แชร์

บทที่ 7

ผู้เขียน: ซีไซต์
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-04-15 15:41:50

บทที่ 7 บุตรสาวของข้า

"ลูกของข้าเจ้าจะพาไปไหนไม่ได้"

อ้ายอ้ายได้ยินเสียงนั้นพร้อมกับท่าทางตกอกตกใจของมารดานางก็เข้าใจได้โดยพลันว่าผู้ที่มาใหม่นั้นคือผู้ใด ในใจของอ้ายอ้ายคิดแค้นเคืองนัก นี่หรือคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อเขาทักทายคนที่เป็นภรรยาหลวงที่ไม่ได้เจอกันมานานแบบนี้หรือ

ช่างน่าชังนัก นางอยากจะหยุมหัวผู้ชายคนนั้นจริง ๆ

แม้จะง่วงเพียงใดอ้ายอ้ายก็ยังก่นด่าออกมา

"อ้า อ้า อ้อ อ้อ..."

หานชางเหยียนได้ยินเสียงเล็ก ๆ ของบุตรสาวก็พลันรู้สึกตื่นเต้น ยิ่งทำให้เขาอยากเห็นใบหน้านั้นทว่าเขากลับไม่กล้าขยับ

บุรุษร่างสูงมองแผ่นหลังของเมิ่งสืออีที่ยังนั่งหันหลังให้เขา พร้อมกับบังร่างทารกเอาไว้อย่างหวงแหนไม่ยอมให้เขาได้เห็นหน้าจึงได้เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่กดข่มความเกรี้ยวกราดเอาไว้

"ลูกสาวข้า ให้ข้าดูนางหน่อย"

เมิ่งสืออีทั้งโกรธทั้งแค้นนางหันมามองเขาด้วยดวงตาแข็งกร้าว สายตาของคนสองคนพลันประสานกันท่ามกลางปุยหิมะที่พัดเข้ามา หานชางเหยียนสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดที่อยู่ในเนตรคู่งาม แต่เขากลับแสร้งไม่รับรู้

"อย่ามายุ่งกับลูกของข้า อากาศเย็นมากเปิดประตูลมหนาวเข้ามาลูกของข้าจะไม่สบาย "

ไฉไฉที่เพิ่งได้สติจึงขยับกาย นางเป็นเพียงสาวใช้ต่ำต้อยจึงไม่กล้ามองหน้านายท่าน ได้แต่คลานไปปิดประตูไม่ให้ลมเข้ามา

นางสังเกตเห็นว่ามีคนตามนายท่านมาหลายคนแต่เพราะว่าด้านนอกมืดจึงไม่ได้สำรวจว่ามีผู้ใดที่มาบ้าง เวลานี้จึงได้แต่นั่งอยู่ตรงหน้าประตูพร้อมกับก้มหน้าปิดปากเงียบเชียบ ทำตัวราวกับว่าเป็นหุ่นไม้ที่อยู่ภายในบ้านหลังนี้

หานชางเหยียนกำมือแน่น เขาไม่ได้พบหน้านางมาเกือบเจ็ดเดือนแล้ว แต่ทันทีที่พบหน้านางกลับมองเขาด้วยสายตาแข็งกร้าวอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน ความจริงเขามาถึงที่นี่ได้ครู่หนึ่งแล้วแต่เขายังไม่เปิดประตูเข้ามาจึงได้ยินเมิ่งสืออีและสาวใช้พูดคุยกันทุกประโยค

บัดนี้เขาจึงได้รับรู้ว่าลับหลังเขานั้น คนที่บ้านปฏิบัติกับนางเช่นไร ซึ่งทำให้เขาไม่พอใจอยู่มาก

"นางคือลูกของข้าเช่นกัน เจ้ามีสิทธิ์อันใดมาสั่งข้า เจ้าเป็นภรรยาของข้า"

เมิ่งสืออีแค่นคำออกมา

"ท่านเคยคิดจริง ๆ หรือว่าข้าคือภรรยา หานชางเหยียนท่านทำให้ข้าขบขันแล้ว"

จากนั้นเมิ่งสืออีก็หัวเราะในลำคอ หานชางเหยียนย่อมรู้สึกผิดในใจแต่เขาเป็นบุรุษหน้าบาง ยิ่งกับเมิ่งสืออีที่เขาเคยเย็นชามาตลอดเขาก็ไม่เคยคิดจะทำให้นางได้ใจ

ถึงจะเป็นมารดาของบุตรสาวแล้วแต่นางก็คือคนสกุลเมิ่ง สตรีจากสกุลคู่แค้นที่สังหารท่านปู่ของเขา เขาไม่อาจลืมความแค้นนี้ไปได้ แต่เมื่อเห็นแผ่นหลังเหยียดตรง ใบหน้างดงามบึ้งตึงขาวซีดจนเหมือนคนป่วย ทั้ง ๆ ที่เมิ่งสืออีในยามนี้ที่แม้จะเพิ่งคลอดบุตรนางสมควรอ้วนท้วน แต่เมิ่งสืออีกลับผอมแห้งเหมือนคนอดอยากมาเนิ่นนาน ทำให้เขายิ่งบังเกิดความรู้สึกสงสารและไม่กล้าทำรุนแรงกับนางมากไปกว่านี้

