ท้ายที่สุดเขาก็ปล่อยนางไปโดยไม่ได้ลงโทษอันใด จะให้เขาหาเหตุผลใดมาลงโทษนางกัเล่า วาจาของนางแม้จะดูไร้แก่นสารแต่ก็มีเหตุผลแฝงอยู่ อีกอย่างเขาก็เห็นเองกับตาว่านางกำนัลนามว่าเสิ่นหลีผู้นั้นเป็นคนหาเรื่องนางก่อน
จินฝูภายนอกดูเหมือนคนไม่เอาไหน แต่นางกลับมีหัวคิดที่ดีไม่น้อยเลย หากนางไม่โลภมากเช่นปากว่าจริง เขาก็ไม่ได้คิดจะไล่นางไปไหน เลี้ยงนางกำนัลตละกละเอาไว้สักคนย่อมไม่เปลืองเงินทองเท่าใดนักหรอก
ชายหนุ่มทอดถอนใจเล็กน้อย วันนี้ตอนเข้าร่วมประชุมยามเช้าที่วังหลวง มีเรื่องให้ต้องขบคิดมากมาย ยามนี้ขุนนางในราชสำนักกำลังร่วมกันกดดันฝ่าบาทให้ทรงแต่งตั้งองค์รัชทายาท แต่ก็มีขุนนางอีกจำนวนหนึ่งที่ไม่เห็นด้วยกับการแต่งตั้งองค์รัชทายาท เนื่องจากกู้ม่อหลียังทำตัวเสเพลไม่น่าเชื่อถือ อีกทั้งยังบ้าอำนาจ มีนางกำนัลไม่น้อยที่ถูกเขาย่ำยี เมื่อได้เด็ดดมบุปผาจนพอใจแล้วก็ถีบหัวส่งพวกนางอย่างไม่ไยดี คนบ้ากามเช่นนี้หากได้ขึ้นครองราชย์บ้านเมืองย่อมร้อนเป็นไฟแน่นอน อายุของกู้ม่อหลีปีนี้ก็ยี่สิบปีเข้าไปแล้ว แต่ยังไม่เป็นโล้เป็นพาย ต่างจากเขาที่ปีนี้อายุยี่สิบสามแล้วแต่กลับมีความสามารถโดดเด่นตั้งแต่อายุสิบห้าปี
แม้ขุนนางเหล่านั้นจะคัดค้านเพียงใดแต่กลับไม่อาจเอ่ยวาจาส่งเดชมากนัก ด้วยฝ่าบาทมีบุตรชายเพียงคนเดียว แม้กู้ม่อหลีจะเลวทรามเพียงใดอย่างไรก็ย่อมได้เป็นองค์รัชทายาทอยู่วันยังค่ำ
ครั้นเหล่าขุนนางที่ไม่เห็นด้วยอยากจะสนับสนุนกู้เหยียนฉีก็ไม่สมควรนัก อีกทั้งกู้เหยียนฉีก็แสดงจุดยืนชัดเจนว่าไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับตำแหน่งนั้น
เจี่ยงฮองเฮาจับตามองดูทุกคนอยู่ แน่นอนว่าหากวันใดนางได้สมดั่งใจหวัง คนที่สนับสนุนนางล้วนได้ดิบได้ดี แต่คนที่มุ่งร้ายต่อนางและลูกล้วนไม่มีทางพบจุดจบที่ดี
ยามนี้ตระกูลเจี่ยงเรืองอำนาจ และเป็นถึงตระกูลแม่ทัพ แคว้นซ่งมีแม่ทัพใหญ่ด้วยกันสองคน คือเขาและแม่ทัพใหญ่เจียง ทัพใหญ่สองทัพยามไม่มีสงครามล้วนไม่ยุ่งเกี่ยวกัน แม่ทัพใหญ่เจี่ยงก็ไม่กล้าสร้างความลำบากใจให้เขาอย่างโจ่งแจ้งเพราะยังเกรงพระทัยเสด็จลุงอยู่
