เป็นครั้งแรกที่ซีเจียงได้ออกมาเห็นความเป็นอยู่ของคนในหมู่บ้าน
หมู่บ้านนี้มีชื่อว่า หมู่บ้านซูไฉ เมืองซานหวน หนึ่งในเขตปกครองของแคว้นจ้าว
ชาวบ้านดำรงอาชีพทำนาปลูกผักเป็นส่วนใหญ่ เป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่ มีชาวบ้านอาศัยอยู่สองร้อยหลังคาเรือนเห็นจะได้กระมัง
ระหว่างทางที่เดินไปชายป่าหลังหมู่บ้าน มีชาวบ้านหลายคนเอ่ยทักทายกับน้องชายเขาอย่างเป็นกันเอง ดูท่าอาหลงคงออกมาเดินเล่นในหมู่บ้านบ่อยทีเดียว
แต่เพราะเป็นครั้งแรกของเขาที่ออกมาจากรั้วบ้านสกุลซี ชาวบ้านที่เดินผ่านจึงหันมองมาอย่างสนใจ แถมยังมีเสียงกระซิบกระซาบตามหลังให้ได้ยินอีกต่างหากมีการถกเถียงกันว่าตัวเขาเป็นเกอหรือไม่
ซีเจียงยอมรับว่าไม่ใคร่พอใจเท่าไหร่ที่ถูกนินทาในระยะเผาขนเช่นนี้
" พี่ซีเจียงนำผ้าไปปิดหน้าหน่อยเถิดเจ้าค่ะ "
ซีหลินยื่นผ้าที่นางคาดไหล่ให้พี่ชาย นางก็ลืมไปเกอในหมู่บ้านนี้ส่วนใหญ่ไม่เปิดเผยใบหน้าให้ผู้ใดเห็นมากนัก
" ทำไมหรือ "
แม้จะถามแต่มือก็รับผ้าผืนบางมาคลุมศีรษะแล้วตวัดปลายผ้าไปด้านหลังปิดบังใบหน้าไปครึ่งหนึ่ง
" ไม่ทราบเจ้าค่ะ แต่บุรุษเกอที่นี่เขามักจะใช้ผ้าปิดหน้ากันเวลาออกนอกบ้าน "
" เฉพาะเกอที่ยังไม่ออกเรือนขอรับที่ปิดบังใบหน้าตนเอง แต่หากออกเรือนแต่งงานแล้วก็ไม่จำเป็นแล้วล่ะ "
แม้จะไม่เข้าใจเท่าไหร่แต่ซีเจียงก็เลือกที่จะพยักหน้าแบบขอไปที ก่อนจะรีบเดินตามน้องชายไปเมื่อเห็นทางเข้าป่าอยู่ไม่ไกลแล้ว
" แถวนี้เขาเรียกป่าชั้นนอกขอรับสามารถหาของป่าหรือสมุนไพรได้ไปตลอดแนว แต่หากจะล่าสัตว์ต้องเข้าไปยังป่าชั้นใน และหากต้องการล่าสัตว์ใหญ่ราคาสูงก็ต้องเข้าไปในป่าลึกขอรับอันตรายมากแต่พี่จื่อหย่งบอกข้าว่าผลตอบแทนคุ้มค่านัก "
ซีหลงเล่าให้พี่ชายกับน้องสาวฟัง ระหว่างทางก็เจอชาวบ้านมาหาของป่าเป็นระยะๆแต่ไม่เยอะเท่าไหร่
" พวกเจ้าหลานของผู้เฒ่าซีใช่หรือไม่ "
ในขณะที่เดินเข้าไปในป่ามีท่านป้าคนหนึ่งที่เดินกลับออกมาเอ่ยทักทาย
" ขอรับพวกเราเป็นหลานบ้านสกุลซี "
เป็นซีเจียงที่ยกมือคารวะพร้อมกล่าวกับนางด้วยรอยยิ้มน่ารัก
" โอ้ หลานเกอบ้านสกุลซีหน้าตาดีเช่นนี้เลยรึข้าพึ่งเคยเห็น เรียกข้าว่าป้ายี่ก็ได้ บ้านเราอยู่ไม่ไกลกันนัก "
