LOGINท้ายที่สุดเขาก็ปล่อยนางไปโดยไม่ได้ลงโทษอันใด จะให้เขาหาเหตุผลใดมาลงโทษนางกันเล่า วาจาของนางแม้จะดูไร้แก่นสารแต่ก็มีเหตุผลแฝงอยู่ อีกอย่างเขาก็เห็นเองกับตาว่านางกำนัลนามว่าเสิ่นหลีผู้นั้นเป็นคนหาเรื่องนางก่อน
จินฝูภายนอกดูเหมือนคนไม่เอาไหน แต่นางกลับมีหัวคิดที่ดีไม่น้อยเลย หากนางไม่โลภมากเช่นปากว่าจริง เขาก็ไม่ได้คิดจะไล่นางไปไหน เลี้ยงนางกำนัลตละกละเอาไว้สักคนย่อมไม่เปลืองเงินทองเท่าใดนักหรอก
ชายหนุ่มทอดถอนใจเล็กน้อย วันนี้ตอนเข้าร่วมประชุมยามเช้าที่วังหลวง มีเรื่องให้ต้องขบคิดมากมาย ยามนี้ขุนนางในราชสำนักกำลังร่วมกันกดดันฝ่าบาทให้ทรงแต่งตั้งองค์รัชทายาท แต่ก็มีขุนนางอีกจำนวนหนึ่งที่ไม่เห็นด้วยกับการแต่งตั้งองค์รัชทายาท เนื่องจากกู้ม่อหลียังทำตัวเสเพลไม่น่าเชื่อถือ อีกทั้งยังบ้าอำนาจ มีนางกำนัลไม่น้อยที่ถูกเขาย่ำยี เมื่อได้เด็ดดมชมบุปผาจนพอใจแล้วก็ถีบหัวส่งพวกนางอย่างไม่ไยดี คนบ้ากามเช่นนี้หากได้ขึ้นครองราชย์บ้านเมืองย่อมร้อนเป็นไฟแน่นอน อายุของกู้ม่อหลีปีนี้ก็ยี่สิบปีเข้าไปแล้ว แต่ยังไม่เป็นโล้เป็นพาย ต่างจากเขาที่มีความสามารถโดดเด่นตั้งแต่อายุสิบห้าปี ทั้งที่อายุยี่สิบปีเท่ากันแต่กลับต่างกันราวฟ้ากับเหว
แม้ขุนนางเหล่านั้นจะคัดค้านเพียงใดแต่กลับไม่อาจเอ่ยวาจาส่งเดชมากนัก ด้วยฝ่าบาทมีบุตรชายเพียงคนเดียว แม้กู้ม่อหลีจะเลวทรามเพียงใดอย่างไรก็ย่อมได้เป็นองค์รัชทายาทอยู่วันยังค่ำ
ครั้นเหล่าขุนนางที่ไม่เห็นด้วยอยากจะสนับสนุนกู้เหยียนฉีก็ไม่สมควรนัก อีกทั้งกู้เหยียนฉีก็แสดงจุดยืนชัดเจนว่าไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับตำแหน่งนั้น
เจี่ยงฮองเฮาจับตามองดูทุกคนอยู่ แน่นอนว่าหากวันใดนางได้สมดั่งใจหวัง คนที่สนับสนุนนางล้วนได้ดิบได้ดี แต่คนที่มุ่งร้ายต่อนางและลูกล้วนไม่มีทางพบจุดจบที่ดี
ยามนี้ตระกูลเจี่ยงเรืองอำนาจ และเป็นถึงตระกูลแม่ทัพ แคว้นซ่งมีแม่ทัพใหญ่ด้วยกันสองคน คือเขาและแม่ทัพใหญ่เจี่ยง ทัพใหญ่สองทัพยามไม่มีสงครามล้วนไม่ยุ่งเกี่ยวกัน แม่ทัพใหญ่เจี่ยงก็ไม่กล้าสร้างความลำบากใจให้เขาอย่างโจ่งแจ้งเพราะยังเกรงพระทัยเสด็จลุงอยู่