นางหงส์โลภมากเช่นเจี่ยงฮองเฮา เองก็ไม่ได้ดีไปกว่าแม่ทัพใหญ่เจี่ยงผู้เป็นพี่ชายเท่าใดนัก นางมีจิตใจอำมหิตบิดเบี้ยว ไม่อย่างนั้นจะเลี้ยงดูกู้ม่อหลีให้ออกมามีสภาพเช่นนี้ได้หรือ ที่นางนั่งอยู่บนตำแหน่งฮองเฮาได้อย่างมั่นคงเช่นนี้ล้วนเป็นเพราะมีแม่ทัพใหญ่เจี่ยงคอยสนับสนุนทั้งสิ้น
กู้ม่อหลีถูกตามใจจนเสียคน อีกทั้งยังทะนงตนว่าตนเองเป็นเพียงบุตรชายคนเดียวของฮ่องเต้จึงคิดจะทำอันใดก็ได้ ส่วนเจี่ยงฮองเฮาก็กลัวว่าเขาจะแย่งอำนาจไปจากบุตรชายของตน เพราะเสด็จลุงทรงโปรดปราณเขา จึงหาทางทำร้ายเขาอย่างลับๆมาโดยตลอด
ยามนี้เขาไม่อาจกระทำการบุ่มบ่ามได้ เพราะยังไม่ถึงเวลา แต่แค้นที่ต้องชำระ เขาไม่มีทางลืมอย่างแน่นอน!
ชายหนุ่มยกมือขึ้นนวดหว่างคิ้ว พยายามไม่คิดถึงเรื่องชวนปวดหัวนี่อีก เขาเหนื่อยมาทั้งวันแล้วจึงสั่งพ่อบ้านกู้ว่าห้ามผู้ใดมารบกวนเวลาพักผ่อนของเขา
ด้านจินฝูนั้นเมื่อออกมาจากเรือนใหญ่แล้ว นางก็พาเจ้าไก่และเจ้าแมวไปเดินเล่นในสวนครู่หนึ่ง แล้วจึงพาพวกมันไปนอนพัก ที่พักของเจ้าสองตัวนี่หรูหรากว่าที่นอนของนางเสียอีก จินฝูถึงกับมีความคิดว่านางจะต้องหาโอกาสมานอนกับพวกมันดูสักหน จะได้เสพสุขกับความหรูหราบ้าง ระยะนี้พวกมันไม่ตีกันอีก นางถึงกับหลอกล่อพวกมันด้วยปลาแห้งและเมล็ดข้าวเปลือก และยังใช้วิธีข่มขู่สารพัด ท้ายที่สุดพวกมันก็ตีกันน้อยลงทำให้นางเบาแรงลงไปได้มาก
เมื่อไม่มีอันใดให้ทำแล้ว จินฝูจึงกลับมาที่เรือนปีกข้าง
"จินฝู ท่านอ๋องทำโทษเจ้าหรือไม่!"
ฉินเซียงและซ่งเอ๋อร์ที่เห็นว่าจินฝูกลับมาได้เสียทีก็รีบวิ่งเข้ามาถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง จินฝูส่ายหน้าไปมาและยิ้มให้สหายตน
"วางใจเถอะท่านอ๋องไมได้ทำโทษข้าเลย จริงสิ ข้าหิวแล้ว พวกเราไปหาของกินในโรงครัวกันเถอะ"
เอ่ยจบนางก็จับมือสหายสองคนเดินไปที่โรงครัวพร้อมกัน เมื่อมาถึงก็พบว่าแม่ครัวค่อนข้างจะเอาอกเอาใจนางเป็นพิเศษจนจินฝูรู้สึกแปลกใจ พวกเขาจะมาเอาใจนางไปทำไมกัน หรือว่าเป็นเพราะกู้เหยียนฉี
เมื่อคิดได้เช่นนั้นจินฝูก็ยิ้มระรื่นในใจ ดีเลย ต่อไปนางจะได้อาศัยบารมีเขามาหาของกินในครัวได้สะดวก
ไก่ทอดหนังกรอบ เกี้ยวนึ่ง ซาลาเปาเนื้อฉ่ำๆ อ๊า ฟินจริงๆ!
