บทที่ 6 งานเทศกาลดอกไม้ที่แพร่สะพัด เมื่อวันงานเทศกาลมาถึงเอลเลอร์เตรียมตัวรอเกรย์ฟามารับเสร็จเรียบร้อยแล้ว เหลือก็แต่สองพี่น้องอลิส อลัน ที่พิถีพิถันแต่งตัวจนตอนนี้ก็ยังไม่เสร็จสักที เขาคอยเลือกชุดคอยช่วยแต่งตัวมาตั้งแต่ทานข้าวเที่ยงเสร็จตอนนี้ใกล้เวลานัดแล้วก็ยังไม่เสร็จเลย “ไอ้ซินไปเอาชุดใหม่มา! ชุดนี้ฉันเคยใส่แล้วแกจำไม่ได้รึไงจะต้องให้ฉันบอกกี่รอบว่าฉันไม่ใส่ชุดซ้ำไปข้างนอก ลูกสาวตระกูลทอมสันจะมาใส่ชุดง่อย ๆ ออกไปเจอผู้คนได้ยังไง” อลิสเริ่มอารมณ์เสียที่ซินเดอเรลล่ามันไม่ได้ดั่งใจเธอ วันนี้เธอจะต้องสวยที่สุด เพื่อที่จะให้พี่เกรย์ฟาสนใจเพียงเธอ “พี่อลิสใจเย็นๆ นะครับ ตัวพี่สวยมากอยู่แล้วชุดไหนพี่ใส่ก็ดูสวยไปหมดเลย เดี๋ยวผมช่วยเลือกให้อีกแรงนะครับ” วันนี้ใครดีใครได้ เขากับพี่สาวนั้นรักกันดี แต่วันนี้เขาคงต้องขอวันหนึ่ง เพราะพี่เกรย์ฟาต้องเป็นของเขาเท่านั้น “อลันแต่งตัวเสร็จแล้วเหรอ งั้นมาช่วยพี่หน่อย เราคงเลือกชุดได้ดีกว่าไอ้ซินนี่” ที่อลิสมั่นใจว่าอลันเลือกได้ดีกว่า เพราะไม่ว่าครั้งไหนอลันเลือกชุดให้เธอ เธอมักจะได้คำชมอยู่เสมอ แต่คงไม่ใช่กับวันนี้เพราะอลันก็ไม่คิดจะเลือกชุดที่ดีที่สุดให้กับอลิสเพื่อที่จะเด่นกว่าตัวเอง วันนี้อลันเลือกชุดที่มีความหรูหราและใหญ่โตเกินกว่าจะไปเดินเล่นงานเทศกาลให้กับอลิส พออลิสเห็นชุดก็กลับคิดไปว่าที่น้องเลือกชุดนี้ให้คงอยากให้เธอโดดเด่นเกินกว่าใคร ทั้งที่จริงแล้วอลันต้องการให้พี่สาวดูไม่มีกาลเทศะมากกว่า เอลเลอร์ที่มองสองพี่น้องอยู่ก็นึกขัน ถึงเขาจะไม่ชอบสองพี่น้องนี่มาก แต่ความเป็นดีไซเนอร์มันค้ำคอเขาอยู่ เขาเลือกชุดที่เข้ากับงานและเข้ากับสองพี่น้องที่สุด แต่ที่อลิสไม่พอใจคงจะเป็นเพราะชอบความยิ่งใหญ่อลังการ อีกทั้งชุดที่เขาเลือกเธอเคยใส่มาแล้วหนึ่งครั้ง แต่ที่เขานำมามิกซ์แอนด์แมทช์กันนั้นทำให้ดูเก๋แล้วก็ดูไม่ออกเหรอกว่าเคยใส่ อลิสคงเห็นว่า อลันไม่พอใจกับชุดที่เขาจัดให้เหมือนกันเลยโวยวายเปลี่ยนชุดใหม่ไม่เลิก แต่เธอคงไม่ได้สังเกตว่าชุดแรกที่เขาจัดให้อลันยังวางอยู่บนเตียงตั้งแต่แรกไม่ได้ถูกสั่งให้เอาไปเก็บ “เดี๋ยวอลันใส่ชุดที่ซินหามาให้ดีกว่าวันนี้พี่อลิสจะได้สวยเด่นคนเดียว” พูดแล้วก็หันไปหยิบชุดที่เอลเลอร์หามาให้ อลันรู้อยู่แล้วว่าพี่สาวเขาไม่ชอบใส่ชุดซ้ำอีกทั้งยังชอบความใหญ่โตไม่ดูกาลเทศะ ถ้าเป็นวันอื่นเขาอาจจะเตือนด้วยความหวังดีแต่วันนี้คงไม่ได้จริง ๆ ขอโทษนะครับพี่อลิส เมื่อทุกคนแต่งตัวเสร็จก็รีบมารอเกรย์ฟาที่ห้องรับแขก ชุดแต่ละคนที่แต่งออกมานั้นแตกต่างกันไปคนละทาง อลิสใส่ชุดราตรียาวที่มีความพองตรงช่วงสะโพก ชุดมีการปักตกแต่งหรูหรา พอไปรวมกับเครื่องประดับที่เจ้าตัวประโคมใส่ยิ่งทำให้ดูเยอะ เหมือนชุดที่พร้อมจะไปงานเต้นรำกลางคืน ส่วนอลันเขาจัดให้อลันใส่เสื้อเชิ้ตข้างใน ตัวนอกเป็นเสื้อคลุมที่มีการปักดิ้นทองขนานกับกระดุม ใส่กับกางเกงเอวสูงที่มีการเน้นให้เห็นเอว ส่วนรองเท้าเป็นรองเท้าหนังสีดำ ใส่เครื่องประดับเล็กน้อยให้ดูไฮแฟชั่น ส่วนตัวเขาเองใส่เสื้อเชิ้ตเก่าๆ กับกางเกงเอวสูงสีซีด รอเพียงไม่นานเกรย์ฟาก็มารับถึงบ้าน ทุกคนเคลื่อนตัวกันไปนั่งในรถม้าที่มีการตกแต่งหรูหรามีตราสัญลักษณ์เจ้าเมืองติดอยู่ ใช้เวลาเพียงครู่เดียว รถม้าก็เคลื่อนตัวมาสู่งานเทศกาลดอกไม้และผลไม้ งานเทสกาลดอกไม้เป็นงานที่จัดขึ้นให้ชาวบ้านในเมืองและต่างเมืองนำผลไม้ ดอกไม้มาวางขายหรือจัดแสดง รวมไปถึงสามารถนำของผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปมาจากผลไม้และดอกไม้มาวางขายได้ อีกทั้งยังมีการจัดตกแต่งพื้นที่ให้เต็มไปด้วยดอกไม้โดยท่านเจ้าเมืองอีก ตอนนี้ในงานเทศกาลเสมือนสรวงสวรรค์ก็ไม่ปาน สวยมาก งานนี้สวยมากทั้งสวยทั้งหอมดอกไม้ มีร้านค้ามากมาย เอลเลอร์ตื่นตาตื่นตาตื่นใจกับสิ่งที่เห็นเป็นอย่างมาก สองข้างเต็มไปด้วยร้านค้า แบ่งเป็นโซนอาหาร เครื่องประดับ น้ำปรุง หรือจะเป็นดอกไม้และผลไม้สดไม่แปรรูป นี่มันเกินคาดของเขามาก ระหว่างที่เขากำลังตื่นตาตื่นใจกับการมางานเทศกาลครั้งแรก สองพี่น้องอลิสกับอลันก็ขนาบข้างเกรย์ฟาเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งระหว่างทางที่มา อลิสก็ชวนเกรย์ฟาคุยมาตลอดทาง ต่างกับอลันที่รับบทนางเขินอาย สบตาบ้างหลบตาบ้าง