นางหงส์โลภมากเช่นเจี่ยงฮองเฮา เองก็ไม่ได้ดีไปกว่าแม่ทัพใหญ่เจี่ยงผู้เป็นพี่ชายเท่าใดนัก นางมีจิตใจอำมหิตบิดเบี้ยว ไม่อย่างนั้นจะเลี้ยงดูกู้ม่อหลีให้ออกมามีสภาพเช่นนี้ได้หรือ ที่นางนั่งอยู่บนตำแหน่งฮองเฮาได้อย่างมั่นคงเช่นนี้ล้วนเป็นเพราะมีแม่ทัพใหญ่เจี่ยงคอยสนับสนุนทั้งสิ้น
กู้ม่อหลีถูกตามใจจนเสียคน อีกทั้งยังทะนงตนว่าตนเองเป็นเพียงบุตรชายคนเดียวของฮ่องเต้จึงคิดจะทำอันใดก็ได้ ส่วนเจี่ยงฮองเฮาก็กลัวว่าเขาจะแย่งอำนาจไปจากบุตรชายของตน เพราะเสด็จลุงทรงโปรดปราณเขา จึงหาทางทำร้ายเขาอย่างลับๆมาโดยตลอด
ยามนี้เขาไม่อาจกระทำการบุ่มบ่ามได้ เพราะยังไม่ถึงเวลา แต่แค้นที่ต้องชำระ เขาไม่มีทางลืมอย่างแน่นอน!
ชายหนุ่มยกมือขึ้นนวดหว่างคิ้ว พยายามไม่คิดถึงเรื่องชวนปวดหัวนี่อีก เขาเหนื่อยมาทั้งวันแล้วจึงสั่งพ่อบ้านตู้ว่าห้ามผู้ใดมารบกวนเวลาพักผ่อนของเขา
ด้านจินฝูนั้นเมื่อออกมาจากเรือนใหญ่แล้ว นางก็พาเจ้าไก่และเจ้าแมวไปเดินเล่นในสวนครู่หนึ่ง แล้วจึงพาพวกมันไปนอนพัก ที่พักของเจ้าสองตัวนี่หรูหรากว่าที่นอนของนางเสียอีก จินฝูถึงกับมีความคิดว่านางจะต้องหาโอกาสมานอนกับพวกมันดูสักหน จะได้เสพสุขกับความหรูหราบ้าง ระยะนี้ที่พวกมันไม่ตีกันอีก เพราะนางหลอกล่อพวกมันด้วยปลาแห้งและเมล็ดข้าวเปลือก และยังใช้วิธีข่มขู่สารพัด ท้ายที่สุดพวกมันก็ตีกันน้อยลงทำให้นางเบาแรงลงไปได้มาก
เมื่อไม่มีอันใดให้ทำแล้ว จินฝูจึงกลับมาที่เรือนปีกข้าง
"จินฝู ท่านอ๋องทำโทษเจ้าหรือไม่!"
ฉินเซียงและซ่งเอ๋อร์ที่เห็นว่าจินฝูกลับมาได้เสียทีก็รีบวิ่งเข้ามาถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง จินฝูส่ายหน้าไปมาและยิ้มให้สหายตน
"วางใจเถอะท่านอ๋องไมได้ทำโทษข้าเลย จริงสิ ข้าหิวแล้ว พวกเราไปหาของกินในโรงครัวกันเถอะ"
เอ่ยจบนางก็จับมือสหายสองคนเดินไปที่โรงครัวพร้อมกัน เมื่อมาถึงก็พบว่าแม่ครัวค่อนข้างจะเอาอกเอาใจนางเป็นพิเศษจนจินฝูรู้สึกแปลกใจ พวกเขาจะมาเอาใจนางไปทำไมกัน หรือว่าเป็นเพราะกู้เหยียนฉี
เมื่อคิดได้เช่นนั้นจินฝูก็ยิ้มระรื่นในใจ ดีเลย ต่อไปนางจะได้อาศัยบารมีเขามาหาของกินในครัวได้สะดวก
ไก่ทอดหนังกรอบ เกี้ยวนึ่ง ซาลาเปาเนื้อฉ่ำๆ อ๊า ฟินจริงๆ!