จินฝูยิ่งคิดยิ่งอารมณ์ดี นางกินอาหารตรงหน้าที่แม่ครัวทำมาให้อย่างสุขใจ
ส่วนเสิ่นหลีนั้น หนังจากโดนโบยเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ถูกส่งตัวกลับไปที่วังหลวงทันที ทันทีที่กลับมายังสถานที่แห่งนี้นางก็รู้ได้ทันทีว่าชีวิตคงจบสิ้นแล้วเป็นแน่
แท้จริงแล้วนางเป็นคนที่เจี่ยงฮองเฮาส่งมา เป้าหมายคือยั่วยวนกู้เหยียนฉีให้สำเร็จและทำตามแผนการที่วางเอาไว้ แต่นางกลับไม่อาจทำให้ท่านอ๋องโปรดปราณได้ ซ้ำยังถูกเขาไล่ออกมา แน่นอนว่าเจี่ยงฮองเฮาและองค์ชายใหญ่ย่อมไม่พอใจในนางเป็นอย่างมาก
เสิ่นหลีถูกหามกลับมาที่วังหลวงได้ไม่นาน เจี่ยงฮองเฮาก็มีรับสั่งให้นางมาพบที่ตำหนักเฟิ่งหวง โดยไม่สนใจว่านางจะเดินไหวหรือไม่ อีกทั้งยังบอกว่าหากต้องคลานมานางก็ต้องทำ จะบิดพริ้วต่อคำสั่งไม่ได้ เสิ่นหลีจึงจำต้องกัดฟันเดินไปจนถึงตำหนักเฟิ่งหวง เมือเข้ามาด้านในก็พบว่ายามนี้เจี่ยงฮองเฮากำลังนั่งจิบชากินของว่างอย่างสบายอารมณ์ ส่วนองค์ชายใหญ่ก็กำลังนั่งสนทนากับมารดาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
"ถวายพระพรฮองเฮา ถวายพระพรองค์ชายใหญ่เพคะ"
เสิ่นหลีกัดฟันเอ่ยคำพูดเหล่านี้ออกไปอย่างยากลำบาก เจี่ยงฮองเฮาเมื่อได้ยินก็เพียงปรายตามองนางคราหนึ่ง แล้วจึงเอ่ยกับนางด้วยน้ำเสียงเนิบช้า
"เจ็บหนักเชียวหรือ?"
เสิ่นหลีไม่ตอบเพียงเม้มริมฝีปากแน่น เหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นบนหน้าผากขาวเนียนของนางหลายเม็ด ท่าทางก็ดูย่ำแย่จวนเจียนจะไม่ไหว แต่ทว่าไม่ได้ทำให้นางดูน่าสงสารในสายตาของสองแม่ลูกเลยแม้แต่น้อย
"เสด็จแม่ นางทำงานพลาดไม่ได้เรื่องเช่นนี้ เราจะจัดการนางเช่นไรดีเล่า?"
กู้ม่อหลีเอ่ยถามมารดาตนแล้วจึงหันมามองเสิ่นหลีด้วยแววตาอำมหิต ราวกับมองเห็นเสิ่นหลีเป็นเพียงผักปลาไม่ใช่สิ่งมีชีวิต เสิ่นหลีกำมือแน่น แผ่นหลังเย็นเยียบ เดิมทีนางคิดว่าหากทำให้กู้เหยียนฉีชื่นชอบในตัวนางได้สำเร็จ นางค่อยหาทางแปรพักตร์ไปอยู่ฝ่ายเดียวกับเขา และหาทางช่วยเขาเขากำจัดสองแม่ลูกนี่เสีย จากนั้นตำแหน่งพระชายาเอกชินอ๋องย่อมตกเป็นของนาง แต่แผนการของนางกลับต้องมาพังพินาศลงเพราะจินฝู สตรีนางนั้นสมควรทุกข์ทนเช่นเดียวกับนางจึงจะถูก มันมีสิทธิ์อันใดมาเชิดหน้าชูคออยู่ข้างกายท่านอ๋องกัน!
