ช่วงเวลาการสอบปลายภาคของปีหนึ่งผ่านไปอย่างแสนเหนื่อย เขาอดนอนมาหลายคืนเพื่ออ่านหนังสือทบทวนเนื้อหา ร่างกายอ่อนล้า แต่จิตใจกลับว้าวุ่นยิ่งกว่าเดิม
หลังจากที่รู้ว่าคนแปลกหน้าที่เข้ามาในชีวิตไม่ใช่ผี และยังเป็นคนรู้จักกับแม่ ความหนักอึ้งในใจกลับเบาลงและรู้สึกปลอดภัยขึ้นโดยไม่รู้ตัวแต่สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจยิ่งกว่านั้นคือ พี่ภพยังมาหาเขาเป็นประจำ
บางวันมาตอนบ่าย พร้อมกับขนมของว่างวางไว้บนโต๊ะเรียนของเขา
บางวันมาตอนเย็น ยืนรออยู่หน้าหอพักด้วยสีหน้าเรียบเฉยแต่แววตากลับดูอ่อนโยน กนกพยายามปฏิเสธแต่สุดท้ายก็ต้องยอมรับ เพราะกลิ่นหอมๆ นั้นทำให้ท้องร้องทุกที
และบางคืน...ชายคนนั้นมาเพียงเพื่อบอก "ฝันดีนะ"
เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นพร้อมมืออุ่นที่ลูบเบาๆ บนศีรษะ กนกมักจ้องมองอีกฝ่ายด้วยความไม่เข้าใจ ทำไมถึงดูแลเขาขนาดนี้ แต่พอรู้ตัวอีกที หัวใจของเขาก็ไม่เคยรู้สึกโดดเดี่ยวเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
แต่ที่ทำให้สับสนยิ่งกว่าคือ บางคืน...เขากลับเข้ามากอด อ้อมแขนนั้นแน่นหนา แข็งแรงและเต็มไปด้วยความอบอุ่น ครั้งแรกเขาตกใจและพยายามดิ้นให้หลุด แต่เสียงกระซิบข้างหูของอีกฝ่ายกลับทำให้เขาหยุดนิ่ง
"ขอกำลังใจหน่อยนะ"
แววตาที่ทอดมองมานั้นไม่ได้เจ้าเล่ห์ ไม่ได้ล้อเล่นแต่มันเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า ความอ่อนแอที่อีกฝ่ายไม่เคยให้ใครเห็น กนกไม่รู้ว่าทำไมถึงยอมให้กอด...หรืออาจเป็นเพราะเขาเองก็ต้องการอ้อมแขนนี้เหมือนกัน
แล้วตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่อ้อมกอดนี้กลายเป็นสิ่งที่เขาคุ้นเคยและเผลอรอคอยทุกคืน
"วันนี้พี่ซื้อโจ๊กหมูมาฝากครับ"
"เรากินข้าวเย็นกับเพื่อนมาแล้ว แล้วนี่ก็ดึกแล้ว กินดึกมันอ้วน"
"อ้วนพี่ก็รักนะ" กนกเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย คิ้วขมวด
"รักอะไร? พี่นี่ชอบพูดอะไรไม่รู้เรื่อง"พี่ภพยกยิ้มบางๆไม่ตอบอะไรแต่กลับถือถุงโจ๊กหมูเข้ามานั่งลงข้างๆกนกแทน
"กินหน่อยเถอะ ดึกขนาดนี้แล้ว เดี๋ยวหิวตอนกลางคืนจะนอนไม่หลับ" เขาวางถุงลงบนโต๊ะข้างเตียงแล้วเลื่อนชามโจ๊กมาให้
กนกมองของตรงหน้าแล้วถอนหายใจเบาๆ "เรากินข้าวมาแล้วจริงๆ ..." ถึงจะพูดแบบนั้นแต่กลิ่นข้าวต้มร้อนๆหอมกรุ่นก็ลอยแตะจมูกจนท้องแอบร้องเบาๆ พี่ภพหัวเราะนิดๆก่อนหยิบช้อนขึ้นมาตักโจ๊กเป่าเบาๆแล้วยื่นมาจ่อที่ปาก "ลองสักคำก็ยังดีนะ"
กนกเม้มปากแน่น ทำไมคนคนนี้ถึงดูแลเขาขนาดนี้...เขาไม่ได้ร้องขอ ไม่ได้ต้องการให้ใครมาทำแบบนี้แต่พี่ภพกลับทำเสมอ...ทั้งข้าวของเล็กๆ น้อยๆ ที่หอบมาให้ ทั้งการอยู่ข้างๆ กันในวันที่เหนื่อยล้า แล้วทำไมทุกครั้งที่พี่ภพพูด เสียงทุ้มนุ่มนั้นถึงทำให้เขาใจอ่อนตลอดเลยสุดท้ายเขาก็ต้องยอมอ้าปากรับช้อนนั้นเข้าไป โจ๊กหมูร้อนๆ ไหลผ่านลำคอ ความอบอุ่นกระจายไปทั่วร่าง กนกเผลอถอนหายใจใจเบาๆก่อนจะหันไปทำตาดุใส่อีกฝ่าย
"พอใจหรือยัง?"
