บทที่ 8 สุมไฟเพิ่ม เช้าตรู่วันถัดมา แสงอาทิตย์ลอดผ่านบานประตู และขอบหน้าต่างที่ปิดไม่สนิทดี ปลุกคนที่อยู่ในห้วงนิทราให้ตื่นขึ้น “โอ๊ะ โอย” เขาตื่นขึ้นมาก็รู้สึกได้ถึงความตึง ๆ ที่หน้าสองฝั่ง คิดว่าคงจะเป็นรอยมือแน่นอน แอบปวดนิด ๆ เหมือนกันนะเนี่ย ตอนนี้ยังไม่สายมาก สิ่งที่เขาต้องทำวันนี้คือการเข้าไปซื้อของในตลาดให้คนเห็นหน้ากันสักหน่อย แต่ก่อนอื่นเขาต้องไปเตรียมน้ำให้สามแม่ลูกไว้ก่อน ไม่งั้นจะมีประเด็นเพิ่มอีก ไม่เข้าใจจริง ๆ คนงานมีแต่อยากที่จะใช้ให้เขาทำงาน จะว่าเก็บกดก็ไม่ใช่ เพราะแม้ว่าพ่อของเอลจะไม่ได้มีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับแอนนา แต่ก็ดูแลทั้งสามคนมาอย่างดี เชิดหน้าชูตา ไม่เคยเอาเปรียบเลยสักนิด ทำไมสามแม่ลูกถึงเลือกที่จะเกลียดเอล เขาขึ้นมาเตรียมน้ำและชุดให้กับสามแม่ลูกเสร็จเรียบร้อยแล้วก็เตรียมตัวไปตลาด วันนี้เขาจะอาสาไปซื้อของมาทำกับข้าวที่บ้านเอง เขาอยู่ในร่างนี้มานานเป็นเดือน ความทรงจำของเอลคนเก่ามักจะแวบเข้ามาให้หัวเขาเป็นบางช่วงบางตอน บางทีก็จะมาในรูปแบบความฝันบ้าง ตอนนี้ทำให้เขาได้รู้เกี่ยวกับเอลในอดีตมาบ้าง ไม่ว่าจะเป็นสามแม่ลูกไล่แม่บ้านเก่าแก่ของที่บ้านออกแล้วจ้างคนใหม่เข้ามา ทำให้เขารู้ว่าทำไมถึงไม่มีใครช่วยเอลเวลาที่โดนโขกสับ และเรื่องที่พ่อเขารับแม่เลี้ยงเข้ามาเพื่อดูแลเขาในตอนที่แม่ของเขาเสียแลกกับการที่จะดูแลครอบครัวอีกฝ่ายอย่างดี แต่คนที่เหลือแม้ไม่ช่วยแต่คนเหล่านั้นก็ไม่ได้เข้ามาซ้ำเติม บางครั้งก็มีแอบเอาของกินเล็กน้อยแอบมาให้เหมือนกัน แต่ก็นั่นแหละ เข้าใจได้ว่าปากท้องก็สำคัญ ตอนนี้คนบ้ามันเป็นใหญ่ในบ้านใครจะกล้าขัด เขาเดินทางมาตลาดใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง ของที่ต้องการจะซื้อแม่บ้านได้เขียนลิสต์ไว้แล้ว ปกติเขาจะเป็นคนทำกับข้าวแต่ไม่ได้มาซื้อของเองแม่บ้านจะมาซื้อ เพราะเอลเลอร์คนเก่าไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากบ้าน แต่ตั้งแต่เขามาอยู่ที่นี่ สามแม่ลูกนั้นตื่นค่อนข้างที่จะสาย การออกมาตอนเช้าจึงไม่มีทางรู้แน่นอน