หน้าบ้านหลังเล็กที่เงียบงัน มีเพียงเสียงสะอื้นปะปนกับเสียงลมอ่อน ๆ ที่พัดผ่านราวกับโลกทั้งใบหยุดหมุน ปล่อยให้มีเพียงสองร่างในอ้อมกอดกันแน่นอยู่กลางห้วงเวลาอันแสนเจ็บปวด ภพกอดร่างของกนกแน่น รู้สึกได้ถึงแรงสั่นจากการร้องไห้ที่ไม่มีทีท่าจะหยุดลงง่าย ๆ น้ำตาของคนน้องเปียกเสื้อเขาจนชื้น และแรงกอดของกนกก็เหมือนเป็นการยึดเหนี่ยวสุดท้ายไว้กับความจริง
“ฮึก… พี่ภพ… มันเจ็บ…” เสียงสะอื้นแผ่วเบารอดออกจากริมฝีปากสั่น
“ไม่เป็นไรแล้ว…” ภพกระซิบเบา ๆ มือใหญ่ลูบหลังคนน้องอย่างอ่อนโยน
“พี่อยู่นี่แล้ว ไม่มีใครทำร้ายกนกได้อีกแล้วนะ…”
กนกส่ายหน้าเล็กน้อย ซุกหน้าลงที่ไหล่กว้าง เสียงร้องไห้เปลี่ยนเป็นสะอื้นอย่างทรมาน
“มันย้อนกลับมา… ภาพพวกนั้น… ตอนเด็ก… ทำไมถึงลืมมันไปได้ ฮึก… ทำไมถึงเพิ่งจำได้ตอนนี้…”
“ไม่ต้องโทษตัวเองนะคนเก่ง…” ภพก้มลงจูบผมนิ่ม ๆ ซับน้ำตาที่เปื้อนแก้มเนียนด้วยความอดทนที่แสนอ่อนโยน
“ความทรงจำที่เราพยายามลืม… บางทีมันก็แค่รอวันที่เรากล้าเผชิญหน้าเท่านั้นเอง” ทั้งสองยืนกอดกันอยู่หน้าบ้านเนิ่นนาน จนภพรู้สึกได้ถึงแรงของคนในอ้อมแขนที่เริ่มอ่อนแรงลง กนกตัวสั่น ปากซีด มือเล็กเกาะเสื้อเขาไว้แน่นอย่างหมดแรง
“พี่…” เสียงแผ่วจนแทบไม่ได้ยิน
“งั้นเราไปพักกันนะ” ภพพูดเบา ๆ พลางช้อนร่างน้องขึ้นประคองไปยังรถด้วยความระมัดระวัง
ทันทีที่เข้ามาในรถ ประตูปิดลง ความเงียบในรถเหมือนกลายเป็นห้องปลอดภัยสำหรับกนก ร่างเล็กโผเข้ากอดภพแน่น ปล่อยโฮออกมาด้วยแรงอารมณ์ที่กดทับมานาน
“พี่อยู่ตรงนี้แล้ว… กอดพี่ให้แน่นเลยนะกนก” ภพเอื้อมมือมากอดตอบ ลูบศีรษะปลอบโยนแม้ในใจจะปวดหนึบไม่แพ้กัน เขาหลับตาลงชั่วครู่ สูดลมหายใจลึกพยายามควบคุมอารมณ์ตนเอง ความกลัวในใจเริ่มค่อย ๆ ถูกปลดปล่อยออกมาทีละน้อย เหมือนบาดแผลเก่าที่ถูกเปิดออกเพื่อจะรักษาอย่างแท้จริงเสียที
ไม่นานเสียงสะอื้นของกนกก็เริ่มเบาลง แผ่วลง จนในที่สุดก็มีเพียงเสียงหอบหายใจหนัก ๆ เหลืออยู่
ภพค่อย ๆ ใช้นิ้วโป้งเช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้าเล็ก แล้วประคองแก้มนั้นให้หันมาสบตากับเขา
“ฟังพี่นะกนก… ไม่ว่าอดีตจะเลวร้ายแค่ไหน ต่อจากนี้… พี่จะไม่ยอมให้กนกต้องผ่านมันคนเดียวอีกแล้ว” น้ำเสียงเขาอ่อนโยนแต่มั่นคง
