ปิ๊งป่อง~ เสียงกดกริ่งหน้าบ้านดังขึ้น เจ้าของดวงตาสีแซฟไฟร์แย้มยิ้มเมื่อเห็นการมาเยือนของร่างน้อยคุ้นตา
อีเลนสะพายกระเป๋าเป้ข้างหนึ่งพลางหิ้วกรงหนูแฮมสเตอร์ไว้ในมืออีกข้าง เขากล่าวทักทายเจ้าบ้านที่เดินมาเปิดประตูให้ก่อนก้าวขาเข้าไปข้างใน โทนบ้านสไตล์เรียบหรูมินิมอลปรากฏสู่สายตา
เด็กชายมุ่งตรงไปยังห้องนั่งเล่น วางกรงเหล็กลงบนโต๊ะกระจกใสค่อยหย่อนกายนั่งลงบนโซฟา
ตั้งแต่วันที่ไปรับเจ้าตัวกลมกลับบ้าน เวลาก็ล่วงเลยไปได้สามวันกว่าแล้ว ตลอดระยะเวลาอีเลนไม่ค่อยออกไปไหน เขาเอาแต่อยู่เฝ้าดูแลหนูน้อยอ้วนพีอย่างทะนุถนอม
คุณหมอบอกว่าใช้เวลาประมาณอาทิตย์กว่าคอยดูแลทำความสะอาดให้แผลไม่ให้ติดเชื้อไม่นานก็หาย
ตอนนี้แม่อีเลนไม่กักตัวเขาอยู่ในบ้านเหมือนแต่ก่อนแล้ว เมื่อคุณหมอที่มาตรวจอาการให้ไม่กี่วันที่แล้วบอกกับคุณแม่ว่า ถ้าถึงขนาดเอาสัตว์เลี้ยงตัวเป็น ๆ ไปหาหมอ คบกับเด็กคนอื่นเป็นเพื่อนได้อาการคงดีขึ้นมาก สามารถใช้ชีวิตเหมือนเด็กทั่วไปได้ตามปกติ
ในเมื่อถูกปล่อยให้เป็นอิสระก็ต้องใช้โอกาสนี้ หนีมาเที่ยวบ้านเพื่อนสักหน่อย ดวงตาสีส้มมองหนูตัวขาวลายด่างน้ำตาลนอนร้องจี๊ด ๆ ในกรงเหล็ก ก่อนจัดแจงหยิบยาทาแผลออกมาวางเตรียมทำความสะอาดให้เจ้าตัวน้อย
เคียร์นเดินตามมานั่งลงข้าง ๆ คนที่มัวแต่หยดขวดยาลงบนสำลี ในมือเจ้าของดวงตาสีแซฟไฟร์ ถือช็อกโกแลตชิ้นเล็กแลน่าทานติดมาด้วย
“อ้าปากสิ”
“อร่อย!”
คนโดนสั่งไม่คิดอะไรมากกินช็อกโกแลตที่อีกฝ่ายป้อนให้ ตั้งแต่เคียร์นรู้ว่าเขาชอบขนมหวานโดยเฉพาะช็อกโกแลตมากแค่ไหน ตลอดเวลาที่เจ้าตัวมาเล่นที่บ้านก็มักจะพกของหวานชนิดนี้ติดไม้ติดมือมาด้วยเสมอ
เอามาให้ทีก็โดนป้อนทีจะขอกินเองก็ไม่ได้ เลยปล่อยเลยตามเลยอยากป้อนก็ทำไปไม่ติดใจอะไรอยู่แล้ว
“นายชอบรสนี้ไหม” เคียร์นถามพลางเลียนิ้วที่มีช็อกโกแลตติด
“ชอบ…….”
อีเลนมองการกระทำน่าอายของเด็กข้างกาย เดี๋ยวนี้เขารู้สึกใจสั่นกับท่าทางแปลก ๆ ของอีกฝ่ายบ่อยเหลือเกิน ต้องเป็นเพราะเด็กนี่หล่อจนทำให้คนลุ่มหลงได้ แต่ไม่ใช่กับเขาแน่นอนเพราะเขาไม่ชอบเด็ก!!
