Share

เกิดใหม่เป็นองค์หญิงวิปลาส
เกิดใหม่เป็นองค์หญิงวิปลาส
Author: ฉินหลานฮุย

บทนำ วันสุดท้าย

last update Last Updated: 2025-10-27 14:12:12

แจวมาแจวจ่ำจึก น้ำนิ่งไหลลึกนึกถึงคนแจวว...

เจ้ามา จากเมืองขอนแก่น หรือว่ามาจากแดน อุดรฯ กาฬสินธ์ หนองคาย บุรีรัมย์ เลย สุรินทร์...

มัดหมี่ มัดหมี่ มัดหมี่ มัดหมี่ ขูดมะพร้าวทำกับข้าวอยู่ในครัว...

จากอีสานบ้านนา มาอยู่กรุง. จากเมืองทุ่งลุยลาย. ชัยภูมิบ้านเดิม ถิ่นเกิดไกล. บ่ได้หมายจากจร...

เสียงเพียงเชียร์ที่ดังเกือบตลอดสองข้างตาคณะต่าง ๆ ในมหาวิทยาลัยทำให้ผู้คน นักศึกษาทุกระดับชั้นรู้ว่ากำลังจะเข้าสู่ช่วงงานกีฬาสีของมหาวิทยาลัยที่จะจัดขึ้นในทุกปีเมื่อเปิดภาคเรียนที่สอง จะเห็นเหล่านิสิตนักศึกของแต่ละคณะรวมกันซ้อมเชียร์ซ้อมกีฬา ถึงจะเป็นกีฬาที่แข่งขันกันภายในมหาวิทยาลัย แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือต้องเล่นใหญ่ไว้ก่อนอยู่แล้ว

แต่สำหรับ หมิว หรือ เปรมมิกา แซ่ลิ้ม นักศึกษาชั้นปีที่สี่ สาขาประวัติศาสตร์ไทยและสากล เทอมสุดท้าย เขาไม่มีเวลามาร่วมสนุกกับกีฬาสีหรอกเพราะงานวิจัยอันแสนโหดรอเขาอยู่ ขนาดก่อนเปิดเทอมหนึ่งอาทิตย์หมิวและเพื่อนทั้งสาขาได้มาพบอาทิตย์หน้าเพื่อฟังแนวทางการทำงานวิจัย แค่ฟังยังไม่ได้ลงรายละเอียดอะไรลึกมากมายยังแทบปวดหัว นี้เปิดเทอมมาสองเดือนกว่างานวิจัยยังไม่เป็นรูปเป็นร่างเลย วันนี้สงสัยคงต้องกลับหอพักดึกอีกตามเคย

หมิวเป็นครอบครัวนั้นอยู่กรุงเทพแต่ดันสอบติดที่จังหวัดขอนแก่นบ้านเกิดของแม่ จึงทำให้หมิวของมาเรียนที่ขอนแก่นโดยการเช่าหอพักอยู่นอกมหาวิทยาลัย เพราะบ้านเดิมของคุณแม่นั้นอยู่ห่างจากมหาวิทยาลัยเกือบหนึ่งร้อยกิโล เพื่อความปลอดภัยคุณพ่อคุณแม่จึงให้เช่าหอใกล้มหาลัยดีกว่าจะได้เดินทางสะดวก

ในห้องสมุดเงียบงันเสียงเข็มนาฬิกาดัง “ติ๊ก...ต่อก” สม่ำเสมอเป็นจังหวะเดียวกับเสียงปลายปากกาที่ขยับไปมาบนกระดาษ หมิวนั่งก้มหน้าอยู่ท่ามกลางกองหนังสือสูงเกือบถึงไหล่ แสงไฟสีอุ่นจากโคมตั้งโต๊ะส่องกระทบกรอบแว่น ทำให้เธอต้องยกมือดันขึ้นเล็กน้อยก่อนจะพลิกหน้าหนังสือเก่าที่ขอบกระดาษเริ่มเหลือง

"ราชวงศ์เว่ย...ปีที่เจ็ดแห่งรัชกาลฮ่องเต้จิ้งอู่..." หมิว

เธอพึมพำตามตัวอักษร พลางขีดเส้นใต้ข้อความสำคัญด้วยปากกาไฮไลต์สีทองอ่อน รอบตัวมีแต่กลิ่นกระดาษเก่าและเสียงพัดลมเพดานที่หมุนช้า ๆ แต่ในหัวของหมิวกลับเต็มไปด้วยภาพเมืองหลวงโบราณ กำแพงสูงใหญ่และชุดขุนนางในสมัยนั้น เธอหลับตาเพียงชั่วครู่เหมือนภาพในจินตนาการกำลังชัดเจนขึ้นถนนปูด้วยอิฐหิน เสียงฆ้องแตรในยามรุ่งสางและชายหนุ่มในอาภรณ์สีดำทองยืนอยู่ท่ามกลางหมอกยามเช้า