จินฝูยิ่งคิดยิ่งอารมณ์ดี นางกินอาหารตรงหน้าที่แม่ครัวทำมาให้อย่างสุขใจ
ส่วนเสิ่นหลีนั้น หนังจากโดนโบยเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ถูกส่งตัวกลับไปที่วังหลวงทันที ทันทีที่กลับมายังสถานที่แห่งนี้นางก็รู้ได้ทันทีว่าชีวิตคงจบสิ้นแล้วเป็นแน่
แท้จริงแล้วนางเป็นคนที่เจี่ยงฮองเฮาส่งมา เป้าหมายคือยั่วยวนกู้เหยียนฉีให้สำเร็จและทำตามแผนการที่วางเอาไว้ แต่นางกลับไม่อาจทำให้ท่านอ๋องโปรดปราณได้ ซ้ำยังถูกเขาไล่ออกมา แน่นอนว่าเจี่ยงฮองเฮาและองค์ชายใหญ่ย่อมไม่พอใจในนางเป็นอย่างมาก
เสิ่นหลีถูกหามกลับมาที่วังหลวงได้ไม่นาน เจี่ยงฮองเฮาก็มีรับสั่งให้นางมาพบที่ตำหนักเฟิ่งหวง โดยไม่สนใจว่านางจะเดินไหวหรือไม่ อีกทั้งยังบอกว่าหากต้องคลานมานางก็ต้องทำ จะบิดพริ้วต่อคำสั่งไม่ได้ เสิ่นหลีจึงจำต้องกัดฟันเดินไปจนถึงตำหนักเฟิ่งหวง เมื่อเข้ามาด้านในก็พบว่ายามนี้เจี่ยงฮองเฮากำลังนั่งจิบชากินของว่างอย่างสบายอารมณ์ ส่วนองค์ชายใหญ่ก็กำลังนั่งสนทนากับมารดาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
"ถวายพระพรฮองเฮา ถวายพระพรองค์ชายใหญ่เพคะ"
เสิ่นหลีกัดฟันเอ่ยคำพูดเหล่านี้ออกไปอย่างยากลำบาก เจี่ยงฮองเฮาเมื่อได้ยินก็เพียงปรายตามองนางคราหนึ่ง แล้วจึงเอ่ยกับนางด้วยน้ำเสียงเนิบช้า
"เจ็บหนักเชียวหรือ?"
เสิ่นหลีไม่ตอบเพียงเม้มริมฝีปากแน่น เหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นบนหน้าผากขาวเนียนของนางหลายเม็ด ท่าทางก็ดูย่ำแย่จวนเจียนจะไม่ไหว แต่ทว่าไม่ได้ทำให้นางดูน่าสงสารในสายตาของสองแม่ลูกเลยแม้แต่น้อย
"เสด็จแม่ นางทำงานพลาดไม่ได้เรื่องเช่นนี้ เราจะจัดการนางเช่นไรดีเล่า?"
กู้ม่อหลีเอ่ยถามมารดาตนแล้วจึงหันมามองเสิ่นหลีด้วยแววตาอำมหิต ราวกับมองเห็นเสิ่นหลีเป็นเพียงผักปลาไม่ใช่สิ่งมีชีวิต เสิ่นหลีกำมือแน่น แผ่นหลังเย็นเยียบ เดิมทีนางคิดว่าหากทำให้กู้เหยียนฉีชื่นชอบในตัวนางได้สำเร็จ นางค่อยหาทางแปรพักตร์ไปอยู่ฝ่ายเดียวกับเขา และหาทางช่วยเขากำจัดสองแม่ลูกนี่เสีย จากนั้นตำแหน่งพระชายาเอกชินอ๋องย่อมตกเป็นของนาง แต่แผนการของนางกลับต้องมาพังพินาศลงเพราะจินฝู สตรีนางนั้นสมควรทุกข์ทนเช่นเดียวกับนางจึงจะถูก มันมีสิทธิ์อันใดมาเชิดหน้าชูคออยู่ข้างกายท่านอ๋องกัน!
