กลิ่นหอมของเนื้อย่างและไวน์ชั้นดีลอยฟุ้งปะทะประสาทรับรู้ แต่สิ่งที่กระแทกอารมณ์มากกว่านั้นคือสงครามเย็นระหว่างสองชายหนุ่มที่นั่งขนาบซ้ายขวาของวิคเตอร์
หลังคำจิกกัดเผ็ดร้อนแบบมีดโกนของมิเอลกับธีโอ ภีมหรือวิคเตอร์ ก็แทบไม่กล้าขยับตัว กลัวว่าจะกลายเป็นเหมือนลูกโซ่ที่ทำให้ระเบิดลูกต่อไปทำงานใส่ตัวเอง “ว่าแต่…” ธีโอเลิกคิ้ว มองวิคเตอร์ด้วยสายตาสนอกสนใจแบบจงใจ “คุณวิคเตอร์นี่แปลกตาดีนะครับ ผมขาว ตาสีทองอร่าม…เหมือนลูกแก้วเลย งดงามแบบไม่เหมือนใคร” คำพูดนั้นเหมือนลูกศรที่พุ่งเข้ากลางใจมาเอลทันที เขาขยับคิ้วขึ้นนิดหนึ่งแต่ไม่พูดอะไร สายตากลับหันไปมองวิคเตอร์แทน “อ๋อ พอดีผมเป็นลูกเสี้ยวหลายเชื้อชาติน่ะครับ” วิคเตอร์หัวเราะแหะ ๆ มือกำชายเสื้อแน่น “คงได้มารวมกันเยอะไปหน่อย” “ตอนคบกัน นายชอบใส่แว่นไม่ใช่เหรอ?” เสียงเรียบของมิเอลแทรกเข้ามากลางวงอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย “ทำไมตอนนี้ถึงถอดมันล่ะ?” “แว่นมันเกะกะน่ะ” วิคเตอร์ยิ้มแหย “ถอดแล้วมองอะไรชัดขึ้นเยอะเลย” “แต่นายก็ดูดีมากเลยนะตอนนี้” มิเอลยิ้มบาง แต่ดวงตานั้นกลับทอดเงาลึกชวนสงสัย “ใช่มั้ย…เพื่อน(รัก)?” คำว่า เพื่อนรัก ถูกเน้นหนักจนวิคเตอร์รู้สึกได้ถึงคลื่นความปั่นป่วนในอากาศ เหมือนมีมีดซ่อนอยู่ใต้คำพูด นี่มันอะไรกันวะ!? เขากรีดร้องในใจ แต่ใบหน้ายังพยายามยิ้มไว้ราวกับพิธีกรงานเลี้ยง อย่าบอกนะว่าเรากำลังโดนพระเอกกับนายเอกกัดกันแย่ง…ชิ้นเนื้อ!? วิคเตอร์ก้มมองสเตตัสที่ฉายอยู่บนแผ่นโปร่งใสข้างหน้าตัวเอง—แล้วก็ช็อก [คะแนน (ความชอบ) เพิ่มขึ้น!] มิเอล: +7 ธีโอ: +6 เห้ยยยย เดี๋ยว นี่มันนิยายหรือเกมจีบหนุ่มกันแน่วะ!? แถมยังมีข้อความจากโคโค่เด้งขึ้นมาอีก: > "นายเผลอใช้เสน่ห์โดยไม่รู้ตัวนะ ดูสิ ทั้งพระเอกกับนายเอกเหมือนจะตกหลุมนายเลยล่ะ ฮิฮิ" วิคเตอร์แทบอยากจะลงไปแทะขาโต๊ะ ตายตรงนี้ซะให้รู้แล้วรู้รอด! เขาพยายามขอตัวอย่างรวดเร็ว รีบลุกออกจากโต๊ะอย่างสุภาพ แต่เท้าก้าวไวราวหนีไฟไหม้ “ขอโทษนะครับ ผมเพิ่งนึกได้ว่ามีธุระด่วน…เชิญพวกคุณคุยกันต่อได้เลย” เสียงคำถามกับสายตาหยุดเขาไม่ได้ วิคเตอร์วิ่ง ไม่ใช่สิเดินเร็วแบบมีสไตล์ ออกจากร้าน