แต่เอลคนเก่าหัวอ่อนขนาดนั้น คงไม่กล้าแหกกฎ “สวัสดีค่ะคุณหนูเอลเลอร์ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ รับอะไรดีคะ” เขามาถึงร้านของสด ก็เจอแม่ค้าเข้ามาทัก แสดงว่าการเปิดตัวเมื่อวานก็โอเคเลยนะ ถึงกับมีคนจำได้ “เอาตามนี้เลยครับ เอลไม่เคยมาที่ร้านไม่ค่อยรู้เลยว่าอะไรอยู่ตรงไหน” “ไม่เป็นไรเลยค่ะคุณหนูเดี๋ยวป้าจะให้เด็กจัดของให้นะคะ” “ขอบคุณครับคุณป้า คุณป้าไม่ต้องเรียกคุณหนูก็ได้ครับ เรียกเอลเฉย ๆ ก็ได้” เขายกมือไหว้ขอบคุณป้าร้านขายของ “ได้ค่ะ งั้นป้าเรียกหนูเอลแล้วกันนะคะ” “ครับ คุณป้าพอทราบไหมครับว่าร้านผลไม้ไปทางไหนต่อ เอลไม่ค่อยรู้ทางเลย” เขาพูดพลางเอาผมทัดหู “หนูเอล! หน้าหนูไปโดนอะไรมาคะ ไหนขอป้าดูหน่อย” สาวใหญ่ตกใจเป็นอย่างมากที่เห็นรอยมือบนหน้าของชายหนุ่มตัวเล็ก “เอ่อ ไม่มีอะไรครับ ไม่ ไม่เป็นอะไร” คนตัวเล็กรีบเอาผมมาบังหน้าไว้ไม่ให้สาวใหญ่ตรงหน้ามองเห็น “ของได้แล้วค่ะ คุณนาย” พนักงานยื่นของให้ป้าเจ้าของร้าน “นี่เงินครับ เอล เอลไปก่อนนะครับ ขอบคุณครับ” เอลเลอร์รีบเดินออกจากร้าน อย่างมีพิรุธ พิรุธสุด ๆ กันไปเลยสิคะ อิอิ เขาเดินมาจนถึงร้านผลไม้แล้วก็เหมือนเดิม ก็ให้มันรู้ไปสิคะว่าการเจ็บตัวของเขาครั้งนี้มันจะคุ้มขนาดไหน เมื่อวานโดนด่ากลางงานเทศกาล วันถัดมาก็หน้าช้ำมาเดินตลาด แต่จากที่เห็นว่าวันนี้มีคนมองเขาเยอะ อีกทั้งยังจำได้อีกก็ทำให้รู้ว่าปากคนไวกว่าไฟลามทุ่งน่ะจะเป็นจริงได้ขนาดไหน หลังจากนั้น เขาก็ทำแบบนี้อยู่เรื่อย ๆ ใส่ชุดเก่าๆ ออกมาซื้อของแค่ตอนเช้า จนคนเริ่มตั้งคำถามว่าจริง ๆ แล้วเอลเลอร์ที่เป็นลูกแท้ ๆ คนเดียวของเศรษฐีอัลเบิร์ด ถูกดูแลยังไงในบ้านที่สิ้นบุญท่านอัลเบิร์ดไปแล้ว แต่นอกจากที่เขาจะทำภารกิจค่อย ๆ เล่นกับความสงสัยของคน เขาก็ยังเอาเวลาที่มีวันละเล็กละน้อยแอบเข้าไปตัดชุดในห้องเก็บของไปด้วย เพราะวันงานใกล้เข้ามาแล้ว ตอนนี้มีข่าวลือมาว่าวันเกิดครบรอบ 29 ปีของเกรย์ฟาจะมีการจัดงานเต้นรำเลือกคู่ขึ้น ทำให้สาว ๆ หนุ่ม ๆ ในเมืองลุกฮือขึ้นมาหาชุด เสริมสวยกันทั้งเมือง เกรย์ฟาเป็นชายหนุ่มที่เป็นที่หมายปองจากหนุ่มสาวทั่วทั้งเมือง