"ยังนะ กินอีกคำสิ"
"พี่นี่มัน—!"
กนกกำลังจะเถียงกลับ แต่พี่ภพก็โน้มตัวเข้ามาใกล้ยื่นมือมาจับปลายคางของเขาเบาๆก่อนจะเอ่ยเสียงนุ่ม "เด็กดีต้องกินข้าวนะครับ"
หัวใจของกนกกระตุกวูบ เขารีบเบือนหน้าหนีเพื่อซ่อนใบหน้าที่เริ่มร้อนขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
ทำไมถึงพูดแบบนี้อีกแล้ว...
แต่สุดท้ายเขาก็ยอมกินโจ๊กต่อเงียบๆ โดยมีพี่ภพนั่งมองด้วยรอยยิ้มอบอุ่นอยู่ข้างๆ
วันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่พี่ภพมานั่งเล่นที่ห้องเหมือนเคย พี่ภพนั่งอ่านหนังสือบนพื้นข้างๆ เตียง ส่วนกนกนั่งอยู่บนเตียงและกอดหนังสือไว้ในมือ พยายามไล่สายตาอ่านเนื้อหาที่พร่าเลือนเพราะความง่วงทำให้เปลือกตาเริ่มหนักขึ้นและหัวค่อยๆ โคลงอย่างห้ามไม่อยู่ กำลังจะเคลิ้มหลับ
"ง่วงเหรอ" เสียงทุ้มดังขึ้น ก่อนที่นิ้วมืออุ่นๆ จะเข้ามาจั๊กจี้ที่เอวจากด้านหลัง
"อ๊ะ! พี่ภพ!" กนกสะดุ้ง รอยยิ้มผุดขึ้นโดยไม่รู้ตัว ขำกลิ้งไปมาพยายามดันมืออีกฝ่ายออก
"จะหลับเหรอ เด็กน้อย"
"ฮ่าๆ! พี่—พี่ภพ! พอแล้ว!"
กนกหัวเราะลั่น พยายามดิ้นหนีแต่พี่ภพกลับได้ใจรุกหนักขึ้นเรื่อยๆ
"อย่าหนีนะ"
"ใครจะไปทนไหวล่ะ!"
และด้วยความที่อยากจะแกล้งพี่ภพบ้าง กนกเลยคว้าหมอนใกล้มือขึ้นมาหวังจะตีอีกฝ่ายเป็นการเอาคืน หมอนฟาดลงไปเต็มแรง
และทันทีที่หมอนสัมผัสกับตัวพี่ภพ...
ฟึบ!
ภาพบางอย่างก็แล่นเข้ามาในหัว
ฉาด!
