Masukหานเจ๋อกลับมาถึงเรือนยามเย็น
พอเห็นมู่หว่านเหยากำลังขุดแปลงดินอยู่ด้านหลัง ก็รีบวางของในมือลงแล้วก้าวเข้าไปหา
“เจ้าทำอะไรน่ะ ทำไมไม่รอข้า”
เขาเอ่ยเสียงเต็มไปด้วยความตกใจและเป็นห่วง
มู่หว่านเหยาเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก พลางยิ้มบาง “ข้าแค่อยากเตรียมแปลงไว้ก่อน จะได้ปลูกพืชทันฝนหน้า”
นางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยเบา ๆ “แต่ตอนนี้...ข้ายังไม่มีเมล็ดพันธุ์ หากท่านพอมีเงินสักเล็กน้อย ข้าขอไว้ซื้อหรือแลกเมล็ดปลูกได้หรือไม่”
หานเจ๋อชะงักไปทันที ดวงตาเบิกเล็กน้อย ราวกับเพิ่งนึกขึ้นได้
“ข้าไม่รอบคอบเอง...”
เขาพูดพลางรีบเดินเข้าเรือน ไม่นานก็กลับออกมาพร้อมถุงผ้าขนาดเล็กที่ซ่อนอยู่ในช่องไม้ตรงมุมผนัง
เขาวางมันลงบนมือของนางอย่างไม่ลังเล
“นี่คือเงินทั้งหมดที่ข้ามี เจ้าอยากใช้ทำสิ่งใดก็แล้วแต่ใจจะซื้อเมล็ดพันธุ์หรือของจำเป็นอื่น ๆ ก็ได้ทั้งนั้น ข้าเชื่อเจ้า”
มู่หว่านเหยาชะงักไปเล็กน้อย มองถุงเงินในมืออยู่ครู่หนึ่ง ความรู้สึกบางอย่างแผ่วผ่านในอก ทั้งซาบซึ้งทั้งเกรงใจ
หานเจ๋อเห็นอีกฝ่ายนิ่งไปจึงเอ่ยเสียงนุ่ม
“เจ้าไปนั่งพักเถอะ ตรงนี้ข้าจะทำต่อเอง”
น้ำเสียงนั้นเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความอาทร
หว่านเหยาเองก็เหนื่อยล้าอยู่พอดี นางลังเลเพียงครู่ก่อนพยักหน้าเบา ๆ แล้วหันไปนั่งบนตั่งไม้ใกล้รั้ว
ลมเย็นพัดโชย กลิ่นดินชื้นอบอวลอยู่ในอากาศ
นางมองแผ่นหลังของชายหนุ่มที่กำลังจับจอบขุดดินแทนอย่างตั้งใจ ภาพนั้นเรียบง่ายเหลือเกิน แต่กลับอบอุ่นในแบบที่นางไม่คาดคิดมาก่อน
หานเจ๋อไม่เพียงแต่ขุดดินให้เรียบเสมอเป็นแปลงเท่านั้น
เมื่อเห็นว่าดินยังแห้ง เขายังตักน้ำจากลำธารใกล้เรือนมารดให้ชุ่มทีละขัน หยาดเหงื่อเกาะพราวบนหน้าผาก แต่เขากลับยิ้มบางอย่างพอใจ
เมื่อเสร็จงาน เขาหันไปมองมู่หว่านเหยาที่นั่งพักอยู่บนตั่ง ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้ม “พรุ่งนี้ข้าจะไปหาถังน้ำมาเพิ่มอีกสองสามใบ เจ้าได้ใช้รดผักสะดวกขึ้นหน่อย”
คำพูดนั้นแสนเรียบง่าย แต่เต็มไปด้วยความใส่ใจ
มู่หว่านเหยาเงยหน้ามองเขาเงียบ ๆ ในแววตานั้นมีทั้งความซาบซึ้งและความรู้สึกอันบอกไม่ถูก
โชคดีนัก ที่หานเจ๋อมิได้เคยสนิทสนมกับหว่านเหยาเดิมมาก่อน
เขาจึงไม่รู้เลยว่า...สตรีที่ยืนอยู่ตรงหน้าในเวลานี้
หาใช่หญิงคนเดิมที่เขาเคยรักหมดใจอีกต่อไปแล้ว
ในเมื่อเป็นเช่นนี้...