เพราะเป็นชายหนุ่มที่ไม่มีข่าวชู้สาว ทำงานเก่งเป็นถึงลูกเจ้าเมือง อีกทั้งหน้าตายังหล่อเหลา งานที่จะมาถึงนี้จึงเหมือนเป็นการประกาศสงครามของเหล่าบุปผาทั้งหลาย หลังจากมีข่าวลือมาได้หนึ่งอาทิตย์ก็มีการประกาศออกมาว่างานวันเกิดของลูกชายเจ้าเมืองจะมีการจัดงานเต้นรำหน้ากากขึ้นในอีกสามสัปดาห์ ซึ่งขอเชิญชวนทุกคนมาที่งาน แต่ไม่ได้มีการประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะเป็นงานเลือกคู่ ที่น่าสนใจคือตั้งแต่งานวันเกิดครบรอบ 20 ปีของเกรย์ฟาหลังจากนั้นก็ไม่มีการจัดงานวันเกิดขึ้นอีกเลย ปีนี้จึงเป็นที่จับตามองว่าอาจจะเป็นงานเลือกคู่จริง ๆ เอลเลอร์นั้นรู้อยู่แล้วว่างานนี้เป็นงานเลือกคู่ เพราะในนิทานว่ามาอย่างงั้น เขาซึ่งเตรียมชุดไว้อยู่แล้ว ก็ไม่ต้องมาร้อนรนรีบหาชุด แต่มาเสียเวลาวุ่นวายกับการหาชุดของพี่น้อง รวมไปถึงตัวแม่ด้วย ดูท่าว่าคนแม่น่าจะอยากได้คุณลุงจาฟาร์มาเป็นที่เกาะที่ใหม่ ตอนนี้เปลี่ยนร้านเสื้อผ้ามาสามร้านแล้วก็ยังไม่เป็นที่พอใจสำหรับครอบครัวนี้สักที เป็นตัวเขาที่ต้องเหนื่อยไปตามหาร้านเสื้อผ้าเพื่อติดต่อให้มาที่บ้าน สามคนนั้นแค่รอลองชุดเฉย ๆ ยังเรื่องมากไม่หยุด “อ้าว หาชุดกันอยู่เหรอครับ ขอโทษที่มารบกวนโดยพลการนะแอนนา” “อุ้ยไม่เป็นไรค่ะ พี่จาฟาร์ รบกวนอะไรกัน” “พอดีวันนี้พี่เข้ามาเป็นธุระให้เกรย์ฟาน่ะ เขาไม่ว่างมาเชิญด้วยตัวเอง นี่บัตรเชิญครับ” จาฟาร์ยื่นบัตรเชิญให้กับแอนนา “อ้อที่สำคัญ เขาฝากชุดมาให้ทุกคนด้วย แต่ถ้ามีชุดกันอยู่แล้วใส่ไปได้เลยนะครับไม่ต้องเกรงใจ” จาฟาร์ให้ลูกน้องยกกล่องชุดเข้ามาสี่ชุด “มีของทุกคนเลยครับ ชื่อติดอยู่หน้ากล่องนะ เดี๋ยวผมขอตัวก่อนนะครับเจอกันวันงาน” ว่าจบเกรย์ฟาก็เดินออกไป หลังจากที่จาฟาร์และลูกน้องออกไปจากบ้าน สามแม่ลูกก็เดินไปเปิดกล่องเสื้อผ้าดูรวมถึงกล่องของเขาด้วย ทุกชุดถูกเลือกมาอย่างดีดูเข้ากับแต่ละคน แต่ดูแล้วจากสายตาของอลันชุดที่มีชื่อเขาคงตกเป็นของอีกคนแน่ “ชุดนี้สวยจังนะครับ น้องเอลว่าไหม” “ครับ” “ถ้าพี่ขอน้องเอลจะว่าอะไรรึเปล่า น้องเอลก็เอาชุดพี่ไป” “แกก็เอาไปเลยสิอลันจะไปสนใจทำไม