“พี่จะอยู่ข้าง ๆ กนก ดูแล ปกป้อง และรัก… ตลอดไป” คำพูดนั้นไม่ได้เร่งรีบ ไม่ได้สวยหรู แต่มันหนักแน่นจนกนกเงยหน้ามองเขาด้วยสายตาสั่นไหว น้ำตาคลออีกครั้งแต่ครั้งนี้…เป็นเพราะความอบอุ่นที่เริ่มหลั่งริน
“พี่ภพ…” คนน้องพึมพำเบา ๆ “…ขอบคุณนะ ที่ยังอยู่ตรงนี้”
ภพยิ้มบาง ๆ ก่อนจะก้มลงประทับจูบที่หน้าผากนุ่มนั้นอีกครั้ง ยาวนาน และเต็มไปด้วยความรักที่ไม่ต้องเอ่ยคำใดเพิ่มเติม เขาไม่รู้ว่าทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไร แต่เขารู้แค่ว่าไม่ว่ากนกจะต้องเผชิญอะไรอีก เขาจะไม่ปล่อยให้น้องต้องสู้เพียงลำพังอีกต่อไป
ริมฝีปากของภพแตะลงบนหน้าผากของกนกอย่างแผ่วเบา กลิ่นน้ำตายังอวลอยู่บนผิวแก้มนุ่ม เสียงสะอื้นค่อย ๆ เบาลง เหลือเพียงเสียงลมหายใจหนัก ๆ ที่ยังสะท้อนความเจ็บปวด
“พี่จะไม่ไปไหนแล้วนะ… ไม่ว่ากนกจะจำอะไรได้อีก พี่ก็จะอยู่ตรงนี้” ภพพูดเบา ๆ น้ำเสียงมั่นคง
กนกหลับตาลงช้า ๆ พยักหน้าในอ้อมแขนนั้น ก่อนจะกระซิบตอบเสียงสั่น “อย่าทิ้งกนกนะ…”
“ไม่มีวัน” เขากอดแน่นขึ้นอีกนิดอย่างอ่อนโยน
รถค่อย ๆ เคลื่อนออกจากหน้าบ้านด้วยความเงียบระหว่างสองคนที่ยังไม่หายจากความปวดร้าว แต่ความรู้สึกอบอุ่นเริ่มก่อตัวในความเงียบนั้น เมื่อถึงที่พัก ภพพากนกเข้าไปในห้อง พาเขานั่งลงบนเตียง คนตัวเล็กยังมีแววเหนื่อยล้าเต็มใบหน้า เปลือกตาหนักอึ้งจากการร้องไห้ไม่หยุด
“ไปล้างหน้าก่อน เดี๋ยวพี่หาผ้าเช็ดตัวให้” ภพลุกขึ้นช้า ๆ
แต่กนกคว้ามือเขาไว้ก่อน “อย่าไป… ขออยู่ใกล้ ๆ ก่อน…”
ภพหยุด ก้มลงมองคนที่นั่งอยู่บนเตียง มือเล็กยังจับข้อมือเขาแน่น เหมือนกลัวว่าอีกฝ่ายจะหายไปในวินาทีถัดไป
เขานั่งลงข้าง ๆ ดึงกนกเข้ามากอดอีกครั้ง ลูบหลังเบา ๆ คล้ายปลอบทั้งตัวน้องและหัวใจของตัวเอง
“พี่อยู่ตรงนี้ กนกไม่ต้องกลัวแล้วนะ…”
คนตัวเล็กซุกหน้าอยู่กับอกเขา หลับตาแน่น หยดน้ำตาสุดท้ายไหลลงบนเสื้อภพ ก่อนจะซึมหายไป เหลือไว้แค่ร่องรอยความเสียใจ… และคำสัญญาที่เริ่มเบ่งบานกลางความเงียบ
“แค่พี่อยู่ตรงนี้ กนกก็ไม่กลัวแล้ว…”
ภพยิ้มจาง ๆ แม้ในหัวใจจะยังปวดหนึบอยู่ แต่ก็รู้ว่าความรักจะพาทั้งสองคนผ่านความเจ็บปวดไปได้ ไม่ว่าจะต้องเจอกับอดีตอีกกี่เรื่องก็ตาม…