ถึงจะรู้สึกผิดหานชางเหยียนก็ยังเอ่ยกับนางด้วยถ้อยคำที่เย็นชา

"เจ้าจะคิดเช่นใดข้าไม่สนใจ ส่งเจี่ยเอ๋อร์มาให้ข้า"

เมิ่งสืออีคาดไม่ถึงว่าหานชางเหยียนจะดื้อรั้นเพียงนี้ หากเป็นก่อนหน้านี้แค่เห็นหน้านางเขาก็เดินหนีแล้ว แต่ยามนี้ถูกนางขับไล่เขาก็ยังคงไม่ไปไหน 

"ท่านมาถึงก็ไม่มีแม้แต่คำขอโทษหรือคำอธิบายให้แก่ข้า หานชางเหยียนท่านช่างใจคอคับแคบเสียจริง ท่านกลับไปเถิดพวกเราแม่ลูกไม่จำเป็นต้องมีท่าน"

"เจ้าจะโทษข้าได้อย่างไร ไยเจ้าจึงไม่เคยบอกข้าว่าเจ้าตั้งท้อง เพราะข้าไม่รู้ข้าจึงละเลยเจ้าไปเช่นนี้"

เมิ่งสืออีจ้องเขาเขม็ง ดวงตาฉายแววแห่งความเจ็บช้ำ นางแค่นเสียงดูแคลนคราหนึ่งแล้วเอ่ยว่า

"ข้าส่งจดหมายไปหาท่านหลายฉบับ หานชางเหยียนเพราะเป็นจดหมายของข้า ท่านคงไม่เคยเปิดอ่านสินะ จึงไม่รู้ว่าข้าแม่ลูกได้รับความลำบากเพียงใด ข้าย่อมเจียมตัวแล้วเพราะรู้ดีว่าคนในดวงใจของท่านนั้นก็คือลู่ลี่มิใช่ข้า ท่านจึงได้เมินเฉยเย็นชากับข้าและลูกของข้าเพียงนี้"

หานชางเหยียนได้ยินดังนั้นถึงกับทำสิ่งใดไม่ถูก เจ็ดเดือนก่อนเขาถูกส่งตัวไปรบที่แดนเหนืออย่างเร่งด่วนก่อนหน้านั้นเขากับนางก็แทบจะไม่ค่อยได้พบเจอกัน

เขามีความสัมพันธ์กับนางเพียงครั้งเดียวและก็ไม่เคยนอนกับนางอีกหานชางเหยียนจึงไม่คิดว่าเพียงครั้งเดียวนั้นจะทำให้เกิดเรื่องเช่นนี้ได้

นางส่งจดหมายถึงเขาจริง แต่เขาคิดว่าเขาไม่มีเวลามาอ่านจดหมายของผู้ใดด้วยการศึกที่กระชั้นชิดเรื่องของนางจึงไม่มีความสำคัญเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นเขาจึงไม่เคยรู้ว่านางตั้งท้องมาก่อน

และเมื่อการศึกสงบเขาส่งข่าวบอกกับทางบ้าน งานแต่งงานของเขาและลู่ลี่ก็ถูกกำหนดขึ้นอย่างเร่งด่วน เมื่อกลับมาถึงเพราะเขาไม่เคยให้ความสำคัญกับนางจึงไม่ได้ไปพบที่เรือน นางไม่มาต้อนรับเขา เขาก็ไม่ได้ถามหาเพราะคิดว่านางอาจจะไม่อยากเห็นหน้าเขาก็เป็นได้

เมื่อคิดเช่นนั้นเขาที่ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับนางจึงปล่อยเลยตามเลยจนเรื่องกลายมาเป็นเช่นนี้จากนั้นเขาก็เข้าหอเพราะเรื่องวุ่นวายในการรับภรรยารองทำให้หานชางเหยียนไม่มีเวลาคิดถึงเมิ่งสืออี นางกลายเป็นหมอกควันจาง ๆ สำหรับเขาไปแล้ว

เมื่อรู้ความจริงเขาก็ยอมรับว่าเป็นเขาที่มีความผิด ในเมื่อเขาผิดเขาก็คิดจะแก้ไขเพราะไหน ๆ นางก็คลอดบุตรสาวให้เขาคนหนึ่งแล้ว หานชางเหยียนรู้สึกว่าต้องยอมถอยสักก้าวเขาจึงเอ่ยว่า

"ข้ายอมรับว่าไม่ได้อ่านจดหมายเจ้าจริง เรื่องนี้ข้าต้องขอโทษเจ้าด้วย"