วันนั้นมันจะไปรึเปล่าก็ยังไม่รู้เลย” “งั้นตามนี้นะครับ ขอโทษด้วยนะครับที่เราไม่ได้เลือกชุดของร้านคุณ ช่วยเอาชุดนี้ไปแก้ขนาดให้เหมาะกับตัวผมด้วยนะครับ” อลันหันไปยื่นชุดของเอลเลอร์ให้กับเจ้าของร้านล่าสุดที่เรียกมาให้เลือกชุด “เอ่อ จะดีเหรอครับ ผมขอแนะนำนิดหน่อยได้ไหมครับ ชุดที่มีขนาดใหญ่ทำให้มันเข้ากับคุณอลันได้ แต่แก้ขนาดเล็กและสั้นให้คุณเอลเลอร์ที่รูปร่างสูงโปร่งกว่าน่าจะไม่ได้นะครับ เพราะผ้าที่ตัดชุดน่าจะเป็นผ้าจากเมืองอื่นร้านในเมืองนี้ไม่มีผ้าต่อเติมด้วยครับ” เจ้าของร้านแนะนำตามสมควร อีกทั้งตัวเขายังสงสารคุณเอลเลอร์ตั้งแต่มีข่าวการเลี้ยงดูที่ไม่ดีออกไปเขาเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งตอนนี้ดูท่าจะเป็นความจริงเสียแล้ว “ไม่มีปัญหาอะไรหรอกครับ เอลเลอร์เขามีชุดของเขาอยู่แล้ว จริงไหมเอลเลอร์” “ครับ” เอลเลอร์ตอบเสียงอ่อยพลางก้มหน้าไม่กล้าสบตาใคร ถึงเขาจะเสียดายอยู่หน่อย ๆ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เขามีชุดอยู่จริง โดยที่คนที่บ้านนี้ไม่รู้ อลันคงตั้งใจให้เขาไม่มีชุดใส่ไป หลังจากการวัดตัวเสร็จเจ้าของร้านเสื้อผ้าก็เก็บของและออกจากบ้านไป พร้อมกับข่าวการแย่งชุดกันก็ออกไปพร้อมกันด้วย ตอนนี้ในเมืองมีข่าวงานวันเกิดของเกรย์ฟาแพร่ไปทั่วตีคู่มาด้วยข่าวของความใจร้ายของสามแม่ลูกบุญธรรมที่กระทำต่อเอลเอร์กระจายไปพร้อมกัน เพราะร้านเสื้อผ้าที่ได้นำชุดเข้าไปให้เลือกที่บ้านสามร้านแรกที่เห็นกับตาตัวเองแล้วออกมาเล่า อีกทั้งร้านสุดท้ายยิ่งได้สัมผัสความใจดำของคุณหนูอลันที่เคยมีภาพลักษณ์คุณหนูเรียบร้อยพูดเพราะทำตัวดีมาตลอด เขาไม่คิดเลยว่าทุกคนจะเห็นดีเห็นงามกับความเอาเปรียบคนอื่นแบบนี้
บทที่ 27 ทุกคนใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เวลาผ่านมาจนเกือบถึงงานวันแต่งงาน สามแม่ลูกนั่นเข้าไปใช้กรรมในคุกมาสักพักแล้ว เขาว่าจะไปเยี่ยมสักหน่อยล่ะนะ อยากรู้ว่าในคุกมันสุขสบายเกินกว่าที่พวกนั้นเคยทำร้ายเอลเลอร์คนเก่าไว้หรือเปล่า แต่ก็นั่นแหละ การที่พวกนั้นต้องติดคุกตลอดชีวิตทั้งที่ก่อนหน้านี้เคยใช้ชีวิตอย่างสุขสบายบนกองเงินกองทองของคนอื่นก็คงจะทุกข์ทรมานกันอยู่ไม่น้อยเห็นว่าหากทำตัวดีทำงานในคุกที่มีการสอนงานและให้ทำงานไปด้วย ถ้าขยันและประเมินแล้วสำนึกผิดจริงก็จะถูกลดโทษก็ต้องมารอดูกันว่าพวกนั้นจะทำได้รึเปล่า“พี่เกรย์ครับเตรียมตัวเสร็จรึยัง พี่ไม่ต้องเอาคนไปด้วยหรอกไปแค่เรานี่แหละครับ พวกนั้นอยู่ในคุกคงทำอะไรเราไม่ได้อีกแล้ว”เอลเลอร์มารอที่บ้านของเกรย์ฟาเพื่อรอให้อีกฝ่ายพาไปเยี่ยมสามแม่ลูกนั่น“เสร็จแล้วค่ะ เดี๋ยวเอาตามที่หนูว่าก็ได้ค่ะ ไปกันเลยดีกว่า พี่ให้คนเตรียมรถม้าไว้แล้วค่ะ”ทั้งสองคนออกเดินทางตรงไปที่ราชทัณฑ์ในเมือง เกรย์ฟาก็ไม่ได้มีการถามว่าน้องจะไปเยี่ยมทำไม ก็อย่างที่บอกเขาน่ะแค่น้องบอกว่าต้องการเขาก
บทที่ 25ความยุติธรรมอยู่ที่นี่ วันที่ทางกรมยุติธรรมบอกว่าจะติดประกาศ ทางกรมยุติธรรมได้มีการส่งเจ้าหน้าที่นำจดหมายเชิญเอลเลอร์ เกรย์ฟา เจ้าเมืองและทนายประจำตระกูลทอมสันเข้ามาฟังคำตัดสินที่บ้านทอมสันเองใช้เวลาเพียงไม่นานทุกคนก็มารวมตัวกันที่ห้องรับรองของบ้านทอมสัน เป็นห้องที่มีความคล้ายห้องประชุม โต๊ะกลางห้องเป็นรูปวงรี เก้าอี้วางพอสำหรับคนพอดี โดยที่ตอนนี้รองเจ้ากรมยุติธรรมนั่งอยู่หัวโต๊ะ ถัดมาทางด้านซ้ายคือท่านเจ้าเมือง ด้านขวาเป็นตำรวจที่มากับท่านรองเจ้ากรมและสามแม่ลูกตามลำดับอายุ ทางด้านเจ้าเมืองต่อด้วยเกรย์ฟา และถัดมาคือเอลเลอร์“เอาล่ะครับหลังจากที่ผมได้เข้ามาจัดการคดีนี้ด้วยตัวเอง และตรวจสอบโดยละเอียดแล้ว วันนี้คือวันที่คดีสิ้นสุดและระหว่างที่ผมมาแจ้งผลอย่างเป็นทางการนั้น เจ้าหน้าที่อีกส่วนได้มีการนำผลการตัดสินไปติดประกาศหลังจากที่ผมก้าวเท้าออกจากห้องนี้ คดีนี้จะเผยแพร่การตัดสินสู่สาธารณชนทันที ทุกคนถือว่ารับทราบแล้วนะครับ” เจ้ากรมยุติธรรมพูดขึ้น“ค่ะ” “ครับ” ทุกคนตอบรับด้านสามแม่ลูกที่เห็นวันนี้ท่าน