มู่หว่านเหยาก็ขอเป็น ตัวของตัวเอง
ส่วนอีกฝ่ายจะรับได้หรือไม่
ก็ให้เป็นเรื่องของโชคชะตาอีกครั้งเถิด
ลมยามเย็นพัดผ่านกลิ่นดินชื้นจากแปลงใหม่
หานเจ๋อที่เพิ่งจัดการแปลงเสร็จ เดินเช็ดเหงื่อพลางยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดี เขารีบเข้าไปในเรือน หยิบตะกร้าที่พกติดตัวมาวางบนโต๊ะไม้ แล้วเอ่ยเสียงสดใส
“วันนี้ข้าซื้อหมูมาด้วยนะ จะทำผัดเปรี้ยวหวานให้เจ้ากิน”
น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นและความเอาใจใส่
กลิ่นควันจากเตาเริ่มลอยอ้อยอิ่งทั่วเรือนเล็กกลางทุ่ง
กลิ่นหมูผัดเปรี้ยวหวานลอยอบอวลไปทั่วเรือนเล็ก
เสียงน้ำมันกระทบกระทะดัง ฉ่า... ตามด้วยกลิ่นซอสหอมหวานผสมกลิ่นขิงอ่อน
หานเจ๋อถือกระบวยในมือ คนอย่างคล่องแคล่ว ริมฝีปากยังคงยิ้มละไม “อีกเดี๋ยวก็เสร็จแล้ว เจ้าไปนั่งรอก่อนเถอะ” เขาเอ่ยพลางหันมายิ้มให้
มู่หว่านเหยาเพียงพยักหน้าเบา ๆ แล้วนั่งลงที่ตั่งไม้
แสงอาทิตย์ยามเย็นสาดผ่านช่องหน้าต่าง ร่วงลงบนพื้นดินดิบของเรือน เงาของชายหนุ่มที่ยืนปรุงอาหารขยับไหวในแสงส้มอบอุ่นนั้น งดงามในความเรียบง่ายอย่างน่าประหลาด
ไม่นาน หานเจ๋อก็ยกจานผัดเปรี้ยวหวานกับข้าวสวยร้อน ๆ มาวางตรงหน้า “ลองชิมดูสิ ข้าไม่ค่อยแน่ใจว่ารสจะถูกปากเจ้าหรือไม่”
มู่หว่านเหยาตักขึ้นชิมคำหนึ่ง รสหวานอมเปรี้ยวพอดีไม่จัดนัก
“อร่อยดี” นางเอ่ยเรียบ ๆ
แต่หานเจ๋อกลับยิ้มกว้างราวกับได้รับรางวัลล้ำค่า
ทั้งสองนั่งกินกันเงียบ ๆ มีเพียงเสียงจิ้งหรีดและสายลมจากท้องนาแทรกอยู่ระหว่างคำพูด
หลังจากกินอิ่ม มู่หว่านเหยายืนยันจะเป็นคนเก็บและล้างเอง
หานเจ๋อพยายามห้าม แต่เมื่อเห็นสายตาดื้อดึงของนางก็ได้แต่ยิ้มยอม ก่อนจะหยิบขวานออกไปผ่าฟืนหลังเรือน
เสียง ฉึก... ฉึก... ของขวานกระทบไม้ดังเป็นจังหวะผสมกับเสียงน้ำล้างถ้วยในครัว
ลมเย็นยามค่ำพัดผ่านทุ่ง ละอองกลิ่นดินชื้นลอยอ้อยอิ่งทั่วบริเวณ
ไม่นาน หว่านเหยาก็เดินออกมาจากครัว มือยังมีรอยน้ำหยดอยู่บ้าง นางเอ่ยเรียบ ๆ
“พรุ่งนี้ข้าจะไปตลาด...ท่านช่วยไปเป็นเพื่อนข้าได้หรือไม่”
หานเจ๋อหยุดมือที่ถือขวานไว้กลางอากาศ ก่อนจะหันกลับมาพร้อมรอยยิ้มเต็มหน้า “ได้สิ เดิมทีพรุ่งนี้ข้าก็ว่าจะขึ้นเขาอยู่แล้ว ไปตลาดกับเจ้าก่อนก็ย่อมได้”
“อืม...รบกวนท่านแล้ว” นางเอ่ยเบา ๆ
ชายหนุ่มพลางส่ายหน้า“เจ้าอย่าได้พูดเช่นนั้นเลย...เจ้าก็รู้ดีว่าข้าเต็มใจแค่ไหน”
มู่หว่านเหยากะพริบตาช้า ๆ กล่าว “ได้...”