ก่อนจะกระโดดขึ้นรถเหมือนซูเปอร์ฮีโร่ตบมุกหนีฉากจบทว่า…ในรถกลับไม่มีความสงบเลย ติ๊ง! [ธีโอ]: “คืนนี้ว่างมั้ยครับ อยากพาไปกินขนมร้านโปรด” [มิเอล]: “อย่ารับนัดมั่ว ฉันมีเรื่องจะคุยกับนายวิคเตอร์” วิคเตอร์มองข้อความทั้งสองบนมือถือ สลับกับถนนเบื้องหน้า แล้วเขาก็ได้แต่ทึ้งหัวตัวเองอย่างสุดกลั้น “กูแค่เล่าเรื่องแมว!!..ไอสองคนนี้มันตีกันแล้วเอาNPCกากๆ อย่างกูเป็นไม้กันหมาหรือเปล่าวะเนี้ยยย!!?!” เสียงเขาดังอยู่คนเดียวในรถ ท่ามกลางไฟท้ายสีแดงของเมืองยามค่ำคืน…ที่โรแมนติกไม่ออกเลยแม้แต่นิด หลังจากวิคเตอร์หนีออกมาจากร้านราวกับกลัวโดนหั่นเป็นปลาดิบ เขาเดินไวอย่างกับหนีจากสมรภูมิรบ จนมาถึงรถได้ในที่สุด แต่ยังไม่ทันได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก เสียงเตือนจากมือถือก็ดังติ๊ง ๆ ไม่หยุด ธีโอ: "นายถึงบ้านยัง? ขอโทษนะถ้าทำให้อึดอัด แต่ฉันแค่อยากเจอนายจริง ๆ" มิเอล: "อย่าไปฟังหมอนั่นมาก เขามาแค่กวนประสาทผม วิคเตอร์ห้ามลืมแมวดำนายด้วยนะ มันคงรอเจ้าของอยู่" ร่างสูงถอนหายใจหนักราวกับแบกจักรวาลไว้บนตัว เขาโยนมือถือลงเบาะอย่างหมดแรง ก่อนเสียงอีกสายจะดังขึ้น ไอแซค: “เฮ้…อยู่ไหนวะ กูอยู่บาร์ตรงข้ามห้าง XX ชั้นบนสุด มาหาหน่อย” เสียงเพื่อนสนิทที่คุ้นเคยทำให้เขารู้สึกเหมือนได้ยินเสียงพระสวดมนต์ วิคเตอร์: “เออๆ..กูจะไปเดี๋ยวนี้แหละ!” ยังไม่ทันที่เท้าจะแตะเข้าตึกคอนโด ก็ดันมาเรื่องที่ต้องไปรับบทเพื่อนที่แสนดีกับตัวละครที่ชื่อไอแซคต่อซะงั้น วุ่นวายจริงๆ ถึงภีมจะคิดแบบนั้นเขาก็ ขึ้นรถออกจากตัวคอนโดมาแล้ว ณ บาร์สไตล์ลอฟต์โทนเข้มกับไฟสลัว ๆ ชายผิวแทนหน้าคม นั่งฟุบอยู่กับเคาน์เตอร์ มือกุมแก้ววิสกี้ สภาพเหมือนคนโดนหมารุมเห่า น้ำตาซึมแต่ยังฟอร์ม “แม่งเอ้ย…” เขาบ่นเสียงต่ำ “…เขาไปกับคนอื่นว่ะ ไอ้เวรนั่น ทิ้งกูไว้กลางเตียง ทั้งที่เมื่อคืนยังบอกว่าคิดถึงอยู่เลย” “ไอ้แซค…” วิคเตอร์เรียกชื่อเพื่อนเบา ๆ ก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ แล้วดันแก้วให้ “กูเพิ่งหนีฉากดราม่าระหว่างพระเอกกับนายเอกมา…มึงเจอฉากดราม่าคู่นอน โอเค กินเหอะ” เขาพูดบ่นความในใจออกมา เพราะคิดว่าอีกฝ่ายเมาจนไม่น่ารู้เรื่องแล้ว ไอแซคหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ “สรุปคืนนี้เราคือพระรองกับตัวประกอบสินะ?” วิคเตอร์ยกแก้วชนกับอีกฝ่าย “ใช่เพื่อน! แต่ตรงนี้เราคือ MVP ของชีวิตกันเองไงเว้ย!” วิคเตอร์นั่งนิ่งพลางจิบโค้กเย็น ๆ อยู่ข้างไอแซคที่ตอนนี้กลายเป็นซากอารยธรรมอัลฟ่าช้ำรัก สภาพเหมือนแฮมสเตอร์ขี้แยที่พยายามจะลืมความรักด้วยแอลกอฮอล์ “...มึงไม่กินหน่อยเหรอ” ไอแซคพึมพำเสียงอ้อแอ้ ดวงตาเยิ้ม “กูมาเฝ้า กูไม่ได้มาตายพร้อมมึงครับ” วิคเตอร์ตอบเสียงนิ่ง แต่หางเสียงแอบมีความห่วงแฝงอยู่ เวลาผ่านไปไม่นาน ไอแซคที่เคยฟุบอยู่ก็เริ่มทำท่าแปลก ๆ กลิ่นอุ่น ๆ ของฟีโรโมนเริ่มค่อย ๆ ลอยกระจายเหมือนหมอกบาง ๆ ในคืนฝนตก พรึ่บ... เสียงเก้าอี้รอบข้างขยับเหมือนมีใครจับสัญญาณได้ วิคเตอร์เบิกตาอย่างตกใจ “แม่ง ไอ้แซค! มึงจะปล่อยกลิ่นทำไมเนี่ย!” วิคเตอร์รีบรวบตัวเพื่อนให้ลุกขึ้น ทันทีที่กลิ่นดอกไม้เย็นๆจะลอยฟุ้งมาแตะจมูก “หอมมั้ย...นี่แหละกลิ่นกูตอนอกหัก...” ไอแซคหลับตาพึมพำ “หอมพ่อง! เดี๋ยวโอเมก้าแถวนี้ก็พากันติดสัดวิ่งกรูเข้าหามึงหรอก ไอ้เวร!” วิคเตอร์หิ้วเพื่อนรักอย่างไอแซคที่เมาเละยิ่งกว่าลูกโป่งที่โดนเข็มจิ้ม เดินลากถูลู่ถูกังออกมาหน้าร้าน ร่างสูงใหญ่อย่างอัลฟ่าหลับตาพริ้ม ปล่อยกลิ่นฟีโรโมนฟุ้งกระจายจนคนผ่านไปมาต้องหันมอง “แม่ง...สภาพนี้ถ้าไม่โดนรวบก็โดนถ่ายลงโซเชียลแน่...” วิคเตอร์พึมพำก่อนจะควักมือถือออกมาแล้วกดเรียกรถแท็กซี่ นิ้วเรียวชะงักนิดหนึ่งเมื่อเห็นตัวเลือกแปลกตา เลือกเพศรองของคนขับ: อัลฟ่า / เบต้า / โอเมก้า เขาเบ้ปาก โห้...ถ้าเป็นพวกบ้ากามคงพากันเลือกโอเมก้าแน่ สะบัดหัวไล่ความคิด ก่อนกดเลือก “เบต้า” — เพราะโคโค่เคยบอกว่าพวกนี้เป็นมนุษย์ที่ไม่รับผลกระทบจากกลิ่นพวกนี้มากนัก กำลังรอรถ… แล้วมันก็มา…ไม่ใช่รถ แต่เป็นเสียงตะโกนสุดคุ้นหูดังมาจากทางข้าง ๆ “มาเอล! อย่าดิ้น! ไม่งั้นจะจับโยนขึ้นรถแล้วนะ!” เสียงนั้นดังก้องมาเหมือนเอคโค่กลางหุบเขา วิคเตอร์หันไปตามเสียง...ช้า ๆ...