เมิ่งสืออีไม่รับคำขอโทษ

"ไม่จำเป็นแล้ว ข้าจะพาลูกนอนท่านกลับไปเถิดเจี่ยเอ๋อร์ต้องนอนแล้ว ป่านนี้ภรรยาของท่านคงรอแล้วอย่าให้ข้าต้องเป็นตัวขัดขวางความสุขของท่านเลย เดี๋ยวสตรีนางนั้นจะเข้าใจผิดและหาเรื่องข้าอีก"

หานชางเหยียนพ่นลมหายใจออกมา

"เจ้าเข้าใจผิดแล้ว ลู่ลี่มิใช่คนเช่นนั้นเป็นเพราะนางข้าถึงได้รู้ว่าเจ้าคลอดบุตรสาวให้ข้า นางบอกข้าเองว่าเจ้าเพิ่งคลอด นางดีเพียงนั้นเจ้าก็อย่ามองนางในแง่ร้าย เจ้าคือฮูหยินเอกต้องปรองดองกับนางอย่าหาเรื่องนางเลย ข้าเข้าใจเรื่องที่คนสกุลหานทำกับเจ้าย่อมไม่ถูกต้อง ในเมื่อข้ากลับมาแล้วข้าจะแก้ไขเรื่องนี้เอง"

เมิ่งสืออีฟังคำแก้ต่างของเขาแทนลู่ลี่แล้วอยากจะอาเจียน ที่ผ่านมานางถูกลู่ลี่หาเรื่องมาตลอดและนางก็อดทนเพราะเกรงว่าจะมีผลกระทบต่อเด็กในท้อง บัดนี้คนผู้นี้กลับมาเตือนนางว่าอย่าหาเรื่องลู่ลี่ เมิ่งสืออีเบะปากเอ่ยว่า

"ท่านควรเตือนสตรีของท่านมากกว่า นางก็เป็นแม่ดอกบัวขาวที่เสแสร้ง มีเพียงคนโง่เท่านั้นที่เชื่อนาง"

หานชางเหยียนพยายามเตือนสติตัวเองว่าอย่ามีโทสะ เมิ่งสืออีนางเพิ่งคลอดบุตรอารมณ์ย่อมไม่คงที่

"เห็นหรือไม่ ว่าเจ้ากล่าวหานางแล้ว อย่าเข้าใจลู่ลี่ผิดเลย"

เพ้ย! เพ้ย!

อ้ายอ้ายที่ดวงตาปรือจะหลับมิหลับแหล่ได้ยินหานชางเหยียนออกหน้าแทนเมียน้อยของตนแล้วถึงกับอยากถ่มน้ำลายใส่หน้าเขาแทนมารดานัก แต่ภาพของนางในยามนี้ก็คือนางกำลังส่งเสียงอ้อแอ้และพ่นน้ำลายออกจากปากเหมือนเด็กปัญญาอ่อนคนหนึ่ง

"อือ อือ อา อา"

อ้ายอ้ายเฝ้าเก็บข้อมูลและส่งเสียงเชียร์หม่าม้าอยู่ในใจเหมือนกำลังดูมวยคู่เอก แต่เมื่อเห็นท่านพ่อของนางปกป้องเมียน้อยเช่นนี้ก็อยากจะขึ้นสังเวียนชกแทน สิ่งที่ทำได้ก็คือการกำกำปั้นเล็ก ๆ ของนางแล้วชูแขนป้อม ๆ ขึ้นพร้อมกับเตะเท้าวุ่นวายไม่หยุด

ให้ตายเถิดไยเป็นทารกจึงได้น่าสมเพชเช่นนี้ ในเวลาเช่นนี้ไยนางจึงไม่สามารถช่วยหม่าม้าได้นะ 

เพราะเสียงของเด็กทารกที่จู่ ๆ ก็ดังขึ้นทำให้เมิ่งสืออีรีบหันมามองบุตรสาว เห็นท่าทางประหลาดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนของบุตรสาวพร้อมกับที่ส่งเสียงไม่หยุดคนไร้ประสบการณ์เช่นนางจึงเป็นกังวลขึ้นมา

"เจี่ยเอ๋อร์ของแม่เป็นอันใดหรือ"

จากนั้นเมิ่งสืออีก็หันมามองหน้าไฉไฉที่นั่งอยู่หน้าประตูด้วยความสงสัย ไฉไฉรีบคลานไปหาเมิ่งสืออีเมื่อเห็นท่าทางกำหมัดแน่นของคุณหนูน้อยก็เอ่ยเบา ๆ พร้อมกับคว้าผ้ามาเช็ดน้ำลายให้

"คุณหนูไม่เป็นอันใดเจ้าค่ะ เด็กบางทีก็เล่นน้ำลายเช่นนี้เรื่องปกติเจ้าค่ะ"

"ให้ข้าดูนางหน่อย"

ในที่สุดหานชางเหยียนก็ทนไม่ไหวแล้ว เขาขยับเข้ามาใกล้เมิ่งสืออีแล้วคุกเข่าลงก้มหน้ามาใกล้ ๆ ใบหน้าของบุตรสาวอย่างรวดเร็ว 