เจี่ยงฮองเฮาเมื่อฟังบุตรชายเอ่ยจบก็ทำเพียงส่งเสียงเหอะอย่างดูแคลน แล้วมองเสิ่นหลีอย่างเบื่อหน่าย
"ข้าไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำ เสิ่นหลี เจ้าเข้าไปอยู่จวนอ๋องครั้งนี้ สืบพบอันใดมาได้บ้าง พูดมาเถอะ เผื่อว่าโทษของเจ้าจะทุเลาเบาบางลงบ้าง"
เสิ่นหลีเมื่อได้ยินอย่างนั้นก็รีบเอ่ยตอบทันควัน
"ยามนี้ดูเหมือนว่าท่านอ๋องจะทรงโปรดปราณนางกำนัลผู้หนึ่ง นามว่าจินฝูเพคะ นางกำนัลคนอื่นๆล้วนเข้าไปในเรือนใหญ่ไม่ได้ มีแต่นางที่เข้าไปได้ สตรีนางนั้นเสแสร้งเก่ง บ่าวคาดว่านางจะต้องหวังผลประโยชน์จากท่านอ๋องเป็นแน่ มิสู้พระองค์ทรงดึงตัวนางมาเป็นพวกดีหรือไม่เพคะ?"
เจี่ยงฮองเฮาปรายตามองเสิ่นหลีแล้วเอ่ยอย่างดูแคลน
"ข้าจะใช้งานผู้ใดไม่ใช่กงการอันใดของเจ้า ตัวเจ้าเองเอาตนเองให้รอดก่อนเถอะ ความลับอื่นๆไม่เห็นจะทราบ แต่วันๆเอาแต่สนใจสตรีที่ได้เข้าใกล้กู้เหยียนฉี เจ้าน่ะริษยานางล่ะสิ เห้อ ยามนี้เจ้าก็หมดประโยชน์กับข้าแล้ว ข้าจะส่งเจ้ากลับบ้านเก่าอย่างสงบ กงกง ลากตัวนางออกไป ทำเหมือนที่เคยทำ”
"ฮองเอาเพคะ โปรดไว้ชีวิตด้วยเพคะ!"
เสิ่นหลีร้องของชีวิตทั้งน้ำตา กงกงที่เห็นเช่นนั้นจึงรีบเอาผ้ามาอุดปากนางก่อนจะลากตัวนางออกไปอย่างรวดเร็ว เสิ่นหลีเดิมทีคิดจะหาทางรอดและดึงจินฝูให้มาทุกข์ทนเช่นเดียวกับนาง แต่กลับไม่เป็นผล สุดท้ายเจี่ยงฮองเฮาก็ไม่ทรงเก็บนางเอาไว้ นางไม่ขัดขืนอีก แววตาฉายแววสิ้นหวังอย่างไม่ปิดบัง หลังจากที่ถูกลากออกมาจากตำหนักเฟิ่งหวงแล้ว กงกงผู้นั้นก็กรอกยาพิษใส่ปากนาง เสิ่นหลีกระอักโลหิตออกมาอย่างทรมาณก่อนจะสิ้นใจตายจากไปอย่างโดดเดี่ยว
ด้านกู้ม่อหลีนั้นก็ไม่ได้สนใจความเป็นความตายของผู้ใดทั้งสิ้น ก็เพียงแค่นางกำนัลน้อยต่ำต้อยผู้หนึ่ง มีค่าคู่ควรใดให้เขาต้องใส่ใจด้วยเล่า ยามนี้เขามีเรื่องที่อยากจะทำมากกว่าการไปสนใจคนตาย
ชายหนุ่มหันไปมองมารดาตน แล้วเอ่ยอย่างประจบเอาใจ
"เสด็จแม่ ลูกอยากเห็นใบหน้าของสตรีนางนั้นสักครั้ง ลูกอยากรู้นักว่านางจะน่าสนใจสักเพียงใด จึงสามารถทำให้ญาติผู้พี่พึงใจในตัวนางได้ เสด็จแม่ให้ลูกจัดการเรื่องนี้เถิดนะพ่ะย่ะค่ะ ลูกสัญญาว่าอีกไม่นาน นางจะต้องกลายเป็นหมากสำคัญของพวกเราได้อย่างแน่นอน"