ไม่ใช่เสียงหมอน แต่มันคือเสียงของไม้หน้าสามที่กระแทกเข้าใส่หน้าเด็กชายคนหนึ่งอย่างรุนแรง ศีรษะเล็กๆ สะบัดไปตามแรงกระแทกภาพตรงหน้าสะท้อนเลือดสีแดงฉาน ไหลซึมออกมาจากหน้าผาก ลามลงมาถึงคิ้วและแก้มขาวนวลเป็นทางยาว ริมฝีปากซีดเซียวสั่นระริกและร่างบอบบางล้มกระแทกพื้นลงไป
กนกผงะหมอนหล่นจากมือ
ดวงตาเบิกกว้าง ริมฝีปากสั่นเครือ "ละ...เลือด"
ภาพนั้นยังคงชัดเจนในหัว เลือดที่นองเต็มพื้น สีแดงที่หยดลงราวกับไม่มีวันหยุด เสียงไม้ที่เหวี่ยงลงอย่างไร้ความปรานีดังก้องในความคิด
"กนก... กนก!"เสียงของพี่ภพดึงเขากลับมาสู่โลกจริง
"ระ...เราเห็น..." น้ำตาเริ่มคลอ "เห็นเลือด เลือดเต็มหน้าเด็กคนนั้น"
ร่างของกนกสั่นไหว ความกลัวแล่นริ้วผ่านร่างกายจนเขาทรุดลงนั่งและพยายามกอดตัวเองไว้แน่น เสียงสะอื้นดังออกมาไม่ขาดสาย
พี่ภพกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น มืออุ่นลูบไล้เบาๆ ไปตามกลุ่มผมของกนก ราวกับจะปลอบโยนให้คลายความหวาดกลัว
"ไม่เป็นไรนะ ไม่ต้องกลัว พี่อยู่ตรงนี้" เสียงทุ้มอ่อนโยนดังอยู่ข้างหูแทรกผ่านเสียงสะอื้นที่ยังคงดังเป็นระยะ
คำพูดเดิมที่เคยฟังซ้ำแล้วซ้ำเล่า...แต่คืนนี้มันโอบกอดหัวใจที่บอบช้ำ กนกสะอื้นค่อย ซุกหน้าลงกับอกอีกฝ่ายปล่อยให้ความกลัวค่อยๆ สลายไป
"ไม่เป็นไรนะ จะไม่มีใครทำอะไรเรา รวมทั้งพี่ด้วย"
มืออุ่นลูบหลังปลอบโยน "กนกต้องอยู่กับพี่ ให้พี่ดูแล เข้าใจไหม?"
เด็กหนุ่มพยักหน้าเบาๆ ทั้งที่ใบหน้ายังคงเปื้อนน้ำตา
"ถ้าเราอยู่กับพี่ ฝันร้ายจะหายไปแน่นอน"
กนกพยักหน้าอีกครั้ง จากนั้นริมฝีปากอุ่นก็แนบลงบนหน้าผากอย่างแผ่วเบา แล้วเลื่อนไปจุมพิตแก้มที่ยังเปียกน้ำตา มันเป็นสัมผัสที่อบอุ่นและอ่อนโยน "พี่จะไม่ทำร้ายเรา พี่จะโอบกอดเรา ขอแค่เราเชื่อใจพี่ แล้วสักวัน...เราจะเข้าใจทุกอย่าง"
ริมฝีปากนั้นสัมผัสเบาๆลงบนริมฝีบางเขา สัมผัสแผ่วเบาราวปลอบประโลมให้รู้สึกปลอดภัยราวกับว่าทุกความเจ็บปวดและความทุกข์ที่เขารู้สึกกำลังถูกกล่อมเกลาให้ค่อยๆจางหายไป จากนั้น ร่างสูงดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมกายเขาอย่างแผ่วเบา มือใหญ่ลูบศีรษะของกนกครั้งสุดท้ายก่อนจะผละออกเดินไปยังประตู