เหมือนในหนังรักช่วงไคลแม็กซ์ ธีโอ คนที่เขาไม่อยากเจอในเวลานี้ที่สุด — กำลังลาก มาเอล ที่เมาไม่รู้เรื่อง ร้องเพลงลูกทุ่งเสียงหลงราวกับนักร้องประกวดที่โดนปรับตกคะแนนเพราะลืมเนื้อ แล้วทั้งคู่มาด้วยกันได้ไงเนี้ย มาเอลใส่สูทเนี๊ยบ แต่ท่าทางคือเด็กแว้นโดนลากเข้าห้องปกครอง “...เวรแล้ว...” วิคเตอร์เบาเสียง “…หนีเสือปะจระเข้ชิบหาย...หนีมาแล้ว ยังจะมาเจอกันได้อีก...” สายตาของธีโอและวิคเตอร์ประสานกัน แล้วโลกทั้งใบชะงักลงครึ่งวินาที “อ้าว...” ธีโอเลิกคิ้ว ยิ้มแบบคนเพิ่งจับได้ว่าโลกกลมเกินไป “คุณวิคเตอร์นี่น่า บังเอิญจังนะครับ” เขาเอ่ยอย่างสบาย ๆ ก่อนจะโยนมิเอลเข้ารถแท็กซี่อย่างไม่ใยดี แล้วปิดประตู “ไม่...” วิคเตอร์ว่าเสียงต่ำ ก่อนจะแถมรอยยิ้มแห้งเหมือนกระดาษทรายให้ไปด้วย “นั้นสินะครับ..บังเอิญที่เจอทั้งคู่อีก แฮะ...” ธีโอหัวเราะเสียงทุ้มจนไหล่โยก “แล้วนั้นใครหรอครับ? ดูท่านะอาการหนักมากเลยนะ กลิ่นนี่ฉุนจมูกสุดๆ” เขายกมือขึ้นมาท่าปัดอากาศเบา ๆ ทำหน้าล้อเลียน วิคเตอร์ย่นจมูก “เหมือนคุณธีโอ ก็จะปล่อยกลิ่นหนักเหมือนกันนะครับ” กลิ่นของอัลฟ่าสองคนลอยปะทะกันในอากาศอย่างดุเดือด สงครามไร้คำพูดที่มีเพียงฟีโรโมนเป็นอาวุธ “ถ้างั้นก่อนที่ใครจะสลบเพราะคุณอีกคน ผมขอกลับก่อนนะ” วิคเตอร์ว่าอย่างจริงจังพลางดันตัวไอแซคขึ้นแท็กซี่ ตึ๊ง! เสียงประตูแท็กซี่ปิดดัง ก่อนที่มือใครบางคนจะคว้าแขนเขาไว้..ธีโอ “ไม่เอาสิคุณวิคเตอร์” น้ำเสียงเขานุ่มแต่แฝงความดื้อ “ผมเหงานะ มาเอลดื่มแค่นั้นก็เมาแล้ว..." "ถ้างั้น..คุณมาดื่มเป็นเพื่อนผมหน่อยสิ”"ดูหนังกันมั้ยครับ " ธีโอพูดขึ้นเชิญชวนวิคเตอร์ผู้เป็นเจ้าของบ้านทันทีที่เขาเห็นจอทีวี" เอ่อ..นี่มันก็น่าจะดึกแล้ว ให้ผมไปส่งคุณที่บ้านไม่ดีกว่าหรอครับ " วิคเตอร์พยายามพูดเพื่อให้แขกยอมกลับบ้าน ทั้งกินมื้อค่ำแล้วยังเดินเล่นในบ้านของเขาราวกับเป็นสนามเด็กเล่นวิคเตอร์เห็นทีว่าต้องส่งแขก แต่ดูเหมือนแขกคนนี้ค่อนข้างดื้อและมึนสุดๆ จนสุดท้ายก็...ทีวีจอใหญ่ระดับ IMAX ขนาดเกือบเท่าฝาบ้านฉายแสงสีนวลอุ่นๆ วิคเตอร์นั่งตัวตรงราวกับเป็นบอดี้การ์ด ไม่ได้เอนหลังพิงโซฟาแม้แต่นิด ขณะที่ธีโอนั่งข้างๆ ด้วยท่าทีที่ "ไม่รู้เลยว่านี่นั่งดูหนังหรือจะดูเจ้าของบ้านมากกว่า"ผมเรียกวิคเตอร์ ว่าพี่ได้มั้ยครับ เราน่าจะสนิทกันแล้วนี่น่า~" ธีโอพูดเล่นพร้อมยิ้มกริ่ม ก่อนจะลุกขึ้นไปหยิบรีโมต “พี่เองก็เรียกผมธีโอจะได้แฟร์ๆกัน”“อ่า ได้สิ…” วิคเตอร์ตอบช้าๆ แอบกลืนน้ำลายเล็กน้อยเมื่อธีโอทิ้งตัวลงนั่งข้างเขาอีกครั้ง แบบใกล้เกินระยะปลอดภัยของชาวอัลฟ่าจนหนังเริ่มฉาย...