บทที่ 26จบเรื่องสักทีนะ ตอนนี้ทั้งเมืองนั้นต่างพูดคุยกันเรื่องบ้านทอมสัน ที่สามแม่ลูกนั้นไม่ได้ใช้นามสกุลทอมสันอีกต่อไป ทั้งยังมีเรื่องที่เป็นข่าวลือก่อนหน้านี้เป็นความจริงทั้งหมด ทุกคนต่างเห็นใจเจ้าเด็กซนที่แม้จะพึ่งปรากฏตัวออกจากบ้านได้ไม่นานแต่ก็มีนิสัยที่น่ารักและเป็นกันเอง ยิ่งเป็นแบบนี้ก็ยิ่งทำให้ชาวเมืองสาปส่งสามแม่ลูกและมีการพูดกันว่าการติดคุกตลอดชีวิตนั้นดีแล้ว ไม่ควรปล่อยออกมาให้เป็นอันตรายต่อคนอื่น ที่สำคัญคือจะไม่เป็นอันตรายต่อเอลเลอร์ที่เป็นคนลากพวกนั้นเข้าคุกด้วยแล้วยังมีข่าวลืออีกเรื่องที่เป็นที่ฮือฮาและน่าแตกตื่น คือท่านรองเจ้ากรมแยกบ้านกันอยู่กับภรรยา แต่นั่นก็เป็นเพียงข่าวลือที่ไม่ได้รับการยืนยันจึงไม่ได้มีการพูดต่อกันมากมาย แต่ก็มีข่าวออกมาว่าเพราะภรรยาท่านเจ้ากรมที่เป็นเพื่อนกับแอนนานั้น พยายามที่จะช่วยแอนนาเลยทำให้ท่านรองเจ้ากรมนั้นไม่พอใจ แต่ก็นั่นแหละข่าวลือที่ออกมานั้นไม่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการสักอย่าง...“เป็นไงบ้างคะ หลังจากที่เรื่องจบแล้ว หนูมีความสุขขึ้นรึเปล่
บทที่ 24ความยุติธรรมอยู่ที่ไหน ทางด้านคนที่เกรย์ฟาส่งให้เดินทางไปตามหาป้ามาลีนั้น เมื่อผ่านไปหนึ่งวันได้ทำการส่งจดหมายมาว่าตอนนี้เจอป้ามาลีแล้วและป้าปลอดภัยดี ตอนนี้กำลังรวบรวมคนที่เคยเป็นคนของบ้านทอมสันตั้งแต่สมัยนายท่านทอมสันกลับไปที่บ้านมาลีเดินทางออกจากบ้านตั้งแต่ที่ได้ยินการพูดคุยระหว่างสามแม่ลูกกับท่านรองเจ้ากรมและภรรยา จึงได้รู้ว่าทางด้านภรรยาของท่านรองเจ้ากรมเป็นเพื่อนกับแอนนา ทางนั้นจึงติดต่อแล้วขอร้องให้รองเจ้ากรมยุติธรรมนั้นช่วยเหลือ ทางสามแม่ลูกนั้นแสดงละครใหญ่โตว่าโดนเอลเลอร์กลั่นแกล้ง หากเธอไม่ได้อยู่ด้วยทุกครั้งตอนเกิดเรื่องและไม่รู้จักนิสัยแม่ลูกพวกนี้มาก่อนอย่างที่ท่านรองเจ้ากรมนั้นได้รับรู้เธอก็คงเชื่อคำลวงเหล่านั้นคนพวกนั้นเล่าทั้งน้ำตาใส่ร้ายคุณหนูของเธอต่าง ๆ นานา ความจริงเรื่องนี้ไม่ต้องถึงมือรองเจ้ากรมเรื่องต่าง ๆ ก็สามารถจบได้อย่างยุติธรรม อีกทั้งคดีนี้ก็กำลังจะเสร็จสิ้นในวันพรุ่งนี้ หรือก็คือหลังจากวันที่ท่านรองเจ้ากรมมาที่บ้านทอมสันถึงแม้รองเจ้ากรมจะเชื่อมั่นในการทำงานของลูกน้องตัวเอง แต
