อรุณรุ่งมาเยือน คนทั้งสี่จึงเร่งออกเดินทาง จินฝานรับหน้าที่เป็นสารถีจำเป็น นาน ๆ ทีนายน้อยของเขาจะมีสีหน้าแช่มชื่น ช่างเป็นโอกาสอันหาได้ยากยิ่งนัก
“คุณชาย ข้าแบ่งให้ท่าน” จางหลินจูยื่นเนื้อตากแห้งที่ท่านหมอหลี่ห่อมาให้ส่งให้กับซวี่ฟางจิ้น
เขาเหลือบมองเจ้าอาหารแห้งในมือสลับกับใบหน้าแย้มยิ้มของอีกฝ่ายก็พานใจเต้นระส่ำ เพราะอ้ำอึ้งอยู่นานจางหลินจูจึงเข้าใจผิด
จากริมฝีปากที่ยกโค้งส่งไปถึงดวงตาพลันสลดลง “คุณชาย ท่านคงไม่เคยทานของพวกนี้ใช่หรือไม่เจ้าคะ”
จางหลินจูตั้งใจจะเก็บกลับคืน ทว่ามือของเขากลับคว้าหมับแย่งไปเสียก่อน “กิน...ข้ากินได้” ซวี่ฟางจิ้นยัดเนื้อตากแห้งเข้าปากด้วยความรวดเร็ว
ม่านตากลมโตขยายกว้างเพราะตื่นตระหนก “นะ…นี่ท่านเล่นกินครั้งเดียวหมดเช่นนี้เดี๋ยวได้ติดคอหรอกเจ้าค่ะ”
ไม่ทันขาดคำซวี่ฟางจิ้นก็กระอักไอออกมายกใหญ่ จางหลินชวนซึ่งมองเขาเคี้ยวเจ้าเนื้อตากแห้งสุดโปรดตาปริบ ๆ หัวเราะร่าทันควัน
“ฮ่า ฮ่า พี่ชาย ท่านหิวมากหรือ ชวนเอ๋อร์ไม่แย่งท่านหรอก ท่านหมอหลี่ห่อมาให้ตั้งเยอะแน่ะ”
จางหลินจูรุดเข้าดูอาการบุรุษฝั่งตร
หลังจากทำความรู้จักกับซวี่ซื่อจื่ออย่างเป็นทางการ จางหลินจูก็อยากหลีกหนีเขาไปให้ไกล แท้ที่จริงซวี่ซื่อจื่อและคุณชายซวี่ตงหยางก็คือคนคนเดียวกัน หนำซ้ำเขายังเป็นว่าที่คู่หมั้นของท่านหญิงรั่วซียิ่งตระหนักถึงตรงนี้อกด้านซ้ายของจางหลินจูก็รู้สึกคันยุบยิบดั่งถูกมดตัวจ้อยไต่ยั้วเยี้ยเต็มไปหมด“แม่นางจาง”จางหลินจูหลุดจากภวังค์ ร่างระหงยอบกายลงแช่มช้า “ท่านหญิง”ท่านหญิงรั่วซียิ้มบาง “ไยมาเดินคนเดียวตรงนี้เล่า”จางหลินจูจ้องลึกเข้าไปยังดวงตากระจ่างใสคู่นั้น กลับยิ่งรู้สึกว่าผู้สูงศักดิ์ทั้งสองช่างเหมาะสมกันเหลือเกิน ราวกับสวรรค์ปั้นแต่ง ส่วนนางก็เปรียบดั่งบุปผากลีบบาง แค่เพียงต้องหยาดฝนก็อาจบอบช้ำ ต้องพายุก็คงปลิดปลิวและแห้งเหี่ยวไปในที่สุด“งานช่วงเช้าเรียบร้อยแล้ว บริเวณนี้มีบุปผาที่ยังให้กลิ่นหอมและสดชื่นผ่อนคลาย ข้าก็เลยมาเดินรับลมชั่วครู่เจ้าค่ะ”“เช่นนี้เอง”ท่านหญิงรั่วซีหันไปทางอาอวี่สาวใช้ข้างกายจากนั้นพยักหน้า อาอวี่ถอยห่างออกไป ส่วนสาวใช้ทั้งสองของจางหลินจูกำลังวิ่งเล่นจับผีเสื้ออย่างสนุกสนานกับจางหลินชวนอยู่ไม่ไกล“
ซวี่ฟางจิ้นย่างกรายเข้าไปด้านในงาน นัยน์ตาคมกริบกวาดมองโดยรอบ ทว่าเขาก็ยังไม่พบสตรีที่ตามหา“ซื่อจื่อ” ท่านหญิงรั่วซียอบกายลง ส่วนสาวใช้ข้างกายยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เมื่อเห็นว่าซวี่ฟางจิ้นมุ่งตรงเข้ามาหานายตนเอง ดูเหมือนซื่อจื่อก็มีใจให้ท่านหญิงเช่นเดียวกัน“เจ้า…” ซวี่ฟางจิ้นอึกอักครู่หนึ่ง