" ยินดีที่ได้รู้จักขอรับท่านป้ายี่ ข้าซีเจียงขอรับ "
" เป็นพี่ชายของฝาแฝดหลงหลินสินะ "
" ใช่ ขอรับ "
" ได้ข่าวว่าไม่สบายหายดีแล้วหรือ "
" หายดีแล้วขอรับ "
" ป้าเสียใจเรื่องพ่อแม่ของเจ้าด้วยนะ "
นางยี่ฉีกล่าวเสียใจด้วยความสงสารจริงๆ เห็นเด็กทั้งสามคนแล้วรู้สึกสงสารไม่น้อยเลย
" มาหาขอป่าหรือ "
" ขอรับ "
" เช่นนั้นเดินไปทางทิศบูรพานะ แถวนั้นของป่าเยอะมาก "
" ขอบคุณขอรับท่านป้า "
แล้วนางก็เดินจากไปพร้อมตะกร้าสะพายหลังที่เต็มไปด้วยผลไม้ป่าและสมุนไพรหลายชนิด
" มาทานนี้ขอรับ "
ซีหลงนำไปยังทิศทางที่ท่านป้ายี่บอกไว้ เดินมาได้ประมาณครึ่งชั่วยามก็เจอเห็ดป่าเต็มไปหมด
" เดี๋ยวข้ากับหลินเอ๋อร์หาเห็ดกันแถวนี้ ส่วนพี่ก็เข้าไปในมิตินำสมุนไพรออกมานะขอรับ "
ซีเจียงพยักหน้า เขาเดินไปใต้ต้นไม้เพื่อบดบังสายตาไม่ให้ใครเดินผ่านมาเห็นง่ายๆ ก่อนจะรีบเข้าไปในมิติวิเศษเวลาชั่วพริบตาเดียว
เมื่อเห็นพี่ชายหายไปแล้ว เด็กฝาแฝดจึงช่วยกันเก็บเห็ดใส่ตะกร้าที่ซีหลินถือติดมือมาจากบ้านอย่างไม่รีบร้อนนัก
ด้านซีเจียงเขาเดินเข้าไปเอาถุงผ้าในบ้านพร้อมที่ขุดดินออกมา แล้วเดินตรงไปยังสวนสมุนไพร เลือกโสมที่ต้นอ้วนอวบต้นใหญ่มาทั้งหมดเพียงสามต้นเท่านั้น นอกจากนั้นเขาก็ยังขุดเอาสมุนไพรชนิดอีกสองชนิดอย่างละสามต้นใส่ไว้ในถุงผ้าอย่างเบามือ เมื่อพอใจแล้วก็รีบออกมาจากมิติวิเศษทันทีโดยที่นำที่ขุดออกมาด้วย
เมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครซีเจียงก็ทำท่าหาสมุนไพรก่อนจะค่อยๆเดินออกมาจากใต้ต้นไม้แล้วไปสบทบกับน้องๆอีกที
พวกเขาสามคนไม่พูดอะไรกัน ต่าวคนต่างช่วยกันเก็บเห็ดใส่ตะกร้าจนเต็ม ใช้เวลาอยู่บริเวณนั้นเพียงสองเค่อก็พากันเดินออกมาด้วยท่าทางปกติ
ตอนเข้าไปในป่าใช่เวลาครึ่งชั่วยามแต่ขากลับใช้เวลาแค่สามเค่อเท่านั้น ตอนนี้พวกเขาสามคนออกมาจากป่าชั้นนอกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
" พี่ว่าพวกเราเดินไปในเมืองกันเองดีกว่า เวลาจะกลับเข้าหมู่บ้านค่อยว่าจ้างเกวียนมาส่ง พวกเจ้าไหวหรือไม่ "
เพราะหากรอติดเกวียนของนายคนนั้นต้องรออีกนานเลย