เพราะบิดาเข้ามาใกล้นางเพียงนี้อ้ายอ้ายจึงเห็นใบหน้าของบิดาชัดเจน 

อ้า...ผู้ชายคนนี้คือพ่อของอ้ายอ้ายหรือ หน้าตาเขาไม่ธรรมดาเลย ใบหน้าคมขาว คิ้วกระบี่ ดวงตาเรียวยาว รูปงามดั่งเทพเซียน จะว่าไปก็เหมาะกับหม่าม้าราวกับกิ่งทองใบหยก เสียดายที่เขาเป็นผู้ชายที่ใช้ไม่ได้เลยสักนิด หล่อแล้วนิสัยหมา ๆ อ้ายอ้ายย่อมไม่อยากรับเป็นพ่อ

หานชางเหยียนเห็นใบหน้าของบุตรสาวชัดเจนก็พลันตกตะลึง เด็กน้อยผู้นี้เขาเข้าข้างตนเองว่าเหมือนเขาถึงหกเจ็ดส่วน ช่างเป็นเด็กน้อยที่น่าอัศจรรย์ยิ่ง ความรู้สึกของเขาในยามนี้เหมือนมีดอกไม้ที่แสนงดงามดอกหนึ่งกำลังเบ่งบานในใจ

เจี่ยเอ๋อร์ของเขาช่างเป็นเด็กทารกที่น่ารักทั้งงดงามที่สุดที่เขาเคยเห็นมา ดวงตาของนางกลมโตใสกระจ่าง แก้มของนางห้อยยุ้ยสีขาวอมชมพู ร่างกายอวบขาวราวกับก้อนแป้งก้อนหนึ่ง และท่าทางที่นางจ้องเขาเขม็งในยามนี้ก็ยิ่งทำให้เขาบังเกิดความรู้สึกรักใคร่สุดประมาณ

หานชางเหยียนเหม่อลอยไปแล้วเขาขยับนิ้วมาเขี่ยแขนขาวอวบราวกับหัวไชเท้าของเด็กน้อยพร้อมกับเอ่ยออกมาเบา ๆ 

"เจี่ยเอ๋อร์ บุตรสาวข้า ลูกของข้า  ลูกของข้า"

เมิ่งสืออีได้สติแล้ว นางจึงใช้มือข้างหนึ่งของตนเองผลักเขาออกห่าง แต่คนผู้นี้กลับนั่งนิ่งไม่ขยับตัวราวกับกำแพงหินหนา

"อย่ามายุ่งกับลูกของข้า ถอยไป"

อ้ายอ้ายเห็นด้วยกับหม่าม้า

อ้ายอ้ายไม่อยากมีพ่อใจร้ายแบบนี้

อ้ายอ้ายโกรธและไม่พอใจจึงเริ่มเบะปาก จากนั้นเสียงอ้อ ๆ แอ้ ๆ ของอ้ายอ้ายก็กลายเป็นเสียงร้องไห้ระงม

เพราะในใจของอ้ายอ้ายเศร้าและโกรธแค้นผู้ชายคนนั้นแทนหม่าม้า อ้ายอ้ายไม่อยากร้องไห้เลยสักนิดแต่ก็ไม่สามารถควบคุมตนเองได้ แน่นอนว่าเพราะว่านางยังเป็นเด็กทารกคนหนึ่งที่จิตใจอ่อนไหวยิ่งกว่ากิ่งหลิวเพียงถูกทำให้ไม่พอใจแม้จะเล็กน้อย ปากของนางก็เบะออกพร้อมตะเบ็งเสียงร้องและหลังน้ำตาได้ราวกับทำนบพัง

อ้ายอ้ายอดทนเรื่องความหิวได้แต่ความเสียใจนี้ไม่สามารถอดทนได้จริง ๆ

เมิ่งสืออีได้ยินเสียงร้องของบุตรสาวก็พลันตกใจ ตั้งแต่เกิดมาได้สามวันเจี่ยเอ๋อร์ของนางร้องไห้เพียงหนเดียวก็คือตอนที่คลอดออกมา จากนั้นก็มักจะอารมณ์ดีตื่นขึ้นมาก็ส่งเสียงเล็ก ๆ ร้องเรียกมารดาเพียงไม่กี่แอะ แต่ครานี้เมื่อได้ยินเสียงของบิดาผู้ใจร้ายอ้ายอ้ายก็แสดงความไม่พอใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด

เมิ่งสืออีหันไปมองหานชางเหยียนด้วยดวงตาประดุจปีศาจร้ายที่น่ากลัว นี่เป็นครั้งแรกที่นางใช้สายตาเช่นนี้กับเขาทำให้หานชางเหยียนรู้สึกขนลุกได้อย่างประหลาด

"นางร้องไห้เพราะท่าน หานชางเหยียนท่านทำให้ลูกของข้าไม่พอใจ ตั้งแต่เกิดมาเจี่ยเอ๋อร์ไม่เคยร้องไห้สักแอะเพียงท่านโผล่หน้ามาก็เป็นเช่นนี้แล้ว"

หานชางเหยียนอ้าปากค้าง เขายกนิ้วชี้ที่ตัวเอง

"ข้าหรือ..."

