6
ผู้มาเยี่ยมเยียน
“น่าจะเส้นประสาทอักเสบ” หญิงสาวบ่นพึมพำหลังจากขีดเขียนสิ่งต่าง ๆ ลงบนแผ่นกระดาษ นางพยายามเขียนวิธีรักษา บรรเทาอาการมองไม่เห็นของอ๋องอันมาตลอด กิจวัตรของนางมิได้มีสิ่งใดมากนัก เช้า กลางวัน เย็น นางจะเป็นผู้เตรียมอาหาร หากเขาเบื่อก็พาไปเดินเล่น ให้เขาได้พักเยอะหน่อยร่างกายจะได้ฟื้นตัวได้ดียิ่งขึ้น
“พระชายามีผู้มาพบท่านอ๋อง ตอนนี้รออยู่ที่โถงจื่อเวยเพคะ”
“ข้ารู้แล้วไปเถอะ” อ้ายฉิงพยักหน้ารับวางพู่กันในมือลง เดินตามสาวใช้ออกไปจากห้องบรรทม ตอนนี้อ๋องอันกำลังพักผ่อนอยู่นางจึงเป็นผู้ดูแลทุกอย่างในจวน
อาคารไม้เพดานสูง ภายในมองเห็นโครงสร้างไม้ทุกแผ่น แต่กลับสบายตาเพื่อไม่ให้อากาศภายในร้อนจนกินไป ฉีฉ้ายฉิงเดินเข้าไปด้วยท่าทางมั่นคง ความยาวของการก้าวเท้าก็สม่ำเสมอ ใบหน้าประดับรอยยิ้มงดงาม แม้จะตัวเล็กแต่ก็ไม่อาจทำให้ผู้อื่นมองผ่านไปได้เลย
“สาวใช้บอกว่าท่านมาขอพบอ๋องอัน ไม่ทราบว่าท่านชื่อแซ่ใด ข้าจะได้แจ้งให้ท่านอ๋องทราบ”
“ข้าแซ่ไป๋ นามหนิงเหอ แจ้งว่าองค์ชายสี่ก็ได้”
“ถวายบังคมองค์ชายสี่ หม่อมฉันเสียมารยาทแล้ว”
“พี่สะใภ้ไม่ต้องมากพิธี ข้าไม่ได้แจ้งก่อนจะกล่าวโทษพี่สะใภ้ได้อย่างไร”
“เช่นนั้นองค์ชายเชิญนั่งเพคะ หม่อมฉันจะให้สาวใช้เตรียมชา รอสักครู่” นางรีบเชิญองค์ชายหนิงเหอนั่งในโถง แล้วให้สาวใช้ผู้นั้นไปเตรียมชา จากนั้นจึงเดินไปนั่งฝั่งตรงข้ามองค์ชายหนิงเหอ งานสมรสเป็นงานเรียบง่ายผู้ร่วมพิธีจึงไม่ได้มากมาย นางเองก็ไม่เคยพบเจอบรรดาพี่น้ององค์ชายของอ๋องอันสักคน เพราะหลังแต่งงานนางไม่ได้เข้าวังตามที่ควรจะทำ
“รบกวนองค์ชายรอสักหน่อย หม่อมฉันจะให้สาวใช้ไปบอกท่านอ๋องเดี๋ยวนี้”
“ไม่เป็นไรพี่สะใภ้ ข้าไม่รีบ เดิมทีอยากมาแสดงความยินดีกับท่านทั้งสองแต่เพราะงานแต่งพึ่งผ่านมาเพียงไม่กี่วัน จึงรอให้พี่สะใภ้ปรับตัวได้ถึงได้มาวันนี้”
“ขอบพระทัยองค์ชาย เชิญดื่มเพคะ” นางกล่าวขอบคุณชายหนุ่มตรงหน้า แล้วรินชาที่สาวใช้นำมาให้องค์ชายหนิงเหอ ไม่ว่าจะเป็นหน้าตา ท่าทาง ทุกสิ่งของนางล้วนแต่เป็นมิตรทั้งสิ้น ต่างจากในใจของนางยิ่งนัก
การที่อ๋องอันถูกทำร้ายจนตาบอดเช่นนี้ ต้องเป็นผู้ที่ใกล้ชิดอย่างแน่นอน อีกฝ่ายไม่ได้อยากให้เขาตายแค่เพียงไม่อยากให้เขามองเห็น และเท่าที่นางเคยอ่านหนังสือมามากมาย การกระทำนี้บ่งบอกว่าอ๋องอันกำลังขัดผลประโยชน์ผู้อื่นอยู่
อ๋องอันเป็นบุตรคนรองของฮ่องเต้หนิงหลงหากจะขัดผลประโยชน์ผู้ใดได้ แปลว่าคนผู้นั้นก็มีฐานะไม่ห่างกันมาก ตีความได้เพียงอย่างเดียวคนผู้นี้อยู่ในราชวงศ์เช่นเดียวกัน
ด้วยเหตุนี้นางจึงควรระแวดระวังคนในราชวงศ์ไม่ว่าจะเป็นผู้ใด...
“พี่สะใภ้ อาการพี่ชายข้าเป็นอย่างไรบ้าง ดีขึ้นบ้างหรือไม่”
“หากไม่นับที่มองไม่เห็นก็ดีขึ้นเพคะ ไม่มีสิ่งใดน่าเป็นห่วง”
“ดี ดียิ่งนัก หากเสด็จพี่กลับมามองเห็นได้ก็ยิ่งดีนัก”
“หม่อมฉันก็คิดเช่นนั้นเพคะ”
“พี่สะใภ้ไม่เสียใจหรือที่แต่งงานกับพี่ชายข้า ถึงอย่างไรก็ทรงมองไม่เห็นแล้ว พี่สะใภ้ทั้งงดงาม มารยาทดีเช่นนี้หากไม่ใช่เสด็จพี่ก็คงมีบุรุษที่ดีมาแต่งด้วยเป็นแน่” น้ำเสียงเป็นมิตรเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นน้ำเสียงราบเรียบไร้ความรู้สึกราวกับเปลี่ยนเป็นคนละคน นางนิ่งไปครู่หนึ่งเพื่อรวบรวมความคิดแล้วจึงยิ้มออกมา ไม่คิดเสียมารยาทใส่อีกฝ่าย
“เหตุใดทรงตรัสเช่นนั้นเพคะ แม้ท่านอ๋องจะมองไม่เห็นแต่ทรงมีเมตตา เป็นโชคดีของหม่อมฉันที่ได้เป็นพระชายา”
“แต่หากว่ากันตามตรงแล้ว เป็นข้าไม่ดีกว่าหรือ อย่างไรก็คงดีกว่าเสด็จพี่”
“องค์ชายหมายความเช่นไรเพคะ หากทรงเป็นอย่างที่หม่อมฉันเข้าใจขอให้หยุดรับสั่ง หม่อมฉันจะถือว่าไม่ได้ยินที่พระองค์กล่าว ทรงกลับไปเถอะเพคะ หม่อมฉันไม่ส่งแล้ว” เดิมทีก็อยากรักษาหน้า รักษาไมตรีพี่สะใภ้และน้องสามีไว้ แต่บุรุษตรงหน้านางกลับกล่าวคำพูดเช่นนี้ออกมาได้อย่างไม่อายปาก ทั้งที่พี่ชายตนเองยังคงมองไม่เห็นเช่นนี้
นางนึกโมโหยิ่งนักที่เมื่อครู่ไม่ได้ตบเขาสักที ไม่เข้าใจเสียจริงว่าคนในวังสอนสิ่งใดแก่พี่น้องบ้าง จึงได้ไม่ไว้หน้ากันมากถึงเพียงนี้
“มีสิ่งใด เหตุใดจึงเสียงดังเช่นนี้” น้ำเสียงทุ้มนุ่มนวลคุ้นหูทำให้ฉีอ้ายฉิงหันไปมองทางประตูโถงจื่อเวย พอเห็นผู้เป็นสามีเดินเข้ามานางจึงรีบเดินออกไปช่วยประคองเขา ท่ามกลางสายตานิ่งสงบขององค์ชายหนิงเหอ
“ถวายบังคมเสด็จพี่”
“หนิงเหอ มีสิ่งใดกัน”
“ไม่มีหรอกเพคะ ท่านอ๋องอย่าได้ใส่ใจ มาเถอะหม่อมฉันจะพาไปนั่งแล้วอีกเดี๋ยวจะไปเตรียมชามาให้ใหม่” นางตอบขึ้นไม่อยากให้สามีคิดมากกับคำพูดเมื่อครู่ของน้องชาย จึงได้พาเขาเปลี่ยนเรื่องไป จากนั้นประคองเขาไปนั่งตรงที่นางเพิ่งลุกมา พอดูแลความเรียบร้อยของเขาเสร็จนางก็ออกไป โดยให้หงอี้องครักษ์อีกคนของเขาอยู่เฝ้าหน้าโถง
“นางเป็นพี่สะใภ้ เหตุใดเจ้าจึงพูดจาเช่นนี้หนิงเหอ...”
28สตรีใดที่ท่านหลงรัก“เห็นอยู่กับตาว่าเจ้าคือฉีอ้ายฉิง เหตุใดจึงกล่าวเช่นนั้น” ชายหนุ่มถามอย่างสงสัย ไม่รู้เหตุใดชายาตนเองจึงพูดจาแบบนี้ ถามผู้ที่เคยพบล้วนต้องบอกว่านางคือฉีอ้ายฉิงบุตรตระกูลฉีเป็นแน่“เดิมทีฉีอ้ายฉิงถูกฉีอ้ายเหม่ยบุตรสาวคนโตทำร้ายจนสิ้นใจภายในจวน และหม่อมฉันตายจากที่อื่นก็เลยเข้ามาอยู่ในร่างนางแทน เช่นนั้นข้าจึงจำไม่ได้ว่าเคยช่วยท่านเอาไว้ เพราะผู้ที่ช่วยพระองค์ไม่ใช่หม่อมฉัน แต่เป็นนาง”“...”“หม่อมฉันฟื้นขึ้นมาวันที่ต้องเข้าพิธีสมรส จนได้เจอกับพระองค์ คราแรกกังวลใจไม่น้อยที่อยู่ ๆ ต้องเข้าพิธีกับผู้ที่มีชื่อเสียงโหดร้ายเช่นท่าน แต่เมื่อแต่งแล้วจึงรู้ว่าท่านไม่ได้เป็นดั่งที่ชาวบ้านร่ำลือ”“...”“ที่หม่อมฉันช่วยพระองค์ก็เพื่อให้ตนเองได้อยู่อย่างไม่ลำบาก จนไม่นานมานี้ได้รับรู้ว่าที่พระองค์ดีกับหม่อมฉันเพราะทรงจำได้ว่าฉีอ้ายฉิงเคยช่
27เรื่องเหลือเชื่อนี้“โชคดีจริง ๆ ที่ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมอุปสรรคเยอะแยะเหมือนในละคร ไม่งั้นตายแน่เลย เนาะไอ้จิ๋วของแม่” หญิงสาวพึมพำกับตนเองเบาๆ ขณะนั่งหน้าคันฉ่องบานใหญ่ เรื่องนี้ยังไม่มีผู้ใดรู้นางไม่กล้าบอกเพราะกลัวว่าจะไม่มีผู้ใดเชื่อเรื่องเหลือเชื่อนี้เสียงเรียกแผ่วเบาหน้าประตูทำให้นางลุกไปดู หยินซูหยางหรือมารดาแท้ ๆ ของฉีอ้ายฉิงคนเก่า นางมาอยู่ที่จวนอ๋องได้เกือบหนึ่งเดือนแล้วเพราะตระกูลฉีถูกเนรเทศจากเมืองหลวงหลังถูกโบย“ท่านแม่มีอันใดหรือเจ้าคะ”“แม่ไม่ได้พูดคุยกับเจ้ามานานจึงอยากมาพูดคุยด้วยสักหน่อย เป็นอย่างไรบ้าง ยังอาเจียนอยู่หรือไม่”“ท่านแม่เชิญเข้ามาก่อนเถอะเจ้าค่ะ” หยินซูหยางเดินตามบุตรสาวเข้าไปนั่งเก้าอี้ในห้อง อ๋องอันยามนี้คงอยู่ในวังเพื่อวางเรื่องการป้องกันเมืองกับไท่จื่อ นางรินชาให้มารดาแล้วยิ้มให้อย่างอ่อนโยน แม้ไม่ใช่บุตรแท้ ๆ แต่อย่างไรยามนี้นางก็เป็นฉีอ้