ในขณะที่กำลังกระวนกระวายใจกับตัวเอง เคียร์นทำการเลื่อนประตูกรงเหล็กขึ้นพลางยื่นมือไปหาหนูน้อยลายด่างที่นอนคดอยู่ข้างในเมื่อเจ้าตัวเล็กเห็นสิ่งแปลกปลอมยื่นเข้ามา มันทำการดมกลิ่นก่อนจะพาตัวเองขึ้นไปนอนออดอ้อนอยู่บนฝ่ามือของคนตรงหน้า
ดวงตาสีแซฟไฟร์แสดงความพึงพอใจ ยกมืออีกข้างลูบหัวหนูแฮมสเตอร์ก่อนเริ่มทำบาดแผลให้มัน
“ทำไมมันดูเชื่องกับนายจัง ฉันเป็นคนช่วยชีวิตมันนะ”
อีเลนตัดพ้อ แม้ใจจริงจะรู้สึกว่าสมควรแล้วเพราะเขาไม่ช่วยมันตั้งแต่แรก ปล่อยให้โดนกัดก่อนเพราะอยากหาข้อพิสูจน์ให้ตนเอง แต่ถึงอย่างนั้นก็อดน้อยใจไม่ได้ คนที่พามันไปหาหมอและคอยดูแลมากกว่าใครคือเขานะ ทำไมถึงเชื่องกับเคียร์นแค่คนเดียว!!
ดวงตาสีแซฟไฟร์เมื่อเห็นคนด้านข้างทำสีหน้าน้อยใจก็เผยรอยยิ้มบางก่อนจะยื่นมือไปลูบหัวคนงอนสองสามทีแล้วค่อยหันมาทำแผลให้เจ้าหนูน้อยต่อ
อีเลนนั่งนิ่ง เขาควรรู้สึกยังไงดีที่คนเด็กกว่าชอบปีนเกี้ยว แม้อายุเจ้าของร่างจะเท่ากับเคียร์นก็เถอะแต่อายุจิตใจเขาห่างกันมากโขเลยนะ!!
“นายเนี่ยชอบทำเหมือนฉันเป็นเด็กจังเลยนะ”
“แล้วไม่ใช่เหรอ”
เสียงหัวเราะบางเบาอันทรงเสน่ห์ดังแผ่วไปทั่วห้อง
อีเลนคิ้วกระตุก รู้สึกว่าทำไมเพื่อนใหม่คนนี้ถึงชอบหาเรื่องจ้องแต่จะแกล้งตนอยู่เรื่อย พลางมองมือคนที่ทำแผลให้เจ้าแฮมสเตอร์จนเสร็จสรรพ เจ้าของดวงตาสีแซฟไฟร์นำมันกลับเข้าไปไว้ในกรงตามเดิม
“มาตั้งชื่อให้มันกันไหม”
อีเลนเสนอไอเดีย เขาคิดอยากหาชื่อเรียกให้มันตั้งแต่รับกลับมาจากคลินิกตั้งนานแล้ว
“นายจะเลี้ยงมันไว้เหรอ”
“ทำไงได้ ไม่เลี้ยงไว้แล้วจะปล่อยให้ตายรึไง รู้สึกผิดกันพอดี”
ดวงตาสีแซฟไฟร์วูบไหวเพียงเสี้ยววิ พลันอมยิ้มเขยิบเข้าไปใกล้
“งั้นให้ฉันเลี้ยงแทนสิ”
“ทำไม”
“นายจะได้มาหาฉันบ่อย ๆ ไง”
‘ไอ้เด็กนี่!!’