เมิ่งสืออีตะโกนขับไล่

"ใช่นะสิ ไสหัวไปเลยนะอย่ามาให้ข้าเห็นหน้า บุตรสาวข้าต้องการนอนแล้วท่านกลับไปเถิดอย่ามายุ่งกับพวกเราแม่ลูกอีก"

นางด่าเขาเสียงดังลั่นทั้งท่าทางที่แสดงออกก็เหมือนรังเกียจเขาหนักหนา พร้อมกับเสียงของบุตรสาวที่เขาเพิ่งตกหลุมรักจนถอนใจไม่ขึ้นยังร้องไม่หยุด หานชางเหยียนยิ่งตกตะลึงและทำสิ่งใดไม่ถูก

เมื่อเห็นว่าบุตรสาวร้องไห้หนัก เมิ่งสืออีจึงอุ้มลูกลุกขึ้นโดยมีไฉไฉช่วยประคอง นางอุ้มบุตรสาวไปนอนที่เตียงจากนั้นก็หันหลังให้ เป็นการปิดการสนทนาทั้งหมด นางไม่อยากเห็นหน้าเขาอีกแล้ว

อ้ายอ้ายยังส่งเสียงร้องไห้เพราะเจ็บแค้นแทนมารดายิ่งนัก คิดถึงเรื่องที่อ้ายอ้ายได้ยินในวันแรกที่ไฉไฉเคยพูดเรื่องจดหมายที่ส่งไปชายแดน ตอนนั้นอ้ายอ้ายยังไม่เข้าใจว่าพวกเขาพูดถึงเรื่องอะไรกันแต่ตอนนี้อ้ายอ้ายเข้าใจแล้ว

ไม่เพียงแต่จดหมายที่หม่าม้าส่งถึงผู้ชายคนนั้น แต่ยังมีเสื้อคลุมที่หม่าม้าตัดเย็บและปักด้วยตนเอง และอาหารแห้งอีกหลายอย่างที่หม่าม้าตั้งใจทำส่งไปให้ ดูท่าทางแล้วเขาคงไม่เคยแตะต้องของพวกนั้นเลยแม้แต่น้อย

ช่างเป็นหม่าม้าที่น่าสงสารจริง ๆ

หานชางเหยียนมองแผ่นหลังบอบบางของเมิ่งสืออีที่กำลังปลอบเด็กน้อย ม่านคลุมเตียงถูกไฉไฉปลดลงมาก่อนที่ไฉไฉจะเอ่ยว่า

"นายท่าน ฮูหยินกำลังจะให้นมคุณหนูเจ้าค่ะ"

ไฉไฉย่อมไม่กล้าขับไล่เขา นางเอ่ยแค่นั้นก็ยืนเฝ้าอยู่หน้าเตียงเงียบ ๆ ไม่เอ่ยคำใดอีก

เมื่อถูกมารดาโอบกอดทั้งปลอบโยน เด็กน้อยที่เริ่มหิวอีกแล้วจึงโผเข้าไปดูดนมของมารดาและหลับตาพริ้มส่งเสียงสะอื้นฮึก ฮึก พร้อมกับปากเล็ก ๆ ที่ขยับดูดเต้าของมารดาเบา ๆ 

ดูเอาเถิดอ้ายอ้ายถนอมหม่าม้าแค่ไหน ขนาดดูดนมยังค่อย ๆ ทำเลย ผู้ชายคนนั้นถึงจะขึ้นชื่อว่าเป็นพ่ออ้ายอ้ายก็จะไม่ปล่อยให้เขารังแกหม่าม้าเป็นอันขาด

เสียงทารกเงียบไปแล้วหานชางเหยียนจึงค่อยใจสงบลง  ทว่าในเวลานั้นเสียงของสตรีนางหนึ่งพลันดังลอดเข้ามาจากนอกเรือน

"ท่านพี่เจ้าคะ เกิดอะไรขึ้น ให้ลู่ลี่เข้าไปได้หรือไม่"

เมิ่งสืออีดวงตาเบิกกว้างเมื่อได้ยินเสียงนั้น นางไม่คิดว่าลู่ลี่จะมาตามคนถึงที่นี่ หัวใจของนางเจ็บช้ำเกินพอแล้ว นางจึงเอ่ยว่า

"พวกท่านรีบไสหัวไปเถิด อย่ารบกวนเจี่ยเอ๋อร์ของข้าอีกเลย เด็กเล็กไม่ชอบความวุ่นวายท่านทำนางสะดุ้งหลายคราแล้ว หานชางเหยียนกับข้าท่านจะทำร้ายอย่างไรข้าทนได้ แต่อย่าคิดมาทำให้บุตรสาวของข้าได้รับความลำบาก ข้าเมิ่งสืออีต่อให้ต้องตายข้าก็จะปกป้องเจี่ยเอ๋อร์ด้วยชีวิต"