บทที่ 23สายสืบตัวจ้อย หลังจากที่ฟังเรื่องราวจากหนูทั้งหลายที่แย่งกันเล่า แม้จะต้องนำมาปะติดปะต่อเรื่องสักหน่อยแต่ก็พอเข้าใจได้ พวกเขาเลยรีบกลับไปที่บ้านของเกรย์ฟาเพื่อเร่งหารือกับท่านเจ้าเมืองว่าตอนนี้เรื่องนี้เป็นยังไงบ้าง หากมีการยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือจริง ๆ จะทำอย่างไรกันต่อก่อนออกมาเอลเลอร์ไม่ลืมกำชับให้บรรดาหนูนั้นดูแลตัวเองดี ๆ เพราะหากพวกนั้นเห็นมีหวังคงฆ่าทิ้งแน่ ตอนแรกเอลเลอร์เสนอให้มาด้วยกัน แต่เจ้าตัวเล็กทั้งหลายบอกว่าจะอยู่คอยสืบความให้ แม้เป็นห่วงแต่เจ้าหนูก็แสดงให้เห็นว่าห้าวันที่ผ่านมานั้นดูแลตัวเองได้ฟ้าที่มืดลงสนิทพอดีกับที่ทั้งสองคนเดินทางมาถึงบ้านของเกรย์ฟา พวกเขารีบเดินเข้าไปในบ้านเพราะเวลานี้ จาฟาร์น่าจะเดินทางกลับมาจากที่ทำงานแล้ว“พ่อครับ ผมพึ่งรู้เรื่องที่กรมยุติธรรมทำงานล่าช้า พ่อช่วยตรวจสอบให้หน่อยได้ไหมครับว่ามีคนยศใหญ่ลงมาช่วยเหลือสามแม่ลูกนั่นรึเปล่า เรื่องใหม่ที่ผมรู้มาเป็นอย่างนี้ครับ...” เกรย์ฟาเล่าเรื่องที่ได้รับรู้มาจากหนูทั้งสิบแปดตัวให้กับจาฟาร์ได้รับรู้“จริงเหรอ ช่วงน
บทที่ 22การเตือนจากเพื่อนตัวน้อย เอลเลอร์เริ่มกระวนกระวาย เมื่อป้ามาลีขาดการติดต่อนานเกินไป เขารอให้เกรย์ฟากลับมาจากที่ทำงานเพื่อปรึกษาเรื่องนี้ อาจจะต้องกลับไปดูที่บ้านทอมสัน หากไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ดีไปหลังจากนั้นไม่นานเกรย์ฟาก็ได้กลับจากที่ทำงาน เอลเลอร์ก็พุ่งเข้าไปหาทันที“พี่เกรย์ หนูมีอะไรจะปรึกษาค่ะ”“ครับ มีอะไรครับ”“ป้ามาลี ไม่ส่งจดหมายมาหาหนูห้าวันแล้ว ไม่รู้ว่าเป็นอะไรรึเปล่า พี่ช่วยพาหนูไปดูหน่อยได้ไหม” ตอนนี้เอลเลอร์ร้อนใจเป็นอย่างมาก เขามามีความสุขอยู่บ้านนี้จนลืมไปว่าป้ามาลีอาจตกอยู่ในอันตรายได้“ได้สิครับ ให้พี่ส่งคนไปก่อนดีไหมครับ เดี๋ยวเป็นยังไงให้เขารายงานมาแล้วเราค่อยมาคิดอีกที”“พี่เกรย์ หนูอยากไปเองมากกว่า พี่พาหนูไปหน่อยได้ไหม ยังไงก็มีเจ้าหน้าที่กรมยุติธรรมอยู่แล้ว ไม่น่ามีอะไรหรอก”“ได้ครับ เดี๋ยวพี่ขอเตรียมตัวสักครู่นะครับ เดี๋ยวพี่ไปด้วยเอาคนของเราไปด้วยแล้วกันนะครับ”“ครับ หนูรอนะ”เกรย์ฟาเมื่อเข้าไปเตรียมพร้อมเสร็จแล้วก็สั่งคนเตรียมตั