คนโดนแกล้งไม่รู้ว่าทำไมเคียร์นชอบพูดเหมือนหยอกจีบตนเองอยู่เรื่อย แต่คงเป็นแค่การกลั่นแกล้งของเด็กน้อยคนหนึ่งแหละ การแกล้งของคนอายุเท่านี้ชอบเล่นอะไรแบบนี้เหรอ
เขายอมรับว่าชอบใจสั่นกับเด็กหน้าหล่อนี่บ่อยมาก ตั้งแต่ในโลกเก่ายันโลกนิยายยังไม่เคยมีใครมาหยอกแกล้งตัวเองเล่นแบบนี้มาก่อนเลย เป็นธรรมดาที่จะทำตัวไม่ถูก
ดวงตาสีแซฟไฟร์เห็นการแสดงออกของเจ้าตัวก็ขบขัน ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาเชิงเอ็นดู
“ตั้งชื่อว่าอีวาดีไหม”
“ทำไมต้องอีวา” อีเลนรู้สึกว่าอีกฝ่ายจงใจตั้งชื่อให้เหมือนเขาเลย แกล้งกันอีกรึเปล่าเนี่ย
“ไม่ดีเหรอ ทั้งขนาดตัว ทั้งสี เหมือนกับนายเลย” เคียร์นพูดพลันเผยรอยยิ้มปรากฏตรงมุมปาก
‘เด็กนี่คิดว่าเราเหมือนหนูเหรอ’ เด็กชายอดคิดไม่ได้ว่าอีกฝ่ายพูดแกล้งตนจึงคัดค้าน “ไม่เอาหรอก นายจงใจแกล้งฉันอีกรึเปล่าเนี่ย”
“หึ คิดมากน่า”
อีเลนหัวจะปวด เขารู้สึกว่าตั้งแต่รู้จักกันมาถึงไม่กี่วันก็เถอะ แต่ตนมักจะถูกคนตรงหน้าคอยปั่นป่วนแกล้งตลอดเวลา ไม่รู้ว่าแกล้งเขามันมีอะไรให้น่าสนุกนัก!
“งั้นชื่อ อิว แทนไหม ถ้านายไม่ชอบชื่อ อีวา”
“แต่ฉันว่า คิว ดีกว่า นายอยากรับไปเลี้ยงนี่ ตั้งชื่อคล้ายเจ้าของไม่ดีกว่าเหรอ” อีเลนไม่ยอมแพ้ เขาไม่อยากให้อีกฝ่ายตั้งชื่อคล้ายตนเองเพราะรู้สึกว่าถ้าปล่อยไปเด็กคนนี้ต้องหาเรื่องแกล้งอะไรอีกแน่
เจ้าของดวงตาสีแซฟไฟร์มองคนดื้อรั้นไม่ยอมความ เขาไม่ได้ตั้งเพราะอยากแกล้งสักหน่อยแค่มีเหตุผลอื่นนิดหน่อย……
เคียร์นนิ่งเงียบไปสักพักก่อนเผยรอยยิ้มพร้อมเสนอความคิดขึ้นมา
“งั้นเอาชื่อมารวมกันเลยดีไหม อิวคิว น่ารักดีออก”
อีเลนรู้สึกเหมือนตนพลาดท่าอะไรสักอย่าง แต่ก็ตอบตกลง “เฮ้อ เอาชื่อนี้ก็ได้” เจ้าตัวคิดอย่างน้อยชื่อนี้ก็ไม่ได้มีแค่ชื่อที่เหมือนเขาคนเดียว
‘อืม….อิวคิวก็น่ารักดี’
หลังจากผ่านไปสองสามสัปดาห์เจ้าหนูตัวน้อยอาการก็หายดีเป็นปลิดทิ้ง วิ่งฉลุยบนกงล้อแฮมสเตอร์อยู่ในห้องเคียร์นอย่างเมามัน เมื่ออีเลนไม่มีพันธะผูกมัดอะไรอีกเขาจึงเริ่มดำเนินแผนการธรรมะอีกครั้ง
เด็กชายขอให้แม่พาตนกับเคียร์นไปบริจาคของให้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าที่อยู่ไม่ไกลจากตัวเมือง
เขาอยากลองให้คุณชายบ้านรวย ได้สัมผัสประสบการณ์การแบ่งปันและเล่นสนุกเต็มอิ่มไปพร้อมรอยยิ้มของเด็ก ๆ ที่นั่น หวังลึก ๆ ว่าการกระทำเล็ก ๆ จะช่วยให้เพื่อนตัวร้ายเติบโตมาเป็นคนดีของสังคมได้