ซึ่งจะให้พูดตรง ๆ เกรย์ฟาก็ไม่ได้สนใจสองพี่น้องสักเท่าไหร่ ตอบรับบ้างเป็น ครับ อืม อ่า ครับ พูดวน ๆ ไป แต่อลิสก็ไม่หมดความพยายามสักที พอลงจากรถม้ามาสักพัก อลิสก็จูงเกรย์ฟาเดินไปทางนู้นทีทางนี้ที มันดูตลกตรงที่หน้าอีกฝ่ายดูไม่ได้เต็มใจ “เอลเลอร์ มาทางนี้มา เรายังไม่เคยมางานเทศกาลเลยใช่ไหมตั้งแต่ที่คุณอาจากไป” เกรย์ฟาพูดพลางดึงเอลเลอร์มาใกล้ ๆ “ใช่ครับ เอลยังไม่เคยมาเลย สวยมากเลยครับ” หลังจากที่เขาแอบขำการโดนลากไปมาของเกรย์ฟามาซักพัก เขาคงต้องช่วยแล้วล่ะ ฮ่าๆๆ “งั้นมานี่สิ พี่พาเดินเอง ส่วนอลิสกับอลัน ไปเดินเล่นกันได้เลยนะ พี่ไปก่อน เผื่อเอลเลอร์อยากดูตรงไหนนาน ๆ จะได้ไม่เสียเวลาพวกคุณ” พูดเสร็จก็ตั้งท่าจะเดินหนี แต่ไม่ทันเพราะอลันจับแขนของเอลเลอร์เอาไว้ก่อน “ไม่เป็นไรครับพี่เกรย์ฟา น้องเอลอยากเดินนานแค่ไหนก็เดินดูได้เลย พี่ออกมาบ่อย ๆ พี่แนะนำได้เดี๋ยวเราเดินด้วยกันนี่แหละ เนอะ” พอพูดจบก็กอดแขนเอลเลอร์ประหนึ่งพี่น้องที่รักกันมาก ๆ เล่นอย่างนี้เลยนะอลัน “นั่นสิคะ เดินด้วยกันก็ได้ หรือไม่ก็ปล่อยมันเดินคนเดียวไป อยากอยู่นานแค่ไหนจะได้ไม่เสียเวลาคนอื่น” อลิสไม่ได้อยากเดินกับมันสักหน่อย ปล่อยมันเดินคนเดียวไปสิ พี่เกรย์ฟานี่ยังไง ทำไมต้องสนใจมันด้วย “พี่อลิสอย่าพูดอย่างนั้นสิครับ ไปกันเถอะเอลเลอร์น้องอยากดูร้านไหนบอกพี่ได้เลย” อลันพอเห็นแล้วว่าเกรย์ฟาอยากจะเดินกับเอลเลอร์ การเอาเอลเลอร์ไปด้วยคือสิ่งที่ดีที่สุดในตอนนี้ อีกทั้งเขายังสามารถแสดงความอ่อนโยนของเขาให้เกรย์ฟาดูได้อีกด้วย “มาดูร้านนี้สิ ชอบไหมเอลเลอร์ ของกินเยอะแยะเลย มีผลไม้เคลือบน้ำตาลที่น้องชอบด้วยนะ” เอลเลอร์ไม่อยากจะบอกเลยว่าการแสดงของอลันนั้นดูโอเวอร์แอคติ้งไปหน่อย การแสดงถึงความตื่นเต้นกับการอ่อนโยนกับเขามันดูปลอมมาก แต่จะปล่อยไปก่อนละกันเพราะอยากกินถังหูลู่หรอก “สวัสดีครับคุณเกรย์ฟา คุณอลิส คุณอลัน และอีกท่าน” เถ้าแก่ร้านขายผลไม้เคลือบน้ำตาลเอ่ยทัก เขาเหมือนคุ้นหน้าคุณชายท่านนี้มากแต่นึกไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหน “ผมเอลเลอร์ครับ ลูกชายแท้ ๆ ของคุณพ่ออัลเบิร์ด” เอลเลอร์พูดยิ้ม ๆ แต่ดวงตาแสดงออกถึงความเศร้าเล็กที่ไม่ค่อยมีคนจำเขาได้ “ขออภัยด้วยครับคุณหนูเอลเลอร์ ผมแก่แล้วหลง ๆ ลืม ๆ ไม่ได้เจอคุณหนูนานเลยตั้งแต่ท่านอัลเบิร์ดเสียไป” เถ้าแก่รีบกล่าวขอโทษขอโพย “ไม่ใช่ความผิดของคุณลุงหรอกครับ อาจเป็นเพราะผมเองที่ไม่...ไม่ค่อยได้ออกมาจากบ้านสักเท่าไหร่” เขามองหน้าชายแก่ตรงหน้าในประโยคแรก และหลบตาในประโยคต่อมา ปากคนน่ะ ไวกว่าไฟลามทุ่ง ยิ่งตรงนี้มีเกรย์ฟาที่เป็นลูกเจ้าเมืองอยู่ ทั้งยังมีอลิสอลันที่เป็นลูกเศรษฐี และเขาที่ยืนอยู่ด้วย ทุกคนก็หน้าตาโดดเด่น การที่จะเป็นจุดสนใจก็ไม่แปลกที่ทุกคนจะใส่ใจในคำพูด เพื่อที่จะเก็บรายละเอียดไปเล่าต่อ ยิ่งเรื่องที่อาจจะเป็นเรื่องฉาวในครอบครัวคนอื่นได้ยิ่งน่าสนใจไปกันใหญ่ “แล้วแกจะออกมาทำไมนักหนาล่ะ อยู่แต่บ้านก็ดีอยู่แล้ว งานการก็มีให้ทำจะออกมาเที่ยวเล่นทำไม” อลิสหันมาแหวใส่เอลเลออารมณ์ด้วยความไม่พอใจ เพราะตอนนี้ทุกคนดูจะสนใจมันไปหมดทั้งที่เธอแต่งชุดสวยมาขนาดนี้ “พี่อลิสพูดอะไรอย่างนั้นครับ เอลเลอร์คราวหน้าถ้าน้องอยากออกมาเที่ยวบอกพี่ได้เลยนะที่บ้านไม่เคยห้ามให้ออกมาอยู่แล้ว” อลันทำเสียงดุใส่อลิส แล้วหันมาจับมือของเอลเลอร์ทั้งสองข้าง ถึงคำพูดจะดูดีแต่เหมือนคุณชายอลันก็จะเก็บอารมณ์ไม่ค่อยอยู่เหมือนกันตาเลยแข็งไปหน่อย ฮุฮุ อย่างนั้นแหละอย่างนั้น “ครับ” เขาตอบเสียงเบา ทำตัวสั่นน้อยๆ เหมือนหวาดกลัวแล้วค่อย ๆ ดึงมือออกมาจากมือของอลัน “ไม่เป็นไรนะครับคราวหน้าถ้าเราอยากออกมาก็บอกพี่ เดี๋ยวพี่พาออกมาเที่ยวดีไหม” เกรย์ฟากล่าวด้วยเสียงอ่อน ก็อย่างที่บอกเกรย์ฟามองออกหมดนั่นแหละว่าคนน้องต้องการจะทำอะไร เขาก็แค่สนับสนุนเท่านั้น “ถ้างั้นผมขอออกมาด้วยได้ไหมครับ” อลันรีบเสนอตัวเองทันที “เรากับพี่สาวเราออกมาเที่ยวทั่วเมืองกันบ่อย ๆ คงเบื่อแล้วมั้ง เอลเลอร์ยังไม่เคยออกมาเที่ยวสักทีพี่กลัวหลงน่ะ อีกอย่างพี่รู้สึกผิดกับเราด้วยที่ปล่อยให้เราอยู่แต่บ้านไม่ได้ออกไปไหนตั้งนาน คงเหงามากเลยใช่ไหม” เกรย์ฟากล่าวพร้อมทั้งลูบผมของเอลเลอร์เบา ๆ “พี่...