ท่านหญิงรั่วซีเลิกคิ้วน้อย ๆ เพราะลุ้นตามอาการที่นิ่งงันไปดื้อ ๆ ของอีกฝ่าย ไม่นานเสียงทุ้มก็เอ่ยต่อ “เจ้าอยู่ผู้เดียวหรือ”ท่านหญิงรั่วซีหันซ้ายหันขวา ครั้นเห็นสาวใช้ข้างกายส่งยิ้มแฉ่งขนาบข้างก็บังเกิดความฉงนซื่อจื่อไม่เห็นหรือว่าข้าอยู่กับอาอวี่“ข้าก็อยู่…”“หากซื่อจื่อมีธุระกับท่านหญิง เช่นนั้นบ่าวขอตัวก่อนเจ้าค่ะ” อาอวี่ตัดบท พร้อมตั้งท่าถอยห่าง“ไม่ต้อง ไม่มีอะไร เจ้าก็อยู่นี่ล่ะ”ซวี่ฟางจิ้นผละจากไปแล้ว ทิ้งให้สองนายบ่าวยืนงงงัน ซวี่ฟางจิ้นทราบมาว่าจางหลินจูสนิทกับท่านหญิงรั่วซี เขาจึงคิดว่าทั้งสองอาจอยู่ด้วยกัน แต่ดูเหมือนเขากำลังคิดผิดกระทั่งทุกคนประจำที่นั่งของตน นางระบำจึงเริ่มการแสดง โต๊ะขนาบข้างด้าน
หลังจากร้านฮวาลี่จูถูกป่วน กิจการก็กลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง ครั้นกลับมาถึงเรือนจางหลินจูก็ถูกจางหมิ่นเรียกหา วันนี้นางจึงจำใจต้องนั่งทานข้าวพร้อมหน้าสองแม่ลูกที่เอาแต่มองเหยียดหยัน ทั้งที่ใบหน้ากระจ่างใสนั่นล้วนได้มาจากเครื่องประทินโฉมของจางหลินจูทั้งสิ้น เงินสักอีแปะไม่ยื่นให้สักเสี้ยว ยังมีหน้าเชิดคอตั้งตรงไม่อายฟ้าดินพวกไม่รู้คุณคน “จูเอ๋อร์ ลุงรู้มาว่ากิจการของเจ้ากำลังไปได้ดีใช่หรือไม่” จางหมิ่นเอ่ยถาม“เจ้าค่ะท่านลุง ผู้คนเริ่มรู้จักร้านฮวาลี่จูมากขึ้นแล้ว อีกอย่างที่ร้านมีชื่อเสียงได้เช่นนี้คงต้องขอบคุณท่านหญิงรั่วซีเจ้าค่ะ”จางหมิ่นเลิกคิ้ว “เจ้าไปรู้จักท่านหญิงตั้งแต่เมื่อใด”“ก็ไม่นานเจ้าค่ะ ท่านหญิงคือลูกค้ารายแรกของข้า” จางหลินจูยิ้มตอบจางจางอิงเบ้ปาก นางไม่ชอบท่านหญิงรั่วซีสักนิด เพราะจางจางอิงชมชอบซวี่ซื่อจื่อมาก และนางทราบมาว่าท่านหญิงรั่วซีคือคู่หมั้นของเขา“ท่านหญิงนั่นมีดีอย่างไร ก็แค่พวกนั่งผัดหน้าขาวไปวัน ๆ เหล่าสตรียิ่งเพ้อพกกันไปใหญ่ นางใช้อะไรทำอะไรก็ตามก้นไปหมด” จางจางอิงลอยหน้
และแล้วกิจการร้านฮวาลี่จูก็ไปได้สวยดังว่า นับตั้งแต่ท่านหญิงรั่วซีเข้ามาอุดหนุน บรรดาสตรีมากหน้าหลายตาก็เริ่มหันเหความสนใจมาที่ร้านของจางหลินจู หนำซ้ำยังมียอดสั่งซื้อล่วงหน้าอย่างล้นหลาม เป็นเหตุให้ร้านที่อยู่อีกฟากเกิดความไม่พอใจ และเมื่อร้านฮวาลี่จูถูกเพ่งเล็ง ทุกอย่างจึงไม่ราบรื่นเช่นใจนึก“ที่นี่ร้านฮวาลี่จูใช่หรือไม่”เสียงสตรีนางหนึ่งดังโหวกเหวกจนลั่นตลาด ผู้คนที่เดินขวักไขว่เริ่มเมียงมองมายังหน้าร้าน รวมถึงสตรีที่ยังเลือกซื้อสินค้าด้านในก็บังเกิดความสนใจเช่นกันจางหลินจูจึงขอตัวผละจากลูกค้าชั่วครู่ร่างระหงเดินออกมาหน้าร้านก็พบว่าเป็นสตรีนางหนึ่ง นางกำลังยืนถลึงตาให้จางหลินจูอย่างไม่เป็นมิตร ทว่าครึ่งใบหน้าอีกฝ่ายกลับมีผ้าแพรผืนบางปกปิดเอาไว้“ใช่แล้ว ที่นี่คือร้านฮวาลี่จูไม่ทราบแม่นางมีธุระอันใดหรือ”“มี ข้าย่อมมีแน่นอน” เสียงใสแข็งกระด้าง“เช่นนั้นก็เชิญท่านว่ามาเถิด”จางหลินจูได้ยินอีกฝ่ายแค่นยิ้ม จากนั้นนางก็ยกมือขึ้นกวักเรียกผู้คนบริเวณนั้น“เจ้าข้าเอ๊ย มาดูนี่สิ ร้านฮวาลี่จูเอาของไม่ได้คุณภาพมาเร่ข