เธอลืมตาขึ้นอีกครั้ง ถอนหายใจเบา ๆ

"ถ้าได้เห็นด้วยตาตัวเองก็คงดี..." หมิว

เสียงพึมพำนั้นแทบจะกลืนไปกับบรรยากาศรอบตัว หมิวก้มหน้ากลับมาที่หน้ากระดาษ เขียนต่อด้วยลายมือเรียบเรียงประโยคอย่างตั้งใจ โครงสร้างการปกครองของราชวงศ์เว่ยสะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนผ่านระหว่างอำนาจทหารและขุนนางราชสำนัก...

เวลาค่อย ๆ ผ่านไปโดยที่เธอไม่รู้ตัว จนกระทั่งแสงจากหน้าต่างเริ่มกลายเป็นสีส้มของอาทิตย์ตก หมิวขยับแว่นอีกครั้ง ยืดแขนออกเหนือหัว พลางมองร่างตัวเองสะท้อนในกระจกหน้าต่าง รอยยิ้มบาง ๆ ปรากฏขึ้นอย่างภาคภูมิใจ เพราะเธอรู้ดีว่าวันนี้งานวิจัยของเธอขยับเข้าใกล้ความจริงของราชวงศ์เว่ยอีกหนึ่งก้าว

ลมฤดูหนาวพัดผ่านหน้าเข้ามาในห้องเย็นเฉียบจนหมิวต้องรูดซิปเสื้อคลุมขึ้นสูง พลางมองนาฬิกาบนข้อมือเกือบห้าทุ่มแล้ว ห้องสมุดปิดไปนานแต่เธอยังมัวจัดเอกสารงานวิจัยอยู่จนลืมเวลา ไฟตามข้างถนนส่องแสงสลัวเป็นจุด ๆ เมื่อเธอสวมหมวกกันน็อกขึ้นคร่อมรถจักรยานยนต์คู่ใจ เสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นเบา ๆ ก่อนที่หมิวจะค่อย ๆ เคลื่อนออกจากลานจอด ผ่านถนนที่แทบไม่มีรถสัญจร

เสียงลมหวีดหวิวลอดผ่านหมวกกันน็อก ขณะที่รถค่อย ๆ เร่งความเร็วขึ้น สะพานข้ามแม่น้ำอยู่ไม่ไกล ข้างล่างนั้นน้ำดำขลับสะท้อนแสงไฟเป็นประกายวับวาวราวกับแผ่นกระจก หมิวสูดหายใจลึก มองเส้นขอบฟ้าที่มีแสงไฟจากอีกฝั่งสะพาน อีกนิดเดียวก็ถึงแล้ว... เธอคิดในใจ ทว่าทันใดนั้น...

**วาบ!**

เงาบางอย่างตัดผ่านสายตาคล้ายคนยืนอยู่กลางสะพาน เธอสะดุ้งตาเบิกกว้างรีบหักหลบโดยสัญชาตญาณ เสียงล้อเสียดกับพื้นถนนดัง “ครืด!” รถเสียหลักหมุนคว้างร่างของหมิวถูกเหวี่ยงออกจากตัวรถ ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วเกินจะตั้งตัว เสียงโลหะกระแทกกับราวสะพานตามมาด้วยเสียง “ตูม!” ดังสะท้อนก้องในความเงียบของค่ำคืน

น้ำเย็นจัดโอบร่างเธอไว้ทันที แสงไฟเหนือสะพานพร่ามัวลงในสายตาที่เริ่มหนักอึ้ง เธอพยายามจะขยับมือ แต่แรงหมดไปทีละน้อย ลมหายใจสุดท้ายแผ่วเบาก่อนทุกอย่างจะดับวูบเข้าสู่ความมืดสนิท บนสะพานเหลือเพียงหมวกกันน็อกที่กลิ้งอยู่กับพื้น เปื้อนรอยขีดข่วนและเสียงเครื่องยนต์ที่ยังติดค้างครืดคราดเบา ๆ ราวกับไม่รู้เลยว่าเจ้าของของมันจะไม่มีวันกลับมาสตาร์ตอีก

