เสียงเพลงป๊อปแดนซ์จังหวะกระชากใจดังลั่นไปทั่วคอนโดหรู วิคเตอร์ หรือ ภีม ในชื่อเดิมของเขากำลังสวมเสื้อกล้าม กางเกงขาสั้น เดินเต้นลั้ลลาแบบไม่สนโลก ราวกับว่าชีวิตในจักรวาลโอเมก้าเวิร์สนี้ไม่มีอะไรร้ายแรงไปกว่าการเลือกว่าจะกินข้าวหรือกาแฟก่อนดี
"ถ้าให้เธอเป็นเสื้อ..คงเป็นเบบี้ที~” เขาหมุนตัวเองหน้าโซฟาอย่างภาคภูมิ ก่อนจะชี้นิ้วฟาดจังหวะเข้ากับเสียงเพลงที่ดังสนั่น… จนกระทั่ง... ปึ้ง! เพลงเงียบลงทันใด วิคเตอร์กะพริบตาปริบ ๆ หันขวับไปมองต้นเสียง แมวดำตัวอ้วนกลมที่ชื่อว่า โคโค่ นั่งกอดอกอยู่บนโต๊ะกาแฟกลางห้อง แพขนฟู ๆ ยกหูรีโมตขึ้นแล้ววางอย่างช้า ๆ แบบโคตรมีเจตนา “โอ้ย โคโค่! เพลงกำลังมันส์ ทำไมปิดอะ!” “เพลงไม่สำคัญเท่า ‘เนื้อเรื่อง’ นะยะ” โคโค่หรี่ตาเหมือนจะกลืนเขาเข้าไปทั้งตัว “นายรู้มั้ยว่า คะแนนความชอบของแม่ยก ที่ให้กับตัวละคร ‘วิคเตอร์’ ตอนนี้มันหยุดนิ่ง! นาน! แล้ว! เพราะอะไร? เพราะคุณลูกชายเอาแต่นอนเป็นส้มในคอนโด ไม่ไปเข้าเนื้อเรื่องหลักไงล่ะ!” วิคเตอร์ทำท่าจะโวยแต่ก็กลายเป็นแค่ถอนหายใจ ก่อนจะเดินลากสลิปเปอร์กลับไปที่โซฟาแล้วหยิบหมอนมาฟาดหน้าตัวเองอย่างเซ็ง ๆ “พูดอีกละ พูดทุกวัน หูผมชาแล้วครับแม่!” “ก็เพราะนายยัง ‘ไม่ทำ!’ ไงเล่า!” โคโค่เหวี่ยงหางใส่หมอนแรงพอให้ขนกระจาย “ขอทำใจก่อนได้ป่ะล่ะ โคตรทำตัวไม่ถูกเลยเวลาต้องไปเจอตัวเอกอะ... แค่ตอนที่เจอครั้งแรก ผมแทบวิ่งหนีออกประตูหลังแล้วมั้ย!?” “แต่นายก็ยัง ‘ตอบแชท’ เขาอยู่ทุกคืนเลยนี่!” “...” จู่ๆก็เงียบไป วิคเตอร์เหลือบมองทางอื่นเหมือนไม่ได้ยิน “บอกว่าไม่ได้คุยกับธีโอ แล้วที่ฉันเห็นนายแชทหากันตอนตีสองเมื่อคืนมันคืออะไร!?” โคโค่ลุกขึ้นยืนสองขา หน้าเหี้ยมเหมือนแมวตำรวจ “แล้วยังมิเชลอีก! แชทคู่กันเฉย!” “โคโค่ ผมแค่...แค่ไม่รู้ว่าควรอยู่ตรงไหนในเรื่องนี้” วิคเตอร์ตอบเสียงเบา “ก็แค่ตัวประกอบคนหนึ่ง…ใช่มั้ยล่า” “อย่ามาอ่อนแอในโลกโอเมก้าเวิร์ส!” โคโค่คำรามเสียงสูงแบบน่าขนลุก ขนดำ ๆ ฟูขึ้นทั้งตัว “ในโลกนี้ ตัวประกอบคืออาหารของแม่ยกนะยะ! ถ้าไม่ยอมทำคะแนน นายจะโดน ‘ลบทิ้ง’! เข้าใจมั้ย!!” “โอ๊ยยย! เข้าใจแล้ว! จะทำแล้ว! ผมจะทำ!!!” ภีมรีบโบกมือ พูดปัด ๆ อย่างจนมุม แต่ไม่ทันสิ้นคำ โคโค่ก็กระโจนมา งับหูเขาเต็มแรงท“โอ๊ยยยย!!! โคโค่! ม่ายยยยย เจ็บ! หูผมม!” “นี่คือการลงโทษของแมวพิทักษ์พล็อตเรื่อง เข้าใจ๋!?” ห้องนั่งเล่นคอนโดดูจะร้อนขึ้นมากว่าปกติ ทั้งที่แอร์ยังเปิดเบอร์เดิม วิคเตอร์นั่งขัดสมาธิอยู่บนพรมหน้าโซฟา ข้างๆ มีแมวดำอ้วนกลมที่ชื่อโคโค่ นอนพุงป่องอยู่ แต่หางตากลับจับจ้องอยู่ที่หน้าจอแท็บเล็ตที่กำลังเปิดแชทของธีโอค้างไว้ “เฮ้ย เดี๋ยว อ่านตรงนี้ดิ๊ เขาชวนไปกินข้าวอีกแล้วนะเว้ย” โคโค่หันมา ตาโตอย่างกับจะกระโจนใส่หน้าวิคเตอร์ ภีมเบือนหน้าหนี “ก็ไม่รู้ไง ว่าถ้าไปเนื้อเรื่องจะเปลี่ยนมั้ย…” ยังไม่ทันขาดคำ โคโค่ก็ฟาดมาที่แขนเขาไปหลายป้าบ “ไอ้งั่ง!!! พระเอกเขายื่นหลังมาให้เกาะขนาดนี้แล้ว ยังจะมัวลังเลอะไรอีกวะ!!!” ภีมร้องลั่น “โอ๊ยๆๆ ก็กลัวเข้าเนื้อเรื่องแล้วมันไม่กลับมาเป็นเหมือนเดิมอะ!” โคโค่ฟึดฟัด พ่นลมหายใจดังฟืด “อยากอยู่รอดในโลกนิยายมั้ย?! จะเป็นตัวประกอบก็ต้องฉลาด เกาะคนเด่นให้มั่น แล้วปั่นคะแนนไปเรื่อยๆ เข้าใจ๋?” ภีมรีบพยักหน้า หาทางเปลี่ยนเรื่อง “เอ่อๆ งั้นดูแชทมาเอลดีกว่า...นี่ไง ตอนนี้สถานะเป็นเพื่อนกันด้วยนะ เขายังถามเลยว่าทำไมช่วงนี้เราไม่เข้าบริษัท” เขาแอบยิ้ม “ไม่เหมือนยัยฝนเลย ถ้าไม่ใช่เพราะหล่อน เราคงไม่ต้องมาอยู่ในนิยายโอเมก้าเวิร์สแบบนี้หรอก…” โคโค่กลอกตา แต่ยิ้มอย่างผู้ชนะ “นายเอกก็อย่าปล่อยหลุดมือล่ะ โอกาสทำคะแนนฝั่งนี้มันง่ายกว่าพระเอกเยอะ ไปอาบน้ำแต่งตัว เดี๋ยวจะได้ไปบริษัท ไปหามิเอล!” ตัดภาพมืดนิด ๆ เป็นร้านอาหารกึ่งหรูไฟสลัวเสียงจานกระทบกันเบา ๆ คลอไปกับเพลงแจ๊ซที่ลอยอยู่ในอากาศ วิคเตอร์นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของมาเอล เขายิ้มแห้ง ๆ พยายามกลืนก้อนความกังวลลงไปในคอ แต่โชคดีที่มิเอลพูดเก่งกว่าที่คิด เขาชวนคุยเรื่อยเปื่อย ทั้งเรื่องงาน เรื่องแมวที่บ้าน ไปจนถึงเรื่องโจ๊กในบริษัทที่เขาเองยังไม่เคยได้ยิน " ทำไม่ช่วงนี้ไม่ค่อยเข้าบริษัทละ ฉันเป็นห่วงนะ" " เจ้าแมวนั้นเป็นยังไงบ้าง มันเลี้ยงง่ายมั้ย ถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากไปเจอมันอีกจัง" บรรยากาศที่ตอนแรกเหมือนคนแปลกหน้าเริ่มนุ่มลง จนกระทั่ง เสียงประตูเปิด พร้อมกับร่างของธีโอที่เดินเข้ามา “เฮ้ นั้นคุณวิคเตอร์เองหรอ” เขายิ้ม หล่อชะมัดในเสื้อเชิ้ตสีดำ และดวงตาที่มองตรงมาที่ภีมอย่างไม่ปิดบัง วิคเตอร์รู้สึกเหมือนโลกหมุน เขาแทบอยากจะมุดใต้โต๊ะ ทำไมวันนี้ล่ะ... วันธรรมดาแท้ ๆ ทำไมต้องพร้อมใจกันมาเจอวันนี้ด้วย! แต่แล้ว เสียงแจ้งเตือนจากแท็บเล็ตดังขึ้นเบา ๆ ก่อนเขาเหลือบมอง เห็นหน้าจอที่โคโค่ส่งข้อความมาอย่างทันเวลา: > “ตั้งสติ! ยิ้มไว้ พูดประโยคนี้ — ‘โอ้ บังเอิญจังครับคุณธีโอ มาทานข้าวเหมือนกันเหรอ?’” ภายในร้านอาหารยังคงอบอวลด้วยแสงไฟอุ่นสีเหลืองทอง แต่ตอนนี้ความร้อนในอากาศไม่ใช่มาจากแสงไฟหรือเตาอาหารอีกต่อไป มันคือไอความตึงเครียดระหว่างสองหนุ่มที่นั่งขนาน เขาอยู่คนละข้าง หลังจากธีโอขอร่วมโต๊ะโดยไม่รอคำเชิญ เขาก็นั่งลงเก้าอี้ตัวยาวข้างๆ มาเอลก็ชะงักช้อนในมือนิดหนึ่ง ก่อนจะวางมันลงบนจานอย่างสง่างาม…แต่เย็นเยียบ “บังเอิญจังครับคุณธีโอ มาทานข้าวเหมือนกันเหรอ?” ภีมรีบพูดประโยคตามสคริปต์โคโค่ พร้อมส่งยิ้มแหย ๆ กลบเกลื่อน “ใช่ครับ เห็นโต๊ะนี้มีคนรู้จักก็เลย…” ธีโอปรายตามองมาที่ภีม ก่อนจะนั่งลงโดยไม่ถามใครสักคน สายตาเขากลับจับจ้องไปที่วิคเตอร์เป็นพิเศษอย่างเห็นได้ชัด " แล้วคนนี้ใครหรอครับ? " " ผมมาเอล..เพื่อนรักวิคเตอร์ " โดยไม่ต้องรอให้วิคเตอร์เป็นคนแนะนำ มาเอลก็ชิงพูดไปแล้ว เขายกแก้วน้ำขึ้นจิบ สีหน้าเรียบนิ่ง แต่คิ้วกระตุกน้อย ๆ อย่างคนเริ่มหมดความอดทน " อ๋อ..ผมธีโอครับ..เป็นเพื่อนรักคุณวิคเตอร์เหมือนกัน " สีหน้ายิ้มเจ้าเล่ห์ตอบกลับคนร่างบาง ก่อนจะหันกลับมาสนใจอัลฟ่ากลิ่นกาแฟต่อ "แล้วเมื่อกี้คุยอะไรกันอยู่หรอครับ " หน้าตายิ้มแย้มที่มองมาทางวิคเตอร์ต่างกับที่มองมาเอลลิบลับ วิคเตอร์มองสองคนตรงหน้า สลับไปมาเหมือนดูเทนนิส “อ่า…ผมกำลังเล่าเรื่องแมวให้คุณมิเอลฟังครับ” “แมว?” ธีโอชิงตอบ “คุณก็เลี้ยงแมวเหรอครับ ผมเคยเลี้ยงตัวนึง สีน้ำตาลเข้ม ชื่อกัซโซ่ ขี้อ้อนมากเลยล่ะ ชอบมานอนบนอกผมทุกคืน” เขาหัวเราะเบา ๆ แล้วโน้มตัวเข้ามาใกล้คนวิคเตอร์ “แมวของคุณล่ะ เป็นไงบ้าง?” “ก็…มันมีขนสีดำครับ ตอนนี้คงนอนอ้วนอยู่ที่คอนโด” ภีมหัวเราะแห้ง ๆ พลางรู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นไม้กันหมาอย่างไม่รู้ตัว มิเอลจ้องธีโออย่างเงียบ ๆ ก่อนจะวางช้อนเสียงดัง กริ๊ก “ไม่คิดเลยว่าคุณจะว่างขนาดมานั่งก่อกวนคนอื่นได้” น้ำเสียงเขาราบเรียบ แต่แฝงหนามไว้ในทุกพยางค์ ธีโอเลิกคิ้ว ยิ้มมุมปาก “ก็ไม่คิดเหมือนกันว่าคุณมาเอลจะหวงที่ขนาดนี้…ได้ถามเจ้าของที่ยัง ว่าเขาอยากให้อยู่ไหม?” ภีมเผลอกลืนน้ำลาย ซี้ด… นี่มันบทจิกกัดของพระเอกกับนายเอกใช่ไหม!? แต่เดี๋ยวก่อน ในนิยายที่เขาเคยอ่านมันไม่ได้มีบทแซ่บแบบนี้นี่หว่า!? “เอ๊ะ…” วิคเตอร์ขมวดคิ้วมองสองคนตรงหน้า “คือ…คุยกันดีๆเถอะนะครับ จะได้สนิทกัน..” " ไม่อยากสนิทครับ" คำตอบห้วน พูดพรวดขึ้นมาพร้อมกันจนภีมเองรู้สึกแปลกๆ เขาเงียบไปครู่ ก่อนจะพึมพำเบา ๆ กับตัวเอง “พระนายมันจะรักกันได้ไงวะแบบนี้เนี้ย..”"ดูหนังกันมั้ยครับ " ธีโอพูดขึ้นเชิญชวนวิคเตอร์ผู้เป็นเจ้าของบ้านทันทีที่เขาเห็นจอทีวี" เอ่อ..นี่มันก็น่าจะดึกแล้ว ให้ผมไปส่งคุณที่บ้านไม่ดีกว่าหรอครับ " วิคเตอร์พยายามพูดเพื่อให้แขกยอมกลับบ้าน ทั้งกินมื้อค่ำแล้วยังเดินเล่นในบ้านของเขาราวกับเป็นสนามเด็กเล่นวิคเตอร์เห็นทีว่าต้องส่งแขก แต่ดูเหมือนแขกคนนี้ค่อนข้างดื้อและมึนสุดๆ จนสุดท้ายก็...ทีวีจอใหญ่ระดับ IMAX ขนาดเกือบเท่าฝาบ้านฉายแสงสีนวลอุ่นๆ วิคเตอร์นั่งตัวตรงราวกับเป็นบอดี้การ์ด ไม่ได้เอนหลังพิงโซฟาแม้แต่นิด ขณะที่ธีโอนั่งข้างๆ ด้วยท่าทีที่ "ไม่รู้เลยว่านี่นั่งดูหนังหรือจะดูเจ้าของบ้านมากกว่า"ผมเรียกวิคเตอร์ ว่าพี่ได้มั้ยครับ เราน่าจะสนิทกันแล้วนี่น่า~" ธีโอพูดเล่นพร้อมยิ้มกริ่ม ก่อนจะลุกขึ้นไปหยิบรีโมต “พี่เองก็เรียกผมธีโอจะได้แฟร์ๆกัน”“อ่า ได้สิ…” วิคเตอร์ตอบช้าๆ แอบกลืนน้ำลายเล็กน้อยเมื่อธีโอทิ้งตัวลงนั่งข้างเขาอีกครั้ง แบบใกล้เกินระยะปลอดภัยของชาวอัลฟ่าจนหนังเริ่มฉาย...แต่วิคเตอร์ไม่ได้ดูหนังเล เพราะทุกๆ ครั้งที่เขาขยับตัว หรือเงยหน้าขึ้นมองจอ ก็จะเห็นธีโอนั่งหันมาทางเขาแบบ...จ้องจ้องแบบลึก จ้องแบบอยากขอข้อมูลพันธุกร