เจี่ยงฮองเฮาเดิมทีคิดจะกล่าวแย้งแต่ทนการรบเร้าจากบุตรชายตนไม่ได้จึงเอ่ยรับปากส่งๆ กู้ม่อหลีอยากเล่นสนุกกับนางกำนัลคนหนึ่งย่อมไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด เช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน จะได้หาคนที่รู้ความกว่าเสิ่นหลีมาทำงานให้
อย่างไรย่อมต้องหาทางกำจัดกู้เหยียนฉีไปเสีย ก่อนที่มันจะแว้งกัดพวกนางสองแม่ลูกในภายหลัง นางเองก็หวาดหวั่นใจมาโดยตลอด ไม่รู้เพราะเหตุใดจึงรู้สึกหวาดกลัวกู้เหยียนฉีถึงเพียงนี้ นางรู้สึกเหมือนว่ายามที่ได้เห็นหน้ากู้เหยียนฉี ก็จะรู้สึกคิดถึงเรื่องเก่าแต่หนหลังเมื่อสิบกว่าปีก่อนขึ้นมา
เจี่ยงฮองเฮาส่ายหน้าไปมา ไม่คิดถึงเรื่องนั้นอีก คนตายไปแล้ว นางเห็นเองกับตา ย่อมไม่อาจรอดมาแก้แค้นนางได้อีกแล้ว!
ส่วนกู้ม่อหลีที่เห็นว่ามารดาไม่คัดค้านก็อารมณ์ดียิ่ง เขาจึงรีบร้อนออกจากวังหลวงและสืบจนพบตัวตนของสตรีนามว่าจินฝูอย่างรวดเร็ว
สิ่งที่กู้เหยียนฉีชอบ ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสิ่งของ เขาจะต้องแย่งมาเป็นของตนให้จงได้ เขาจะทำให้กู้เหยียนฉีได้รู้ว่า เขาต่างหากที่อยู่เหนือกว่า!
ระยะนี้จวนอ๋องค่อนข้างสงบเงียบยิ่งนัก ไม่มีเรื่องให้น่าปวดหัวเลย ตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นกับเสิ่นหลี นางกำนัลที่เหลืออยู่ต่างไม่กล้าทำตัวเหิมเกริมตามใจชอบอีก และยิ่งไม่กล้าหาเรื่องจินฝู ทุกคนต่างนอบน้อมต่อนางมาก แม้กระทั่งพ่อบ้านตู้ยังทำราวกับนางเป็นเจ้านายอีกคน แต่จินฝูคร้านจะใส่ใจเท่าใดนัก อำนาจพวกนี้เป็นเพียงสิ่งจอมปลอม นางไม่ได้ต้องการ นางเพียงอยากมีชีวิตที่สงบราบรื่นและคิดว่าสักวันจะกลับไปยังโลกที่นางจากมาได้ระยะนี้กู้เหยียนฉีตื่นแต่เช้าไปประชุมที่วังหลวงและกลับมาค่ำมืดทุกวัน นางจึงไม่ได้มีงานใดให้ทำมากนัก นอกจากเลี้ยงเจ้าแมวเจ้าไก่แล้ว ก็มีเพียงงานเล็กๆน้อยๆให้ทำฆ่าเวลาอยู่บ้าง วันเวลาเช่นนี้สำหรับนางนับว่าดีมาก ตรงกับความใฝ่ฝันในชีวิตของนางพอดี นั่นก็คือ กิน นอน และก็กินหลังจากพาเจ้าสัตว์เลี้ยงสองตัวไปเดินแล้ว