พี่เกรย์ฟา” เขาพูดเสียงเบา พร้อมทำหน้าซาบซึ้ง ขอโทษนะอลัน บทคุณชายอ่อนแอโดนรังแกต้องเป็นของไอ้เอกคนนี้ วะฮะฮะฮ่า “ไหนอยากกินอะไรไหม พี่ซื้อให้” ตอนนี้เหมือนโลกนี้มีเพียงสองเรา ไม่สนใจสองคนที่อารมณ์เสียไปหมดแล้ว แต่สิ่งที่แสดงออกมาต่างกัน อลิสแสดงออกชัดเจนว่าไม่พอใจ แต่อลันแม้จะไม่พอใจแค่ไหนก็เก็บเอาไว้แล้วแสดงออกว่าเสียใจออกมา “พี่เกรย์ฟาจะต้องไปจ่ายให้มันทำไมค่ะ ถ้าไม่มีปัญญาจ่ายก็ไม่ต้องกิน” “ก็ ก็...คุณนายไม่เคยให้เงินเอลเลย เอลไม่มีเงินครับ เอลไม่กินก็ได้ครับ ขอโทษครับคุณอลิส” ยิ่งพูดคนตัวเล็กยิ่งเศร้าซึมลงเรื่อย ๆ แถมยังเรียกแม่เลี้ยงว่าคุณนายอีกต่างหาก “งานการไม่เคยทำ กะอีแค่ทำความสะอาดบ้านเตรียมข้าวให้คนในบ้านกินแค่นี้ แกจะเอาเงินด้วยรึไง ทำไมคุณแม่ต้องให้เงินแก” “แต่คุณนายไม่ให้เอลไปทำงานที่ร้านนี่ครับ” “นี่แกเถียงฉันเหรออีซิน!” “พอแล้วครับพี่อลิสไม่ต้องพูดแล้ว กลับกันเถอะ” อลันรีบดึงพี่สาวตัวเองออกไป นี่คือข้อเสียของคนที่โดนตามใจมาตลอด พอโมโหขึ้นมาก็ไม่สามารถเก็บอารมณ์ตัวเองได้ และมันก็เข้าทางเขาพอดี เติมเชื้อไฟนิดหน่อย แค่นี้เรื่องคงเป็นขี้ปากชาวบ้านให้สงสัยกันเล่น ๆ ว่าทำไมลูกแท้ ๆ ของตระกูลทอมสันถึงถูกกระทำแบบนี้ด้วย แถมยังเรียกแม่เลี้ยงของตัวเองว่าคุณนายอีก “ไม่เป็นไรนะเอล เอาไงต่ออยากเดินต่อไหมครับ” “ผม แล้วแต่พี่เกรย์เลยครับ” “งั้นพี่ขอพาเราเดินต่อนะครับ เรายังไม่เคยมาใช่ไหม” “ครับ” หลังจากนั้นคนสองคนก็พากันเดินเที่ยวงานกะหนุงกะหนิง ทำเหมือนไม่ได้รับรู้ถึงข่าวลือเกี่ยวกับบ้านทอมสันที่ปฏิบัติต่อลูกที่แท้จริงของตระกูลที่กำลังแพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็ว “ไงตัวแสบวันนี้สนุกเลยนะ” “คิกคิก ก็นิดหน่อยครับ พี่ก็ไม่เบาเหมือนกันแหละพี่เกรย์”
บทที่ 27 ทุกคนใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เวลาผ่านมาจนเกือบถึงงานวันแต่งงาน สามแม่ลูกนั่นเข้าไปใช้กรรมในคุกมาสักพักแล้ว เขาว่าจะไปเยี่ยมสักหน่อยล่ะนะ อยากรู้ว่าในคุกมันสุขสบายเกินกว่าที่พวกนั้นเคยทำร้ายเอลเลอร์คนเก่าไว้หรือเปล่า แต่ก็นั่นแหละ การที่พวกนั้นต้องติดคุกตลอดชีวิตทั้งที่ก่อนหน้านี้เคยใช้ชีวิตอย่างสุขสบายบนกองเงินกองทองของคนอื่นก็คงจะทุกข์ทรมานกันอยู่ไม่น้อยเห็นว่าหากทำตัวดีทำงานในคุกที่มีการสอนงานและให้ทำงานไปด้วย ถ้าขยันและประเมินแล้วสำนึกผิดจริงก็จะถูกลดโทษก็ต้องมารอดูกันว่าพวกนั้นจะทำได้รึเปล่า“พี่เกรย์ครับเตรียมตัวเสร็จรึยัง พี่ไม่ต้องเอาคนไปด้วยหรอกไปแค่เรานี่แหละครับ พวกนั้นอยู่ในคุกคงทำอะไรเราไม่ได้อีกแล้ว”เอลเลอร์มารอที่บ้านของเกรย์ฟาเพื่อรอให้อีกฝ่ายพาไปเยี่ยมสามแม่ลูกนั่น“เสร็จแล้วค่ะ เดี๋ยวเอาตามที่หนูว่าก็ได้ค่ะ ไปกันเลยดีกว่า พี่ให้คนเตรียมรถม้าไว้แล้วค่ะ”ทั้งสองคนออกเดินทางตรงไปที่ราชทัณฑ์ในเมือง เกรย์ฟาก็ไม่ได้มีการถามว่าน้องจะไปเยี่ยมทำไม ก็อย่างที่บอกเขาน่ะแค่น้องบอกว่าต้องการเขาก
บทที่ 25ความยุติธรรมอยู่ที่นี่ วันที่ทางกรมยุติธรรมบอกว่าจะติดประกาศ ทางกรมยุติธรรมได้มีการส่งเจ้าหน้าที่นำจดหมายเชิญเอลเลอร์ เกรย์ฟา เจ้าเมืองและทนายประจำตระกูลทอมสันเข้ามาฟังคำตัดสินที่บ้านทอมสันเองใช้เวลาเพียงไม่นานทุกคนก็มารวมตัวกันที่ห้องรับรองของบ้านทอมสัน เป็นห้องที่มีความคล้ายห้องประชุม โต๊ะกลางห้องเป็นรูปวงรี เก้าอี้วางพอสำหรับคนพอดี โดยที่ตอนนี้รองเจ้ากรมยุติธรรมนั่งอยู่หัวโต๊ะ ถัดมาทางด้านซ้ายคือท่านเจ้าเมือง ด้านขวาเป็นตำรวจที่มากับท่านรองเจ้ากรมและสามแม่ลูกตามลำดับอายุ ทางด้านเจ้าเมืองต่อด้วยเกรย์ฟา และถัดมาคือเอลเลอร์“เอาล่ะครับหลังจากที่ผมได้เข้ามาจัดการคดีนี้ด้วยตัวเอง และตรวจสอบโดยละเอียดแล้ว วันนี้คือวันที่คดีสิ้นสุดและระหว่างที่ผมมาแจ้งผลอย่างเป็นทางการนั้น เจ้าหน้าที่อีกส่วนได้มีการนำผลการตัดสินไปติดประกาศหลังจากที่ผมก้าวเท้าออกจากห้องนี้ คดีนี้จะเผยแพร่การตัดสินสู่สาธารณชนทันที ทุกคนถือว่ารับทราบแล้วนะครับ” เจ้ากรมยุติธรรมพูดขึ้น“ค่ะ” “ครับ” ทุกคนตอบรับด้านสามแม่ลูกที่เห็นวันนี้ท่าน
บทที่ 26จบเรื่องสักทีนะ ตอนนี้ทั้งเมืองนั้นต่างพูดคุยกันเรื่องบ้านทอมสัน ที่สามแม่ลูกนั้นไม่ได้ใช้นามสกุลทอมสันอีกต่อไป ทั้งยังมีเรื่องที่เป็นข่าวลือก่อนหน้านี้เป็นความจริงทั้งหมด ทุกคนต่างเห็นใจเจ้าเด็กซนที่แม้จะพึ่งปรากฏตัวออกจากบ้านได้ไม่นานแต่ก็มีนิสัยที่น่ารักและเป็นกันเอง ยิ่งเป็นแบบนี้ก็ยิ่งทำให้ชาวเมืองสาปส่งสามแม่ลูกและมีการพูดกันว่าการติดคุกตลอดชีวิตนั้นดีแล้ว ไม่ควรปล่อยออกมาให้เป็นอันตรายต่อคนอื่น ที่สำคัญคือจะไม่เป็นอันตรายต่อเอลเลอร์ที่เป็นคนลากพวกนั้นเข้าคุกด้วยแล้วยังมีข่าวลืออีกเรื่องที่เป็นที่ฮือฮาและน่าแตกตื่น คือท่านรองเจ้ากรมแยกบ้านกันอยู่กับภรรยา แต่นั่นก็เป็นเพียงข่าวลือที่ไม่ได้รับการยืนยันจึงไม่ได้มีการพูดต่อกันมากมาย แต่ก็มีข่าวออกมาว่าเพราะภรรยาท่านเจ้ากรมที่เป็นเพื่อนกับแอนนานั้น พยายามที่จะช่วยแอนนาเลยทำให้ท่านรองเจ้ากรมนั้นไม่พอใจ แต่ก็นั่นแหละข่าวลือที่ออกมานั้นไม่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการสักอย่าง...“เป็นไงบ้างคะ หลังจากที่เรื่องจบแล้ว หนูมีความสุขขึ้นรึเปล่
บทที่ 24ความยุติธรรมอยู่ที่ไหน ทางด้านคนที่เกรย์ฟาส่งให้เดินทางไปตามหาป้ามาลีนั้น เมื่อผ่านไปหนึ่งวันได้ทำการส่งจดหมายมาว่าตอนนี้เจอป้ามาลีแล้วและป้าปลอดภัยดี ตอนนี้กำลังรวบรวมคนที่เคยเป็นคนของบ้านทอมสันตั้งแต่สมัยนายท่านทอมสันกลับไปที่บ้านมาลีเดินทางออกจากบ้านตั้งแต่ที่ได้ยินการพูดคุยระหว่างสามแม่ลูกกับท่านรองเจ้ากรมและภรรยา จึงได้รู้ว่าทางด้านภรรยาของท่านรองเจ้ากรมเป็นเพื่อนกับแอนนา ทางนั้นจึงติดต่อแล้วขอร้องให้รองเจ้ากรมยุติธรรมนั้นช่วยเหลือ ทางสามแม่ลูกนั้นแสดงละครใหญ่โตว่าโดนเอลเลอร์กลั่นแกล้ง หากเธอไม่ได้อยู่ด้วยทุกครั้งตอนเกิดเรื่องและไม่รู้จักนิสัยแม่ลูกพวกนี้มาก่อนอย่างที่ท่านรองเจ้ากรมนั้นได้รับรู้เธอก็คงเชื่อคำลวงเหล่านั้นคนพวกนั้นเล่าทั้งน้ำตาใส่ร้ายคุณหนูของเธอต่าง ๆ นานา ความจริงเรื่องนี้ไม่ต้องถึงมือรองเจ้ากรมเรื่องต่าง ๆ ก็สามารถจบได้อย่างยุติธรรม อีกทั้งคดีนี้ก็กำลังจะเสร็จสิ้นในวันพรุ่งนี้ หรือก็คือหลังจากวันที่ท่านรองเจ้ากรมมาที่บ้านทอมสันถึงแม้รองเจ้ากรมจะเชื่อมั่นในการทำงานของลูกน้องตัวเอง แต