กลิ่นหอมละมุนแบบกาแฟคั่วสดกับคาราเมลหอมกลิ่นไหม้อ่อนๆ ลอยฟุ้งกลางอากาศ ราวกับเรียกร้องให้ใครบางคนตามมันไปธีโอ หยุดยืนกลางโถง สูดหายใจลึกอีกครั้ง ดวงตาทอประกายสว่างขึ้นในทันที “เขาออกไปแล้ว...แต่กลิ่นยังไม่หาย”เสียงฝีเท้าเขาดังชัดในทางเดินที่ไร้ผู้คน กลิ่นของวิคเตอร์ไม่ชัดเจนเหมือนตอนอยู่ใกล้ แต่มันก็ชัดพอจะพาเขาเดินเลี้ยวออกจากตัวอาคาร มุ่งหน้าสู่โรงจอดรถลมเย็นภายนอกตีกลิ่นจางๆ กระจายไปทั่ว แต่ธีโอกลับตามมันได้อย่างแม่นยำอย่างเหลือเชื่อ“คุณวิคเตอร์...หนีผมไม่พ้นหรอกครับ” เสียงกระซิบของเขาดังแผ่วเบาเหมือนคำสัญญาในเงามืดในโรงจอดรถ ไฟบางส่วนยังเปิดอยู่ และในความเงียบที่ปกคลุม รถหรูคันหนึ่งจอดนิ่งอยู่ข้างใน ประตูด้านคนขับปิดไม่สนิทดีนัก ราวกับมีใครบางคนรีบหนีเข้าไป ธีโอหยุดยืนตรงหน้า ยกมือแตะฝากระโปรงเบาๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้น ดวงตาเยือกเย็นกลับกลายเป็นร้อนแรงเขายื่นหน้าเข้าไปใกล้หน้าต่างรถ สูดลมหายใจลึกอีกครั้ง กลิ่นวิคเตอร์เข้มข้นราวกับเพิ่งปล่อยออกมาเมื่อครู่“นั่นแหละ… นี่แหละกลิ่นของคุณ” เขาพึมพำภายในรถ วิคเตอร์นั่งนิ่งอยู่ในเบาะหลัง ดวงตาเบิกกว้างเมื่อเห็นเงาร่างของธีโอเคลื่อนใ
กลางวันแสกๆ ของห้องทำงานชั้นบนสุด ที่ควรจะสงบเงียบ…แต่กลับมีเสียงพึมพำของโคโค่เจ้าแมวอ้วนลอยมาก่อนใครเพื่อน "นายเห็นไหม พระเอกจ้องจะเล่นนาย… เอ็งหนีไม่พ้นหรอกเว้ย วิคเตอร์"บนโต๊ะทำงานหรูดีไซน์มินิมอลของวิคเตอร์ มีทั้งกาแฟดำที่ใกล้เย็นสนิท กับแผ่นโปร่งแสงของ AI ที่ลอยอยู่เหนือพื้นโต๊ะ แสดงค่าพารามิเตอร์ความนิยมของตัวละครชื่อ “วิคเตอร์” กำลังขึ้นสูงแบบผิดคาด“นี่มันบ้าไปแล้ว… ตัวละครประกอบอย่างผมควรจะตายตั้งแต่บทที่ 3” วิคเตอร์บ่นพลางจ้องตัวเลขด้วยสีหน้าปลงๆ แต่โคโค่กลับขำแห้งๆ แล้วพ่นออกมาหนึ่งประโยค “นายโดนระบบเรือใหญ่เลือกไปแล้วอะดิ”วิคเตอร์กำลังจะเถียงอะไรกลับ แต่จู่ๆ โคโค่เงียบกริบ ดวงตาเรืองแสงของแมวอ้วนเบิกกว้างขึ้นอย่างระแวดระวัง “เดี๋ยว มีคนกำลังเดินมา...”