Share

บทที่ 1 โลกใบใหม่

last update Last Updated: 2025-10-28 00:46:10

หมิวที่ตอนนี้เข้ามาอยู่ในร่างขององค์หญิงหลิงเซียงได้สามวันแล้ว ทำให้ได้รู้ว่าองค์หญิงหลิงเซียงเป็นบุตรลำดับที่เก้าของอดีตฮ่องเต้หลงเฉิน และเป็นพระธิดาเพียงพระองค์เดียวของอดีตฮ่องเต้ที่เกิดจากอดีตฮองเฮาหลินเจิน องค์หญิงหลิงเซียงไม่มีพี่น้องร่วมมารดาเดียวกัน ด้วยความที่เป็นพระธิดาเพียงพระองค์เดียว จึงไม่ค่อยสนิทกับบรรดาพระเชษฐาเท่าไหร่ 

แต่ส่วนใหญ่ที่เหล่าลูกชายลูกสาวเหล่าขุนนางตระกูลใหม่มักเข้าหาองค์หญิง ก็เพราะท่านตาขององค์หญิงคือท่านแม่ทัพใหญ่ของกองทัพแคว้นเว่ยและผู้นำตระกูลเกาคนปัจจุบัน ตระกูลถือเป็นตระกูลที่มีอำนาจมากจนใคร ๆ ก็ยำเกรง

ด้วยความที่เป็นธิดาเพียงพระองค์เดียวและยังประสูติจากฮองเฮา จึงทำให้เป็นที่โปรดปรานของอดีตฮ่องเต้หลงเฉิน ฮองเฮาเองก็ทรงรักองค์หญิงมาก จนกลัวในอนาคตหากพระมารดาและพระบิดาไม่อยู่แล้ว จะได้รับอนาคตจากเหล่าผู้คนที่ไม่หวังดี และไม่อยากให้ธิดาเพียงคนเดียวต้องมาต้องในวังวนของความแกร่งแย่งชิงดี จึงทูลขออดีตฮ่องเต้สร้างตำหนักส่วนพระองค์ไว้นอกกำแพงวังหลวง มีเพียงประตูขนาดสองคนเดินได้เป็นทางเชื่อมเท่านั้น 

พอเริ่มโตขึ้นจนอายุได้สิบขวบหนาวองค์หญิงก็เริ่มมีพฤติกรรมแปลก ๆ มีความคิดแปลกประหลาดต่างไปจากเด็กวัยเดียวกัน ชอบประดิษฐ์ของเล่นแปลก ชอบพูดคนเดียวเป็นเด็กหน้านิ่ง นิสัยเงียบขรึม ไม่ค่อยชอบเล่นกับใคร

พออายุได้สิบห้าปีองค์หญิงหลิงเซียงเป็นเด็กหญิงผู้มีท่าทีสงบนิ่งและสำรวมอยู่เสมอ เขาไม่ชอบความวุ่นวายหรือเสียงจอแจรอบข้าง มักเลือกที่จะอยู่ในมุมเงียบ ๆ ของวัง มากกว่าจะเข้าร่วมการละเล่นหรือการสนทนาของเหล่าสตรีในตำหนักอื่น ๆ เวลาเรียน องค์หญิงหลิงเซียงก็มักนั่งอยู่ท้ายห้อง เงียบ ฟังอาจารย์อย่างตั้งใจ ไม่ค่อยพูด ไม่ค่อยแสดงความคิดเห็น และแทบไม่มีเพื่อนสนิทนัก

 

เพื่อนร่วมชั้นหลายคนมองว่าเธอเย็นชา จึงไม่กล้าเข้าใกล้ แต่แท้จริงแล้วองค์หญิงเซียงเป็นเพียงคนที่ชอบใช้เวลาอยู่กับความคิดของตนเองมากกว่า เธอชอบอ่านหนังสือ ฟังเสียงลม และมองดูสวนดอกไม้มากกว่าการพูดคุยเรื่องไร้สาระในวัง ความเงียบของเธอจึงไม่ใช่เพราะหยิ่งยโส หากแต่เป็นความสุขุมและละเอียดอ่อนที่ซ่อนอยู่ภายใน

