได้ก่อเอาไว้

ดังนั้นเจ้าเมืองอวีจึงคิดเกี่ยวดองเอาไว้ให้เขากลายเป็นบุตรเขยของตนเองเพื่อลบล้างเรื่องทุกอย่างให้จบสิ้น และฮ่องเต้แคว้นลู่ก็ทรงเห็นด้วยกับเรื่องนี้

เพราะเหตุนี้จึงทำให้หานชางเหยียนยิ่งเกลียดคนสกุลเมิ่งเข้ากระดูกดำที่เจ้าเล่ห์เพทุบายยิ่งนัก

เมิ่งสืออีกลับไม่รู้ตัวเลยว่าตนเองเป็นที่รังเกียจของสามีเพียงนั้น นางเป็นเพียงสตรีในห้องหอที่วัน ๆ เอาแต่เย็บปักถักร้อยอยู่ในเรือน

ถึงสองแคว้นจะเป็นศัตรูกันแต่ชื่อเสียงการเป็นแม่ทัพผู้มีเมตตาไม่เข่นฆ่าชาวบ้านตาดำ ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องของหานชางเหยียนก็ลือกันกระฉ่อน

การศึกครานี้แม้เมืองอวีจะพ่ายแพ้ นอกจากอาหารที่ขัดสนแล้วทัพของหานชางเหยียนมิได้ทำให้ชาวบ้านได้รับความลำบากอย่างอื่น ทหารบาดเจ็บล้มตายน้อยยิ่งนักแม่ทัพหานเป็นบุรุษรูปงามแม้ภายนอกจะดูเย็นชาบ้างทว่าเขากลับมีใจที่เมตตากว่าผู้ใด

ชื่อเสียงนี้ของเขาทำให้นางยิ่งสงสัยว่าเขามีใบหน้าเป็นเช่นใดกันแน่

และเพียงได้พบหน้าเขาในวันแรก หัวใจน้อย ๆ ของสตรีที่แทบไม่ได้พบบุรุษใดเช่นคุณหนูเมิ่งสืออีก็พลันเต้นแรงขึ้น บุรุษผู้นั้นองอาจหล่อเหลาหาผู้ใดเทียบเคียงได้

หลังจากนั้นนางก็ได้รับสมรสพระราชทานจากฝ่าบาทแคว้นลู่ใจของเมิ่งสืออีจึงตกเป็นของว่าที่สามีได้อย่างง่ายดายนัก

ในวันแต่งงานเมิ่งสืออีอยู่ในชุดแต่งงานที่รีบเร่งจัดหาจึงมิได้งดงามและวิจิตรอย่างที่เคยฝันเอาไว้กระนั้นหัวใจของนางก็เปี่ยมสุข นางนั่งรอคอยเขาด้วยหัวใจที่เต้นระรัวกระทั่งครึ่งคืนผ่านไปนางจึงได้ยินเสียงประตูเปิดออก

ตั้งแต่เห็นหน้าเขาในวันที่รับสมรสพระราชทานวันนั้น นางกับเขายังไม่เคยพูดจากันเลยแม้แต่ประโยคเดียว ในคืนเข้าหอวันนี้นางเองก็ไม่รู้ว่าต้องพูดคำใดเช่นกัน ดังนั้นนางจึงได้แต่นั่งรอให้เขามาเปิดผ้าคลุมหน้าด้วยหัวใจเต้นระรัว

นางได้ยินเสียงน้ำถูกรินลงในจอก เมิ่งสืออีคิดว่าเขาอาจจะกำลังรินเหล้ามงคลอยู่กระมัง มือของนางสั่นโดยไม่อาจควบคุมนั่นคงเป็นเพราะนางตื่นเต้นจนเกินไป

ภายใต้ผ้าคลุมหน้าเจ้าสาว ใบหน้าของนางเห่อร้อนขึ้นมาและแดงก่ำ หญิงสาวกลั้นรอยยิ้มเอาไว้อย่างขัดเขิน ในเวลานั้นนางกลับได้ยินเสียงเย็นของหานชางเหยียนเอ่ยว่า

"หึ สุนัขสกุลเมิ่งคิดจะส่งบุตรสาวปีนขึ้นที่สูงชดใช้ความผิดหรือ ฝันไปเถิดว่าข้าจะแตะต้องเจ้า"

เมิ่งสืออีนิ่งอึ้ง นางไม่แน่ใจในสิ่งที่ตนเองได้ยิน คนผู้นั้นได้พูดคำว่า....สุนัขสกุลเมิ่งหรือ?