ในอีกห้วงเวลาเดียวกันแต่เป็นอีกโลกที่แตกต่างกัน มีร่างของหญิงสาวอยู่ในชุดสูงศักดิ์นอนหายใจโรยรินสีแต่สีหน้าแล้วแววตาเต็มไปด้วยความแค้น ความผิดหวังและความเสียใจ ก่อนหน้านี้องค์หญิงถูกจับไปกดน้ำและทรมาน แต่ก็ยังไม่ตายจนถูกนำมาทิ้งไว้ที่ตำหนักเย็น คนที่จับตัวไปปกปิดใบหน้าจึงไม่ทราบได้ว่าใครต้องการฆ่าองค์หญิงกันแน่

ภายในตำหนักเย็นอันเงียบงัน แสงจันทร์ส่องลอดผ่านช่องหน้าต่างไม้เก่าเข้ามาเป็นลำแสงสีเงิน องค์หญิงหลิงเซียงเอนกายอยู่บนตั่งเย็นเฉียบ ผ้าห่มบาง ๆ แทบไม่อาจต้านลมหนาวที่พัดผ่านเข้ามาจากทุกทิศ เสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังขึ้นหน้าประตู ก่อนเงาสองสามเงาจะปรากฏขึ้นในความมืด หลิงเซียงขยับตัวลุกขึ้นเล็กน้อย “ใครกัน” น้ำเสียงเธอสั่นเล็กน้อยแต่ไม่ทันได้เอ่ยอะไรต่อ มือเย็นจัดของใครบางคนก็จับแขนเธอไว้แน่น

"ฝ่าบาททรงมีพระบัญชา...ให้ทรงพักผ่อนอย่างสงบ"

เสียงเย็นชาเอ่ยขึ้นองค์หญิงเบิกตากว้าง แต่ยังไม่ทันได้เรียกขอความช่วยเหลือ แก้วเล็ก ๆ ก็ถูกยกขึ้นมาใกล้ริมฝีปากของเธอ กลิ่นขมแปลบแตะปลายจมูก ก่อนสติของเธอจะค่อย ๆ เลือนหายไป แสงจันทร์ยังคงส่องสว่างเหนือพื้นหิมะหน้าตำหนัก เมื่อทุกอย่างสงบลงเงาเหล่านั้นจากไปโดยไม่เหลียวหลัง ทิ้งเพียงร่างบางที่เอนพิงอยู่ข้างตั่ง ใบหน้าเรียบนิ่งราวกับหลับใหล

รุ่งเช้า ข่าวจากตำหนักเย็นแพร่ไปทั่ววังหลวง

"องค์หญิงหลิงเซียงสิ้นพระชนม์แล้ว... ทรงประชวรและสิ้นพระชนม์ในค่ำคืนที่ผ่านมา"

ข้ารับใช้พากันร่ำไห้ แต่ไม่มีใครกล้าเอ่ยถึงความจริงที่ซ่อนอยู่หลังม่านเย็นเยียบแห่งนั้น เพราะในวังหลวง… ความตายขององค์หญิงถูกเขียนไว้เพียงว่าทรงตรอมใจ จึงปลิดชีพเอง ทว่าในสายลมที่พัดผ่านตำหนักเย็นในคืนนั้ยังคงมีเสียงแผ่วเบาราวกับคำสาบานสุดท้ายของนาง

"ความจริง...จะไม่ถูกฝังไปพร้อมข้า..." หลิงเซียง

สายหมอกยามรุ่งอรุณคลี่คลุมทั่วตำหนักเย็นแสงแรกของวันส่องลอดผ่านหน้าต่างไม้ บนพื้นยังมีรอยน้ำค้างเกาะบาง ๆ เสียงนกร้องแว่วเบา แต่ภายในตำหนักกลับยังคงเงียบงัน มีเพียงหมอที่ได้รับหน้าที่มาตรวจดูร่างอันไร้วิญญาณขององค์หญิงเพียงสองคนเท่านั้น ส่วนคนสนิทขององค์หญิงทุกคนถูกกันไม่ให้เข้ามา

บนตั่งเย็นที่เคยสิ้นชีพไปแล้วนั้นริมฝีปากขององค์หญิงหลิงเซียงขยับน้อย ๆ ก่อนนิ้วมือขาวซีดจะกระตุกเบา ๆ

"อื้อ..."