 

องค์หญิงหลิงเซียงเป็นหญิงที่สงบเงียบและโดดเดี่ยวจนแทบไม่มีผู้ใดเข้าใจ นางไม่ชอบความวุ่นวายของวังหลวง ไม่ชอบเสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยการเสแสร้ง หรือคำพูดที่มีแต่เล่ห์เหลี่ยมของเหล่าสตรีในตำหนักอื่น ๆ นางเลือกจะอยู่เงียบ ๆ ท่ามกลางสวนดอกเหมยหรือในห้องหนังสือ นั่งอ่านตำราเก่าด้วยแววตาเรียบเฉย

 

แต่ด้วยความที่นางเงียบเกินไป และมักพูดคุยกับตัวเองเบา ๆ ยามอยู่ลำพัง บางครั้งราวกับกำลังสนทนากับใครที่ไม่มีตัวตน ผู้คนในวังเริ่มซุบซิบว่า องค์หญิงหลิงเซียงทรงวิปลาส บ้างก็กล่าวว่านางโดนวิญญาณร้ายสิงสู่ บ้างว่าถูกสาปให้จิตหลงลืมโลกมนุษย์

 

แต่แท้จริงแล้ว ในความเงียบและรอยยิ้มบางเบาของนางนั้น กลับซ่อนความเศร้าลึกและความคิดมากมายที่เกินกว่าผู้ใดจะเข้าถึง เสียงที่นางพูดกับตัวเองอาจเป็นเพียงการปลอบโยนหัวใจ หรือบางทีอาจเป็นการพูดกับใครบางคนที่จากไปนานแล้ว

 

เมื่อองค์หญิงหลิงเซียงมีพระชันษาเพียงสิบหกปี โลกอันเงียบสงบของนางก็พังทลายลงอย่างสิ้นเชิง พระมารดา ผู้เป็นอดีตฮองเฮาผู้ทรงกล้าหาญ ต้องสิ้นพระชนม์ในสนามรบ

 

พระมารดาของนางมิใช่สตรีอ่อนโยนเช่นสตรีในวังทั่วไป แต่เป็นผู้ที่เคยเคียงบ่าเคียงไหล่กับฮ่องเต้ในยามศึก เพื่อช่วยพระบิดาของตน ซึ่งเป็นแม่ทัพใหญ่ในการรบใหญ่ครั้งสุดท้ายของราชวงศ์ ทว่าในศึกนั้น พระนางกลับพลีชีพกลางสมรภูมิ ท่ามกลางไฟสงครามครั้งนั้น

 

ข่าวการสิ้นพระชนม์ของอดีตฮองเฮาได้ถูกส่งถึงวังในยามราตรี ฝนโปรยบาง ๆ และเสียงสายฟ้าดังก้อง พระพักตร์ขององค์หญิงหลิงเซียงในวันนั้นเรียบนิ่งจนคนรับสั่งยังไม่กล้าเอ่ยปลอบ เพียงเห็นนางยืนอยู่หน้าต่าง มองออกไปยังท้องฟ้ามืดมิด พลางกระซิบกับตนเองว่า

 

"พระมารดา… หม่อมฉันบอกแล้วว่าอย่าไป…" หลิงเซียง

 

นับแต่นั้นมาองค์หญิงยิ่งเงียบงันกว่าเดิม มักพูดกับอากาศราวกับยังมีผู้ฟังอยู่ข้าง ๆ หลายครั้งที่ขันทีหรือนางกำนัลเห็นนางยืนอยู่ในสวน ทรงพูดเสียงแผ่วราวกับตอบโต้ใครบางคน บ้างว่าองค์หญิงหลิงเซียงคลุ้มคลั่งเพราะเสียพระมารดา บ้างว่าพระวิญญาณอดีตฮองเฮายังมิได้จากไป