" ไหวเจ้าค่ะ ข้าอยากไปเที่ยวในเมืองมานานแล้ว "
" ข้าก็ไหวขอรับ "
" เดี๋ยวเราแวะเอาเห็ดป่าไปไว้ที่บ้านไม้ไผ่ก่อนเพราะอย่างไรเราก็ต้องผ่านหน้าบ้านสกุลซีอยู่แล้ว "
เมื่อน้องๆเห็นด้วยพวกเขาก็พากันเดินกลับกันทางเดิม ไม่นานก็ถึงหน้าบ้านใหญ่รีบเปิดประตูรั้วเดินผ่านไปทางหลังบ้านโดยไม่กล่าวทักทายป้าสะใภ้แม้แต่คำเดียว
" จองหงนัก "
ลั่วหลันมองเด็กสามคนอย่างไม่ชอบใจ โดยเฉพาะซีเจียง หากมันยังไม่สบายป่านนี้นางก็ยังมีเด็กสองคนนั่นไว้คอยรองมือรองเท้า
เพราะนางมีลูกชายสามคนไม่มีลูกสาวหน้าที่ทำงานบ้านจึงตกเป็นของนางแต่เพียงผู้เดียว สามเดือนที่ผ่านมานางอยู่อย่างสบายมากเพราะมีเจ้าเด็กแฝดชายหญิงมาทำงานบ้านแทน แต่พอพี่ชายมันฟื้นจากพิษไข้เด็กทั้งสองก็ไม่มาทำงานบ้านช่วยนางอีกเลย แถมนางยังถูกสามีตำหนิตั้งเยอะเรื่องที่นางให้ข้าวสารพวกมันวันละมื้อ
ยิ่งคิดยิ่งแค้นนัก
เมื่อถึงบ้านไม้ไผ่ซีเจียงพาน้องเข้าไปในมิติก่อน นำเห็ดไปล้างเก็บไว้ในตู้เย็นแล้วจัดการทำอาหารมื้อกลางวันให้น้องทานก่อนที่พวกเขาจะต้องออกเดินเท้าเข้าไปในเมืองช่วงบ่ายนี้
มื้อเที่ยงวันนี้มีไก่ทอดและผัดเปรี้ยวหวานแสนอร่อย หลังทานข้าวเสร็จพวกเขาก็ออกจากมิติแล้วเตรียมตัวเดินทางไปยังเมืองซานหวนพร้อมน้ำและขนมทานเล่นที่นำออกมาจากมิติด้วยเผื่อหิวระหว่างทางจะได้มีอะไรทานรองท้อง
เดินออกมารอบนี้พวกเขาไม่เจอป้าสะใภ้แล้วก็ให้รู้สึกโล่งใจมากทีเดียว
ในบ้านใหญ่สกุลซี มีท่านปู่ท่านย่าอาศัยอยู่แต่เพราะซีเจียงคนเก่าก็ไม่ได้สนิทกับพวกท่านนักเขาจึงไม่เคยเข้าไปทักทายเลยตั้งแต่ฟื้นขึ้นมาในร่างนี้ ซีเจียงกับน้องๆเกิดและโตอีกเมืองหนึ่งและไม่ทราบด้วยว่าเหตุใดบิดามารดาถึงตัดสินใจขายบ้านที่นั้นแล้วย้านถิ่นฐานมาที่เมืองแห่งนี้ แต่น่าเสียดายเกิดเรื่องเศร้าระหว่างทางเสียก่อน
ความสัมพันธ์ของเขากับคนบ้านใหญ่สกุลซีที่ไม่มีผู้ใหญ่คอยประสานให้มันแนบแน่นจึงไม่สนิทกันเลยสักนิดลูกชายของท่านลุงสามคนซีเจียงก็แทบจำหน้าไม่ได้ด้วยซ้ำและท่านปู่ท่านย่าเองก็อายุเยอะแล้วด้วย พวกเขาก็เลยต่างคนต่างอยู่ไปโดยปริยาย คงมีแต่ป้าสะใภ้ที่คอยรังแกใช้แรงงานของน้องๆเขา ส่วนท่านลุงก็เอาแต่ทำนาหาเงินคงไม่ได้สนใจหลานๆเท่าไหร่เช่นกัน