รถยนต์คันสีขาวรุ่นใหม่ป้ายแดงขับมาจอดตรงหน้าสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า แม่อีเลนละมือจากพวงมาลัยหันข้างมาคุยกับพี่เลี้ยงเด็กอายุวัยกลางคนที่ตนจ้างมาให้ดูแลพวกเด็กน้อยในวันนี้
“คุณเมย์ พาพวกเด็ก ๆ ลงรถกันไปก่อนเลยนะคะ เดี๋ยวฉันขอไปทำเรื่องกับทางสถานที่สักครู่”
“ได้ค่ะคุณนาย งั้นฉันพาพวกเด็กน้อยไปยืนรอที่สนามเด็กเล่นเลยนะคะ” ผู้เป็นแม่พยักหน้า ก่อนจะหันมายิ้มอ่อนโยนให้กับเด็กน่ารักสองคนที่นั่งตัวติดกันอยู่เบาะหลัง
“ทำอะไรก็ระวังตัวเองกันดี ๆ ด้วยนะทั้งคู่ อย่าดื้ออย่าซนกับคุณเมย์ละเดี๋ยวแม่มา”
อีเลนยิ้มเจื่อนพลางคิดว่าแม่เห็นนิสัยที่ผ่านมาเขาดูเป็นเด็กไม่เชื่อฟังขนาดนั้นเลยเหรอ
“ได้ครับคุณแม่” เคียร์นตอบรับพร้อมส่งรอยยิ้มแสนดีกลับ
คุณป้าเมย์ถึงกับใจเต้นไปแวบหนึ่งให้กับรอยยิ้มของเด็กตรงหน้า เธอมองหน้าเด็กสองคนที่นั่งแผ่ออร่าหล่อเหลาแม้จะยังวัยเยาว์ คิดว่าสองคนนี้ช่างหน้าตาดีจริง ๆ โตขึ้นมาอีกหน่อยคงหนีไม่พ้นพ่อหนุ่มสุดฮอตขวัญใจของสาว ๆ แน่นอน
“ฝากด้วยนะคะคุณเมย์”
แม่อีเลนพูดย้ำอีกครั้งหลังจากทั้งสามคนลงจากรถ เธอกดปุ่มให้กระจกรถเลื่อนขึ้นปิดสนิทก่อนหักพวงมาลัยตรงไปหาที่จอด
คุณพี่เลี้ยงเดินนำทั้งสองตรงไปยังสนามเด็กเล่นขนาดเล็กพอให้เด็กประมาณสามสิบคนวิ่งเล่นได้ สถานที่นี้มีทั้งชิงช้า ล้อรถถูกผูกติดกับต้นไม้ใหญ่หนึ่งต้น บนพื้นทรายปนดินหยาบมีไม้กระดก สไลเดอร์ ที่ปืนต่ายและของเล่นสำหรับเด็กอยู่ครบ
ระหว่างทางที่เดิน พวกเขาเห็นเหล่าเด็กขนาดตัวแตกต่างกัน เล่นวิ่งเล่นไล่แปะอย่างสนุกสนาน บ้างก็เล่นซ่อนแอบ เล่นตบแปะแตกต่างกันไป อีเลนมองภาพเบื้องหน้า ในใจหวนนึกถึงวันเก่า ๆ
ในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า เขากับพวกน้อง ๆ มักจะชอบเล่นหาขุมทรัพย์กัน ใครหาขุมทรัพย์ที่คนเอาไปซ่อนเจอได้มากที่สุดคนนั้นจะเป็นผู้ชนะและขึ้นเป็นราชาสามารถสั่งให้คนหนึ่งทำอะไรก็ได้หนึ่งอย่าง
เวลาเล่นเกมนี้เขามักจะโดนพวกน้องงอนเพราะเป็นฝ่ายชนะทุกครั้ง มันสนุกมากแม้จะออกจากสถานรับเลี้ยงมาแล้วใช้ชีวิตวัยทำงาน ก็ยังมีความรู้สึกอยากหวนกลับไปเล่นอีก
ดวงตาสีแซฟไฟร์มองคนเดินไปเหม่อลอยไป เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมองภาพตรงหน้าแล้วคิดอะไรอยู่แต่สีหน้าดูมีความสุขมาก เคียร์นกด รอยยิ้มลึกก่อนยื่นมือไปจับมือคนสติไม่อยู่กับตัว
“!!”