ดูเหมือนว่าหานชางเหยียนคงจะเมาสุราอย่างหนัก เขาคงดื่มไปไม่น้อยจึงได้กล่าวเพ้อเจ้อ

เมิ่งสืออีได้แต่ปลอบใจตนเองเช่นนั้น กระทั่งนางได้ยินเสียงข้าวของหล่นแตกกระจายพร้อมกับเสียงของหนัก ๆ หล่นกระแทกพื้น เมิ่งสืออีสะดุ้งครั้งแล้วครั้งเล่าแต่นางก็ไม่กล้าที่จะเปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวออกมาดู

นางไม่อาจทำผิดประเพณีได้ ผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวนี้สมควรเป็นเจ้าบ่าวที่ต้องเปิดออก

เมิ่งสืออีไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นนางจึงเอ่ยถามเสียงสั่น

"ท่านพี่เกิดอะไรขึ้นหรือเจ้าคะ"

นางได้ยินเสียงหัวเราะเย็นชาดังขึ้นมา หานชางเหยียนจ้องมองนางที่ยังนั่งอยู่บนเตียงนอนเพื่อรอคอยเขา

ในใจคิดว่านางคงหาทางเสวยสุขโดยการเป็นฮูหยินของเขาและใช้ความงามเข้าหลอกล่อ

ฉับพลันหานชางเหยียนก็บังเกิดความรู้สึกชิงชังขึ้นมาทันใด เขาจ้องนางดวงตาแข็งกร้าวยกจอกสุราขึ้นดื่มจนหมดแล้วเขวี้ยงลงบนพื้นจนจอกสุราหยกแตกกระจาย

เมิ่งสืออีได้ยินพลันสะดุ้งโหยงอีกคราจู่ ๆ ก็สัมผัสได้ถึงจิตสังหารอันเย็นเยียบทำให้ร่างของนางสั่นเล็กน้อย หากว่านางเปิดผ้าคลุมหน้าออกและเห็นหน้าเขาในยามนี้คงหวาดกลัวจนวิ่งหนีไปเป็นแน่

 หานชางเหยียนเห็นท่าทางของนางเช่นนั้นพลันแสยะยิ้ม

"สตรีแพศยา ข้าจะคอยดูว่าเจ้าจะวางท่าเป็นสตรีผู้อ่อนแอได้สักกี่น้ำ"

พูดจบเขาก็ถีบเก้าอี้ที่อยู่ข้าง ๆ จนล้มลงไปเพื่อข่มขวัญคน เมิ่งสืออีตกใจกับเสียงโครมครามและคำพูดกล่าวหาของเขาจนร่างกายแข็งค้างไปแล้ว

 นางนั่งนิ่งอยู่ตรงนั้นเนิ่นนานโดยไม่รู้ว่าหานชางเหยียนออกจากห้องหอไปตั้งแต่เมื่อใด

บัดนี้ในห้องหอเงียบสงบนัก หลังจากนั้นราวครึ่งชั่วยามเมิ่งสืออีจึงตัดสินใจเปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวออก

เมิ่งสืออีตะลึงงัน!