เจี่ยงฮองเฮาเมื่อฟังบุตรชายเอ่ยจบก็ทำเพียงส่งเสียงเหอะอย่างดูแคลน แล้วมองเสิ่นหลีอย่างเบื่อหน่าย
"ข้าไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำ เสิ่นหลี เจ้าเข้าไปอยู่จวนอ๋องครั้งนี้ สืบพบอันใดมาได้บ้าง พูดมาเถอะ เผื่อว่าโทษของเจ้าจะทุเลาเบาบางลงบ้าง"
เสิ่นหลีเมื่อได้ยินอย่างนั้นก็รีบเอ่ยตอบทันควัน
"ยามนี้ดูเหมือนว่าท่านอ๋องจะทรงโปรดปราณนางกำนัลผู้หนึ่งนามว่าจินฝูเพคะ นางกำนัลคนอื่นๆล้วนเข้าไปในเรือนใหญ่ไม่ได้ มีแต่นางที่เข้าไปได้ สตรีนางนั้นเสแสร้งเก่ง บ่าวคาดว่านางจะต้องหวังผลประโยชน์จากท่านอ๋องเป็นแน่ มิสู้พระองค์ทรงดึงตัวนางมาเป็นพวกดีหรือไม่เพคะ?"
เจี่ยงฮองเฮาปรายตามองเสิ่นหลีแล้วเอ่ยอย่างดูแคลน
"ข้าจะใช้งานผู้ใดไม่ใช่กงการอันใดของเจ้า ตัวเจ้าเองเอาตนเองให้รอดก่อนเถอะ ความลับอื่นๆไม่เห็นจะทราบ แต่วันๆเอาแต่สนใจสตรีที่ได้เข้าใกล้กู้เหยียนฉี เจ้าน่ะริษยานางล่ะสิ เห้อ ยามนี้เจ้าก็หมดประโยชน์กับข้าแล้ว ข้าจะส่งเจ้ากลับบ้านเก่าอย่างสงบ กงกง ลากตัวนางออกไป ทำเหมือนที่เคยทำ”
"ฮองเอาเพคะ โปรดไว้ชีวิตด้วยเพคะ!"
เสิ่นหลีร้องขอชีวิตทั้งน้ำตา กงกงที่เห็นเช่นนั้นจึงรีบเอาผ้ามาอุดปากนางก่อนจะลากตัวนางออกไปอย่างรวดเร็ว เสิ่นหลีเดิมทีคิดจะหาทางรอดและดึงจินฝูให้มาทุกข์ทนเช่นเดียวกับนาง แต่กลับไม่เป็นผล สุดท้ายเจี่ยงฮองเฮาก็ไม่ทรงเก็บนางเอาไว้ นางไม่ขัดขืนอีก แววตาฉายแววสิ้นหวังอย่างไม่ปิดบัง หลังจากที่ถูกลากออกมาจากตำหนักเฟิ่งหวงแล้ว กงกงผู้นั้นก็กรอกยาพิษใส่ปากนาง เสิ่นหลีกระอักโลหิตออกมาอย่างทรมาณก่อนจะสิ้นใจตายจากไปอย่างโดดเดี่ยว
ด้านกู้ม่อหลีนั้นก็ไม่ได้สนใจความเป็นความตายของผู้ใดทั้งสิ้น ก็เพียงแค่นางกำนัลน้อยต่ำต้อยผู้หนึ่ง มีค่าคู่ควรใดให้เขาต้องใส่ใจด้วยเล่า ยามนี้เขามีเรื่องที่อยากจะทำมากกว่าการไปสนใจคนตาย
ชายหนุ่มหันไปมองมารดาตน แล้วเอ่ยอย่างประจบเอาใจ
"เสด็จแม่ ลูกอยากเห็นใบหน้าของสตรีนางนั้นสักครั้ง ลูกอยากรู้นักว่านางจะน่าสนใจสักเพียงใด จึงสามารถทำให้ญาติผู้พี่พึงใจในตัวนางได้ เสด็จแม่ให้ลูกจัดการเรื่องนี้เถิดนะพ่ะย่ะค่ะ ลูกสัญญาว่าอีกไม่นาน นางจะต้องกลายเป็นหมากสำคัญของพวกเราได้อย่างแน่นอน"
