เข้าสู่ระบบบรรยากาศหลังมื้อค่ำยังอุ่นอบอวลด้วยกลิ่นไม้สดจากกองฟืนที่หานเจ๋อกำลังผ่าดัง พั่ก…พั่ก เป็นจังหวะสม่ำเสมอ
มู่หว่านเหยานั่งอยู่บนตั๋งเล็ก ๆ มือรองคาง
สายตาของนางจับจ้องไปยัง กล้ามอกกว้างที่ขยับตามแรงฟันฟืน
แผ่นหลังแข็งแรงกำยำ
ลำแขนที่เต็มไปด้วยพลังจากการทำงานหนักทั้งวัน
สายตาของนางไล่ลงต่ำอย่างเผลอตัว
หยุดอยู่ตรง “ช่วงท้องแข็งแกร่ง” ที่โผล่พ้นสาบเสื้อออกมานิด ๆ
แน่น…และคงหนักหน่วงไม่น้อยเวลาถูกกอดรัด
ความคิดนั้นแล่นวาบขึ้นมาจนลำคอหว่านเหยาร้อนผ่าว
นางต้องลอบกลืนน้ำลายเบา ๆ
ปลายหูแดงระเรื่อโดยไม่รู้ตัว
บุรุษผู้นี้ไม่เพียงหน้าตาดี
ยังซื่อสัตย์ อ่อนโยน รักมั่น…
บุรุษดีถึงเพียงนี้ มันควรต้องได้ครอบครองเขาไว้กับตัว
และพอนางได้พรข้อนั้น นางจะเลี้ยงดูเขาเอง
เขาจะต้องกลายเป็นของนาง อ่า...
แต่จะให้โถมใส่ตรง ๆ ก็ดูไม่งามสำหรับสตรี
เสียศักดิ์ศรีแย่
มู่หว่านเหยากัดริมฝีปากเบา ๆ
สายตาหรี่ลงอย่างนึกหาวิธี
“จะเริ่มอย่างไรดีนะ…”
นางเอียงศีรษะเล็กน้อยราวกับคิดแผนร้ายที่หอมหวาน
รอยยิ้มจาง ๆ ผุดขึ้นบนริมฝีปาก
ยิ้มแบบสตรีที่ตั้งใจจะ “ล่อลวง”
สามีของตนเองให้หลงจนหมดทางถอย
และคืนนี้…จัดการเลยดีไหม
ค่ำคืนนั้น แสงตะเกียงริบหรี่ส่องทั่วกระท่อมเล็ก
อบอุ่น…และเงียบสงบเสียจนได้ยินเพียงเสียงลมหายใจของสองคนในเรือนเดียวกัน หานเจ๋อนั่งซ่อมอุปกรณ์ชาวนาอยู่มุมหนึ่ง
ส่วนหว่านเหยานั่งพิงเตียงเบา ๆ ทำทีเหมือนอ่านหนังสือ
แต่แท้จริงแล้ว…หัวใจของนางกำลังวางแผนบางอย่าง
แผน “ล่อลวงสามีให้ลงมือก่อน” โดยที่นางยังคงศักดิ์ศรีครบถ้วน
ลมเย็นพัดชายแขนเสื้อบาง ๆ ของนางให้ปลิวเล็กน้อย เผยผิวขาวเนียนที่ตัดกับแสงไฟอุ่นราวหยกอ่อน หว่านเหยาเห็นหานเจ๋อไม่ยอมมองสักที ก็เริ่มลงมือ
นางขยับตัวช้า ๆ ขาทั้งสองเหยียดออกนิด
ปลายผ้าถลกขึ้นอย่างจงใจให้เห็นเรียวเท้าเล็กเต็มสายตา
เสียงผ้าเสียดสีกับผิวเนื้อแผ่วเบา…
ทำให้หานเจ๋อเงยหน้าขึ้นโดยไม่รู้ตัว เขาสะดุ้งน้อย ๆ รีบเบือนหน้าหนีทันที กลัวว่าตนจะเสียมารยาทต่อภรรยา
หว่านเหยาเห็นแล้วแทบหลุดหัวเราะ
ชายผู้นี้…ช่างซื่อตรงเสียจนยั่วให้ใจเต้น