ระหว่างทางเดินออกมาจากหมู่บ้าน พวกเขาเดินสวนกับชาวบ้านตลอดทาง มีทั้งคนที่ทักทายด้วยรอยยิ้มเอ็นดู มีทั้งคนถามอย่างสอดรู้ และคนที่ไม่ถามไม่ยิ้มแต่มองมาอย่างไร้มารยาท
ซีเจียงไม่ชอบสายตาเหล่าหญิงสาวเท่าไหร่นัก พวกนางมองมาบ่งบอกได้เลยว่าไม่ชอบเขาอย่างแรงทั้งที่เขายังไม่ได้ทำอะไรให้ใครเลยแท้ๆ
ดูแล้วเหล่าสตรีในหมู่บ้านนี้คงว่างการว่างงานนักเห็นชอบจับกลุ่มคุยกันอยู่ตั้งหลายกลุ่ม ส่วนในท้องไร่ท้องนาก็มีเหล่าบุรุษกันเต็มไปหมด เห็นได้ชัดว่าสตรีจับกลุ่มนินทาเรื่องชาวบ้านส่วนบุรุษนั้นก้มหน้าทำงานกันอย่างแข็งขันช่างไม่สมดุลกันเสียเลย
ซีเจียงพอจะเห็นบุรุษเกออยู่บ้างแต่จากสายตามันช่างน้อยนักหากเทียบกับสตรีหรือเอกบุรุษในหมู่บ้านแห่งนี้
เมื่อเดินออกมาจากหมู่บ้านแล้วเขาก็รู้สึกหายใจหายคอได้สะดวกขึ้นหน่อย การที่ต้องตกเป็นเป้าสายตาคนอื่นมันโคตรทำตัวไม่ถูกเลย อึดอัดมากด้วย
เดินไปพลางคุยไปพลาง เหนื่อยเมื่อไรก็หยุดพักทานขนมที่เอาออกมาจากมิติบ้างระหว่างทาง ใช้เวลาเดินเท้าหนึ่งชั่วยามกับอีกหนึ่งเค่อพวกเขาก็เข้ามาในเมืองซานหวนจนได้
เมื่อผ่านประตูเมืองมาได้ด้วยป้ายประจำตัวที่ซีหลงมีพวกเขาสามคนก็มุ่งหน้าไปยังร้านโอสถทันที ลูกจ้างในร้านที่เห็นลูกค้าเดินเข้ามาก็รีบวิ่งมาต้อนรับด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มกว้างอย่างเป็นเอกลักษณ์
" ไม่ทราบว่าพวกท่านต้องการยาแขนงใดขอรับร้านเรามีครบทุกอย่างทีเดียว "
ซีเจียงเดินขึ้นหน้าพร้อมเปิดผ้าที่คลุมศีรษะและใบหน้าออก แม้ร่างกายนี้จะตัวผอมบางแต่หน้าตาน่ารักมากเพียงส่งยิ้มให้เล็กน้อยก็ทำเอาคนมองเคลิบเคลิ้มได้ไม่ยาก
" ข้ามีสมุนไพรมาขายขอรับ "
" เช่นนั้นเชิญรอสักประเดี๋ยวนะขอรับ ข้าจะไปตามหลงจู๊มาดู "
รอไม่นานชายวัยกลางคนก็เดินมาหน้าโต๊ะกระจก ซีเจียงจึงหยิบสมุนไพรออกมาจากถุงผ้าทีละต้นทีละชนิด จนกระทั่งชนิดสุดท้ายทำเอาหลงจู๊ที่เห็นถึงกับตาเบิกกว้างทันที
" โอ้! โสมอายุร้อยกว่าปี! ขอข้าตรวจดูสักครูนะ "
หลงจู๊ประคองโสมทั้งสามต้นเข้าไปตรวจดูใกล้ๆอย่างละเอียดยิบ ก่อนจะยิ้มกว้างแล้วเงยหน้าขึ้นมาสบตาซีเจียงเป็นประกาย