เจี่ยงฮองเฮาเดิมทีคิดจะกล่าวแย้งแต่ทนการรบเร้าจากบุตรชายตนไม่ได้จึงเอ่ยรับปากส่งๆ กู้ม่อหลีอยากเล่นสนุกกับนางกำนัลคนหนึ่งย่อมไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด เช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน จะได้หาคนที่รู้ความกว่าเสิ่นหลีมาทำงานให้
อย่างไรย่อมต้องหาทางกำจัดกู้เหยียนฉีไปเสีย ก่อนที่มันจะแว้งกัดพวกนางสองแม่ลูกในภายหลัง นางเองก็หวาดหวั่นใจมาโดยตลอด ไม่รู้เพราะเหตุใดจึงรู้สึกหวาดกลัวกู้เหยียนฉีถึงเพียงนี้ นางรู้สึกเหมือนว่ายามที่ได้เห็นหน้ากู้เหยียนฉี ก็จะรู้สึกคิดถึงเรื่องเก่าแต่หนหลังเมื่อสิบกว่าปีก่อนขึ้นมา
เจี่ยงฮองเฮาส่ายหน้าไปมา ไม่คิดถึงเรื่องนั้นอีก คนตายไปแล้ว นางเห็นเองกับตา ย่อมไม่อาจรอดมาแก้แค้นนางได้อีกแล้ว!
ส่วนกู้ม่อหลีที่เห็นว่ามารดาไม่คัดค้านก็อารมณ์ดียิ่ง เขาจึงรีบร้อนออกจากวังหลวงและสืบจนพบตัวตนของสตรีนามว่าจินฝูอย่างรวดเร็ว
สิ่งที่กู้เหยียนฉีชอบ ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสิ่งของ เขาจะต้องแย่งมาเป็นของตนให้จงได้ เขาจะทำให้กู้เหยียนฉีได้รู้ว่า เขาต่างหากที่อยู่เหนือกว่า!
กู้เหยียนฉีจำได้ว่าช่วงเวลานั้นเป็นช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ ในตอนนั้นเขาและจินฝูยังเป็นเพียงข้ารับใช้และเจ้านาย ไม่ได้มีความรักลึกซึ้งอันใดต่อกันเลยแม้แต่น้อยอากาศเช้านี้ค่อนข้างเย็นสบายไม่น้อยเลย หลังจากที่เตรียมอาหารมื้อเช้าให้กู้เหยียนฉีเสร็จเรียบร้อยแล้ว จินฝูก็ตรงมายังห้องโถงใหญ่เพื่อปรนนิบัติเขากินอาหารมื้อเช้า นี่คืองานที่นางต้องทำในแต่ละวัน จะขาดตกบกพร่องไม่ได้ เมื่อมาถึงก็พบว่ากู้เหยียนฉีตื่นนอนแล้ว ชายหนุ่มกินอาหารเช้าและแบ่งให้นางกินเหมือนกับทุกวันที่เคยทำ จินฝูรู้สึกฟินมาก ท้องอิ่มหนังตาก็เริ่มหย่อน แต่นางยังไม่ทันจะไปนอนก็ได้ยินกู้เหยียนฉีเอ่ยขึ้นมาเสียก่อน"ตามข้าไปที่ห้องนอนด้วย"เอ่ยจบเขาก็เดินตรงไปรอนางที่ห้องนอนทันที จินฝูที่ได้ยินเช่นนั้นใจก็เต้นถี่ระรัว นางกำมือแน่น พลางครุ่นคิดในใจอย่างหวาดหวั่นนี่นางกับเขา ต้องทำเรื่องอย่างว่ากันแล้วอย่างนั้นหรือ?!