นางจึงใช้เสียงหวานเจือเกียจคร้านเอ่ยเรียกเขา
“หานเจ๋อ…เจ้ามานี่หน่อยสิ”
เขารีบวางของ ลุกขึ้นมาอย่างตื่นตระหนกเล็กน้อย
“เจ้า…มีสิ่งใดหรือ”
หว่านเหยาขยับตัวเข้าใกล้ ขณะที่อีกฝ่ายทิ้งตัวนั่งลงข้างเตียง มือของนางวางบนแขนเขาช้า ๆ ผิวอุ่นและแข็งแน่นอย่างที่นางนึกไว้ไม่มีผิด
“ข้าหนาว…ช่วยข้านิดหนึ่งได้หรือไม่”
นางเอนกายเข้าใกล้แทบแนบชิด ความหอมละมุนจากกายหญิงสาวกระทบจมูกเขาอย่างรุนแรง หานเจ๋อหน้าร้อนผ่าว รีบถอยนิดหนึ่ง แต่ติดตรงพนักเตียงด้านหลัง
“หรือว่าเจ้าไม่สบายเสียแล้ว…”
หว่านเหยาโน้มตัวไปขวางทาง มือบางรวบชายเสื้อเขาไว้เบา ๆ
นิ้วเรียวขยับลากผ่านแผงอกแข็งแรง…ราวกับไม่ตั้งใจ
เสียงหัวใจของชายหนุ่มดังชัดเสียจนหว่านเหยาได้ยิน
นางโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้จนลมหายใจปะทะกัน
นุ่ม…อุ่น…และหวาบหวิวจนชายผู้ใสซื่อแทบไม่กล้าขยับ
“เจ้าหนีข้าทำไมเล่า…”
เสียงหว่านเหยานุ่มเหมือนกำลังปรนเปรอด้วยสายลมยามค่ำ
หานเจ๋อหลับตาแน่น มือกำชายเสื้อของตนราวกับกลัวจะเผลอทำสิ่งไม่เหมาะสม “ข้าไม่ได้หนีเพียงแต่กลัวเจ้าจะเสื่อมเสีย”
หว่านเหยายกนิ้วแตะแนวริมฝีปากเขาเบา ๆ สัมผัสนั้นแผ่วจนนุ่มละลายใจแต่แฝงแรงดึงดูดที่ดิบลึก
“ข้าเป็นภรรยาของเจ้า”
นางกระซิบ “จะยื่นมือหาสามี…นั้นผิดหรือ”
หานเจ๋อแทบหยุดหายใจ ดวงตาเข้มของเขาสับสนแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
แต่หว่านเหยาไม่ให้เขาตั้งหลัก
นางโน้มใบหน้าเข้าใกล้จนปลายจมูกเฉียดกัน
เสียงพร่าของนางเปลี่ยนเป็นน้อยใจเจือยั่วเย้า
ชวนให้หัวใจเขาบีบแน่นในคราเดียว
“หรือว่า…จริง ๆ แล้วเจ้า รังเกียจข้า กันแน่”
หานเจ๋อสะดุ้ง แต่ยังไม่ทันพูด นางก็เอ่ยต่ออย่างเจ็บแปลบ
“ใช่สิ…ข้าเป็นสตรีที่ถูกลากเข้า ‘หอนางโลม’ แม้จะไม่ได้แตะต้องชายใด แต่ใครจะเชื่อว่าสตรีที่เหยียบเท้าเข้าไปแล้ว ยังจะ ‘บริสุทธิ์’ อยู่เล่า…”
ดวงตาหว่านเหยาหลุบต่ำอย่างเจ็บช้ำปลอม ๆ
ทว่าในใจ…นางกำลังขำกับสีหน้าเคร่งเครียดของเขายิ่งนัก
หานเจ๋อหน้าเปลี่ยนสีทันที
ชายหนุ่มรีบคว้ามือนางไว้แน่นจนปลายนิ้วสั่น
“หว่านเหยา…เจ้าอย่าพูดเช่นนั้น!”