คำตอบนั้นสั้นนัก แต่เพียงคำเดียวก็ทำให้หานเจ๋อเผยรอยยิ้มอบอุ่นกว่าเดิมอีกหลายเท่า นางกำลังรับไมตรีของเขา
ตอนที่ 8 เสียศักดิ์ศรีไม่ได้ บรรยากาศหลังมื้อค่ำยังอุ่นอบอวลด้วยกลิ่นไม้สดจากกองฟืนที่หานเจ๋อกำลังผ่าดัง พั่ก…พั่ก เป็นจังหวะสม่ำเสมอมู่หว่านเหยานั่งอยู่บนตั๋งเล็ก ๆ มือรองคางสายตาของนางจับจ้องไปยัง กล้ามอกกว้างที่ขยับตามแรงฟันฟืนแผ่นหลังแข็งแรงกำยำลำแขนที่เต็มไปด้วยพลังจากการทำงานหนักทั้งวันสายตาของนางไล่ลงต่ำอย่างเผลอตัวหยุดอยู่ตรง “ช่วงท้องแข็งแกร่ง” ที่โผล่พ้นสาบเสื้อออกมานิด ๆแน่น…และคงหนักหน่วงไม่น้อยเวลาถูกกอดรัดความคิดนั้นแล่นวาบขึ้นมาจนลำคอหว่านเหยาร้อนผ่าวนางต้องลอบกลืนน้ำลายเบา ๆปลายหูแดงระเรื่อโดยไม่รู้ตัวบุรุษผู้นี้ไม่เพียงหน้าตาดียังซื่อสัตย์ อ่อนโยน รักมั่น…บุรุษดีถึงเพียงนี้ มันควรต้องได้ครอบครองเขาไว้กับตัวและพอนางได้พรข้อนั้น นางจะเลี้ยงดูเขาเองเขาจะต้องกลายเป็นของนาง อ่า...แต่จะให้โถมใส่ตรง ๆ ก็ดูไม่งามสำหรับสตรีเสียศักดิ์ศรีแย่มู่หว่านเหยากัดริมฝีปากเบา ๆสายตาหรี่ลงอย่างนึกหาวิธี“จะเริ่มอย่างไรดีนะ…”นางเอียงศีรษะเล็กน้อยราวกับคิดแผนร้ายที่หอมหวานรอยยิ้มจาง ๆ ผุดขึ้นบนริมฝีปากยิ้มแบบสตรีที่ตั้งใจจะ “ล่อลวง”สามีของตนเองให้หลงจนหมด
ตอนที่ 7 ญาณพิเศษ หานเจ๋อวางถาดอาหารลงบนโต๊ะไม้เก่าอย่างเบามือ แต่หญิงสาวบนตั่งกลับยังมองออกไปนอกหน้าต่างราวสติล่องลอยอยู่ที่อื่นเขาจึงเอ่ยเสียงทุ้มอ่อน“คิดอะไรอยู่หรือ”มู่หว่านเหยากระพริบตา ดึงความคิดกลับมาจากห้วงลึกนางหันไปมองเขาเล็กน้อยก่อนตอบอย่างเก้อเขิน “คิดเพลินไปหน่อย…ท่านทำมื้อเย็นเสร็จแล้วหรือ ข้าแย่จริง ไม่ได้ช่วยอะไรเลย”หานเจ๋อส่ายหน้าเบา ๆน้ำเสียงเต็มไปด้วยความห่วงใยจนอบอุ่นคล้ายผ้าห่มในฤดูหนาว “ไม่เป็นไรหรอก เรื่องเท่านี้ข้าทำได้ เจ้าพึ่งหายป่วย ออกไปตลาดทั้งวันแล้วยังช่วยเด็กคนนั้นอีก”เขาหยุดเล็กน้อย ก่อนเอ่ยช้า ๆ เน้นทุกคำด้วยความใส่ใจ“เจ้าควรพัก…พักให้มาก ๆ ด้วยซ้ำ”เขาผลักถ้วยอาหารเข้าหานาง “มากินข้าวเถอะ จะได้รีบพักผ่อน” คำพูดเรียบง่ายแต่แฝงความอ่อนโยนของหานเจ๋อทำให้มู่หว่านเหยาหลุบตาลงความวุ่นวายทั้งวันที่พัดพาเข้ามาเหมือนลมแรง ค่อย ๆ สงบลงราวกับถูกมืออบอุ่นปลอบประโลมให้เงียบเสียงอนาคตของนางกับบุรุษผู้นี้…จะเป็นเช่นไรนะความคิดผุดวาบขึ้นมาราวควันบาง ตีวงในอกนางเบา ๆพลันความทรงจำจากชาติเดิมก็แล่นเข้ามาหากเป็นเมื่อก่อน…นางคงโทรหามินตริตา ชวนก