"เฮ้ย ไอ้ภพ มึงกลับบ้านกับเด็กนั่นทุกวันเลยเหรอวะ"เสียงแซวของเพื่อนในห้องดังขึ้น ขณะที่ภพกำลังนั่งเขียนอะไรบางอย่างอยู่ เขาเงยหน้าขึ้นมามองอย่างงุนงง"ทำไมหรอ?" เพื่อนยักไหล่ยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะว่าต่อ "ก็น้องชายมึงก็ไม่ใช่... มึงลองพามันไปบ้านมึงดิ๊"ภพหลุดหัวเราะเบาๆ พลางส่ายหน้า "มึงอยากให้กนกไปบ้านกูจริงดิ เดี๋ยวพ่อกูก็อาละวาดบ้านแตกหรอก""แม่มึงก็เก่งเนอะ อยู่กับพ่อมึงได้""แล้วกูไม่เก่งหรอวะที่อยู่กับพ่อแม่ได้""ไอ้เหี้ย มึงเป็นลูกมึงก็ต้องอยู่กับพ่อแม่ป่ะวะ""มั้ง..."เสียงหัวเราะเบาๆ ปะปนกับการพูดคุยเล่นกันในห้องเรียนแต่ภพกลับไม่ได้สนใจนัก เขาเพียงแต่เงียบลงเมื่อนึกถึงกนกเด็กน้อยที่มักจะรอเขากลับจากโรงเรียนทุกวัน มันเป็นเรื่องจริง... เพราะเส้นทางที่เขากลับบ้านผ่านสำนักงานสาธารณสุขตำบลพอดี ทุกเย็นน้าเพชรจะพากนกมาทำงานด้วย และกนกก็มักจะมาเล่นอยู่ที่สวนข้างสำนักงานรอให้ภพพากลับบ้านด้วยกัน มันเป็นแบบนี้มาเกือบสองเดือนแล้ว ตั้งแต่ที่พวกเขารู้จักกัน"พี่ภพ..."กนกน้อยจับเสื้อภพเขย่าเบาๆ ขณะที่พวกเขากำ
"เราจำตุ๊กตาตัวนี้ได้ไหม..."พี่ภพค่อยๆ หยิบตุ๊กตาตัวนั้นมาให้กนก ตุ๊กตาหมีสีเหลืองตัวเดิมผ้าขนหนูที่คลุมอยู่บนตักร่วงลงพื้น เขาหันหน้าหนีปิดตาแน่นไม่กล้ามองสิ่งที่ทำให้เขาหวาดกลัว มันเป็นอะไรที่เขาอธิบายไม่ได้แค่เห็นภาพนั้นกล้ามเนื้อก็เริ่มเกร็งหัวใจเต้นแรง และเริ่มหายใจหอบ“น้องกนก...” พี่ภพเรียกเบาๆ ด้วยน้ำเสียงกังวล กนกไม่ตอบจนพี่ภพรีบขึ้นไปบนเตียง โอบกอดน้องไว้แน่น“เราไม่ต้องกลัว...เราจะปลอดภัย”“ผะ...ผม...ผมไม่อยากเห็นมัน...” หอบถี่และหนักหน่วง สะท้อนถึงความหวาดหวั่นที่ก่อตัวขึ้นในอก มือที่กำเสื้อของพี่ภพไว้สั่นระริก ความอบอุ่นจากร่างกายของอีกฝ่ายเป็นสิ่งเดียวที่ช่วยยึดเหนี่ยวเขาไว้ในตอนนี้“เราจะไม่เป็นอะไร...พี่จะอยู่ข้างเรา...จะไม่มีใครทำอะไรเรา” เสียงกระซิบของพี่ภพนุ่มนวลและอบอุ่น ราวกับสายลมอ่อนที่พัดผ่านใจ เขาเผลอหลับตาลงปล่อยให้ถ้อยคำเหล่านั้นแทรกซึมเข้ามาอย่างแผ่วเบา มันเหมือนมีมนต์สะกดค่อยๆปลดเปลื้องความตึงเครียดในอกไปทีละนิด ลมหายใจที่เ
ผมพยายามไม่รอเขา...แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองนาฬิกาบนมือถือทุกๆ สิบนาที ไม่ดูหรอก...ก็ตั้งใจอ่านหนังสือนิยายอยู่นะ วันนี้เป็นวันพักผ่อนหลังสอบ ควรจะผ่อนคลายสักหน่อย แต่ไม่รู้ทำไม ตัวหนังสือที่เคยสนุกกลับกลายเป็นแค่ตัวอักษรที่เรียงกันไม่มีความหมาย หรือว่าผมกำลัง...