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เกิดใหม่อีกคราเป็นผู้ช่วยตัวน้อยของมารดาที่บิดาไม่รัก!   บทที่ 55 ตอนพิเศษ 2

    ตอนจบ ตอนพิเศษอ้ายอ้ายมองน้องสี่ที่มีสีหน้าอิ่มเอิบท่าทางครุ่นคิด บัดนี้น้องสี่ของนางกลายมาเป็นผู้ช่วยบิดาในการสอนเขียนอักษรให้กับเด็ก ๆ ที่โรงรับเลี้ยงเด็กกำพร้า เขากลายเป็นอาจารย์ผู้หนึ่งไม่มีผู้ใดกล้าดูถูกเขาทุกคนต่างชื่นชมฝีมือการเขียนอักษรอันยากจะหาผู้ใดเปรียบของน้องสี่เขายังได้พบกับคนรักซึ่งเป็นเด็กกำพร้าผู้หนึ่งซึ่งเป็นสาวใช้ของเขาเอง ฮวาซานเหรินเห็นพวกเขารักใคร่จริงใจจึงจัดงานสมรสให้พวกเขาตามประเพณี บัดนี้คนที่มีความสุขที่สุดก็คงจะเป็นน้องสี่แล้วในเมื่อทุกคนให้อ้ายอ้ายเป็นคนตัดสินใจนางจึงเอ่ยว่า“ก็แค่ส่งคนผู้หนึ่งไป ไม่ยากอันใดเขาอยากให้ทำสิ่งใดข้าก็จะทำสิ่งนั้น ในเมื่อเขาอยากเจอพวกเราก็ไปพบเขากันดีหรือไม่”ทุกคนล้วนพยักหน้าส่งเสียงอืมในลำคอในวันต่อมาฮวาซานเหรินพาครอบครัวใหญ่ของเขาขึ้นรถม้าไปพบหานชางเหยียนที่นอนอยู่ที่โรงหมอแห่งหนึ่ง ท่านหมอประสานมือคารวะเขาแล้วเอ่ยว่า“นายท่าน ขอทานคนนี้ไร้ทางรักษาจริง ๆ แล้วขอรับ”ฮวาซานเหรินพยักหน้า“ไม่เป็นไร ท่านทำดีที่สุดแล้ว”จากนั้นเขาก็เดินไปนั่งลงบนตั่งไม้ข้างเตียงโดยมีบุตรและภรรยาเดินตามทุกคนล้วนจับจ้องที่ใบหน้าของบุรุษชราผู้หน

  • เกิดใหม่อีกคราเป็นผู้ช่วยตัวน้อยของมารดาที่บิดาไม่รัก!   บทที่ 54 ตอนพิเศษ 1

    ตอนพิเศษ 1ในยามที่อ้ายอ้ายตื่นมาอีกครั้งก็เป็นเวลาที่แสงอาทิตย์นอกหน้าต่างระยิบระยับดุจทองคำ นางบิดขี้เกียจพร้อมกับลุกขึ้นมองไปรอบ ๆ หลังจากที่ป่วยอยู่หลายวันตื่นขึ้นมาในวันนี้อ้ายอ้ายรู้สึกสดชื่นเป็นที่สุดแล้ว“คุณหนูตื่นแล้วหรือเจ้าคะ”อ้ายอ้ายพยักหน้าพร้อมกับรอยยิ้มสว่างไสว สาวใช้เห็นสีหน้าของนางสดชื่นเช่นนี้จึงเอ่ยว่า“ดูเหมือนว่าคุณหนูจะไข้ทุเลาแล้วนะเจ้าคะ”“สบายดีมากเลยตอนนี้ น่าจะเป็นเช่นนั้น”สาวใช้ยิ้มยินดี“บ่าวให้คนไปเรียนนายท่านกับฮูหยินนะเจ้าคะ เมื่อสักครู่เพิ่งมาดูอาการของท่านพร้อมกับองค์รัชทายาท”อ้ายอ้ายเบิกตากว้างจากนั้นก็ส่งเสียงใสแจ๋วออกมา“องค์รัชทายาทกลับมาแล้วหรือ”“เจ้าค่ะ มาตั้งแต่เช้าแล้วเจ้าค่ะ มาเยี่ยมคุณหนูแล้วแต่ว่าคุณหนูยังไม่ตื่นจึงได้ไปสนทนากับนายท่านที่เรือนรับรอง”“ข้าจะไปหาพี่ชายรัชทายาท”อ้ายอ้ายสั่งให้สาวใช้ปรนนิบัตินางล้างหน้าเปลี่ยนอาภรณ์ ทว่าสาวใช้กลับเอ่ยว่า“คุณหนูเพิ่งหายจากไข้ เกรงว่านายท่านจะตำหนิบ่าวเจ้าค่ะ ให้บ่าวไปเรียนนายท่านเถิดนะเจ้าคะ”อ้ายอ้ายส่ายหน้า“ไม่เอาข้าจะไปหาพี่ชายเอง ทำตามที่ข้าบอกเถิด”ผู้ใดก็รู้ว่าคุณหนูรองผู้นี้เป็นที