แม้ในใจจะร้องโอดครวญ แต่กลับไม่อาจปฏิเสธ ในเมื่อนางเป็นคนของเขาแล้ว การที่เขาจะทำอันใดกับนางก็นับว่าไม่ผิด หญิงสาวถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง แล้วจึงเดินตามเขาเข้าไปในห้องนอน เมื่อมาถึงก็พบว่ายามนี้กู้เหยียนฉีกำลังนั่งอยู่บนเตี
วันคืนล่วงผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในที่สุดก็กู้เหยียนฉีและจินฝูก็ได้แต่งงานกัน พิธีการจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่สมฐานะมีผู้คนมาร่วมเฉลิมฉลองกันอย่างคึกคัก ก่อนที่เขาและนางจะแต่งงานกัน กู้เหยียนฉีพาจินฝูไปเที่ยวชมสถานที่งดงามและกินดื่มอย่างสำราญใจ นางจึงมีความสุขเป็นอย่างยิ่งการแต่งงานครั้งนี้มิใช่การแต่งงานธรรมดา แต่เป็นการสถาปนาการขึ้นครองราชย์ของกู้เหยียนฉีด้วยแม้จะไม่ต้องการสักเท่าไร่ แต่กู้เหยียนฉีรู้ดีว่าสุดท้ายแล้ว มันคือหน้าที่ของเขา อย่างน้อยเขาก็ยังมีจินฝูที่เป็นแสงสว่างในชีวิตของเขา ขอเพียงมีนางในวังหลวงที่น่าเบื่อแห่งนี้ก็งดงามขึ้นมาทันตาหลังจากกู้เยียนฉีขึ้นครองราชย์ กู้ฟานก็สละราชบัลลังก์ เขาใช้บั้นปลายชีวิตไปกับการอ่านตำราและวาดภาพอยู่ที่ตำหนักท้ายวังหลวง ทุกวันผ่านไปอย่างมีความสุข กู้เหยียนฉีเองก็ดูแลเขาเป็นอย่างดี ส่วนจินฝูนั้นเป็นเด็กร่าเริงอารมณ์ดี นางมักจะชอบมาเล่าเรื่องต่างๆให้เขาฟัง ทำให้เขาไม่เหงาเลยแม้แต่น้อยรัชศกฉีปีที่หนึ่ง กู้เหยียนฉีขึ้นครองราชย์ และแต่งตั้งจินฝูเป็นฮองเฮา เหล่าขุนนางไม่กล้าคัดค้าน เพราะฮองเฮาพระองค์ใหม่คือกำลังสำคัญเช่นกันที่ทำให้ฝ่าบาททรงได้ขึ้นค
กบฏตระกูลเจี่ยงถูกสังหารสิ้นแล้ว อีกทั้งราชสำนักยังประกาศความชั่วของพวกเขาให้ราษฏรทั่วทั้งใต้หล้าได้รับรู้เจีี่ยงฉยงอดีตแม่ทัพใหญ่ มีใจคิดไม่ซื่อ ลอบวางยาพิษเจ้าแผ่นดิน และลอบสังหารอดีตชินอ๋อง โชคดีที่สวรรค์เมตตาให้อดีตชินอ๋องทรงรอดชีวิตกลับมาได้ และกลับมาทวงคืนความยุติธรรมให้บ้านเมืองได้สำเร็จส่วนเจี่ยงหว่าน อดีตฮองเฮานั้น เพียงเพราะหลงใหลในอำนาจ จึงตบตาฮ่องเต้แต่งเข้าวังหลังมาทั้งที่ตั้งครรภ์บุตรกับชายอื่น