เสียงเขาแตกพร่า ร้อนรนอย่างที่ไม่เคยเป็น
ใบหูของชายหนุ่มแดงจัดราวไฟลามไปถึงสันคอ
หานเจ๋อพูดติดขัดเหมือนคนเสียสติชั่วขณะ “ข้า—ข้าไม่เคยรังเกียจเจ้าเลย… ข้าแค่…แค่… ข้ากลัวว่า…สักวันเจ้าอาจพบคนที่ดีพอจริง ๆ แล้วจะเสียใจที่ต้องอยู่กับข้า…”
หว่านเหยาตวัดหน้าขึ้นทันที
นัยน์ตาสั่นไหวแต่เด็ดเดี่ยว
น้ำเสียงของนางสั่นด้วยความน้อยใจที่แฝงการยั่วยวนปนดื้อดึง
“ข้าไม่เชื่อ!! สิ่งที่เจ้าพูดล้วนเป็นข้ออ้างทั้งนั้น!”
ทันทีที่น้ำตาหยดแรกไหลอาบแก้มนาง
หัวใจหานเจ๋อแทบแหลกเป็นผง
“หว่านเหยา… เจ้าอย่าร้องนะ เจ้าอย่า…”
เสียงเขาแผ่วสั่นจนแทบเป็นคำขอ “เจ้าต้องเชื่อข้านะ… ข้าไม่เคยคิดรังเกียจเจ้าแม้เพียงลมหายใจเดียว… ได้โปรดหยุดร้องเถิด…ข้าทนเห็นเจ้าเจ็บไม่ได้จริง ๆ…”
แต่หญิงสาวกลับส่ายหน้าช้า ๆ
หยดน้ำตาไหลซึมที่ปลายคาง
หัวใจของนางเต้นแรงทั้งจากความน้อยใจ…
และความตั้งใจจะทดสอบเขา
“ข้า…ยังไม่เชื่อ”
นางเอ่ยเสียงสั่นพร่า
ดวงตาแดงระเรื่อ เผลอทำให้ชายทั้งแคว้นอยากกอดไว้ทั้งชีวิต
หานเจ๋อเกร็งไปทั้งตัว
ใบหน้าเขาซีดเผือด ราวกับถูกฟ้าฟาดลงกลางอก
“หว่านเหยา… แล้วข้า…ข้าต้องทำอย่างไร…เจ้าถึงจะเชื่อข้า…”
มู่หว่านเหยาปาดน้ำตาที่หางตา
เงยหน้ามองเขาด้วยแววตาสั่นระริก
ริมฝีปากน้อย ๆ ค่อย ๆ ขยับเอ่ยคำที่เหมือนจะเบา
แต่กลับสั่นไหวหัวใจชายทั้งดวง “กอดข้า… เจ้ากล้าหรือไม่”
คำถามง่าย ๆ
แต่เหมือนข่ายล่าสัตว์ที่โยนลงคลุมหัวใจหานเจ๋อทั้งดวง
ชายหนุ่มเบิกตากว้างเล็กน้อย หายใจสะดุด
ก่อนที่แรงปรารถนาที่กดไว้จนแตกซ่านจะทะลักขึ้นมาในอก
ตอนที่ 8 เสียศักดิ์ศรีไม่ได้ บรรยากาศหลังมื้อค่ำยังอุ่นอบอวลด้วยกลิ่นไม้สดจากกองฟืนที่หานเจ๋อกำลังผ่าดัง พั่ก…พั่ก เป็นจังหวะสม่ำเสมอมู่หว่านเหยานั่งอยู่บนตั๋งเล็ก ๆ มือรองคางสายตาของนางจับจ้องไปยัง กล้ามอกกว้างที่ขยับตามแรงฟันฟืนแผ่นหลังแข็งแรงกำยำลำแขนที่เต็มไปด้วยพลังจากการทำงานหนักทั้งวันสายตาของนางไล่ลงต่ำอย่างเผลอตัวหยุดอยู่ตรง “ช่วงท้องแข็งแกร่ง” ที่โผล่พ้นสาบเสื้อออกมานิด ๆแน่น…และคงหนักหน่วงไม่น้อยเวลาถูกกอดรัดความคิดนั้นแล่นวาบขึ้นมาจนลำคอหว่านเหยาร้อนผ่าวนางต้องลอบกลืนน้ำลายเบา ๆปลายหูแดงระเรื่อโดยไม่รู้ตัวบุรุษผู้นี้ไม่เพียงหน้าตาดียังซื่อสัตย์ อ่อนโยน รักมั่น…บุรุษดีถึงเพียงนี้ มันควรต้องได้ครอบครองเขาไว้กับตัวและพอนางได้พรข้อนั้น นางจะเลี้ยงดูเขาเองเขาจะต้องกลายเป็นของนาง อ่า...