จินฝูจึงมานั่งเล่นที่ชิงช้าใต้ต้นไม้ใหญ่ หลายวันก่อนนางทำชิงช้าเองกับมือเพื่อเอาไว้นั่งเล่นยามเบื่อเพราะความว่างงานทำให้จินฝูมีเวลาทำหน้าไม้เอาไว้เล่นอันหนึ่ง นางคิดว่าจะเอาไว้ยิงนกยิงหินเล่นยามเบื่อ ตั้งแต่เด็กนางก็ชอบทำของพวกนี้ เสียดายที่ในยุคปัจจุบันไม่ค่อยนิยมใช้แล้ว
ท้ายที่สุดเขาก็ปล่อยนางไปโดยไม่ได้ลงโทษอันใด จะให้เขาหาเหตุผลใดมาลงโทษนางกัเล่า วาจาของนางแม้จะดูไร้แก่นสารแต่ก็มีเหตุผลแฝงอยู่ อีกอย่างเขาก็เห็นเองกับตาว่านางกำนัลนามว่าเสิ่นหลีผู้นั้นเป็นคนหาเรื่องนางก่อน จินฝูภายนอกดูเหมือนคนไม่เอาไหน แต่นางกลับมีหัวคิดที่ดีไม่น้อยเลย หากนางไม่โลภมากเช่นปากว่าจริง เขาก็ไม่ได้คิดจะไล่นางไปไหน เลี้ยงนางกำนัลตละกละเอาไว้สักคนย่อมไม่เปลืองเงินทองเท่าใดนักหรอกชายหนุ่มทอดถอนใจเล็กน้อย วันนี้ตอนเข้าร่วมประชุมยามเช้าที่วังหลวง มีเรื่องให้ต้องขบคิดมากมาย ยามนี้ขุนนางในราชสำนักกำลังร่วมกันกดดันฝ่าบาทให้ทรงแต่งตั้งองค์รัชทายาท แต่ก็มีขุนนางอีกจำนวนหนึ่งที่ไม่เห็นด้วยกับการแต่งตั้งองค์รัชทายาท เนื่องจากกู้ม่อหลียังทำตัวเสเพลไม่น่าเชื่อถือ อีกทั้งยังบ้าอำนาจ มีนางกำนัลไม่น้อยที่ถูกเขาย่ำยี เมื่อได้เด็ดดมบุปผาจนพอใจแล้วก็ถีบหัวส่งพวกนางอย่างไม่ไยดี คนบ้ากามเช่นนี้หากได้ขึ้นครองราชย์บ้านเมืองย่อมร้อนเป็นไฟแน่นอน อายุของกู้ม่อหลีปีนี้ก็ยี่สิบปีเข้าไปแล้ว แต่ยังไม่เป็นโล้เป็นพาย ต่างจากเขาที่ปีนี้อายุยี่สิบสามแล้วแต่กลับมีความสามารถโดดเด่นตั้งแต่อายุสิบห้าปีแม้ข
หลังจากกินมื้อเช้าอิ่มแล้ว กู้เหยียนฉีก็เข้าวังหลวงไปร่วมประชุมยามเช้ากับเหล่าขุนนางในราชสำนัก เขาเป็นแม่ทัพใหญ่ อีกทั้งยังมีความสามารถทั้งบุ๋นและบู๊ และยังเป็นที่ไว้วางพระทัยของเสด็จลุง เสด็จพ่อและเสด็จแม่ของเขาตายจากไปนานแล้ว ตำแหน่งชินอ๋องนี้เขาได้รับสืบทอดจากบิดา นับว่ามีสถานะสูงส่งไม่น้อยเลย ด้านจินฝูก็ยกถาดอาหารออกมาจากห้องโถงใหญ่ นางสังเกตอาการตนเองอย่างระแวะระวัง พบว่าผ่านมาครึ่งชั่วยามแล้วยังไม่นอนชัก เช่นนั้นก็คือรอดแล้ว! แต่ถึงจะตายนางก็ไม่เสียดายเพราะท้องของนางอิ่มหนำแล้วไม่ต้องไปทนหิวในปรโลกอีก"ไอหยา ท่านอ๋องเสวยได้เยอะเลยหรือนี่ นางกำนัลจิน เจ้าทำได้ดีมาก!"