และยังฆ่าปิดปากชายคนรักเพื่อไม่ให้เขากลับมาเปิดโปงความเลวทรามต่ำช้าของตน ซ้ำร้ายยังลอบส่งนักฆ่าไปสังหารกู้เหยียนฉีหลายต่อหลายครั้งด้วย กู้ม่อหลีแท้จริงแล้วไม่ใช่บุตรของโอรสสวรรค์ เขาเป็นองค์ชายตัวปลอม ส่วนองค์ชายใหญ่ที่แท้จริงซึ่งมีสายเลือดของฝ่าบาทไหลเวียนอยู่ในกายคือกู้เหยียนฉี องค์ชายใหญ่ตัวจริงที่ต้องปิดบังสถานะของตนเองเพื่อหาทางเอาตัวรอดและกำจัดคนชั่ว คนตระกูลเจี่ยงมีโทษหลอกลวงเบื้องสูง ให้ขายบ่าวในจวนทิ้งไปเสีย ยึดทรัพย์สินทั้งหมดเข้าคลังหลวง บุรุษให้สังหารทิ้งทั้งหมด ส่วนสตรีให้เนรเทศไปอยู่ที่ชายแดนแร้นแค้น ชั่วชีวิตนี้อย่าได้คิดจะกลับเข้าเมืองหลวงอีกผู้คนที่ได้รับรู้ต
กู้เหยียนฉีเดินเข้าไปในตำหนักที่กู้ฮ่องเต้พักรักษาตัวอยู่ด้วยใบหน้าที่เลื่อนลอย ครั้งนี้จินฝูไม่ได้ตามไปด้วย เพราะอยากให้พ่อลูกได้พูดคุยกันอย่างเปิดใจกู้ฮ่องเต้ได้สติฟื้นตื่นขึ้นมาแล้ว แต่เพราะสำลักควันไฟเข้าไปเป็นจำนวนมาก และยังถูกพิษมาก่อนหน้านี้ ทำให้ร่างหายของเขาย่ำแย่ลงไปมาก เขาให้นางกำนัลประคองตนนอนเอนพิงหมอนบนเตียง แล้วจึงให้พวกนางออกไปให้หมด ยามนี้จึงเหลือเพียงกู้เหยียนฉีและกู้ฟานเพียงเท่านั้นกู้ฮ่องเต้กระแอมไออยู่ตลอดเวลา เขาพยายามฝืนประคองตนให้ยืนหยัดเอาไว้ แล้วจึงเงยหน้าไปมองกู้ฟานน้องชายของตน"น้องสี่ ขอบใจเจ้ามากนะ หากไม่มีเจ้า ข้าคงไร้สามารถไม่อาจทำสิ่งใดได้ แค่กแค่ก"กู้ฟานน้ำตาไหล เขารีบเดินเข้าไปจับมือพี่ชายตนเอาไว้"พี่สาม ท่านเก่งที่สุดแล้ว ถึงแม้พวกเราจะไมได้เกิดจากมารดาคนเดียวกัน แต่ข้าก็รักท่านมาก รักท่านเหมือนพี่ชายร่วมมารดาเดียวกัน"กู้ฮ่องเต้พยักหน้า ก่อนจะหันมามองกู้เหยียนที่ยืนอยู่ไม่ไกล กู้ฮ่องเต้ยิ้มอย่างอ่อนแรงรู้สึกว่าตนเองเริ่มจะไม่ไหวมากขึ้นทุกที"ฉีหลาง เจ้ายังโกรธพ่ออยู่หรือ แต่ช่างเถิด ยามนี้คนตระกูลเจี่ยงตายสิ้นแล้ว เจ้าโกรธพ่อนานอีกสักหน่อย พ่อก