ตอนที่ 6 ชดเชยเพียงสบตากันในเสี้ยวลมหายใจนั้นบุรุษผู้นั้น ก็รับรู้ได้ทันทีว่า นางรู้จักเขามือเรียวยาวสะบัดเล็กน้อยจากนั้นโลกทั้งใบคล้ายหยุดเคลื่อนไหว เสียงลม เสียงน้ำ เสียงผู้คน... ล้วนเงียบหายไปหยุดห้วงเวลาเหลือเพียงดวงตาสองคู่ที่ประสานกันกลางหมอกแดดราง ๆแววตาของนางเต็มไปด้วยความตกตะลึงและระแวดระวังส่วนแววตาของเขา... เย็นเยียบและลึกล้ำจนยากหยั่งถึงคล้ายรอยยิ้มบาง ๆ ผุดขึ้นบนมุมปาก แต่กลับทำให้บรรยากาศรอบตัวเย็นวูบลงอย่างประหลาดบุรุษผู้นั้นก้าวเท้าเข้ามาอย่างช้า ๆทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยพลังบางอย่างที่มองไม่เห็นเมื่อระยะห่างเหลือเพียงไม่กี่ก้าว เขาหยุดตรงหน้ามู่หว่านเหยา“เจ้าเป็นผู้ใด... เหตุใดรู้จักข้า” เสียงของเขาดังขึ้นต่ำและชัดเจน ราวกับเสียงสะท้อนจากก้นบึ้งแห่งหุบเหวคำถามนั้นแฝงแรงอำนาจจนแม้เพียงลมหายใจก็คล้ายหยุดไหลเวียนแต่ทั้งที่เอ่ยถาม ชายหนุ่มกลับไม่รอคำตอบจากนางเลยปลายนิ้วเรียวยาวของเขาเพียงสะบัดเบา ๆ —แรงลมอันเย็นวาบพุ่งเข้าหามู่หว่านเหยาอย่างรวดเร็วก่อนที่นางจะทันรู้ตัวสติของนางดับวูบ ร่างทั้งร่างทรุดลงราวสายลมถูกสูบออกจากอกชายหนุ่มยื่นมือข้างหนึ่งแตะลงกล
ตอนที่ 5 นินทารุ่งเช้าแสงแดดยังอ่อนจัดจ้าผ่านม่านหมอกบาง ๆ ที่คลี่คลุมท้องนาเสียงไก่ขันแว่วจากเรือนใกล้ ๆ ตามด้วยเสียงควายลากไถจากทางหมู่บ้าน มู่หว่านเหยาเก็บตะกร้าหวายใบเล็กใส่เหรียญเงินที่หานเจ๋อมอบให้เมื่อคืน แล้วคลุมผ้าบางสีอ่อนคล้ายแพรทอมือเมื่อออกมาหน้าเรือน หานเจ๋อก็ยืนรออยู่ก่อนแล้วเขายิ้มบาง ๆ หว่านเหยายิ้มตอบกล่าว “ไปกันเถอะ”น้ำเสียงของนางนุ่มนวลขึ้นกว่าทุกวันจนหานเจ๋อสติแทบจะล่องลอยทั้งสองเดินเคียงกันไปตามทางดินเลียบคันนาหยาดน้ำค้างเกาะบนยอดหญ้าเป็นประกาย สายลมเช้าเย็นสบายจนผมของหญิงสาวปลิวระเริง เสียงล้อเกวียนจากระยะไกลดังเอื่อย ๆ ประสานกับเสียงพูดคุยของชาวบ้านที่พากันมุ่งหน้าไปตลาดเช่นเดียวกันตลาดหมู่บ้านตั้งอยู่กลางลานกว้าง มีทั้งแม่ค้าขายผัก ผลไม้ ไข่เป็ดไข่ไก่ รวมถึงเครื่องปั้นดินเผาและผ้าทอมือกลิ่นขนมถั่วบดและแป้งทอดลอยคลุ้งชวนให้รู้สึกอบอุ่นเหมือนบ้านแม้ มู่หว่านเหยา จะแต่งกายเรียบง่าย ผ้าฝ้ายสีอ่อนทอด้วยมือ ผมถักเปียม้วนขึ้นอย่างเรียบร้อย ทว่ากิริยาท่าทางของนางกลับแฝงความอ่อนช้อยสง่างามอย่างยากจะปิดบังได้แต่ละก้าวเดินของนางมีระเบียบ เรียบละเมียด เป็น