  • เกิดใหม่อีกคราเป็นผู้ช่วยตัวน้อยของมารดาที่บิดาไม่รัก!   บทที่ 53 ตอนจบ

    บทที่ 53 ตอนจบหานชางเหยียนขอร้องฝ่าบาทให้ส่งฮวาซานเหรินกับองค์รัชทายาทมาเป็นตัวแทนพระองค์ในวันแต่งงานของเขาระหว่างทางกลับหานชางเหยียนที่ส่งผู้อื่นไปเข้าหอแทนตนเองก็วางแผนการสังหารองค์รัชทายาทกับฮวาซานเหรินไปพร้อม ๆ กันคืนนี้ฮวาซานเหรินดื่มสุราเพียงน้อยนิด ส่วนองค์รัชทายาทไม่อาจปฏิเสธผู้อื่นได้อีกทั้งเขาอายุยังน้อยเพิ่งเริ่มหัดดื่มสุราดื่มไปเพียงจองสองจอกก็เมามายไร้สติแล้วแม้ขบวนรถม้าขององค์รัชทายาทจะมีคนคุ้มกันมากเพียงใด แต่ทหารหลวงบัดนี้อยู่ในมือของหานชางเหยียนเขาจึงสับเปลี่ยนคนอ่อนแอมาอารักขาเมื่อรถม้ามาถึงจุดที่วางเอาไว้ ผงยาสลบจำนวนมากก็ถูกโปรยลงจากท้องฟ้าด้วยการยิ่งธนูขึ้นสูงและทำให้ถุงพวกนั้นแตกกระจายเพราะไม่คาดคิดว่าจะเจอแผนการรบเช่นนี้จึงทำให้ทหารคุ้มกันขององค์รัชทายาทสลบไสลไร้สติล้มไปกองลงบนพื้นหานชางเหยียนที่อยู่ในชุดดำบัดนี้จึงปรากฏกาย เขาหัวเราะในลำคอ“การที่ข้าไม่ลงมือมิใช่ว่าข้าหวาดกลัว เพียงแต่ให้โอกาสพวกเจ้าก็เท่านั้น ในเมื่อไม่สำนึกว่าควรเชื่อฟังผู้ใดก็จงตายไปด้วยกันเสีย”เขาสั่งให้คนลากองค์รัชทายาทออกจากรถม้าซึ่งภายในรถม้าคันนั้นแน่นอนว่ามีฮวาซานเหรินอยู่ด้วย

  • เกิดใหม่อีกคราเป็นผู้ช่วยตัวน้อยของมารดาที่บิดาไม่รัก!   บทที่ 52

    บทที่ 52 กฎแห่งกรรมที่แท้การแก้ไขปัญหาม้าที่ต้องส่งไปยังซีชวนก็คือการซื้อม้าจากดินแดนซยงหนู อ้ายอ้ายเพียงแต่จดจำได้ว่าช่วงเวลานี้ดินแดนซยงหนูต้องการพัฒนาการเกษตรเพราะพวกเขาไม่สามารถปลูกผลผลิตได้เพราะขาดคนเชี่ยวชาญในขณะที่แคว้นลู่เชี่ยวชาญในเรื่องนี้ ปกติซยงหนูจะทะนงตนไม่ยอมส่งม้าขายให้ผู้อื่น พวกเขายังนับว่าเป็นดินแดนที่เลี้ยงม้ามากที่สุด เมื่อองค์รัชทายาทยื่นข้อเสนอขอซื้อม้าราคาถูกเพื่อแลกกับการช่วยเหลือการเกษตรส่งเสริมเครื่องมือและกำลังคนช่วยซยงหนูในการปลูกพืชเพื่อเลี้ยงตนเองอย่างแต่งที่ อีกทั้งยังมอบสัญญาแต่งงานตอบแทนเพื่อเป็นการยืนยันว่าแคว้นลู่จะให้การช่วยเหลืออย่างเต็มที่ทั้งยังได้ฮองเฮาช่วยเจรจาอีกแรงเรื่องนี้จึงสัมฤทธิผลการจัดหาม้าส่งไปยังซีชวนทำได้ทันเวลา องค์รัชทายาทได้รับการกล่าวขานว่าเก่งกาจที่สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็วและทันท่วงที ทำให้ขุนนางยกย่องยิ่งนักองค์หญิงที่มาแต่งงานเป็นองค์หญิงสายรองซึ่งหากนับญาติก็เป็นหลานสาวของฮองเฮา นางเดินทางมาถึงเมืองหลวงแคว้นลู่อย่างเร่งด่วนเพราะฮองเฮาขอร้องเพื่อให้มาร่วมงานเลี้ยง และพวกนางได้วางแผนการเอาไว้แล้ว องค์หญิงผู้นี้รักอ