อีเลนสะดุ้ง ทำหน้าเหลอหลาพลางมองมือคนที่เกี่ยวประสาน
“ฉันกลัวหลง ขอจับมือหน่อยได้ไหม” เคียร์นเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
'กลัวหลงอะไร!!! ป้าเมย์ก็เดินนำอยู่ข้างหน้า'
อีเลนคิดในใจแต่ก็ยอมให้อีกฝ่ายจับแต่โดยดี เขาคิดเองเออเองว่าเคียร์นคงตื่นสถานที่เพราะพึ่งเคยเจอกับเด็กเยอะ ๆ เป็นครั้งแรก แม้ตนจะรู้สึกทะแม่งอยู่บ้างก็ตาม
ป้าเมย์เหลือบมองพวกตัวเล็กเช็กว่าตามกันมาทันไหม ก่อนจะหลุดยิ้มเมื่อเห็นเด็กผู้ชายสองคนเดินจับมือกัน คนหนึ่งเดินอมยิ้มส่วนอีกคนเดินหน้านิ่วคิ้วขมวดคล้ายกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่
"กรี๊ดดดดดด"
ในขณะที่ทั้งสามกำลังจะใกล้ไปถึงจุดหมาย ระหว่างทางพลันได้ยินเสียงกรีดร้องของเด็กผู้หญิงตัวน้อยดังลั่นขึ้นมาเสียก่อน
อีเลนผละมือจากคนข้างกายรีบวิ่งตามต้นเสียงโดยไว เขาก้าวเท้าเร็วจนมาถึงหลังตึกเปลี่ยวไร้ผู้คน ภาวนาขอให้ไม่เกิดเรื่องเลวร้ายอย่างการลักพาตัวขึ้น!!
“อย่ามาจับหนูนะ!!เอามือสกปรกของพี่ออกไปเลย!!!”
เด็กสาวตัวเล็กใส่แว่นถักเปียสองข้าง ตะคอกเสียงใส่ผู้ชายคุ้นหน้าคุ้นตาคนหนึ่งอย่างรังเกียจ
“อะไร!! นี่ครอบครัวฉันอุตส่าห์นำของมาบริจาคให้เลยนะ ไม่หัดนึกขอบคุณซะบ้าง งี้แหละไอ้พวกเด็กไม่มีพ่อมีแม่ แค่ให้จับนิดจับหน่อยตอบแทนค่าของทำเป็นหวงตัว สมควรแล้วที่โดนพวกมันทิ้ง!!”
อีเลนยืนกำหมัดแน่น พยายามข่มอารมณ์โกรธที่กำลังปะทุของตัวเองอยู่ตรงหลังกำแพง เขามองหัวโจกที่พึ่งเคยมีเรื่องกันไปด้วยความขุ่นเคือง ภายในหัวมีเสียงร้องตะโกนแทนใจดังขึ้น
'” ไอ้เด็กนี่ ไม่ตบไม่ตีไม่ดีขึ้นเลยใช่ไหม!!!"