พ่อบ้านตู้ที่เห็นว่าอาหารที่นำเข้าไปพร่องลงไปเกือบหมดก็ยิ้มร่าอย่างอารมณ์ดี จินฝูทำได้เพียงยิ้มกลบเกลื่อน เขากินเก่งอันใดกัน นางนี้แหละกินของเขาจนหมด!เมื่อกู้เหยียนฉีไปแล้ว จินฝูผู้ไม่มีอะไรทำจึงอุ้มเจ้าแมวส้มและเจ้าไก่ทองมานั่งเล่นที่ระเบียงหน้าเรือนใหญ่ ระยะนี้พวกมันไม่ตีกันแล้ว อีกทั้งยังดูเหมือนจะแย่งกันอยู่ใกล้นางอีกด้วย จินฝูเองก็ไม่รังเกียจกลับชอบพวกมันสองตัวมากเสียด้วยซ้ำ บางคราการอยู่กับสัตว์เลี้ยงและธรรม
จินฝูมาถึงได้ไม่นานกู้เหยียนฉีก็ออกมาจากห้องนอนพอดี หญิงสาวลอบพรูลมหายใจออกมา โชคดีที่นางมาทันไม่อย่างนั้นอาจจะโดนทำโทษที่มาสายอีกหนึ่งกระทง กู้เหยียนฉีปรายตามองเหล่าสตรีตรงหน้าคราหนึ่ง อย่างไรก็ต้องเลือกพวกนางให้มารับใช้ในเรือนใหญ่อยู่ดี หากเขาไม่ทำเช่นนี้ เจี่ยงฮองเฮาย่อมไม่ยอมรามือไม่สู้ตามน้ำนางไปก่อนก็ไม่นับว่าเสียหายอันใดด้านฉินเซียงและซ่งเอ๋อร์ที่เห็นว่าจินฝูมาทันเวลา ก็ดีใจมาก พวกนางเป็นห่วงจินฝูแทบตายเกรงว่านางจะถูกทำโทษซ้ำสอง"จินฝู ตาเจ้า?"ฉินเซียงและซ่งเอ๋อร์ชี้ไม้ชี้มือมาที่ดวงตาของนาง จินฝูบอกเพียงว่าระหว่างที่เดินมาที่นี่นางเกิดหกล้มตากระแทกพื้นและไม่ได้เอ่ยอันใดต่ออีก ยามนี้ดวงตาของนางคงช้ำเลือดได้ที่แล้ว ดีมาก เป็นไปตามแผน ใครอยากข้าปรนนิบัติเขาก็ทำไปเถอะ นางยอมต่อยตาตนเองจนบอดก็จะไม่ยอมตกเป็นทาสรักของเขากู้เหยียนฉีมองสำรวจสตรีทุกคนในห้องโถงอย่างละเอียด วันนี้พวกนางตั้งใจผลัดแป้งแต่งหน้ากันอย่างตั้งใจ กลิ่นเครื่องประทินโฉมลอยมาแตะจมูกจนเขารู้สึกฉุน ชายหนุ่มเดินมาหาเหล่านางกำนัลที่ยืนอยู่พลางมองสำรวจพวกนางไปทีละคน เหล่านางกำนัลที่ถูกเขาจ้องมองก็เขินอายจนตัวม้วน บา
"ดูจินฝูสิ ตั้งแต่เช้าข้าเห็นนางวิ่งไม่หยุดเลย เดี๋ยวไก่จิกแมว เดี๋ยวแมวไล่ตีไก่ ตัวนางเองยังพลอยโดนแมวกับไก่ไล่ตีไปด้วย"ฉินเซียงเอ่ยไปพลางมองดูจินฝูที่วิ่งไล่แมวไล่ไก่อยู่ในสวนด้วยสายตาเห็นใจ ซ่งเอ๋อร์เองก็พยักหน้าเห็นด้วย"ได้ยินนางกำนัลคนอื่นบอกว่า