เสียงครางแผ่วเบาดังขึ้น พร้อมกับลมหายใจที่กลับคืนมาอีกครั้ง หญิงสาวลืมตาขึ้นช้า ๆ ดวงตาคู่งามสะท้อนแสงจันทร์ที่ยังค้างอยู่ครึ่งฟ้า แต่ในแววนั้นไม่มีร่องรอยขององค์หญิงหลิงเซียงคนเดิม ทำเอาหมอสองคนที่ตรวจร่างองค์หญิงอยู่ตื่นตกใจจนวิ่งหนีออกจากตำหนักเย็นไปทันที

หมิวนักศึกษาที่จากไปอย่างกะทันหันกลางสะพานในอีกโลกหนึ่ง เธอกะพริบตาอย่างมึนงงมองรอบห้องแปลกตาที่เต็มไปด้วยข้าวของโบราณ

"นี่...ที่ไหนกัน"

เสียงเธอสั่นเธอพยายามยันตัวขึ้น แต่ร่างกายอ่อนแรงราวกับไม่ใช่ของตน เธอมองเห็นเงาตัวเองในกระจกทองเหลืองใกล้ตั่ง ใบหน้างดงามอ่อนช้อย ดวงตาเรียวยาว เครื่องแต่งกายหรูหราราวกับภาพในหนังจีนโบราณ

"นี่มัน...อะไรเนี่ย"

ความทรงจำมากมายแปลบเข้ามาในหัว ภาพตำหนัก วังหลวง ข้ารับใช้ และเสียงเรียกขานว่า องค์หญิงหลิงเซียง หมิวกุมขมับรู้สึกเหมือนสมองกำลังจะระเบิด จนกระทั่งเสียงฝีเท้าของนางกำนัลสองคนดังขึ้นหน้าประตู

"ท่านหมอหลวง! องค์หญิงทรง...ฟื้นแล้วเพคะ!"

เสียงร้องตกใจดังขึ้นทั่วตำหนักเย็น ขณะที่หมิวในร่างขององค์หญิงหลิงเซียงยังนั่งนิ่ง มองมือตัวเองด้วยความสับสนระคนตกใจ เธอไม่รู้เลยว่าการฟื้นคืนชีพครั้งนี้จะพาเธอเข้าสู่ชะตากรรมใหม่ที่เต็มไปด้วย ปริศนา การแก้แค้น และความรักที่ไม่อาจหลีกหนีได้

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เกิดใหม่เป็นองค์หญิงวิปลาส   บทที่ 2 อาหารจานแรกในโลกใหม่

    เมื่อทำใจยอมรับที่จะอยู่ในฐานะองค์หญิงหลิงเซียงได้แล้ว สิ่งแรกที่ทำคือตรวจดูทรัพย์สินมีค้าว่าพอที่จะนำไปขายหรือมีเงินอยู่บ้างไหม เพราะเขาจะนำไปซื้อที่ดินเก็บไว้สักหน่อย เนื่องจากตั้งใจจะออกจากวังแล้วต้องมีกิจการเป็นของตัวเองเพื่อเลี้ยงชีพสักหน่อย ไหนจะผู้ติดตามอีกหลายคน ตั้งใจแล้วว่าจะเปิดเหลาอาหาร เพราะอาชีพเดิมที่บ้านแซ่ลิ้มในโลกเดิมนั้น พ่อแม่เขาเปิดร้านอาหารและขายดีมากจนขยายสาขาไปถึงห้าสาขาแล้ว เมนูส่วนใหญ่จะเป็นสูตรอาหารไทยจากคุณยายที่เคยทำงานในวังมาก่อน และยังมีสูตรอาหารจีนจากบ้านคุณพ่ออีกด้วย ซึ่งเขาเองก็เคยช่วยงานในครัวเป็นประจำจนจำสูตรได้ทั้งหมด ขนมไทยก็ยังทำได้จนเพื่อนหลายคนในสาขาประวัติศาสตร์ไทยและสากลเคยถามว่า ทำอาหารอร่อยขนาดนี้ทำไมไม่เรียนคหกรรม แต่เขาชอบประวัติศาสตร์และสาขาที่เรียนยังได้เรียนประวัติศาสตร์ของจีนอีกด้วย แสงจันทร์รินผ่านช่องหน้าต่างไม้ลายฉลุ ส่องต้องฝุ่นละอองที่ลอยฟุ้งในอากาศ ภายในห้องลับของตำหนักไฉ่หงเงียบงันราวกับเวลาหยุดหมุน เสียงฝีเท้าเบา ๆ สามคู่ก้าวเข้ามาทีละก้าว องค์หญิงหลิงเซียงถือโคมไฟกระจกทรงกลมไว้ในมือ แสงส้มอ่อนสะท้อนเงาเรียวยาวบนพื้นหินเย็น