“จะ จ๊างงงง!! เอาป้ายมาสิเชส” โจลี่สั่งให้เพื่อนซี้แน่นปึกยืนหันหลังพร้อมยกป้ายกระดาษหนาเท่าฟิวเจอร์บอร์ดขึ้นสูงเหนือหัว “ดูและฟังให้ดีนะคะน้อง ๆ นิทานที่พวกเราห้อง F ได้ก็คืออออ คือออออ” เด็กสาวลากเสียงยาวให้น้องมอหนึ่งทั้งหลายรู้สึกลุ้นระทึกกันอย่างสนุกสนาน น้ำเสียงร่าเริงดังขึ้น “นิทานที่พวกเราได้คือ….. สโนว์ ไวท์กับคนแคระทั้งเจ็ดค่ะ!! รีบตบมือกันเร็วเข้า!!” สิ้นสุดเสียงโจลี่ เชสทำการกลับป้ายเฉลยชื่อ ทีมซัพพอร์ตมอหกห้อง F ต่างช่วยกันส่งเสียงร้องเชียร์อย่างไม่มีใครยอมใคร บรรยากาศของรุ่นพี่ห้อง F ทำให้เหล่ารุ่นน้องที่น
เมื่อทำการจับฉลากเป็นคู่ในกล่องสุ่มเรียบร้อยแล้ว ครูอันให้นักเรียนที่อาสาตัวช่วยละครจบของรุ่นพี่เข้าไปรวมตัวกันที่หอประชุม แถวในหอประชุมจะถูกแบ่งแยกไปตามห้องที่แต่ละคู่จับสุ่มได้ โดยมีตัวแทนของพวกรุ่นพี่ห้อง S-F ยืนเรียงแถวหน้ากระดานเว้นระยะห่างหนึ่งช่วงแขน ให้พวกน้อง ๆ ที่จับฉลากได้ห้องไหนเข้ามายืนต่อแถวตอนห้องนั้น ใช้เวลาไม่นานนักเรียนอาสาของทุกห้องก็เดินเข้ามาเรียงแถวในหอประชุมกันจนครบ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยประธานนักเรียนชั้นมอห้าเดินขึ้นไปบนเวทียืนตรงแท่นโพเดียมก่อนจะทำการเทสเสียงไมค์แล้วเริ่มพูดเปิด “ฮัลโหล ๆ สวัสดีครับเพื่อน ๆ พี่ ๆ ทั้งหลาย ผมมีชื่อว่า อเล็กซ์ เป็นประธานนักเรียนที่จะเข้ามาช่วยประสานงานให้พวกรุ่นพี่มอหกและน้องมอหนึ่งร่วมใจทำงานกันเป็นหนึ่งเดียวนะครับ อย่างที่ทุกคนรู้กันดีโรงเรียน………” ครั้งอเล็กซ์เริ่มอธิบายเกี่ยวกับงานส่งจบ นักเรียนบางส่วนล้วนฟังบ้างไม่ฟังบ้าง อีเลนซึ่งยืนต่อแถวอยู่ห้อง F รู้สึกลำบากใจกับสายตาของเฮนรี่ ซึ่งมองมาจากแถวข้างหน้าตน “ไง ไม่เจอกันนานเลยนะครับ เคียร์น”
“ไปไหนมา เย็นปานนี้ทำไมไม่รีบกลับบ้าน!!” ผู้เป็นพ่อยืนเท้าเอวใบหน้าเคร่งขรึมน้ำเสียงจริงจังเปี่ยมอำนาจ เอ่ยถามลูกชายของตนที่นาน ๆ ทีจะเจอครั้งหนึ่ง พ่อของอีเลนเป็นทนายความชื่อดังวัน ๆ มีแต่งานสารพัดปัญหาเข้ามารุมล้อมไม่หยุด ทั้งต้องออกไปทำเรื่องว่าการให้พรรคการเมืองชื่อดัง ทั้งต้องขึ้นศาลให้ครอบครัวมหาเศรษฐี วันหนึ่งแทบไม่ได้หยุดพักอยู่บ้านดี ๆ เลยสักหน “พ่อกลับมาบ้านตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ” เด็กชายเอ่ยถามคนได้ชื่อว่าเป็นพ่อตนตอนนี้ เขารู้สึกเกร็งนิดหน่อยเพราะไม่คุ้นเคยกับคนตรงหน้ามาก่อน แถมอีกฝ่ายยังมีท่าทางน่ากลัวทำให้รู้สึกชวนคุยด้วยลำบาก เขาเผลอบีบมือที่กุมเคียร์นไว้แน่นอย