ท่านอ๋องทรงไม่ถือสานางจึงทำโทษให้นางมาเลี้ยงไก่เลี้ยงแมว แต่ถ้าหากนางปราบพยศเจ้าสองตัวนั่นไม่ได้ นางอาจจะไร้หนทางรอด""เวรกรรมแท้ๆ"ฉินเซียงและซ่งเอ๋อร์หันมาสบตากันคราหนึ่งพลางถอนหายใจออกมา ก่อนจะเดินตรงไปที่โรงครัวเพื่อจะไปเอาขนมอร่อยๆมาให้จินฝูกินเพิ่มพลังในการวิ่งไล่เจ้าแมวเจ้าไก่สองตัวนั่นยามนี้จินฝูกำลังนั่งหอบอยู่ที่ใต้ต้นไม้ มือหนึ่งอุ้มแมวไว้ อีกมือก็กอดไก่ ปากก็ด่าไปด้วย แต่ถึงอย่างนั้นพวกมันก็ยังคิดจะสู้กันไม่หยุด นางไม่คิดเลยว่าการเลี้ยงเจ้าสองตัวนี่จะยุ่งยากถึงเพียงนี้ ยามนี้นางเข้าใจแล้วว่าเหตุพ่อบ้านตู้จึงส่งสายตาเช่นนั้นมาให้นาง"ให้ตายเถอะ พวกเจ้าเลิกตีกันเสียที ข้าเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว!"จินฝูปรารถออกมาอย่างเหนื่อยใจเดิมทีนางคิดว่าจับพวกมันแยกกันเช่นนี้ได้ผลนัก แต่เพียงไม่นานเจ้าแมวก็ขู่เจ้าไก่ เจ้าไก่ก็จ้องพุ่งเข้าใส่
จินฝูที่เห็นว่าตนเองรอดเงื้อมมือมารมาได้แล้ว จึงรีบกลับมาที่เรือนพักของตนตามที่พ่อบ้านตู้บอก เพราะพวกนางไม่ได้มีฐานะสูงส่งอันใด เรียกได้ว่าต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยการดูสีหน้าผู้คนจึงไม่อาจเรียกร้องสิ่งใดได้ จินฝูเองไม่คิดหวังความโปรดปราณจากท่านอ๋องเช่นกัน แม้แต่ไก่ตัวเดียวเขายังเกือบจะฆ่านางตาย คนเช่นนี้จ้างนางด้วยทองนางยังไม่อยากจะไปรับใช้เขาเลย"จินฝู ข้าคิดว่าเจ้าจะไม่รอดกลับมาเสียแล้ว""นั่นสิ พวกเราสองคนตกใจแทบตายเจ้านี่ก็ช่างใจกล้านัก อยู่ๆ ไปจับข้าวของในจวนอ๋องส่งเดช เอาความกล้ามาจากที่ใดกัน"จินฝูเพียงยิ้มออกมาเล็กน้อย สตรีน้อยสองนางนี้มีชื่อว่าฉินเซียงและซ่งเอ๋อร์เป็นสหายสนิทของเจ้าของร่างเดิม เมื่อนางเข้ามาอยู่ในร่างนี้แล้วพบว่าฉินเซียงและซ่องเอ๋อร์นิสัยดี นางจึงคบหาพวกนางได้อย่างสนิทใจ ฉินเซียงและซ่งเอ๋อร์เป็นหญิงสาวที่มาจากครอบครัวชาวนาเหมือนกันกับนาง ตอนที่นางมาเกิดใหม่ในร่างนี้ก็ได้สองคนนี้ช่วยในหลายๆ เรื่องนับว่าโชคดีที่พวกนางทั้งสามคนได้พักอยู่ห้องเดียวกัน"ข้าหิว จึงตาลายไปหน่อย"จินฝูเอ่ยตอบโดยไปเพื่อให้จบเรื่องจบราว ยามนี้ก็ดึกมากแล้ว พวกนางไม่อยากสนทนากันให้มากความเพร