26โอกาสสุดท้ายของการกลับตัวไท่จื่อเบิกตาโตมองผู้คนที่เดินเข้ามาภายในโถงร้านค้าเก่าแห่งนี้ ภายนอกมีคนของเขาเฝ้าอยู่ด้านนอกหลายคนรวมถึงองครักษ์ประจำตัว แต่เมื่อเห็นผู้ที่เดินเข้ามาเป็นคนสุดท้ายจึงรู้ว่าเพราะเหตุใดองค์จักรพรรดิทรงเดินเข้ามาด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ไม่มีอารมณ์ใดปะปนอยู่เลย ร่างกายเย็นวูบชาไปทั่วทั้งร่างไม่นึกเลยว่าองค์จักรพรรดิจะเสด็จเองเช่นนี้ แต่เขากลับไม่รู้เลย“อ้ายฉิงเป็นอย่างไรบ้าง”“หม่อมฉันไม่เป็นไรเพคะ เพียงรู้สึกอับชื้นจึงหายใจไม่สะดวกเท่านั้น” น้ำเสียงหวานใสบอกกับผู้เป็นสามี ใบหน้ายิ้มแย้มไม่ได้โกรธเคืองหรือตื่นกลัวอันใด“ลูกถวายบังคมเสด็จพ่อ เหตุใดเสด็จพ่อจึงเสด็จมาเองเช่นนี้” องค์ไท่จื่อหันไปพูดกับฮ่องเต้ด้วยน้ำเสียงเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด คงกังวลว่าจะถูกกล่าวโทษที่ทำเรื่องเช่นนี้ หรืออาจกังวลว่าฮ่องเต้ทรงรู้สิ่งใดมาบ้าง“ถวายบังคมฝ่าบาทเพคะ”
25ผู้ที่อยู่เบื้องหลัง“เช่นนั้นก่อนตายข้าจะสงเคราะห์ให้” เขาพูดจบก็แหวกม่านหมวกออกทั้งสองฝั่ง เผยให้เห็นใบหน้าโหดเหี้ยม นางไม่คุ้นเคยใบหน้านี้แม้แต่น้อย ไม่เคยเห็นสักครั้งเดียว“แม้จะเห็นหน้าท่านเช่นนี้ข้าก็ไม่รู้อยู่ดีว่าท่านเป็นผู้ใด อยากจะพูดก็พูดเถอะ หากไม่แล้วก็เชิญทำตามใจ” สิ่งที่เอ่ยออกไปนางไม่ได้จงใจยั่วยุแต่นางคิดเช่นนั้นจริง ๆ อย่างไรนางก็เคยตายมาแล้วครั้งหนึ่ง แม้ไม่ได้อยากตายก็ตาม ครั้งนี้ก็เช่นกันเมื่อฟ้าลิขิตให้ตายผู้ใดเล่าจะรอดนางพูดจบก็เงยหน้ามองเขาอีกครั้งด้วยแววตานิ่งไม่หวั่นไหว ถามว่ากลัวหรือไม่นางย่อมต้องกลัว แต่จะให้อ้อนวอนขอชีวิตก็คงไม่มีประโยชน์อันใด“ยิ่งเห็นสายตาราวกับไม่กลัวสิ่งใดของเจ้า ทำให้ข้ายิ่งนึกถึงคนผู้นั้นยิ่งนัก ข้าเคยให้โอกาสเจ้าเลือกแล้วที่จะไม่รักษาอ๋องอัน แต่เจ้าดื้อรั้นและดื้อดึง”“อย่างที่ท่านกล่าวมา ข้าทั้งดื้อรั้นและดื้อดึงต่อให้ท่านจะฆ่