เมื่อเห็นว่าห้องหอที่ถูกประดับตกแต่งอย่างงดงามด้วยเครื่องประดับสีแดงบัดนี้ได้พังเสียหายยับเยิน กระทั่งโต๊ะกลางห้องก็พังลงไปกองที่พื้น

 เมิ่งสืออีได้รับความตกใจจนแทบสิ้นสติกว่าที่นางจะตั้งสติได้ก็ผ่านไปครู่ใหญ่ ไม่มีคนของนางสักคนที่เข้ามาใกล้บริเวณนี้ นางคิดจะออกจากเรือนหอแต่กลับถูกทหารของหานชางเหยียนเฝ้าเอาไว้

และในยามนั้นนั่นเองที่นางเห็นหานชางเหยียนกำลังโอบกอดสตรีนางหนึ่งอยู่ที่สวนด้านหน้า ท่าทางของเขาเมามายอย่างหนัก ใบหน้าของเขาซุกไซร้ที่ลำคอของสตรีนางนั้น และนางผู้นั้นก็ทำท่าเอียงอายส่งเสียงหัวเราะอย่างมีความสุข

เมิ่งสืออีมองสามีด้วยหัวใจที่ปวดร้าว เขาไม่หันมามองนางเลยแม้แต่น้อยขณะที่พาสตรีนางนั้นเดินผ่านหน้าของนางไป

เข่าของเมิ่งสืออีอ่อนลงทันใด กระทั่งนางทรุดฮวบนั่งลงกับพื้น ทหารที่เฝ้านางเอ่ยเบา ๆ ว่า 

"ฮูหยินสตรีนางนั้นเป็นแค่นางโลม ท่านอย่าถือสาท่านแม่ทัพเลยนะขอรับ"

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เกิดใหม่อีกคราเป็นผู้ช่วยตัวน้อยของมารดาที่บิดาไม่รัก!   บทที่ 55 ตอนพิเศษ 2

    ตอนจบ ตอนพิเศษอ้ายอ้ายมองน้องสี่ที่มีสีหน้าอิ่มเอิบท่าทางครุ่นคิด บัดนี้น้องสี่ของนางกลายมาเป็นผู้ช่วยบิดาในการสอนเขียนอักษรให้กับเด็ก ๆ ที่โรงรับเลี้ยงเด็กกำพร้า เขากลายเป็นอาจารย์ผู้หนึ่งไม่มีผู้ใดกล้าดูถูกเขาทุกคนต่างชื่นชมฝีมือการเขียนอักษรอันยากจะหาผู้ใดเปรียบของน้องสี่เขายังได้พบกับคนรักซึ่งเป็นเด็กกำพร้าผู้หนึ่งซึ่งเป็นสาวใช้ของเขาเอง ฮวาซานเหรินเห็นพวกเขารักใคร่จริงใจจึงจัดงานสมรสให้พวกเขาตามประเพณี บัดนี้คนที่มีความสุขที่สุดก็คงจะเป็นน้องสี่แล้วในเมื่อทุกคนให้อ้ายอ้ายเป็นคนตัดสินใจนางจึงเอ่ยว่า“ก็แค่ส่งคนผู้หนึ่งไป ไม่ยากอันใดเขาอยากให้ทำสิ่งใดข้าก็จะทำสิ่งนั้น ในเมื่อเขาอยากเจอพวกเราก็ไปพบเขากันดีหรือไม่”ทุกคนล้วนพยักหน้าส่งเสียงอืมในลำคอในวันต่อมาฮวาซานเหรินพาครอบครัวใหญ่ของเขาขึ้นรถม้าไปพบหานชางเหยียนที่นอนอยู่ที่โรงหมอแห่งหนึ่ง ท่านหมอประสานมือคารวะเขาแล้วเอ่ยว่า“นายท่าน ขอทานคนนี้ไร้ทางรักษาจริง ๆ แล้วขอรับ”ฮวาซานเหรินพยักหน้า“ไม่เป็นไร ท่านทำดีที่สุดแล้ว”จากนั้นเขาก็เดินไปนั่งลงบนตั่งไม้ข้างเตียงโดยมีบุตรและภรรยาเดินตามทุกคนล้วนจับจ้องที่ใบหน้าของบุรุษชราผู้หน