แล้วมันก็ทำตามสัญชาตญาณของแมวทันทีกระโดดกลับไปนอนกลมบนโต๊ะ เสมือนว่าไม่เคยพูดอะไรเลยแม้แต่น้อย ก่อนจะยกอุ้งมือขึ้นมาเลียราวกับแมวบ้านธรรมดาแกร๊ก ประตูเปิดออกพร้อมเสียงฝีเท้านุ่มนวล และกลิ่นหอมของอาหารโฮมเมด วิคเตอร์เงยหน้าขึ้นก่อนจะชะงัก “มาเอล…?”คนที่ปรากฏตัวคือนายเอกของเรื่องในร่างบางผิวขาวนวล สวมเชิ้ตแขนยาวสีขาวสะอาด
เสียงประตูล็อกดังแกร๊ก ทำเอาวิคเตอร์กลืนน้ำลายอึกใหญ่ กลิ่นหอมบางของน้ำหอมในบ้านผสานกลิ่นไวน์แดง ทำให้เขารู้ทันทีว่า...เกมนี้ไม่ใช่แค่ดื่มธรรมดา ใช่แล้วสุดท้ายเขาก็จำยอมมากับพระเอกทั้งที่รู้ว่าไม่น่าไว้ใจเลยแท้ๆบ้านของธีโอหรูเกินกว่าจะเรียกว่าบ้าน แถมเป็นมากกว่านั้น...เหมือนพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่มีเจ้าของเป็นจิ้งจอกแสนร้าย“เดินดูรอบ ๆ ก่อนสิครับคุณวิคเตอร์” ธีโอเอ่ยอย่างใจดีเกินเบอร์ มือเรียวโบกไปทางห้องรับแขก เปิดไฟอุ่น ๆ ที่ทำให้บ้านยิ่งดูอบอุ่นแบบน่าระแวงวิคเตอร์เดินตามอย่างเสียไม่ได้ รองเท้าหนังสะท้อนกับพื้นไม้ขัดมัน แววตาเขากวาดไปทั่วบ้านแบบคนกำลังหาทางหนี ก่อนจะจบลงที่โซฟาหนังวัวนุ่มลึกกลางบ้าน ธีโอลากไวน์ขวดละหลายพันขึ้นมาเทช้า ๆ ก่อนยื่นแก้วให้เขาด้วยรอยยิ้ม“เชิญครับ แขกพิเศษของคืนนี้”วิคเตอร์กลืนน้ำลายอึกใหญ่ ขณะรับแก้วมา มือเย็นเฉียบเพราะเขากำลังคิดถึงแมวบางตัวที่ควรจะโผล่มาช่วยในเวลานี้แทนที่จะปล่อยให้เขาเผชิญด่านบอส“วันนี้ผม...ต้องขอโทษเรื่องมื้อเย็นด้วยจริงๆนะครับ” ธีโอเปิดบทสนทนา เสียงทุ้มนุ่มมีน้ำหนักวิคเตอร์เอียงคอ “หืม.. ครับ?”“ที่ผมอาจจะทำตัวเสียมารยาทน่ะครับ...แ
กลิ่นหอมของเนื้อย่างและไวน์ชั้นดีลอยฟุ้งปะทะประสาทรับรู้ แต่สิ่งที่กระแทกอารมณ์มากกว่านั้นคือสงครามเย็นระหว่างสองชายหนุ่มที่นั่งขนาบซ้ายขวาของวิคเตอร์หลังคำจิกกัดเผ็ดร้อนแบบมีดโกนของมิเอลกับธีโอ ภีมหรือวิคเตอร์ ก็แทบไม่กล้าขยับตัว