" ข้าไม่เคยพบเจอโสมแดงที่มีอายุร้อยปีมานานมากแล้ว แต่นี่เป็นโสมแดงที่มีอายุถึงร้อยยี่สิบปี! มีสรรพคุณทางยาล้ำค่ามากล้นทีเดียว "
ซีเจียงได้ยินเช่นนั้นก็ยิ่งตื่นเต้นตามไปด้วย
" สมุนไพรอีกสองชนิดที่เจ้านำมาขายก็มีอายุยืนยาวกว่าที่เคยรับซื้อมา ช่างเป็นสมุนไพรที่หายากมากและมีคุณค่ามากเช่นกัน "
" ท่านจะให้ราคาเท่าไหร่ขอรับ "
" สำหรับโสมแดงข้าให้ต้นละห้าร้อยตำลึงทอง ส่วนสมุนไพรอีกสองชนิดข้าให้ราคาเท่ากันคือต้นละหนึ่งร้อยตำลึงทอง "
ซีเจียงคำนวนในใจอย่างเร่งรีบทันที
[ 1 พันอีแปะ =1 ตำลึงเงิน ]
[ 1 พันตำลึงเงิน = 1 ตำลึงทอง ]
[ 1 พันตำลึงทอง แลกเป็นตั๋วเงิน ]
ขายโสมแดงสามต้นได้เงิน หนึ่งตำลึงทองห้าร้อยตำลึงทอง
ขายสมุนไพรอีกสองชนิดมีทั้งหมดหกต้นได้เงิน หกร้อยตำลึงทอง
โอ้ พระเจ้า วันนี้เขาได้เงินจากการขายสมุนไพรทั้งหมดคือ สองพันหนึ่งร้อยตำลึงทองหรือนี่ มันช่างเป็นจำนวนเงินที่เยอะมากทีเดียว
ซีเจียงรับเงินทั้งหมดมานับต่อหน้าหลงจู๊เมื่อครบตามจำนวนเขาก็รีบใส่เงินกลับไปไว้ในถุงเงินแล้วเก็บไว้ในอกเสื้ออย่างมิดชิด
เพียงเดินออกมาหน้าร้านโอสถซีเจียงก็หันหน้ามองสบตาน้องสาวน้องชายทันที
" พวกเจ้าอยากได้อะไรบอกพี่ พี่จะซื้อให้ทุกอย่างเลย "
จบคำพี่ชายเด็กน้อยทั้งสองคนยิ้มกว้าง รสชาติของการมีเงินมันมีความสุขแบบนี้นี่เองสินะ ดีจังเลย
และใช่ สามีเขาดูแลดีชนิดที่ว่าตัวเขาแทบไม่ต้องหยิบจับอะไรเลยแม้แต่อาหารที่ต้องทำขายนอกจากนั่งชิมรสชาติอาหารทั้งสามเมนูที่สามีเป็นคนลงมีทำเองตั้งแต่ต้นจนจบเท่านั้นจื่อหย่งเป็นคนช่างสังเกตและเรียนรู้เร็ว ที่สำคัญทำอาหารได้เร็วกว่าเขาอีกต่างหากด้วยนี่สิ ส่วนเรื่องรสชาติแค่มีเครื่องปรุงครบทุกอย่างก็อร่อยได้ไม่ยากเลยตั้งแต่เมื่อวานที่รู้ว่าเขาท้อง ทั้งสามีทั้งน้องๆไม่ยอมให้เขาช่วยหยิบช่วยจับอะไรสักอย่าง ประคบประหงมเสียจนเขาแอบอ่อนใจ เขาแค่ท้องไงไม่ได้ป่วยหนักเสียหน่อยส่วนเรื่องจ้างคนเก็บผักเขาก็ตกลงรับเด็กๆบ้านสกุลหานทำงานเรียบร้อยแล้ว จะจ่ายค่าจ้างเป็นรายวันและจ่ายให้เท่าๆกันทุกคนด้วยแรงงานรายวันในเมืองซานหวนค่าแรงอยู่ที่วันละสามร้อยอีแปะเท่านั้น