  • เกิดใหม่อีกคราเป็นผู้ช่วยตัวน้อยของมารดาที่บิดาไม่รัก!   บทที่ 54 ตอนพิเศษ 1

    ตอนพิเศษ 1ในยามที่อ้ายอ้ายตื่นมาอีกครั้งก็เป็นเวลาที่แสงอาทิตย์นอกหน้าต่างระยิบระยับดุจทองคำ นางบิดขี้เกียจพร้อมกับลุกขึ้นมองไปรอบ ๆ หลังจากที่ป่วยอยู่หลายวันตื่นขึ้นมาในวันนี้อ้ายอ้ายรู้สึกสดชื่นเป็นที่สุดแล้ว“คุณหนูตื่นแล้วหรือเจ้าคะ”อ้ายอ้ายพยักหน้าพร้อมกับรอยยิ้มสว่างไสว สาวใช้เห็นสีหน้าของนางสดชื่นเช่นนี้จึงเอ่ยว่า“ดูเหมือนว่าคุณหนูจะไข้ทุเลาแล้วนะเจ้าคะ”“สบายดีมากเลยตอนนี้ น่าจะเป็นเช่นนั้น”สาวใช้ยิ้มยินดี“บ่าวให้คนไปเรียนนายท่านกับฮูหยินนะเจ้าคะ เมื่อสักครู่เพิ่งมาดูอาการของท่านพร้อมกับองค์รัชทายาท”อ้ายอ้ายเบิกตากว้างจากนั้นก็ส่งเสียงใสแจ๋วออกมา“องค์รัชทายาทกลับมาแล้วหรือ”“เจ้าค่ะ มาตั้งแต่เช้าแล้วเจ้าค่ะ มาเยี่ยมคุณหนูแล้วแต่ว่าคุณหนูยังไม่ตื่นจึงได้ไปสนทนากับนายท่านที่เรือนรับรอง”“ข้าจะไปหาพี่ชายรัชทายาท”อ้ายอ้ายสั่งให้สาวใช้ปรนนิบัตินางล้างหน้าเปลี่ยนอาภรณ์ ทว่าสาวใช้กลับเอ่ยว่า“คุณหนูเพิ่งหายจากไข้ เกรงว่านายท่านจะตำหนิบ่าวเจ้าค่ะ ให้บ่าวไปเรียนนายท่านเถิดนะเจ้าคะ”อ้ายอ้ายส่ายหน้า“ไม่เอาข้าจะไปหาพี่ชายเอง ทำตามที่ข้าบอกเถิด”ผู้ใดก็รู้ว่าคุณหนูรองผู้นี้เป็นที

  • เกิดใหม่อีกคราเป็นผู้ช่วยตัวน้อยของมารดาที่บิดาไม่รัก!   บทที่ 53 ตอนจบ

    บทที่ 53 ตอนจบหานชางเหยียนขอร้องฝ่าบาทให้ส่งฮวาซานเหรินกับองค์รัชทายาทมาเป็นตัวแทนพระองค์ในวันแต่งงานของเขาระหว่างทางกลับหานชางเหยียนที่ส่งผู้อื่นไปเข้าหอแทนตนเองก็วางแผนการสังหารองค์รัชทายาทกับฮวาซานเหรินไปพร้อม ๆ กันคืนนี้ฮวาซานเหรินดื่มสุราเพียงน้อยนิด ส่วนองค์รัชทายาทไม่อาจปฏิเสธผู้อื่นได้อีกทั้งเขาอายุยังน้อยเพิ่งเริ่มหัดดื่มสุราดื่มไปเพียงจองสองจอกก็เมามายไร้สติแล้วแม้ขบวนรถม้าขององค์รัชทายาทจะมีคนคุ้มกันมากเพียงใด แต่ทหารหลวงบัดนี้อยู่ในมือของหานชางเหยียนเขาจึงสับเปลี่ยนคนอ่อนแอมาอารักขาเมื่อรถม้ามาถึงจุดที่วางเอาไว้ ผงยาสลบจำนวนมากก็ถูกโปรยลงจากท้องฟ้าด้วยการยิ่งธนูขึ้นสูงและทำให้ถุงพวกนั้นแตกกระจายเพราะไม่คาดคิดว่าจะเจอแผนการรบเช่นนี้จึงทำให้ทหารคุ้มกันขององค์รัชทายาทสลบไสลไร้สติล้มไปกองลงบนพื้นหานชางเหยียนที่อยู่ในชุดดำบัดนี้จึงปรากฏกาย เขาหัวเราะในลำคอ“การที่ข้าไม่ลงมือมิใช่ว่าข้าหวาดกลัว เพียงแต่ให้โอกาสพวกเจ้าก็เท่านั้น ในเมื่อไม่สำนึกว่าควรเชื่อฟังผู้ใดก็จงตายไปด้วยกันเสีย”เขาสั่งให้คนลากองค์รัชทายาทออกจากรถม้าซึ่งภายในรถม้าคันนั้นแน่นอนว่ามีฮวาซานเหรินอยู่ด้วย