 

แท้จริงแล้วอาจไม่มีผู้ใดรู้ว่าองค์หญิงหลิงเซียงยังคงเห็น พระมารดาอยู่ในห้วงความทรงจำ และในความเงียบนั้นเสียงของมารดายังดังก้องอยู่ในใจของนางเสมอ

 

เมื่อย่างเข้าสู่ปีที่สิบแปดของชีวิต องค์หญิงหลิงเซียงต้องเผชิญกับความสูญเสียอีกครั้ง คราวนี้คือบุคคลผู้เป็นเสาหลักสุดท้ายของนางในโลกนี้

 

อดีตฮ่องเต้หลงเจิน พระบิดาผู้ทรงเปี่ยมด้วยเมตตาและปัญญา อันเคยเป็นทั้งที่พึ่งและที่ปลอบโยนในยามนางอ่อนแอ หลังการสิ้นพระชนม์ของพระมารดา พระองค์ทรงพระประชวรด้วยโรคร้ายเรื้อรังมาหลายปี แม้จะพยายามเข้มแข็งเพื่อพระธิดาเพียงองค์เดียว แต่ในที่สุด โรคร้ายก็พรากพระองค์ไปอย่างสงบในคืนเดือนดับ

 

คืนนั้นวังเงียบสงัดจนได้ยินเพียงเสียงลมหวิวผ่านระเบียงยาว องค์หญิงหลิงเซียงยืนอยู่ข้างพระแท่นบรรทม จับพระหัตถ์ที่เริ่มเย็นเฉียบด้วยน้ำตาที่ไม่ยอมร่วง นางเพียงจ้องมองพระพักตร์อันสงบของพระบิดาผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยยิ้มให้นางเสมอ

 

"เสด็จพ่อ อย่าทิ้งหม่อมฉันไว้เพียงลำพังอีกเลย…" หลิงเซียง

เสียงกระซิบของนางสั่นแผ่วจนแทบไม่เป็นคำ

 

หลังจากวันนั้น องค์หญิงหลิงเซียงเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เงียบกว่าที่เคย เศร้าลึกกว่าเดิม และแทบไม่ออกจากตำหนักของตนอีกเลย ผู้คนในวังต่างพูดกันว่า นาง อยู่กับความตายมากเกินไป จนจิตใจมิอาจกลับมาเป็นเช่นเดิม

 

แต่ในยามค่ำคืนหากผู้ใดเดินผ่านตำหนักเยียบเย็นขององค์หญิง จะได้ยินเสียงนางพูดเบา ๆ ราวกับกำลังสนทนากับใครบางคน บางคืนเป็นเสียงอ่อนโยนราวกับพูดกับพระมารดา บางคืนกลับเป็นเสียงสะอื้น เรียกหาพระบิดาอย่างโหยหา…

 

แต่ยังดีที่มีคนสนิทผู้ซื่อสัตย์และเข้าใจองค์หญิงอย่าง ไป๋กงกง หม่ากูกู นางกำนัลอาวุโสที่เคยรับใช้อดีตฮองเฮา ยังมีขันทีหนุ่มอีกสอง เสี่ยวถังจือกับเสี่ยวผิงจื่อ นางกำนัลรุ่นเยาว์ ซินเหมยกับจูซิง พร้อมองครักษ์เงาประจำพระองค์ ห่าวเฉิงกับเฟิงหวง ทุกคนล้วนแล้วแต่จงรักภักดีกับองค์หญิงทุกคน

 