ก็อกๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้น ผมรีบวิ่งไปเปิดประตูทันที ใจเต้นแรงเหมือนเด็กน้อยที่รอคอยของขวัญ แต่คนที่ยืนอยู่ตรงนั้นกลับไม่ใช่พี่ภพ..."คนเก่ง...ได้ท็อปเลยดิ ยังอ่านหนังสือทั้งที่วันนี้ก็วันศุกร์" มิวยืนอยู่หน้าประตู ยิ้มกว้างพร้อมกับชีทที่ถืออยู่ในมือผมพยักหน้าเล็กน้อย พยายามเก็บความรู้สึกผิดหวังไว้ในใจ "ทำไมวันนี้มาหาเรา...ลืมอะไรหรือเปล่า""ลืม...ลืมชีทที่เราให้แกวันติวไว้""อ้าว แล้วไม้โทรมาบอก" ผมถามด้วยน้ำเสียงที่พยายามให้เป็นปกติ"ก็ห้องอยู่แค่ชั้นเดียว เดินมาหากันก็ได้" มิวยักไหล่แล้วก็ส่งสายตามองผมอย่างสนใจ"...ไม่ใช่หรอ หรือแกมีอะไร""มีอะไรล่ะ ไม่มี"มิวหัวเราะเบาๆ "แล้วนี่ไม่กลัวแล้วหรอ...พี่ชายข้างบ้านยังมาหาอยู่ไหม""ก็มา
ช่วงสอบปลายภาค พี่ภพแวะมาหาเขาเกือบทุกวัน บางวันก็ขอแวะมานอนด้วยโดยอ้างว่า "หอพี่แอร์เสีย" หรือ "อยากติวหนังสือเป็นเพื่อน" แต่กนกรู้ดีว่ามันเป็นเพียงข้ออ้างเพราะสุดท้ายแล้วพี่ภพก็ไม่ได้แตะหนังสือสักเท่าไหร่ มีแต่เขาส่วนพี่ภพก็นอนกลิ้งเล่นอยู่ข้างๆแรกๆ กนกยังรู้สึกเกร็งเวลาถูกพี่ภพจ้องมอง ทุกครั้งที่เงยหน้าขึ้นจากหนังสือเขามักจะพบสายตาอบอุ่นคู่นั้นมองอยู่เสมอเป็นสายตาที่ทำให้ใจเต้นแปลกๆราวกับว่าพี่ภพเห็นบางสิ่งในตัวเขาที่แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจ แต่เมื่อเวลาผ่านไป... ความรู้สึกพวกนั้นก็ค่อยๆจางหาย สายตาที่เคยหลบเลี่ยงหรืออาการประหม่าเมื่อต้องอยู่ใกล้พี่ภพเริ่มหายไปเช่นกันแทนที่ด้วย...ความสบายใจการมีพี่ภพอยู่ด้วยกลายเป็นเรื่องปกติของชีวิตประจำวัน ห้องที่เคยเงียบเหงาก็กลับมีเสียงพูดคุย เสียงหัวเราะและกลิ่นหอมของขนมที่พี่ภพชอบซื้อมาให้หัวใจที่เคยปิดกั้นเริ่มเปิดออกทีละนิด"ไงครับคนเก่ง วันนี้เป็นไงบ้าง เหนื่อยไหม?"เสียงทุ้มที่ฟังแล้วอบอุ่นเสมอดังขึ้นจากด้านหลัง กนกเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะถอนหายใจยาว
ช่วงเวลาการสอบปลายภาคของปีหนึ่งผ่านไปอย่างแสนเหนื่อย เขาอดนอนมาหลายคืนเพื่ออ่านหนังสือทบทวนเนื้อหา ร่างกายอ่อนล้า แต่จิตใจกลับว้าวุ่นยิ่งกว่าเดิมหลังจากที่รู้ว่าคนแปลกหน้าที่เข้ามาในชีวิตไม่ใช่ผี และยังเป็นคนรู้จักกับแม่ ความหนักอึ้งในใจกลับเบาลงและรู้สึกปลอดภัยขึ้นโดยไม่รู้ตัวแต่สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจยิ่งกว่านั้นคือ พี่ภพยังมาหาเขาเป็นประจำบางวันมาตอนบ่าย พร้อมกับขนมของว่างวางไว้บนโต๊ะเรียนของเขาบางวันมาตอนเย็น ยืนรออยู่หน้าหอพักด้วยสีหน้าเรียบเฉยแต่แววตากลับดูอ่อนโยน กนกพยายามปฏิเสธแต่สุดท้ายก็ต้องยอมรับ เพราะกลิ่นหอมๆ นั้นทำให้ท้องร้องทุกทีและบางคืน...