แต่จะให้โถมใส่ตรง ๆ ก็ดูไม่งามสำหรับสตรีเสียศักดิ์ศรีแย่มู่หว่านเหยากัดริมฝีปากเบา ๆสายตาหรี่ลงอย่างนึกหาวิธี“จะเริ่มอย่างไรดีนะ…”นางเอียงศีรษะเล็กน้อยราวกับคิดแผนร้ายที่หอมหวานรอยยิ้มจาง ๆ ผุดขึ้นบนริมฝีปากยิ้มแบบสตรีที่ตั้งใจจะ “ล่อลวง”สามีของตนเองให้หลงจนหมด
ตอนที่ 7 ญาณพิเศษ หานเจ๋อวางถาดอาหารลงบนโต๊ะไม้เก่าอย่างเบามือ แต่หญิงสาวบนตั่งกลับยังมองออกไปนอกหน้าต่างราวสติล่องลอยอยู่ที่อื่นเขาจึงเอ่ยเสียงทุ้มอ่อน“คิดอะไรอยู่หรือ”มู่หว่านเหยากระพริบตา ดึงความคิดกลับมาจากห้วงลึกนางหันไปมองเขาเล็กน้อยก่อนตอบอย่างเก้อเขิน “คิดเพลินไปหน่อย…ท่านทำมื้อเย็นเสร็จแล้วหรือ ข้าแย่จริง ไม่ได้ช่วยอะไรเลย”หานเจ๋อส่ายหน้าเบา ๆน้ำเสียงเต็มไปด้วยความห่วงใยจนอบอุ่นคล้ายผ้าห่มในฤดูหนาว “ไม่เป็นไรหรอก เรื่องเท่านี้ข้าทำได้ เจ้าพึ่งหายป่วย ออกไปตลาดทั้งวันแล้วยังช่วยเด็กคนนั้นอีก”เขาหยุดเล็กน้อย ก่อนเอ่ยช้า ๆ เน้นทุกคำด้วยความใส่ใจ“เจ้าควรพัก…พักให้มาก ๆ ด้วยซ้ำ”เขาผลักถ้วยอาหารเข้าหานาง “มากินข้าวเถอะ จะได้รีบพักผ่อน” คำพูดเรียบง่ายแต่แฝงความอ่อนโยนของหานเจ๋อทำให้มู่หว่านเหยาหลุบตาลงความวุ่นวายทั้งวันที่พัดพาเข้ามาเหมือนลมแรง ค่อย ๆ สงบลงราวกับถูกมืออบอุ่นปลอบประโลมให้เงียบเสียงอนาคตของนางกับบุรุษผู้นี้…จะเป็นเช่นไรนะความคิดผุดวาบขึ้นมาราวควันบาง ตีวงในอกนางเบา ๆพลันความทรงจำจากชาติเดิมก็แล่นเข้ามาหากเป็นเมื่อก่อน…นางคงโทรหามินตริตา ชวนก
ตอนที่ 6 ชดเชยเพียงสบตากันในเสี้ยวลมหายใจนั้นบุรุษผู้นั้น ก็รับรู้ได้ทันทีว่า นางรู้จักเขามือเรียวยาวสะบัดเล็กน้อยจากนั้นโลกทั้งใบคล้ายหยุดเคลื่อนไหว เสียงลม เสียงน้ำ เสียงผู้คน... ล้วนเงียบหายไปหยุดห้วงเวลาเหลือเพียงดวงตาสองคู่ที่ประสานกันกลางหมอกแดดราง ๆแววตาของนางเต็มไปด้วยความตกตะลึงและระแวดระวังส่วนแววตาของเขา... เย็นเยียบและลึกล้ำจนยากหยั่งถึงคล้ายรอยยิ้มบาง ๆ ผุดขึ้นบนมุมปาก แต่กลับทำให้บรรยากาศรอบตัวเย็นวูบลงอย่างประหลาดบุรุษผู้นั้นก้าวเท้าเข้ามาอย่างช้า ๆทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยพลังบางอย่างที่มองไม่เห็นเมื่อระยะห่างเหลือเพียงไม่กี่ก้าว เขาหยุดตรงหน้ามู่หว่านเหยา“เจ้าเป็นผู้ใด... เหตุใดรู้จักข้า” เสียงของเขาดังขึ้นต่ำและชัดเจน ราวกับเสียงสะท้อนจากก้นบึ้งแห่งหุบเหวคำถามนั้นแฝงแรงอำนาจจนแม้เพียงลมหายใจก็คล้ายหยุดไหลเวียนแต่ทั้งที่เอ่ยถาม ชายหนุ่มกลับไม่รอคำตอบจากนางเลยปลายนิ้วเรียวยาวของเขาเพียงสะบัดเบา ๆ —แรงลมอันเย็นวาบพุ่งเข้าหามู่หว่านเหยาอย่างรวดเร็วก่อนที่นางจะทันรู้ตัวสติของนางดับวูบ ร่างทั้งร่างทรุดลงราวสายลมถูกสูบออกจากอกชายหนุ่มยื่นมือข้างหนึ่งแตะลงกล
ตอนที่ 5 นินทารุ่งเช้าแสงแดดยังอ่อนจัดจ้าผ่านม่านหมอกบาง ๆ ที่คลี่คลุมท้องนาเสียงไก่ขันแว่วจากเรือนใกล้ ๆ ตามด้วยเสียงควายลากไถจากทางหมู่บ้าน มู่หว่านเหยาเก็บตะกร้าหวายใบเล็กใส่เหรียญเงินที่หานเจ๋อมอบให้เมื่อคืน แล้วคลุมผ้าบางสีอ่อนคล้ายแพรทอมือเมื่อออกมาหน้าเรือน หานเจ๋อก็ยืนรออยู่ก่อนแล้วเขายิ้มบาง ๆ หว่านเหยายิ้มตอบกล่าว “ไปกันเถอะ”น้ำเสียงของนางนุ่มนวลขึ้นกว่าทุกวันจนหานเจ๋อสติแทบจะล่องลอยทั้งสองเดินเคียงกันไปตามทางดินเลียบคันนาหยาดน้ำค้างเกาะบนยอดหญ้าเป็นประกาย สายลมเช้าเย็นสบายจนผมของหญิงสาวปลิวระเริง เสียงล้อเกวียนจากระยะไกลดังเอื่อย ๆ ประสานกับเสียงพูดคุยของชาวบ้านที่พากันมุ่งหน้าไปตลาดเช่นเดียวกันตลาดหมู่บ้านตั้งอยู่กลางลานกว้าง มีทั้งแม่ค้าขายผัก ผลไม้ ไข่เป็ดไข่ไก่ รวมถึงเครื่องปั้นดินเผาและผ้าทอมือกลิ่นขนมถั่วบดและแป้งทอดลอยคลุ้งชวนให้รู้สึกอบอุ่นเหมือนบ้านแม้ มู่หว่านเหยา จะแต่งกายเรียบง่าย ผ้าฝ้ายสีอ่อนทอด้วยมือ ผมถักเปียม้วนขึ้นอย่างเรียบร้อย ทว่ากิริยาท่าทางของนางกลับแฝงความอ่อนช้อยสง่างามอย่างยากจะปิดบังได้แต่ละก้าวเดินของนางมีระเบียบ เรียบละเมียด เป็น
ตอนที่ 4 รับไมตรีหานเจ๋อกลับมาถึงเรือนยามเย็นพอเห็นมู่หว่านเหยากำลังขุดแปลงดินอยู่ด้านหลัง ก็รีบวางของในมือลงแล้วก้าวเข้าไปหา“เจ้าทำอะไรน่ะ ทำไมไม่รอข้า”เขาเอ่ยเสียงเต็มไปด้วยความตกใจและเป็นห่วงมู่หว่านเหยาเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก พลางยิ้มบาง “ข้าแค่อยากเตรียมแปลงไว้ก่อน จะได้ปลูกพืชทันฝนหน้า”นางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยเบา ๆ “แต่ตอนนี้...