“เข้ามาสิ ฉันให้ขยะที่ยังไม่ถูกรีไซเคิลอย่างพวกนายเปิดก่อนเลย” เด็กแว่นพูดกวนโมโห ท้าทายอย่างไม่เกรงกลัว ทำให้ชายหน้าโหดฉุนจัดหอบหายใจกระฟัดกระเฟียด โกรธจนหน้าแดงกำหมัดแน่น “เอาเลยลูกพี่ มันท้าทายอำนาจลูกพี่ครับ” “อัดไอ้เด็กไม่เจียมกะลาหัวมันเลยครับลูกพี่!!” “เป็นแค่ไอ้จ้อยอย่าปากดีนักนะไอ้ลูกหมานี่ เดี๋ยวโดนลูกพี่กูอัดยับอย่ากลับบ้านไปร้องไห้ฟ้องแม่นะมึง” เสียงกองเชียร์ดังกระหึ่มไปทั่ว เชาว์ยืนถือแว่นตาเพิร์ซ มองสถานการณ์ตอนนี้ด้วยสีหน้าซีดเผือด ใจเต้นระทึกไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ระแวงว่าเด็กตี๋ของตนจะถูกซ้อมยับ&n
คำเตือน เนื้อเรื่องตอนนี้เป็นเพียงส่วนเสริมอดีตของเพิร์ซ ให้รู้ที่มาที่ไปของตัวละครเท่านั้น มีฉากล่วงละเมิดทางเพศ พรากผู้เยาว์ ความรุงแรง ดราม่า ใครรับไม่ได้โปรดข้ามไปอ่านตอนต่อไป เด็กน้อยวัยใสอายุเพียงหกขวบ เขาถูกเลี้ยงมาด้วยความรักความอบอุ่นจากครอบครัว ถูกประคบประหงมดั่งไข่ในหิน ชีวิตของเด็กชายไม่เคยขาดอะไรเลย ได้ทานอาหารที่ชอบทุกมื้อ มีพ่อแม่ที่รักมากสุดหัวใจและมีพี่ชายแสนดียืนหนึ่งคอยอยู่เคียงข้างดูแลแทบตลอดเวลา ด้วยความขาวตี๋ตัวเล็ก ผมสีดำขลับเรียบตรง ดวงตากลมวาวสดใส แก้มขาวอมชมพูป่องนิด ๆ ทำให้เจ้าตัวดูน่ารักน่าชังรวมกับนิสัยเป็นมิตรของเพิร์ซวัยเด็กแล้ว ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็มักจะมีคนคอยเอ็นดูอยู่เสมอ “เพิร์ซ วันนี้ตอนเย็นอยากแวะที่ไหนไหมครับ” พี่ชายอายุวัยเพียงสิบห้าปีฉีกยิ้มหวาน เดินถือรองเท้านักเรียนสีดำเตรียมใส่ออกไปข้างนอกอยู่หน้าประตูบ้าน ผู้เป็นน้องชายสะพายกระเป๋ารูปกันดั้มสีน้ำเงินซึ่งพี่ชายเป็นคนเลือกให้วิ่งตามหลังมา เด็กชายอมยิ้มตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงร่าเริง “ครับ! ผมอยากไปเล่นที่สนามกับเพื่อ
นักเรียนห้อง S ของโรงเรียนชื่อดังประจำจังหวัด ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้อยู่ห้องนี้ล้วนไม่ใช่เด็กธรรมดา บางคนสอบเข้ามาได้ด้วยคะแนนสูงสุดเกือบเต็มร้อยนับว่าเป็นเด็กอัจฉริยะ บางคนพ่อแม่มีอำนาจทางการเมือง ใช้เงินยัดใต้โต๊ะหวังให้ลูกหลานมีภาพลักษณ์เด็กเก่งเรียนดีมีหน้าตาทางสังคม เด็กนักเรียนส่วนใหญ่เกินครึ่งในห้อง S จึงล้วนเป็นเด็กที่สอบเข้ามาได้ด้วยเงิน มีเพียงแค่ส่วนน้อยเท่านั้นที่สอบเข้ามาได้ด้วยความสามารถของตัวเองจริง ๆ เด็กจิ้มลิ้มเขามีชื่อว่า เฮนรี่ เป็นเน็ตไอดอลชื่อดังที่กำลังได้รับความนิยมจากบรรดาวัยรุ่นหนุ่มสาวด้วยหน้าตาสุดน่ารักน่าชัง ภาพลักษณ์ดูเป็นเด็กน้อยใสซื่อบริสุทธิ์อ่อนต่อโลก ทำให้บรรดาชาวเน็ตต่างพากันชื่นชมหลงใหลไปกับความน่ารักไร้เดียงสา