หนึ่งสัปดาห์ผันผ่าน จางหลินจูและสาวใช้คนสนิทก็ช่วยกันจัดแจงร้านเรียบร้อย จางหลินจูตั้งชื่อร้านว่า ฮวาลี่จูซูลี่รับหน้าที่แจกจ่ายแผ่นประกาศและสินค้าทดลองให้ผู้คนที่ผ่านไปมาหน้าร้าน แรกเริ่มผู้คนไม่เชื่อมั่นต่อผลิตภัณฑ์ของจางหลินจู ไม่ว่าซูลี่จะยื่นกระดาษแผ่นเล็กพร้อมกระปุกสินค้าทดลองไปเท่าใดก็ยังถูกผู้คนหมางเมินซูลี่เดินคอตกเข้าไปด้านในของร้านที่ยามนี้เงียบเชียบดุจป่าช้าด้วยสีหน้าผิดหวัง“คุณหนูเจ้าคะ ไม่มีใครสนใจสินค้าของเราเลย ผู้คนเอาแต่สนใจของทางร้านโน้น” ซูลี่ยู่ปากไปยังทิศของอีกร้านที่มีผู้คนหลั่งไหลเข้าไปอย่างไม่ขาดสายจางหลินจูกล่อมจางหลินชวนจนหลับไปแล้ว จึงให้ลู่เสียนรับหน้าที่ดูแลน้องชายต่อ“ไม่เป็นไร การค้าก็เช่นนี้ การสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้าเป็นเรื่องยากที่สุดแล้ว เจ้าเข้าไปพักเถิดข้าจะทำต่อเอง” จางหลินจูเอ่ยด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม เพราะไม่อยากให้ต้องหดหู่กันไปมากกว่านี้ กำลังใจจึงสำคัญที่สุด“คุณหนูเจ้าคะ แต่ด้านนอกร้อนมาก ข้าทำได้เจ้าค่ะ”“ไม่เป็นไร เจ้ายืนมาครบชั่วยามแล้ว เข้าไปดื่มน้ำดื่มท่าเถิด ข้างนอกร้อนแล้ว
“นายน้อย คุณหนูจางกำลังคิดทำการค้าขอรับ”ซวี่ฟางจิ้นเลิกคิ้ว “นางจะทำการค้าอะไร”จากนั้นองครักษ์เงาที่ซวี่ฟางจิ้นส่งไปเฝ้าติดตามเพื่อคอยดูแลความปลอดภัยของจางหลินจูก็เริ่มรายงานเรื่องราวต่าง ๆ ที่ตนสืบทราบมาทั้งหมด“แล้วนางจะไปดูแถวไหน”“ย่านกลางเมือง ตรอกฟางหรูขอรับ”ซวี่ฟางจิ้นครุ่นคิด ไม่นานก็หยิบบางอย่างออกมาจากใต้โต๊ะ “เจ้าเอานี่ไป จัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย”สิ่งที่นำออกมาคือถุงเงินผ้าไหมอวบอ้วน องครักษ์เงาค้อมศีรษะยื่นมือรับแล้วจึงผละกายออกจากห้องประหนึ่งพายุ“นายน้อย ท่านอยากพบนางเหตุใดไม่เจียดเวลาไปพบเองเลยเล่า ทำเช่นนี้หากนางรู้เข้าอาจโกรธท่านเอาได้นะขอรับ” จินฝานเอ่ยซวี่ฟางจิ้นกลับไปสนใจกองบันทึกม้วนไม้ไผ่ที่เทินกันดั่งภูเขาเลากาอีกครั้ง “ยังไม่ถึงเวลา”“แล้วถ้าอยู่ ๆ นางเกิดไปชอบพอกับบุรุษอื่นระหว่างทำการค้า ท่านจะทำอย่างไร”มือที่ถือพู่กันหางจิ้งจอกชะงักครู่หนึ่ง อกซ้ายของเขาสั่นหวิว กระนั้นกลับแสร้งตอบกลับเสียงขรึม “นางไม่ใช่คนเช่นนั้น”“นางไม่ใช่ แต่คนอื่นไม่แน่”จินฝานลอยหน้าเอ่