ชายคนนั้นมาเพียงเพื่อบอก "ฝันดีนะ"เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นพร้อมมืออุ่นที่ลูบเบาๆ บนศีรษะ กนกมักจ้องมองอีกฝ่ายด้วยความไม่เข้าใจ ทำไมถึงดูแลเขาขนาดนี้ แต่พอรู้ตัวอีกที หัวใจของเขาก็ไม่เคยรู้สึกโดดเดี่ยวเหมือนเมื่อก่อนแล้วแต่ที่ทำให้สับสนยิ่งกว่าคือ บางคืน...เขากลับเข้ามากอด อ้อมแขนนั้นแน่นหนา แข
หลังจากที่กนกได้รู้ความจริงว่า คนที่เขาเจอในฝันที่เหมือนจริงมาตลอดคือ พี่ภพ พี่ชายข้างบ้านที่เขาลืมไปแล้ว ความทรงจำในวัยเด็กของเขาหายไปเหมือนกระดาษหน้าหนึ่งที่ถูกฉีกทิ้ง ทุกครั้งที่พยายามนึกย้อนก็มักจบลงด้วยความสับสนจนปวดหัวแต่ถึงแม้เขาจะไม่เข้าใจว่าทำไมพี่ภพถึงโผล่มาหาเขาแบบนี้ หรือเหตุผลอะไรที่ทำให้พี่ภพก้าวเข้ามาในชีวิตเขาอีกครั้ง…แต่สิ่งหนึ่งที่เขาสัมผัสได้คือ ความอบอุ่น เสมอเมื่ออยู่ในอ้อมกอดนั้นช่วงนี้ พี่ภพมาหาเขาทุกเย็น เอาของอร่อยมาให้ กนกก็มักจะรับมันมาด้วยท่าทางเก้ๆ กังๆ อาจเป็นเพราะยังไม่คุ้นเคย หรือเพราะเขายังไม่เข้าใจสถานะของพวกเขาในตอนนี้"เราแข็งแรงดีไหม?""ครับ""ช่วงนี้ใกล้สอบแล้วสินะ""ครับ""ขนมที่พี่ซื้อมาถูกใจไหม?""ครับ"กนกตอบรับสั้นๆ ทุกคำถามโดยแทบไม่ได้คิดอะไร แต่แล้วคำพูดต่อมาของพี่ภพกลับทำให้เขาสะดุด"เรานี่น่ารักเหมือนเมื่อก่อนเลยนะ"กนกเผลอชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะรีบตอบ "คะ...ครับ?"
มิวมาพักกับกนกได้ราวหนึ่งสัปดาห์ ก่อนจะต้องกลับไปอ่านหนังสือและติวให้เพื่อนกลุ่มอื่น คืนนี้จึงเป็นคืนแรกในรอบหลายวันที่กนกต้องนอนคนเดียวอีกครั้ง เขาปิดไฟและพลิกตัวซุกผ้าห่ม ตั้งใจจะข่มตานอน แต่แล้ว...แกร๊ก!เสียงของลูกบิดประตูที่หมุนเบาๆ ทำให้ร่างทั้งร่างแข็งค้างหัวใจเขาเต้นระรัวพร้อมลมหายใจที่ติดขัด ราวกับถูกพันธนาการด้วยความกลัวที่บีบรัดแน่นจนแทบหายใจไม่ออกใคร?น้ำตาค่อยๆไหลออกมาพร้อมกับร่างกายที่เริ่มสั่นสะท้าน สติเริ่มตีกันยุ่งเหยิง เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาใกล้ๆจนกระทั่ง...อ้อมแขนอบอุ่นโอบกอดเขาไว้แน่น"ไม่ต้องกลัวนะ..." เสียงทุ้มกระซิบข้างหูนั้นแผ่วเบาและมั่นคง"ไม่มีใครทำร้ายกนกได้อีกแล้ว" กลิ่นหอมอ่อนๆ ลอยมาจากเสื้อตัวหนาของชายแปลกหน้า อ้อมแขนที่กอดแน่นนั้นให้ความรู้สึกคุ้นเคยจนน่าแปลกใจ กนกหอบหายใจหนักขึ้นและร่างกายยังคงสั่นสะท้านแต่สัมผัสจากคนตรงหน้ากลับช่วยให้หัวใจที่เต้นกระหน่ำเริ่มสงบลงทีละนิด"พี่ขอโทษ...พี่ขอโทษสำหรับท