บทที่ 23สายสืบตัวจ้อย หลังจากที่ฟังเรื่องราวจากหนูทั้งหลายที่แย่งกันเล่า แม้จะต้องนำมาปะติดปะต่อเรื่องสักหน่อยแต่ก็พอเข้าใจได้ พวกเขาเลยรีบกลับไปที่บ้านของเกรย์ฟาเพื่อเร่งหารือกับท่านเจ้าเมืองว่าตอนนี้เรื่องนี้เป็นยังไงบ้าง หากมีการยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือจริง ๆ จะทำอย่างไรกันต่อก่อนออกมาเอลเลอร์ไม่ลืมกำชับให้บรรดาหนูนั้นดูแลตัวเองดี ๆ เพราะหากพวกนั้นเห็นมีหวังคงฆ่าทิ้งแน่ ตอนแรกเอลเลอร์เสนอให้มาด้วยกัน แต่เจ้าตัวเล็กทั้งหลายบอกว่าจะอยู่คอยสืบความให้ แม้เป็นห่วงแต่เจ้าหนูก็แสดงให้เห็นว่าห้าวันที่ผ่านมานั้นดูแลตัวเองได้ฟ้าที่มืดลงสนิทพอดีกับที่ทั้งสองคนเดินทางมาถึงบ้านของเกรย์ฟา พวกเขารีบเดินเข้าไปในบ้านเพราะเวลานี้ จาฟาร์น่าจะเดินทางกลับมาจากที่ทำงานแล้ว“พ่อครับ ผมพึ่งรู้เรื่องที่กรมยุติธรรมทำงานล่าช้า พ่อช่วยตรวจสอบให้หน่อยได้ไหมครับว่ามีคนยศใหญ่ลงมาช่วยเหลือสามแม่ลูกนั่นรึเปล่า เรื่องใหม่ที่ผมรู้มาเป็นอย่างนี้ครับ...” เกรย์ฟาเล่าเรื่องที่ได้รับรู้มาจากหนูทั้งสิบแปดตัวให้กับจาฟาร์ได้รับรู้“จริงเหรอ ช่วงน
บทที่ 22การเตือนจากเพื่อนตัวน้อย เอลเลอร์เริ่มกระวนกระวาย เมื่อป้ามาลีขาดการติดต่อนานเกินไป เขารอให้เกรย์ฟากลับมาจากที่ทำงานเพื่อปรึกษาเรื่องนี้ อาจจะต้องกลับไปดูที่บ้านทอมสัน หากไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ดีไปหลังจากนั้นไม่นานเกรย์ฟาก็ได้กลับจากที่ทำงาน เอลเลอร์ก็พุ่งเข้าไปหาทันที“พี่เกรย์ หนูมีอะไรจะปรึกษาค่ะ”“ครับ มีอะไรครับ”“ป้ามาลี ไม่ส่งจดหมายมาหาหนูห้าวันแล้ว ไม่รู้ว่าเป็นอะไรรึเปล่า พี่ช่วยพาหนูไปดูหน่อยได้ไหม” ตอนนี้เอลเลอร์ร้อนใจเป็นอย่างมาก เขามามีความสุขอยู่บ้านนี้จนลืมไปว่าป้ามาลีอาจตกอยู่ในอันตรายได้“ได้สิครับ ให้พี่ส่งคนไปก่อนดีไหมครับ เดี๋ยวเป็นยังไงให้เขารายงานมาแล้วเราค่อยมาคิดอีกที”“พี่เกรย์ หนูอยากไปเองมากกว่า พี่พาหนูไปหน่อยได้ไหม ยังไงก็มีเจ้าหน้าที่กรมยุติธรรมอยู่แล้ว ไม่น่ามีอะไรหรอก”“ได้ครับ เดี๋ยวพี่ขอเตรียมตัวสักครู่นะครับ เดี๋ยวพี่ไปด้วยเอาคนของเราไปด้วยแล้วกันนะครับ”“ครับ หนูรอนะ”เกรย์ฟาเมื่อเข้าไปเตรียมพร้อมเสร็จแล้วก็สั่งคนเตรียมตั