แต่วิคเตอร์ไม่ได้ดูหนังเล เพราะทุกๆ ครั้งที่เขาขยับตัว หรือเงยหน้าขึ้นมองจอ ก็จะเห็นธีโอนั่งหันมาทางเขาแบบ...จ้องจ้องแบบลึก จ้องแบบอยากขอข้อมูลพันธุกร
กลิ่นหอมละมุนแบบกาแฟคั่วสดกับคาราเมลหอมกลิ่นไหม้อ่อนๆ ลอยฟุ้งกลางอากาศ ราวกับเรียกร้องให้ใครบางคนตามมันไปธีโอ หยุดยืนกลางโถง สูดหายใจลึกอีกครั้ง ดวงตาทอประกายสว่างขึ้นในทันที “เขาออกไปแล้ว...แต่กลิ่นยังไม่หาย”เสียงฝีเท้าเขาดังชัดในทางเดินที่ไร้ผู้คน กลิ่นของวิคเตอร์ไม่ชัดเจนเหมือนตอนอยู่ใกล้ แต่มันก็ชัดพอจะพาเขาเดินเลี้ยวออกจากตัวอาคาร มุ่งหน้าสู่โรงจอดรถลมเย็นภายนอกตีกลิ่นจางๆ กระจายไปทั่ว แต่ธีโอกลับตามมันได้อย่างแม่นยำอย่างเหลือเชื่อ“คุณวิคเตอร์...หนีผมไม่พ้นหรอกครับ” เสียงกระซิบของเขาดังแผ่วเบาเหมือนคำสัญญาในเงามืดในโรงจอดรถ ไฟบางส่วนยังเปิดอยู่ และในความเงียบที่ปกคลุม รถหรูคันหนึ่งจอดนิ่งอยู่ข้างใน ประตูด้านคนขับปิดไม่สนิทดีนัก ราวกับมีใครบางคนรีบหนีเข้าไป ธีโอหยุดยืนตรงหน้า ยกมือแตะฝากระโปรงเบาๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้น ดวงตาเยือกเย็นกลับกลายเป็นร้อนแรงเขายื่นหน้าเข้าไปใกล้หน้าต่างรถ สูดลมหายใจลึกอีกครั้ง กลิ่นวิคเตอร์เข้มข้นราวกับเพิ่งปล่อยออกมาเมื่อครู่“นั่นแหละ… นี่แหละกลิ่นของคุณ” เขาพึมพำภายในรถ วิคเตอร์นั่งนิ่งอยู่ในเบาะหลัง ดวงตาเบิกกว้างเมื่อเห็นเงาร่างของธีโอเคลื่อนใ
กลางวันแสกๆ ของห้องทำงานชั้นบนสุด ที่ควรจะสงบเงียบ…แต่กลับมีเสียงพึมพำของโคโค่เจ้าแมวอ้วนลอยมาก่อนใครเพื่อน "นายเห็นไหม พระเอกจ้องจะเล่นนาย… เอ็งหนีไม่พ้นหรอกเว้ย วิคเตอร์"บนโต๊ะทำงานหรูดีไซน์มินิมอลของวิคเตอร์ มีทั้งกาแฟดำที่ใกล้เย็นสนิท กับแผ่นโปร่งแสงของ AI ที่ลอยอยู่เหนือพื้นโต๊ะ แสดงค่าพารามิเตอร์ความนิยมของตัวละครชื่อ “วิคเตอร์” กำลังขึ้นสูงแบบผิดคาด“นี่มันบ้าไปแล้ว… ตัวละครประกอบอย่างผมควรจะตายตั้งแต่บทที่ 3” วิคเตอร์บ่นพลางจ้องตัวเลขด้วยสีหน้าปลงๆ แต่โคโค่กลับขำแห้งๆ แล้วพ่นออกมาหนึ่งประโยค “นายโดนระบบเรือใหญ่เลือกไปแล้วอะดิ”วิคเตอร์กำลังจะเถียงอะไรกลับ แต่จู่ๆ โคโค่เงียบกริบ ดวงตาเรืองแสงของแมวอ้วนเบิกกว้างขึ้นอย่างระแวดระวัง “เดี๋ยว มีคนกำลังเดินมา...”แล้วมันก็ทำตามสัญชาตญาณของแมวทันทีกระโดดกลับไปนอนกลมบนโต๊ะ เสมือนว่าไม่เคยพูดอะไรเลยแม้แต่น้อย ก่อนจะยกอุ้งมือขึ้นมาเลียราวกับแมวบ้านธรรมดาแกร๊ก ประตูเปิดออกพร้อมเสียงฝีเท้านุ่มนวล และกลิ่นหอมของอาหารโฮมเมด วิคเตอร์เงยหน้าขึ้นก่อนจะชะงัก “มาเอล…?”คนที่ปรากฏตัวคือนายเอกของเรื่องในร่างบางผิวขาวนวล สวมเชิ้ตแขนยาวสีขาวสะอาด
เสียงประตูล็อกดังแกร๊ก ทำเอาวิคเตอร์กลืนน้ำลายอึกใหญ่ กลิ่นหอมบางของน้ำหอมในบ้านผสานกลิ่นไวน์แดง ทำให้เขารู้ทันทีว่า...เกมนี้ไม่ใช่แค่ดื่มธรรมดา ใช่แล้วสุดท้ายเขาก็จำยอมมากับพระเอกทั้งที่รู้ว่าไม่น่าไว้ใจเลยแท้ๆบ้านของธีโอหรูเกินกว่าจะเรียกว่าบ้าน แถมเป็นมากกว่านั้น...เหมือนพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่มีเจ้าของเป็นจิ้งจอกแสนร้าย“เดินดูรอบ ๆ ก่อนสิครับคุณวิคเตอร์” ธีโอเอ่ยอย่างใจดีเกินเบอร์ มือเรียวโบกไปทางห้องรับแขก เปิดไฟอุ่น ๆ ที่ทำให้บ้านยิ่งดูอบอุ่นแบบน่าระแวงวิคเตอร์เดินตามอย่างเสียไม่ได้ รองเท้าหนังสะท้อนกับพื้นไม้ขัดมัน แววตาเขากวาดไปทั่วบ้านแบบคนกำลังหาทางหนี ก่อนจะจบลงที่โซฟาหนังวัวนุ่มลึกกลางบ้าน ธีโอลากไวน์ขวดละหลายพันขึ้นมาเทช้า ๆ ก่อนยื่นแก้วให้เขาด้วยรอยยิ้ม“เชิญครับ แขกพิเศษของคืนนี้”วิคเตอร์กลืนน้ำลายอึกใหญ่ ขณะรับแก้วมา มือเย็นเฉียบเพราะเขากำลังคิดถึงแมวบางตัวที่ควรจะโผล่มาช่วยในเวลานี้แทนที่จะปล่อยให้เขาเผชิญด่านบอส“วันนี้ผม...ต้องขอโทษเรื่องมื้อเย็นด้วยจริงๆนะครับ” ธีโอเปิดบทสนทนา เสียงทุ้มนุ่มมีน้ำหนักวิคเตอร์เอียงคอ “หืม.. ครับ?”“ที่ผมอาจจะทำตัวเสียมารยาทน่ะครับ...แ