  • เกิดใหม่อีกคราเป็นผู้ช่วยตัวน้อยของมารดาที่บิดาไม่รัก!   บทที่ 52

    บทที่ 52 กฎแห่งกรรมที่แท้การแก้ไขปัญหาม้าที่ต้องส่งไปยังซีชวนก็คือการซื้อม้าจากดินแดนซยงหนู อ้ายอ้ายเพียงแต่จดจำได้ว่าช่วงเวลานี้ดินแดนซยงหนูต้องการพัฒนาการเกษตรเพราะพวกเขาไม่สามารถปลูกผลผลิตได้เพราะขาดคนเชี่ยวชาญในขณะที่แคว้นลู่เชี่ยวชาญในเรื่องนี้ ปกติซยงหนูจะทะนงตนไม่ยอมส่งม้าขายให้ผู้อื่น พวกเขายังนับว่าเป็นดินแดนที่เลี้ยงม้ามากที่สุด เมื่อองค์รัชทายาทยื่นข้อเสนอขอซื้อม้าราคาถูกเพื่อแลกกับการช่วยเหลือการเกษตรส่งเสริมเครื่องมือและกำลังคนช่วยซยงหนูในการปลูกพืชเพื่อเลี้ยงตนเองอย่างแต่งที่ อีกทั้งยังมอบสัญญาแต่งงานตอบแทนเพื่อเป็นการยืนยันว่าแคว้นลู่จะให้การช่วยเหลืออย่างเต็มที่ทั้งยังได้ฮองเฮาช่วยเจรจาอีกแรงเรื่องนี้จึงสัมฤทธิผลการจัดหาม้าส่งไปยังซีชวนทำได้ทันเวลา องค์รัชทายาทได้รับการกล่าวขานว่าเก่งกาจที่สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็วและทันท่วงที ทำให้ขุนนางยกย่องยิ่งนักองค์หญิงที่มาแต่งงานเป็นองค์หญิงสายรองซึ่งหากนับญาติก็เป็นหลานสาวของฮองเฮา นางเดินทางมาถึงเมืองหลวงแคว้นลู่อย่างเร่งด่วนเพราะฮองเฮาขอร้องเพื่อให้มาร่วมงานเลี้ยง และพวกนางได้วางแผนการเอาไว้แล้ว องค์หญิงผู้นี้รักอ