แต่เขาจ้างเด็กๆวันละห้าร้อยอีแปะและมีอาหารให้ทานครบสามมื้อ เริ่มงานวันแรกคือวันนี้ หลังจากเตรียมของทุกอย่างเสร็จพวกเขาก็พากันออกมาจากมิติ เข้าออกมิติถึงสามรอบกว่าจะนำของออกมาครบทุกอย่าง และพอเปิดประตูบ้านเด็กๆสกุลหานก็นั่งรออยู่หน้าร้านเรียบร้อยแล้วเด็กๆสกุลหานช่างรู้งานนักเมื่อเห็นจื่อหย่งยกของออกมาวางหน้าร้านพวกเขาก็รีบเข้ามาช่วยยกของกันใ
ผลปรากฏว่าหิมะตกปีนี้ลากยาวไปถึงสองเดือนเต็มทีเดียวตลอดสองเดือนมานี้พวกเขาสี่คนช่วยกันขายอาหารทุกวัน ตอนนี้เมนูที่ขายนั้นนอกจากขนมจีนเส้นสด โจ๊กสาหร่ายแล้ว ยังมีเมนูขนมหวานอีกหนึ่งเมนูด้วยคือบัวลอยน้ำขิง เป็นสามเมนูที่ขายดิบขายดีทำเพิ่มเท่าไหร่ก็ขายหมดไม่มีเหลือตอนนี้พวกเขาเก็บเงินได้หลายแสนตำลึงทองแล้ว หากไม่นับเงินค่าสินสอดของสามีอะนะตั้งใจเอาไว้ว่าหิมะหยุดตกเมื่อไหร่ก็จะเริ่มขยับขยายที่อยู่อาศัยทันทีคืนนี้ซีเจียงจึงทำการวาดแปลนบ้านเพื่อจะให้สามีนำไปให้ช่างรับจ้างทำบ้านในวันพรุ่งนี้ ส่วนบ้านเช่าตรงนี้เขาจะปรับเปลี่ยนเป็นร้านขายอาหารเล็กๆเพราะในอนาคตเขาจะขายทั้งอาหารและผักไปพร้อมกันเลย" เจ้าจะเก่งเกินไปแล้วภรรยาข้า "จื่อหย่งที่เห็นซีเจียงวาดแปลนบ้านอดจะเอ่ยปากชมไม่ได้ คนอะไรจะเก่งไปเสียทุกเรื่องเช่นนี้ ซีเจียงยิ้มกว้างเอียงแก้มให้สามีหอมอย่างรู้งานเมื่ออีกคนโน้มหน้าลงมาใกล้ ก่อนจะเอ่ยเล่าให้ฟังว่าตรงไหนเป็นอะไรบ้าง" เรือนใหญ่จะเป็นที่พักของเราสองคนนะขอรับ ส่วนเรืองเล็กด้านซ้ายและด้านขวาจะเป็นที่พักส่วนตัวของอาหลงและหลินเอ๋อร์ พี่จื่อหย่งอยากได้เรือนอะไรเพิ่มอีกไหมขอรับข้าจะได
ผ่านพ้นวันแต่งงานพวกเขาสองคนไปเพียงหนึ่งอาทิตย์หิมะแรกของปีก็ตกลงมาจริงๆตามที่ชาวบ้านชาวเมืองคาดไว้ไม่มีผิดเพราะอากาศปีนี้หนาวเร็วกว่าทุกปีโชคดีที่พวกเขาสี่คนเข้ามาอยู่ในมิติตอนกลางคืนที่ภายนอกหิมะตกหนักพอดิบพอดี ถึงตอนกลางวันจะต้องออกไปใช้ชีวิตด้านนอกอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่ความหนาวก็ยังน้อยกว่าตอนกลางคืนมากนักแม้มันจะหนาวมากๆก็ตามในความรู้สึกของซีเจียงในมิติแห่งนี้อากาศไม่ได้เหมือนกันกับโลกภายนอกพวกเขาจึงอยู่กันได้สบายโดยที่ไม่ต้องใส่เสื้อกันหนาวขนสัตว์ให้รู้สึกอึดอัด" หิมะลงเช่นนี้เราคงต้องพักการปลูกผักไปก่อน "ซีเจียงกล่าวขึ้นในระหว่างนั่งทานอาหารมื้อค่ำด้วยกัน" พี่เห็นด้วยกับเจ้า "เกอน้อยยิ้มกว้างเมื่อสามีเห็นดีเห็นงามกับเขาทุกเรื่องไม่เคยเอ่ยปากขัดใจเลยสักครั้งตั้งแต่รู้จักกันจนกระทั่งแต่งงานแล้วก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน" แล้วเราจะทำอะไรกันดีเจ้าคะหรือจะหยุดพักการขายของไปก่อนเลย "" หิมะตกเป็นเดือนๆหากเราไม่ขายของรายได้เราก็จะหายหมดพี่ว่าจะขายอาหารเพิ่ม อากาศหนาวๆเช่นนี้ เช้าๆต้องทานโจ๊กร้อนๆถึงจะคลายหนาวได้ดี "" ทำโจ๊กอะไรดีขอรับ "ซีหลงเอ่ยถามอีกคน" โจ๊กสาหร่ายทะเล พี่จะใ
กว่าจะถึงบ้านเช่าก็เข้ายามเว่ย(13.00-14.59)พอดีตอนนี้ซีเจียงยังทำอะไรไม่ได้นักเพราะยังอยู่ในชุดแต่งงานที่สำคัญมีผ้าปิดหน้าที่ยังถอดออกไม่ได้จื่อหย่งและน้องๆจึงช่วยกันขนสินสอดและสินเดิมเข้าไปเก็บไว้ในบ้านเช่า เมื่อขนทุกอย่างลงจากเกวียนจนหมดจื่อหย่งจึงถอดเกวียนไปเก็บก่อนจะพาม้าหนุ่มไปผูกไว้กับรั้วข้างบ้านแล้วเดินเข้ามานั่งในบ้านข้างๆภรรยา" พี่จื่อหย่งขอรับ "ซีเจียงได้ปรึกษากับน้องๆแล้วว่าหาเขากับจื่อหย่งแต่งงานกันเขาจะบอกเรื่องมิติวิเศษให้อีกฝ่ายรับทราบเพราะการที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันทั้งสิบสองชั่วยามเขาไม่สามารถปิดบังคนรักได้เพราะถึงอย่างไรตอนกลางคืนพวกเขาก็จะเข้าไปนอนในมิติอยู่ดี สู้บอกกล่าวเสียตั้งแต่วันแรกที่ใช้ชีวิตเป็นสามีภรรยากันเลยจะดีกว่า" ว่าอย่างไรหรือ "" คือข้า มีความลับจะบอกท่าน "จื่อหย่งมองสีหน้าจริงจังของสามพี่น้องก็ทำเอาเขาต้องตั้งใจฟังอย่างจริงจังไปด้วยไม่ได้" ว่าอย่างไรเล่า "" คือข้ามี มิติวิเศษขอรับ "" เจ้าก็มีแหวนมิติเช่นกันหรือ "จื่อหย่งเลิกคิ้วถามอย่างตื่นเต้นระคนยินดีนัก" ไม่ใช่แหวนขอรับ แต่เป็นกำไลมิติ "ซีเจียงยกมือข้างที่สวมกำไลให้สามีดู แล้วก็ต้อ