วันนี้กนกเริ่มรู้สึกว่า…บางที คนที่ตามเขาอาจไม่ใช่ผีอย่างที่เขาคิด สายตาของใครบางคนเหมือนเฝ้าจับจ้องเขาจากที่ไกลๆ มันไม่ได้เป็นเพียงความรู้สึกวูบไหวหรือภาพหลอนที่เกิดจากความหวาดระแวง แต่มันชัดเจนจนทำให้ขนที่ต้นคอลุกชัน"หืม…มีอะไรเหรอ?" พราวถามขึ้นระหว่างกำลังตักข้าวเข้าปากในโรงอาหารกนกขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะส่ายหน้า "เปล่าๆ ไม่มีอะไรหรอก" พราวเหลือบตามองอย่างสงสัยแต่ก็ไม่ได้เซ้าซี้ต่อช่วงบ่าย ขณะเดินไปห้องแล็บ มิวเข้ามากระซิบที่ข้างหูพราว เสียงของเขาเบาราวกับไม่ต้องการให้ใครได้ยิน พราวชะงักไปเล็กน้อย สีหน้าตกใจแต่ก็พยายามเก็บอาการแล้วทั้งสองค่อยๆลดความเร็วในการเดินราวกับกำลังจับตาดูอะไรบางอย่างตรงข้ามกับพวกเขา กนกกลับเดินนำหน้าอย่างสบายใจ หูฟังเสียบอยู่กับหู ขยับปากร้องเพลงเบาๆ โดยไม่รู้ตัวเลยว่ามีสายตาคู่หนึ่งจับจ้องอยู่และมันก็เป็นอย่างที่คิด...เมื่อมิวกับพราวถอยห่างออกมา ก็เห็นชายคนหนึ่งที่ไม่เคยพบมาก่อน สวมหมวกและผ้าปิดปาก เดินลอบเลียบเลาะตามกนกอย่างแนบเนียน ทว่า…มีบางอย่างผิดปกติวันนี้เขาใส่เสื้อแขนยาว
ห้วงความฝันเด็กชายตัวเล็กพยายามยื้อแย่งตุ๊กตาในอ้อมปากของเจ้าหมาจอมดื้อ"อื้ออ... อย่าเอาของน้อง! แงงง!"เขาร้องไห้สะอึกสะอื้น ดึงสุดแรงเกิด แต่แรงเด็กน้อยสู้หมาตัวโตไม่ไหว ตุ๊กตาหมีสีเหลืองยังคงถูกคาบแน่นในปากของมัน"แง... แงงง!" เสียงร้องดังลั่นไปทั่วสนามหญ้า จนเด็กอีกคนวิ่งเข้ามาพร้อมกับไม้ในมือ"ไอ้หมา! ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ!"...ฟาด!... ฟาด!เจ้าหมาสะดุ้งเฮือก ส่ายหัวไปมา ก่อนจะทนความเจ็บไม่ไหว ยอมคลายตุ๊กตาหมีสีเหลืองออกจากปาก"เย้ๆๆ!" เด็กน้อยกระโดดดีใจ เสียงหัวเราะสดใสดังขึ้น พี่ชายใจดีที่ช่วยปกป้องเขาหยิบตุ๊กตาขึ้นมา"อันนี้ของเราสินะ แต่มันเปื้อนหมดเลย""ไม่เป็นไรครับ... หมูเหลืองไปซักได้"เด็กชายตัวน้อยยิ้มกว้าง ดวงตาเป็นประกาย ก่อนภาพทุกอย่างจะเลือนหายไป…...วี๊วอ! วี๊วอ!เสียงไซเรนรถพยาบาลดังระงมไปทั่ว ความวุ่นวาย เสียงตะโกนของเจ้าหน้าที่ เสียงวิทยุสื่อสารแทรกเป็นระยะมือของเขาเปื้อนเลือด...เลือด