กลัวว่าจะกลายเป็นเหมือนลูกโซ่ที่ทำให้ระเบิดลูกต่อไปทำงานใส่ตัวเอง“ว่าแต่…” ธีโอเลิกคิ้ว มองวิคเตอร์ด้วยสายตาสนอกสนใจแบบจงใจ “คุณวิคเตอร์นี่แปลกตาดีนะครับ ผมขาว ตาสีทองอร่าม…เหมือนลูกแก้วเลย งดงามแบบไม่เหมือนใคร”คำพูดนั้นเหมือนลูกศรที่พุ่งเข้ากลางใจมาเอลทันที เขาขยับคิ้วขึ้นนิดหนึ่งแต่ไม่พูดอะไร สายตากลับหันไปมองวิคเตอร์แทน“อ๋อ พอดีผมเป็นลูกเสี้ยวหลายเชื้อชาติน่ะครับ” วิคเตอร์หัวเราะแหะ ๆ มือกำชายเสื้อแน่น “คงได้มารวมกันเยอะไปหน่อย”“ตอนคบกัน นายชอบใส่แว่นไม่ใช่เหรอ?” เสียงเรียบของมิเอลแทรกเข้ามากลางวงอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย “ทำไมตอนนี้ถึงถอดมันล่ะ?”“แว่นมันเกะกะน่ะ” วิคเตอร์ยิ้มแหย “ถอดแล้วมองอะไรชัดขึ้นเยอะเลย”“แต่นายก็ดูดีมากเลยนะตอนนี้” มิเอลยิ้มบาง แต่ดวงตานั้นกลับทอดเงาลึกชวนสงสัย “ใช่มั้ย…เพื่อน(รัก)?”คำว่า เพื่อนรัก ถูกเน้นหนักจนวิคเตอร์รู้สึกได้ถ
เสียงเพลงป๊อปแดนซ์จังหวะกระชากใจดังลั่นไปทั่วคอนโดหรู วิคเตอร์ หรือ ภีม ในชื่อเดิมของเขากำลังสวมเสื้อกล้าม กางเกงขาสั้น เดินเต้นลั้ลลาแบบไม่สนโลก ราวกับว่าชีวิตในจักรวาลโอเมก้าเวิร์สนี้ไม่มีอะไรร้ายแรงไปกว่าการเลือกว่าจะกินข้าวหรือกาแฟก่อนดี"ถ้าให้เธอเป็นเสื้อ..คงเป็นเบบี้ที~” เขาหมุนตัวเองหน้าโซฟาอย่างภาคภูมิ ก่อนจะชี้นิ้วฟาดจังหวะเข้ากับเสียงเพลงที่ดังสนั่น…จนกระทั่ง...ปึ้ง! เพลงเงียบลงทันใดวิคเตอร์กะพริบตาปริบ ๆ หันขวับไปมองต้นเสียง แมวดำตัวอ้วนกลมที่ชื่อว่า โคโค่ นั่งกอดอกอยู่บนโต๊ะกาแฟกลางห้อง แพขนฟู ๆ ยกหูรีโมตขึ้นแล้ววางอย่างช้า ๆ แบบโคตรมีเจตนา“โอ้ย โคโค่! เพลงกำลังมันส์ ทำไมปิดอะ!”“เพลงไม่สำคัญเท่า ‘เนื้อเรื่อง’ นะยะ” โคโค่หรี่ตาเหมือนจะกลืนเขาเข้าไปทั้งตัว “นายรู้มั้ยว่า คะแนนความชอบของแม่ยก ที่ให้กับตัวละคร ‘วิคเตอร์’ ตอนนี้มันหยุดนิ่ง! นาน! แล้ว! เพราะอะไร? เพราะคุณลูกชายเอาแต่นอนเป็นส้มในคอนโด ไม่ไปเข้าเนื้อเรื่องหลักไงล่ะ!”วิคเตอร์ทำท่าจะโวยแต่ก็กลายเป็นแค่ถอนหายใจ ก่อนจะเดินลากสลิปเปอร์กลับไปที่โซฟาแล้วหยิบหมอนมาฟาดหน้าตัวเองอย่างเซ็ง ๆ “พูดอีกละ พูดทุกวัน หูผมชา