ข้ายังไม่มีเมล็ดพันธุ์ หากท่านพอมีเงินสักเล็กน้อย ข้าขอไว้ซื้อหรือแลกเมล็ดปลูกได้หรือไม่”หานเจ๋อชะงักไปทันที ดวงตาเบิกเล็กน้อย ราวกับเพิ่งนึกขึ้นได้“ข้าไม่รอบคอบเอง...”เขาพูดพลางรีบเดินเข้าเรือน ไม่นานก็กลับออกมาพร้อมถุงผ้าขนาดเล็กที่ซ่อนอยู่ในช่องไม้ตรงมุมผนังเขาวางมันลงบนมือของนางอย่างไม่ลังเล“นี่คือเงินทั้งหมดที่ข้ามี เจ้าอยากใช้ทำสิ่งใดก็แล้วแต่ใจจะซื้อเมล็ดพันธุ์หรือของจำเป็นอื่น ๆ ก็ได้ทั้งนั้น ข้าเชื่อเจ้า”มู่หว่านเหยาชะงักไปเล็กน้อย มองถุงเงินในมืออยู่ครู่หนึ่ง ความรู้สึกบางอย่างแผ่วผ่านในอก ทั้งซาบซึ้งทั้งเกรงใจหานเจ๋อเห็นอีกฝ่ายนิ่งไปจึงเอ่ยเสียงนุ่ม“เจ้าไปนั่งพักเถอะ ตรงนี้ข้าจะทำต่อเอง”น้ำเสียงนั้นเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความอ
ตอนที่ 3 โชคชะตานำพานางจ้องมองใบหน้าเขาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยเสียงแผ่วเบาแต่สั่นจากความรู้สึกที่บอกไม่ถูก“เหตุใด...เหตุใดเจ้าจึงต้องดีกับข้าเพียงนี้...”คำถามนั้นมิใช่เพียงการสงสัยในความหวังดีของเขาหากแต่เป็นการถามถึงโชคชะตาที่ทำให้นางได้พบคนอย่างหานเจ๋อหานเจ๋อชะงัก เขาไม่คิดว่าหญิงสาวจะเอ่ยถามเขาหลบสายตาหญิงสาว แล้วเอ่ย“เจ้าคงจำข้าไม่ได้...เมื่อหลายปีก่อน ตอนที่ข้าประมาณแปดขวบ เกือบถูกรถม้าของเจ้าชน..คนขับรถตำหนิที่ข้าไม่ดูทางให้ดี เป็นเจ้าที่ออกปากปกป้องแล้วยังแบ่งขนมจากหอชิวอี้ให้ข้า” หว่านเหยาเริ่มจำได้ลาง ๆ ในความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม เหตุการณ์นั้นมีอยู่จริงภาพเด็กชายตัวเล็กที่ล้มอยู่กลางถนน เสียงรถม้าที่หยุดกระทันหัน และขนมที่ถูกยื่นให้ด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน... ล้วนผุดขึ้นมาในใจอย่างช้า ๆนางเข้าใจในทันทีสำหรับเขา เด็กชายในวันนั้น คงเป็นครั้งแรกที่หัวใจสั่นไหว“รักแรกพบ...” นางพึมพำในใจอย่างแผ่วเบานับแต่นั้น หานเจ๋อคงเฝ้ามองนางมาโดยตลอด แม้ระยะทางระหว่างชนชั้นจะไกลเพียงใด เขาก็ยังเก็บภาพนั้นไว้ในใจ...ไม่เคยลืมเลยแม้เพียงวันเดียวเป็นรักที่อบอุ่นจริงๆ เสียดายสตรีผู้น