  • เกิดใหม่อีกคราเป็นผู้ช่วยตัวน้อยของมารดาที่บิดาไม่รัก!   บทที่ 51

    บทที่ 51 ถึงเวลาเอาคืนร่างกายของสตรีทั้งสองเย็นเยียบ รู้สึกอ่อนแรงไปทั้งร่างราวกับว่าบัดนี้ตนเองกำลังถูกคลื่นยักษ์สาดซัดอย่างรุนแรงกระแทกฝั่งเป็นธรรมเนียมที่ทุกคนต้องเข้าแถวยกจอกสุราถวายพระพร ทว่าบัดนี้ฮองเฮากลับตรัสว่า“ไท่ผินชรามากแล้ว ไม่จำเป็นต้องลุกขึ้นข้าเองไม่ถือสาเรื่องตำแหน่ง ผู้ชราก็ควรได้รับการดูแล”จากนั้นฮองเฮาพลันลุกขึ้นเดินเข้ามาใกล้ฮูหยินชราโดยที่เด็กน้อยผู้นั้นเดินประกบข้างซ้ายและเมิ่งสืออีประกบข้างขวาภาพที่ฮูหยินชราเห็นอยู่ตามนี้ทำให้จิ้งจอกเฒ่าแทบลมจับ“ไท่ผินข้าเป็นผู้น้อยอย่างไรก็ต้องขอคารวะท่าน”มือของฮูหยินชราสั่นจนแทบจะยกจอกสุราไม่ไหวแล้ว พริบตานั้นจอกสุราก็พลันร่วงหล่นลงมาฮองเฮาเลิกคิ้ว“ดูสีหน้าซีดเซียวแล้วไท่ผินคงไม่สบายกระทั่งจอกสุรายังยกไม่ไหว”เมิ่งสืออีเอ่ยว่า“ฮองเฮาเพคะ ให้ท่านย่าผู้นี้ไปพักที่ห้องข้างดีหรือไม่เพคะ หม่อมฉันจะพาไปเอง”ฮองเฮาแย้มยิ้ม“เช่นนั้นก็ลำบากเสี่ยวสือแล้ว”เมิ่งสืออียอบกายก่อนจะขยิบตาให้อ้ายอ้ายเดินตามมา เด็กน้อยเอ่ยว่า“ฮองเฮาอ้ายอ้ายไปกับท่านแม่นะเจ้าคะ”ฮองเฮาพยักหน้า “ไปเถิด”จิ้งจอกเฒ่าสั่นไปทั้งร่างนางหวาดกลัวจนพิษในกาย

  • เกิดใหม่อีกคราเป็นผู้ช่วยตัวน้อยของมารดาที่บิดาไม่รัก!   บทที่ 50

    บทที่ 50 ตื่นตะลึงหลังเมิ่งสืออีและอ้ายอ้ายดื่มยาคลายกังวลพวกนางก็นอนหลับไปพร้อม ๆ กัน ฮวาซานเหรินดูแลนางจนวางใจจึงกลับมาหารือกับรัชทายาทที่ตำหนักบูรพารัชทายาทกลับมาที่ตำหนักบูรพาพร้อมกับฮวาซานเหรินเพื่อหารือ จากนั้นก็สั่งให้เสิ่นกงกงรีบตามหมอหลวงอีกคนมาดูอาการของเขา“อาจารย์ท่านได้รับบาดเจ็บใช่หรือไม่ขอรับ”ฮวาซานเหรินนั่งลงบนเตียงเขาขัดสมาธิเดินพลังครู่หนึ่งจึงกระอักเลือดคั่งออกมาคำโตก็พลันรู้สึกดีขึ้น เขารับผ้าซับเลือดมาจากเสิ่นกงกงพร้อมกับเอ่ยว่า“ข้าไม่เป็นอันใดไม่จำเป็นต้องเรียกหมอหลวง”ทว่ารัชทายาทไม่ยินยอมฮวาซานเหรินจึงคิดว่า“ข้าจะต้องเอาผิดเขาให้ได้ ข้าจะกราบทูลเสด็จพ่อ”ฮวาซานเหรินเอ่ยว่า“ข้าคิดว่าฝ่าบาทจะเข้าข้างเขา นอกจากคนของเราแล้วก็ไร้หลักฐาน คนของหานชางเหยียนที่จับได้ล้วนเป็นนักรบเดนตายพวกเขาฆ่าตัวตายไปหมดแล้ว”“แต่หานชางเหยียนผู้นี้เหิมเกริมนัก หากเขาลงมืออีกเล่า”ฮวาซานเหรินเอ่ยว่า“เขาบาดเจ็บหนักไม่น้อยคงต้องรักษาตัวพักใหญ่ อีกอย่างด้วยนิสัยระแวงระวังของเขาในเวลานี้คงยังไม่ลงมือ เกรงว่าจะถูกพวกเราวางแผนโต้กลับ”รัชทายาทเอ่ยว่า“ที่ท่านไม่ให้ข้าทูลเรื่องนี้เพราะ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status