พอได้รู้รับเรื่องขององค์หญิงหลิงเซียง และรู้ถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตข้างหน้า ด้วยที่ว่าเขาทำเรื่องวิจัยเกี่ยวกับราชวงศ์เว่ยย่อมรู้ดีว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ซึ่งเป็นเหตุการณ์สำคัญมากในราชวงศ์ มีทั้งการทรยศหักหลังที่แสนจะวุ่นวาย และการชิงอำนาจของบรรดาเหล่าพี่ชายต่างมารดา นางตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ยอมให้มันเกิดเหตุการณ์รุนแรงจะพยายามช่วยให้มันเบาบางลง แต่ก็จะไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเด็ดขาด ถ้าทำสำเร็จจะขอเร้นกายออกจากวังไปเปิดร้านอาหารนอกวังใช้ชีวิตแบบสามัญชน

หมิวพอรู้เรื่องราวต่าง ๆ ขององค์หญิงหลิงเซียง ยอมรับว่าสงสารมาก เขาสัญญาว่าจะดูแลร่างขององค์หญิงให้ดี จะใช้ชีวิตแทนองค์หญิงให้คุ้มค่า 

"คอยดูนะข้าจะออกจากวังหลวงนี้ให้ได้" หลิงเซียง

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เกิดใหม่เป็นองค์หญิงวิปลาส   บทที่ 2 อาหารจานแรกในโลกใหม่

    เมื่อทำใจยอมรับที่จะอยู่ในฐานะองค์หญิงหลิงเซียงได้แล้ว สิ่งแรกที่ทำคือตรวจดูทรัพย์สินมีค้าว่าพอที่จะนำไปขายหรือมีเงินอยู่บ้างไหม เพราะเขาจะนำไปซื้อที่ดินเก็บไว้สักหน่อย เนื่องจากตั้งใจจะออกจากวังแล้วต้องมีกิจการเป็นของตัวเองเพื่อเลี้ยงชีพสักหน่อย ไหนจะผู้ติดตามอีกหลายคน ตั้งใจแล้วว่าจะเปิดเหลาอาหาร เพราะอาชีพเดิมที่บ้านแซ่ลิ้มในโลกเดิมนั้น พ่อแม่เขาเปิดร้านอาหารและขายดีมากจนขยายสาขาไปถึงห้าสาขาแล้ว เมนูส่วนใหญ่จะเป็นสูตรอาหารไทยจากคุณยายที่เคยทำงานในวังมาก่อน และยังมีสูตรอาหารจีนจากบ้านคุณพ่ออีกด้วย ซึ่งเขาเองก็เคยช่วยงานในครัวเป็นประจำจนจำสูตรได้ทั้งหมด ขนมไทยก็ยังทำได้จนเพื่อนหลายคนในสาขาประวัติศาสตร์ไทยและสากลเคยถามว่า ทำอาหารอร่อยขนาดนี้ทำไมไม่เรียนคหกรรม แต่เขาชอบประวัติศาสตร์และสาขาที่เรียนยังได้เรียนประวัติศาสตร์ของจีนอีกด้วย แสงจันทร์รินผ่านช่องหน้าต่างไม้ลายฉลุ ส่องต้องฝุ่นละอองที่ลอยฟุ้งในอากาศ ภายในห้องลับของตำหนักไฉ่หงเงียบงันราวกับเวลาหยุดหมุน เสียงฝีเท้าเบา ๆ สามคู่ก้าวเข้ามาทีละก้าว องค์หญิงหลิงเซียงถือโคมไฟกระจกทรงกลมไว้ในมือ แสงส้มอ่อนสะท้อนเงาเรียวยาวบนพื้นหินเย็น