  • เกิดใหม่เป็นองค์หญิงวิปลาส   บทที่ 1 โลกใบใหม่

    หมิวที่ตอนนี้เข้ามาอยู่ในร่างขององค์หญิงหลิงเซียงได้สามวันแล้ว ทำให้ได้รู้ว่าองค์หญิงหลิงเซียงเป็นบุตรลำดับที่เก้าของอดีตฮ่องเต้หลงเฉิน และเป็นพระธิดาเพียงพระองค์เดียวของอดีตฮ่องเต้ที่เกิดจากอดีตฮองเฮาหลินเจิน องค์หญิงหลิงเซียงไม่มีพี่น้องร่วมมารดาเดียวกัน ด้วยความที่เป็นพระธิดาเพียงพระองค์เดียว จึงไม่ค่อยสนิทกับบรรดาพระเชษฐาเท่าไหร่ แต่ส่วนใหญ่ที่เหล่าลูกชายลูกสาวเหล่าขุนนางตระกูลใหม่มักเข้าหาองค์หญิง ก็เพราะท่านตาขององค์หญิงคือท่านแม่ทัพใหญ่ของกองทัพแคว้นเว่ยและผู้นำตระกูลเกาคนปัจจุบัน ตระกูลถือเป็นตระกูลที่มีอำนาจมากจนใคร ๆ ก็ยำเกรงด้วยความที่เป็นธิดาเพียงพระองค์เดียวและยังประสูติจากฮองเฮา จึงทำให้เป็นที่โปรดปรานของอดีตฮ่องเต้หลงเฉิน ฮองเฮาเองก็ทรงรักองค์หญิงมาก จนกลัวในอนาคตหากพระมารดาและพระบิดาไม่อยู่แล้ว จะได้รับอนาคตจากเหล่าผู้คนที่ไม่หวังดี และไม่อยากให้ธิดาเพียงคนเดียวต้องมาต้องในวังวนของความแกร่งแย่งชิงดี จึงทูลขออดีตฮ่องเต้สร้างตำหนักส่วนพระองค์ไว้นอกกำแพงวังหลวง มีเพียงประตูขนาดสองคนเดินได้เป็นทางเชื่อมเท่านั้น พอเริ่มโตขึ้นจนอายุได้สิบขวบหนาวองค์หญิงก็เริ่มมีพฤติกรรมแป

  • เกิดใหม่เป็นองค์หญิงวิปลาส   บทนำ วันสุดท้าย

    แจวมาแจวจ่ำจึก น้ำนิ่งไหลลึกนึกถึงคนแจวว... เจ้ามา จากเมืองขอนแก่น หรือว่ามาจากแดน อุดรฯ กาฬสินธ์ หนองคาย บุรีรัมย์ เลย สุรินทร์... มัดหมี่ มัดหมี่ มัดหมี่ มัดหมี่ ขูดมะพร้าวทำกับข้าวอยู่ในครัว... จากอีสานบ้านนา มาอยู่กรุง. จากเมืองทุ่งลุยลาย. ชัยภูมิบ้านเดิม ถิ่นเกิดไกล. บ่ได้หมายจากจร... เสียงเพียงเชียร์ที่ดังเกือบตลอดสองข้างตาคณะต่าง ๆ ในมหาวิทยาลัยทำให้ผู้คน นักศึกษาทุกระดับชั้นรู้ว่ากำลังจะเข้าสู่ช่วงงานกีฬาสีของมหาวิทยาลัยที่จะจัดขึ้นในทุกปีเมื่อเปิดภาคเรียนที่สอง จะเห็นเหล่านิสิตนักศึกของแต่ละคณะรวมกันซ้อมเชียร์ซ้อมกีฬา ถึงจะเป็นกีฬาที่แข่งขันกันภายในมหาวิทยาลัย แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือต้องเล่นใหญ่ไว้ก่อนอยู่แล้ว แต่สำหรับ หมิว หรือ เปรมมิกา แซ่ลิ้ม นักศึกษาชั้นปีที่สี่ สาขาประวัติศาสตร์ไทยและสากล เทอมสุดท้าย เขาไม่มีเวลามาร่วมสนุกกับกีฬาสีหรอกเพราะงานวิจัยอันแสนโหดรอเขาอยู่ ขนาดก่อนเปิดเทอมหนึ่งอาทิตย์หมิวและเพื่อนทั้งสาขาได้มาพบอาทิตย์หน้าเพื่อฟังแนวทางการทำงานวิจัย แค่ฟังยังไม่ได้ลงรายละเอียดอะไรลึกมากมายยังแทบปวดหัว นี้เปิดเทอมมา

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status