กลิ่นหอมของเนื้อย่างและไวน์ชั้นดีลอยฟุ้งปะทะประสาทรับรู้ แต่สิ่งที่กระแทกอารมณ์มากกว่านั้นคือสงครามเย็นระหว่างสองชายหนุ่มที่นั่งขนาบซ้ายขวาของวิคเตอร์หลังคำจิกกัดเผ็ดร้อนแบบมีดโกนของมิเอลกับธีโอ ภีมหรือวิคเตอร์ ก็แทบไม่กล้าขยับตัว กลัวว่าจะกลายเป็นเหมือนลูกโซ่ที่ทำให้ระเบิดลูกต่อไปทำงานใส่ตัวเอง“ว่าแต่…” ธีโอเลิกคิ้ว มองวิคเตอร์ด้วยสายตาสนอกสนใจแบบจงใจ “คุณวิคเตอร์นี่แปลกตาดีนะครับ ผมขาว ตาสีทองอร่าม…เหมือนลูกแก้วเลย งดงามแบบไม่เหมือนใคร”คำพูดนั้นเหมือนลูกศรที่พุ่งเข้ากลางใจมาเอลทันที เขาขยับคิ้วขึ้นนิดหนึ่งแต่ไม่พูดอะไร สายตากลับหันไปมองวิคเตอร์แทน“อ๋อ พอดีผมเป็นลูกเสี้ยวหลายเชื้อชาติน่ะครับ” วิคเตอร์หัวเราะแหะ ๆ มือกำชายเสื้อแน่น “คงได้มารวมกันเยอะไปหน่อย”“ตอนคบกัน นายชอบใส่แว่นไม่ใช่เหรอ?” เสียงเรียบของมิเอลแทรกเข้ามากลางวงอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย “ทำไมตอนนี้ถึงถอดมันล่ะ?”“แว่นมันเกะกะน่ะ” วิคเตอร์ยิ้มแหย “ถอดแล้วมองอะไรชัดขึ้นเยอะเลย”“แต่นายก็ดูดีมากเลยนะตอนนี้” มิเอลยิ้มบาง แต่ดวงตานั้นกลับทอดเงาลึกชวนสงสัย “ใช่มั้ย…เพื่อน(รัก)?”คำว่า เพื่อนรัก ถูกเน้นหนักจนวิคเตอร์รู้สึกได้ถ
เสียงเพลงป๊อปแดนซ์จังหวะกระชากใจดังลั่นไปทั่วคอนโดหรู วิคเตอร์ หรือ ภีม ในชื่อเดิมของเขากำลังสวมเสื้อกล้าม กางเกงขาสั้น เดินเต้นลั้ลลาแบบไม่สนโลก ราวกับว่าชีวิตในจักรวาลโอเมก้าเวิร์สนี้ไม่มีอะไรร้ายแรงไปกว่าการเลือกว่าจะกินข้าวหรือกาแฟก่อนดี"ถ้าให้เธอเป็นเสื้อ..คงเป็นเบบี้ที~” เขาหมุนตัวเองหน้าโซฟาอย่างภาคภูมิ ก่อนจะชี้นิ้วฟาดจังหวะเข้ากับเสียงเพลงที่ดังสนั่น…จนกระทั่ง...ปึ้ง! เพลงเงียบลงทันใดวิคเตอร์กะพริบตาปริบ ๆ หันขวับไปมองต้นเสียง แมวดำตัวอ้วนกลมที่ชื่อว่า โคโค่ นั่งกอดอกอยู่บนโต๊ะกาแฟกลางห้อง แพขนฟู ๆ ยกหูรีโมตขึ้นแล้ววางอย่างช้า ๆ แบบโคตรมีเจตนา“โอ้ย โคโค่! เพลงกำลังมันส์ ทำไมปิดอะ!”“เพลงไม่สำคัญเท่า ‘เนื้อเรื่อง’ นะยะ” โคโค่หรี่ตาเหมือนจะกลืนเขาเข้าไปทั้งตัว “นายรู้มั้ยว่า คะแนนความชอบของแม่ยก ที่ให้กับตัวละคร ‘วิคเตอร์’ ตอนนี้มันหยุดนิ่ง! นาน! แล้ว! เพราะอะไร? เพราะคุณลูกชายเอาแต่นอนเป็นส้มในคอนโด ไม่ไปเข้าเนื้อเรื่องหลักไงล่ะ!”วิคเตอร์ทำท่าจะโวยแต่ก็กลายเป็นแค่ถอนหายใจ ก่อนจะเดินลากสลิปเปอร์กลับไปที่โซฟาแล้วหยิบหมอนมาฟาดหน้าตัวเองอย่างเซ็ง ๆ “พูดอีกละ พูดทุกวัน หูผมชา