ตอนที่ 4 รับไมตรีหานเจ๋อกลับมาถึงเรือนยามเย็นพอเห็นมู่หว่านเหยากำลังขุดแปลงดินอยู่ด้านหลัง ก็รีบวางของในมือลงแล้วก้าวเข้าไปหา“เจ้าทำอะไรน่ะ ทำไมไม่รอข้า”เขาเอ่ยเสียงเต็มไปด้วยความตกใจและเป็นห่วงมู่หว่านเหยาเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก พลางยิ้มบาง “ข้าแค่อยากเตรียมแปลงไว้ก่อน จะได้ปลูกพืชทันฝนหน้า”นางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยเบา ๆ “แต่ตอนนี้...ข้ายังไม่มีเมล็ดพันธุ์ หากท่านพอมีเงินสักเล็กน้อย ข้าขอไว้ซื้อหรือแลกเมล็ดปลูกได้หรือไม่”หานเจ๋อชะงักไปทันที ดวงตาเบิกเล็กน้อย ราวกับเพิ่งนึกขึ้นได้“ข้าไม่รอบคอบเอง...”เขาพูดพลางรีบเดินเข้าเรือน ไม่นานก็กลับออกมาพร้อมถุงผ้าขนาดเล็กที่ซ่อนอยู่ในช่องไม้ตรงมุมผนังเขาวางมันลงบนมือของนางอย่างไม่ลังเล“นี่คือเงินทั้งหมดที่ข้ามี เจ้าอยากใช้ทำสิ่งใดก็แล้วแต่ใจจะซื้อเมล็ดพันธุ์หรือของจำเป็นอื่น ๆ ก็ได้ทั้งนั้น ข้าเชื่อเจ้า”มู่หว่านเหยาชะงักไปเล็กน้อย มองถุงเงินในมืออยู่ครู่หนึ่ง ความรู้สึกบางอย่างแผ่วผ่านในอก ทั้งซาบซึ้งทั้งเกรงใจหานเจ๋อเห็นอีกฝ่ายนิ่งไปจึงเอ่ยเสียงนุ่ม“เจ้าไปนั่งพักเถอะ ตรงนี้ข้าจะทำต่อเอง”น้ำเสียงนั้นเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความอ
ตอนที่ 3 โชคชะตานำพานางจ้องมองใบหน้าเขาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยเสียงแผ่วเบาแต่สั่นจากความรู้สึกที่บอกไม่ถูก“เหตุใด...เหตุใดเจ้าจึงต้องดีกับข้าเพียงนี้...”คำถามนั้นมิใช่เพียงการสงสัยในความหวังดีของเขาหากแต่เป็นการถามถึงโชคชะตาที่ทำให้นางได้พบคนอย่างหานเจ๋อหานเจ๋อชะงัก เขาไม่คิดว่าหญิงสาวจะเอ่ยถามเขาหลบสายตาหญิงสาว แล้วเอ่ย“เจ้าคงจำข้าไม่ได้...เมื่อหลายปีก่อน ตอนที่ข้าประมาณแปดขวบ เกือบถูกรถม้าของเจ้าชน..คนขับรถตำหนิที่ข้าไม่ดูทางให้ดี เป็นเจ้าที่ออกปากปกป้องแล้วยังแบ่งขนมจากหอชิวอี้ให้ข้า” หว่านเหยาเริ่มจำได้ลาง ๆ ในความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม เหตุการณ์นั้นมีอยู่จริงภาพเด็กชายตัวเล็กที่ล้มอยู่กลางถนน เสียงรถม้าที่หยุดกระทันหัน และขนมที่ถูกยื่นให้ด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน... ล้วนผุดขึ้นมาในใจอย่างช้า ๆนางเข้าใจในทันทีสำหรับเขา เด็กชายในวันนั้น คงเป็นครั้งแรกที่หัวใจสั่นไหว“รักแรกพบ...” นางพึมพำในใจอย่างแผ่วเบานับแต่นั้น หานเจ๋อคงเฝ้ามองนางมาโดยตลอด แม้ระยะทางระหว่างชนชั้นจะไกลเพียงใด เขาก็ยังเก็บภาพนั้นไว้ในใจ...ไม่เคยลืมเลยแม้เพียงวันเดียวเป็นรักที่อบอุ่นจริงๆ เสียดายสตรีผู้น