24มีเวลาให้พักมากพอ“ขอแสดงความยินดีกับพระชายา พระองค์ทรงตั้งครรภ์ได้สองเดือนแล้วพ่ะย่ะค่ะ” นางยกมือกุมขมับตนเองทันที เป็นหมอแท้ ๆ แต่กลับไม่ทันได้คิดเรื่องนี้เลย มัวแต่ใช้เวลาดูแลผู้อื่นจนลืมสังเกตตนเอง“ขอบคุณท่านหมอ เชิญท่านหมอเถอะ ข้าขอพักเสียหน่อย”“กระหม่อมทูลลา” รายงานเสร็จหมอก็ออกไปจากรถม้าให้นางได้อยู่ตามลำพัง ไม่ได้สั่งยาหรือมอบเทียบยาใดให้เพราะเห็นว่านางอ่อนเพลียจึงปลีกตัวออกมาให้ได้พักผ่อน“ตัวจิ๋วเดียวก็สร้างเรื่องเลยนะ ถ้าอยากมาเกิดจริง ๆ อย่าให้แม่ทรมานนักสิ” นางพึมพำกับตนเองพร้อมกับลูบหน้าท้องแบนราบแผ่วเบาแล้วผล็อยหลับไป“ท่านหมอพระชายาเป็นอย่างไรบ้าง”“ขอแสดงความยินดีกับท่านอ๋อง พระชายาทรงตั้งครรภ์ได้สองเดือนแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ดวงตาคมเบิกกว้างตกใจกับสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่ไม่น้อย ริมฝีปากยกยิ้มกว้างอย่างไม่รู้ตัว
23ป่วยแล้วหรือไม่“เสด็จพี่ เช่นนั้นผู้บงการนี้”“แม้จะไม่อยากคิด แต่ข้าคิดว่าคงเป็นคนผู้เดียวกับที่เจ้าคิด บัดนี้มีหลักฐานแต่ยังขาดพยาน อาจจะไม่ใช่ก็ได้ ต้องหาคนผู้นั้นให้เจอเราจึงจะได้คำตอบ” น้ำเสียงราบเรียบ เขาให้จื่ออี้ตามหาผู้ที่จับตัวฉีอ้ายฉิงในวันนั้น แม้จะยังไม่พบแต่ไม่นานต้องพบแน่ คนผู้นั้นเองก็คงไม่อยากตาย“หากมีสิ่งใดที่ข้าพอช่วยได้”“ย่อมต้องมีเรื่องรบกวนเจ้าในภายหน้าเป็นแน่” คนเจ็บยิ้มมุมปากขึ้นมาทันที เมื่อได้ยินผู้เป็นพี่ชายบอกว่าต้องมีโอกาสใช้งานเขาแน่นอน เพราะไม่ได้ถูกเลี้ยงดูด้วยกันองค์ชายสามจึงมีแบบอย่างเป็นองค์ชายรองมาโดยตลอด ไม่ว่าองค์ชายรองจะทำอย่างไรจะเป็นอย่างไร เขาล้วนพยายามพัฒนาตนเองอยู่เสมอ เพื่อที่ในสักวันจะได้คอยช่วยพี่ชายออกรบในสนามรบได้หลังได้ยินว่าเขาจะต้องไปช่วยอ๋องอันบรรเทาทุกข์ที่เซียงโจวก็ดีใจมาก คิดตลอดคืนว่าจะพูดคุยกับพี่ชายอย่างไรดีแต่จน