กู้เหยียนฉีที่ได้ยินเช่นนั้นก็หันไปมองกู้ฟานด้วยความสงสัย ด้านจินฝูนั้นคิดว่าเรื่องที่พวกเขาจะพูดคุยกันย่อมเป็นเรื่องสำคัญ นางจึงบอกว่าจะไปรอเขาที่ด้านนอกตำหนักเสียก่อน แต่ทว่ากู้เหยียนฉีกลับยื่นมือของตนมารั้งตัวนางเอาไว้ จินฝูมองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยความสงสัยปราดหนึ่ง แล้วจึงพบว่าเขากำลังมองนางด้วยแววตาอ่อนโยนเป็นอย่างยิ่ง"เสด็จอา นางเป็นคนรักของหลานเป็นคนที่พวกเราไว้ใจได้พ่ะย่ะค่ะ อีกทั้งเรื่องที่เหล่ากองทัพเสริมของเจี่ยงฉยงถูกระเบิดจนล้มตายไปกว่าครึ่ง ก็เป็นฝีมือของนาง"กู้ฟานหันมามองจินฝูด้วยสายตาเอ็นดู"ที่แท้ก็เป็นหลานสะใภ้ของข้าเองหรือ"จินฝูยิ้มให้กู้ฟานอย่างนอบน้อม ตอนที่ได้ยินว่าเขายังไม่ตาย นางแอบตกใจอยู่ไม่น้อย ไม่คิดเลยว่าเรื่องราวต่างๆจะซับซ้อนซ่อนเงื่อนมากมายถึงเพียงนี้กู้ฟานเองเมื่อรู้ว่าจินฝูคือคนสำคัญของกู้เหยียนฉีก็ไม่ได้ระแวดระวังสิ่งใดอีกเขาทอดถอนใจออกมาอย่างเหนื่อยล้า"ฉีหลาง อารู้ว่าหลายปีมานี้เจ้าคับแค้นใจมาก เจ้าคงรู้แล้วว่าเสด็จพี่คือบิดาของเจ้า อาเองก็มีส่วนผิดเช่นกันที่รู้เรื่องราวทุกอย่างแต่กลับไม่อาจบอกกล่าวกับเจ้าได้"กู้เหยียนฉีกำมือแน่น ใบหน้าฉายแววเย็
กู้เหยียนฉีและจินฝูรีบกลับเข้าเมืองหลวง ก่อนไปยังสั่งให้องค์รักษ์พาครอบครัวของจินฝูและคนในจวนอ๋องกลับเข้าเมืองหลวงโดยเร็ว ส่วนพ่อบ้านตู้และฉินเซียง ซ่งเอ๋อร์ก็เร่งรุดกลับไปที่จวนอ๋องเพื่อตรวจดูว่ามีตรงไหนเสียหายบ้างหรือไม่ ระหว่างทางที่กลับเข้าวังหลวง เขาและนางได้พบเจอกู้ม่อหลีเข้าเสียก่อน กู้ม่อหลีจ้องมองกู้เหยียนฉีด้วยความเคียดแค้น เขาไม่มีทางเชื่อว่าตนเองไม่ใช่บุตรของโอรสสวรค์ อีกทั้งยังคิดจะแย่งจินฝูมา กู้เหยียนฉีคร้านจะสนใจคนบัดซบนี่ เขาจึงยิงหน้าไม้เข้าใส่กู้ม่อหลีทันที กู้ม่อหลีไม่ทันระวังทำให้ลูกศรแทงเข้าที่ลำคอ กู้ม่อหลีสิ้นใจตายทั้งที่ดวงตายังเบิกกว่าง ไม่มีผู้ใดสนใจความเป็นตายของเขาเลยแม้แต่น้อยกู้เหยียนฉีได้เล่าให้จินฝูฟังแล้วว่า กู้ม่อหลีไม่ใช่บุตรแท้ๆของฮ่องเต้ จินฝูตกใจไม่น้อย แต่กลับดีใจมากกว่า คนเช่นนี้ไม่เหมาะจะเป็นองค์ชายเลยด้วยซ้ำ สมควรแล้วที่ถูกสังหารเช่นนี้กู้เหยียนฉีและจินฝูวิ่งไปตามทางเดินในวังหลวงอย่างรีบร้อน เมื่อมาถึงตำหนักมังกรสวรรค์ก็พบว่าในตำหนักกำลังเกิดเพลิงไหม้โหมแรงมาก พวกเขาเข้าไปไม่ได้ ทำได้เพียงมองดูอยู่ด้านนอก“ฝ่าบาทยังทรงประทับอยู่ด้านใน รีบช