การแต่งงานครานี้ซีเจียงอยากให้จัดแบบเล็กๆไม่ต้องมีขบวนเจ้าบ่าวเจ้าสาวให้เปลืองเงินเปลืองทอง สินสอดก็ไม่ต้องมากมายอะไร จัดเพียงพิธีกราบไหว้ฟ้าดินและลงลายมือชื่อเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายบ้านเมืองก็พอแล้วแต่ถึงอย่างไรมันก็ไม่ใช่ว่าจะได้ดั่งใจขนาดนั้น แม้ซีเจียงจะไม่มีบิดามารดาแต่ยังมีท่านปู่ท่านย่า อย่างไรการจัดงานแต่งงานเขาก็ต้องไปจัดที่บ้านใหญ่สกุลซีอยู่ดี เรื่องนี้ท่านลุงซีถ่งมารับพวกเขาสามคนพี่น้องกลับไปคุยกันที่บ้านใหญ่สกุลซีทีเดียวนี่จึงถือเป็นการปิดร้านครั้งแรกที่ทำการค้าขายมาเลยก็ว่าได้" พี่จื่อหย่งและข้าต่างก็ไม่มีบิดามารดา ข้าไม่อยากจัดงานแต่งให้มันยุ่งยากขอรับท่านปู่ท่านย่า "ซีเจียงกล่าวความคิดของตัวเองออกมาตามตรง " เช่นนั้นเอาตามที่เจ้าว่าปู่กับย่าตามใจเจ้า "" ขอบคุณมากขอรับ "ซีเจียงขอบคุณท่านปู่ท่านย่าจริงๆที่ไม่บังคับอะไรเขาเลย" เรื่องสินสอดเจ้าก็ไม่ต้องแบ่งให้บ้านใหญ่ เก็บไว้เป็นทุนในอนาคต "จบคำแม่สามีลั่วหลันอยากกรีดร้องออกมาใจแทบขาด เท่ากับบ้านใหญ่สกุลซีจัดงานแต่งให้มันฟรีๆเช่นนั้นหรือ ซีเจียงเห็นกิริยาป้าสะใภ้ทุกอย่างแต่เลือกที่จะไม่พูดอะไร นางคงไม่พอใจ
นางลั่วหลันออกมาดักรอพรานหนุ่มอยู่หลายวันก็ไม่เจอ นางจึงเดินไปท้ายหมู่บ้านถามไถ่คนบ้านใกล้เรือนเคียงจึงได้ทราบว่าเจ้าพรานกำพร้านั่นจะออกไปเมืองซานหวนตั้งแต่รุ่งสางและกลับเข้าบ้านในตอนตะวันตกดินไปแล้วทุกวัน ที่สำคัญเจ้าจื่อหย่งก็ไม่ได้เข้าป่าล่าสัตว์มานานสามเดือนกว่าแล้วด้วยเป็นแบบนี้ชัดเลย ไอ้เด็กเกอนั้นต้องเลี้ยงดูบุรุษเป็นแน่ ช่างน่าอับอายยิ่งนักลั่วหลันคิดในใจอย่างนึกรังเกียจเดียดฉันผ่านไปอีกสองสามวันในที่สุดนางลั่วหลันก็ดักเจอจื่อหย่งจนได้ในตอนที่ชายหนุ่มขับเกวียนเข้าหมู่บ้านผ่านหน้าบ้านสกุลซีพอดี" หยุดก่อน "จื่อหย่งหยุดเกวียนมองนางลั่วหลันนิ่งก่อนเอ่ยถาม" มีอะไรกับข้าหรือขอรับ "" ข้าน่ะไม่มี แต่พ่อแม่สามีข้าต้องการคุยกับเจ้า "พูดจบทำหน้าสะใจมองเด็กรุ่นลูกด้วยแววตาสมน้ำหน้าอยู่ในที ตอนนี้สามีนางก็รู้เรื่องแล้วแม้จะไม่พูดอะไรแต่ดูจากแววตาซีถ่งก็คงไม่สบายใจในเรื่องนี้นัก เพราะการอยู่กินก่อนแต่งงานเป็นการทำให้ชื่อเสียงของสกุลเสียหายส่วนเรื่องที่นางได้เงินค่าเช่าบ้านจากเด็กๆกลับคืนมานางเลือกที่จะไม่บอกสามี นางจะเก็บเงินไว้ใช้จ่ายในสิ่งที่นางอยากได้แทน ก็ซีถ่งยึดค่าใช้จ่ายในบ้