  • เกิดใหม่เป็นองค์หญิงวิปลาส   บทที่ 1 โลกใบใหม่

    หมิวที่ตอนนี้เข้ามาอยู่ในร่างขององค์หญิงหลิงเซียงได้สามวันแล้ว ทำให้ได้รู้ว่าองค์หญิงหลิงเซียงเป็นบุตรลำดับที่เก้าของอดีตฮ่องเต้หลงเฉิน และเป็นพระธิดาเพียงพระองค์เดียวของอดีตฮ่องเต้ที่เกิดจากอดีตฮองเฮาหลินเจิน องค์หญิงหลิงเซียงไม่มีพี่น้องร่วมมารดาเดียวกัน ด้วยความที่เป็นพระธิดาเพียงพระองค์เดียว จึงไม่ค่อยสนิทกับบรรดาพระเชษฐาเท่าไหร่ แต่ส่วนใหญ่ที่เหล่าลูกชายลูกสาวเหล่าขุนนางตระกูลใหม่มักเข้าหาองค์หญิง ก็เพราะท่านตาขององค์หญิงคือท่านแม่ทัพใหญ่ของกองทัพแคว้นเว่ยและผู้นำตระกูลเกาคนปัจจุบัน ตระกูลถือเป็นตระกูลที่มีอำนาจมากจนใคร ๆ ก็ยำเกรงด้วยความที่เป็นธิดาเพียงพระองค์เดียวและยังประสูติจากฮองเฮา จึงทำให้เป็นที่โปรดปรานของอดีตฮ่องเต้หลงเฉิน ฮองเฮาเองก็ทรงรักองค์หญิงมาก จนกลัวในอนาคตหากพระมารดาและพระบิดาไม่อยู่แล้ว จะได้รับอนาคตจากเหล่าผู้คนที่ไม่หวังดี และไม่อยากให้ธิดาเพียงคนเดียวต้องมาต้องในวังวนของความแกร่งแย่งชิงดี จึงทูลขออดีตฮ่องเต้สร้างตำหนักส่วนพระองค์ไว้นอกกำแพงวังหลวง มีเพียงประตูขนาดสองคนเดินได้เป็นทางเชื่อมเท่านั้น พอเริ่มโตขึ้นจนอายุได้สิบขวบหนาวองค์หญิงก็เริ่มมีพฤติกรรมแป

  • เกิดใหม่เป็นองค์หญิงวิปลาส   บทนำ วันสุดท้าย

    แจวมาแจวจ่ำจึก น้ำนิ่งไหลลึกนึกถึงคนแจวว... เจ้ามา จากเมืองขอนแก่น หรือว่ามาจากแดน อุดรฯ กาฬสินธ์ หนองคาย บุรีรัมย์ เลย สุรินทร์... มัดหมี่ มัดหมี่ มัดหมี่ มัดหมี่ ขูดมะพร้าวทำกับข้าวอยู่ในครัว... จากอีสานบ้านนา มาอยู่กรุง. จากเมืองทุ่งลุยลาย. ชัยภูมิบ้านเดิม ถิ่นเกิดไกล. บ่ได้หมายจากจร... เสียงเพียงเชียร์ที่ดังเกือบตลอดสองข้างตาคณะต่าง ๆ ในมหาวิทยาลัยทำให้ผู้คน นักศึกษาทุกระดับชั้นรู้ว่ากำลังจะเข้าสู่ช่วงงานกีฬาสีของมหาวิทยาลัยที่จะจัดขึ้นในทุกปีเมื่อเปิดภาคเรียนที่สอง จะเห็นเหล่านิสิตนักศึกของแต่ละคณะรวมกันซ้อมเชียร์ซ้อมกีฬา ถึงจะเป็นกีฬาที่แข่งขันกันภายในมหาวิทยาลัย แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือต้องเล่นใหญ่ไว้ก่อนอยู่แล้ว แต่สำหรับ หมิว หรือ เปรมมิกา แซ่ลิ้ม นักศึกษาชั้นปีที่สี่ สาขาประวัติศาสตร์ไทยและสากล เทอมสุดท้าย เขาไม่มีเวลามาร่วมสนุกกับกีฬาสีหรอกเพราะงานวิจัยอันแสนโหดรอเขาอยู่ ขนาดก่อนเปิดเทอมหนึ่งอาทิตย์หมิวและเพื่อนทั้งสาขาได้มาพบอาทิตย์หน้าเพื่อฟังแนวทางการทำงานวิจัย แค่ฟังยังไม่ได้ลงรายละเอียดอะไรลึกมากมายยังแทบปวดหัว นี้เปิดเทอมมา

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status