  • เกิดใหม่อีกคราเป็นผู้ช่วยตัวน้อยของมารดาที่บิดาไม่รัก!   บทที่ 51

    บทที่ 51 ถึงเวลาเอาคืนร่างกายของสตรีทั้งสองเย็นเยียบ รู้สึกอ่อนแรงไปทั้งร่างราวกับว่าบัดนี้ตนเองกำลังถูกคลื่นยักษ์สาดซัดอย่างรุนแรงกระแทกฝั่งเป็นธรรมเนียมที่ทุกคนต้องเข้าแถวยกจอกสุราถวายพระพร ทว่าบัดนี้ฮองเฮากลับตรัสว่า“ไท่ผินชรามากแล้ว ไม่จำเป็นต้องลุกขึ้นข้าเองไม่ถือสาเรื่องตำแหน่ง ผู้ชราก็ควรได้รับการดูแล”จากนั้นฮองเฮาพลันลุกขึ้นเดินเข้ามาใกล้ฮูหยินชราโดยที่เด็กน้อยผู้นั้นเดินประกบข้างซ้ายและเมิ่งสืออีประกบข้างขวาภาพที่ฮูหยินชราเห็นอยู่ตามนี้ทำให้จิ้งจอกเฒ่าแทบลมจับ“ไท่ผินข้าเป็นผู้น้อยอย่างไรก็ต้องขอคารวะท่าน”มือของฮูหยินชราสั่นจนแทบจะยกจอกสุราไม่ไหวแล้ว พริบตานั้นจอกสุราก็พลันร่วงหล่นลงมาฮองเฮาเลิกคิ้ว“ดูสีหน้าซีดเซียวแล้วไท่ผินคงไม่สบายกระทั่งจอกสุรายังยกไม่ไหว”เมิ่งสืออีเอ่ยว่า“ฮองเฮาเพคะ ให้ท่านย่าผู้นี้ไปพักที่ห้องข้างดีหรือไม่เพคะ หม่อมฉันจะพาไปเอง”ฮองเฮาแย้มยิ้ม“เช่นนั้นก็ลำบากเสี่ยวสือแล้ว”เมิ่งสืออียอบกายก่อนจะขยิบตาให้อ้ายอ้ายเดินตามมา เด็กน้อยเอ่ยว่า“ฮองเฮาอ้ายอ้ายไปกับท่านแม่นะเจ้าคะ”ฮองเฮาพยักหน้า “ไปเถิด”จิ้งจอกเฒ่าสั่นไปทั้งร่างนางหวาดกลัวจนพิษในกาย

  • เกิดใหม่อีกคราเป็นผู้ช่วยตัวน้อยของมารดาที่บิดาไม่รัก!   บทที่ 50

    บทที่ 50 ตื่นตะลึงหลังเมิ่งสืออีและอ้ายอ้ายดื่มยาคลายกังวลพวกนางก็นอนหลับไปพร้อม ๆ กัน ฮวาซานเหรินดูแลนางจนวางใจจึงกลับมาหารือกับรัชทายาทที่ตำหนักบูรพารัชทายาทกลับมาที่ตำหนักบูรพาพร้อมกับฮวาซานเหรินเพื่อหารือ จากนั้นก็สั่งให้เสิ่นกงกงรีบตามหมอหลวงอีกคนมาดูอาการของเขา“อาจารย์ท่านได้รับบาดเจ็บใช่หรือไม่ขอรับ”ฮวาซานเหรินนั่งลงบนเตียงเขาขัดสมาธิเดินพลังครู่หนึ่งจึงกระอักเลือดคั่งออกมาคำโตก็พลันรู้สึกดีขึ้น เขารับผ้าซับเลือดมาจากเสิ่นกงกงพร้อมกับเอ่ยว่า“ข้าไม่เป็นอันใดไม่จำเป็นต้องเรียกหมอหลวง”ทว่ารัชทายาทไม่ยินยอมฮวาซานเหรินจึงคิดว่า“ข้าจะต้องเอาผิดเขาให้ได้ ข้าจะกราบทูลเสด็จพ่อ”ฮวาซานเหรินเอ่ยว่า“ข้าคิดว่าฝ่าบาทจะเข้าข้างเขา นอกจากคนของเราแล้วก็ไร้หลักฐาน คนของหานชางเหยียนที่จับได้ล้วนเป็นนักรบเดนตายพวกเขาฆ่าตัวตายไปหมดแล้ว”“แต่หานชางเหยียนผู้นี้เหิมเกริมนัก หากเขาลงมืออีกเล่า”ฮวาซานเหรินเอ่ยว่า“เขาบาดเจ็บหนักไม่น้อยคงต้องรักษาตัวพักใหญ่ อีกอย่างด้วยนิสัยระแวงระวังของเขาในเวลานี้คงยังไม่ลงมือ เกรงว่าจะถูกพวกเราวางแผนโต้กลับ”รัชทายาทเอ่ยว่า“ที่ท่านไม่ให้ข้าทูลเรื่องนี้เพราะ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status