แม้จะไม่ได้พูดออกมาตรง ๆ แต่ภายในใจของภพ… เขารู้ดีว่าความรู้สึกที่เขามีต่อกนก มันไม่ใช่แค่ความสงสาร ไม่ใช่เพียงความผูกพันในฐานะพี่ชายเพื่อนพ่อ หรือญาติห่าง ๆ อย่างที่คนอื่นมอง เขารักกนก ในแบบที่เกินกว่าคำว่า "ดูแล" จะอธิบายได้
กนกเองก็ไม่ต่างกัน ตั้งแต่เด็ก ภพคือคนที่เขามองหาเมื่อร้องไห้ คือคนที่เขาวิ่งเข้าหาเมื่อเจ็บตัว คือคนที่เคยสัญญากับเขาว่า “โตขึ้นจะปกป้องหนูเอง” แม้คำสัญญานั้นจะจางหายไปตามกาลเวลา แต่วันนี้…มันกลับชัดเจนยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ เพียงแค่การได้กลับมาอยู่ในอ้อมกอดของกัน ความเจ็บในอกที่ฝังลึกมานานเหมือนคลายลงทีละน้อย เหมือนหัวใจทั้งสองกำลังค่อย ๆ จูนเข้าหากันใหม่อีกครั้ง จากแค่พี่ชายข้างบ้าน กลายเป็นคนที่กนกวางใจที่สุด โดยไม่รู้ตัว
“กนก…” ภพเอ่ยขึ้นเบา ๆ เมื่อเห็นว่าคนน้องสงบลงแล้ว มือยังลูบเส้นผมนุ่มนิ่มไม่หยุด “เราไม่จำเป็นต้องเข้มแข็งตลอดเวลาก็ได้นะ ร้องไห้ก็ได้ พูดออกมาก็ได้ ไม่ต้องเก็บไว้คนเดียวแบบนี้อีกแล้ว” กนกพยักหน้าช้า ๆ ริมฝีปากเม้มแน่น พอจะเปิดปากพูดแต่เสียงกลับสั่นเหมือนจะร้องไห้อีก
“พี่ไม่มีวันทิ้งกนก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม” เขาพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “พี่อยู่ตรงนี้ และจะอยู่ตรงนี้เสมอ” ในความเงียบที่ตามมา มีเพียงเสียงลมหายใจ และแสงแดดที่อ่อนลงตามกาลเวลา
ความสัมพันธ์ของพวกเขา…อาจเริ่มต้นจากความผูกพันในอดีต แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ กำลังเปลี่ยนความผูกพันนั้น ให้กลายเป็นความรักที่จริงแท้ เป็นรักที่เติบโตจากรอยแผล และถูกหล่อเลี้ยงด้วยความเข้าใจที่ไม่มีใครในโลกนี้ให้ได้…นอกจากกันและกัน
หน้าบ้านหลังเล็กที่เงียบงัน มีเพียงเสียงสะอื้นปะปนกับเสียงลมอ่อน ๆ ที่พัดผ่านราวกับโลกทั้งใบหยุดหมุน ปล่อยให้มีเพียงสองร่างในอ้อมกอดกันแน่นอยู่กลางห้วงเวลาอันแสนเจ็บปวด ภพกอดร่างของกนกแน่น รู้สึกได้ถึงแรงสั่นจากการร้องไห้ที่ไม่มีทีท่าจะหยุดลงง่าย ๆ น้ำตาของคนน้องเปียกเสื้อเขาจนชื้น และแรงกอดของกนกก็เหมือนเป็นการยึดเหนี่ยวสุดท้ายไว้กับความจริง“ฮึก… พี่ภพ… มันเจ็บ…” เสียงสะอื้นแผ่วเบารอดออกจากริมฝีปากสั่น“ไม่เป็นไรแล้ว…” ภพกระซิบเบา ๆ มือใหญ่ลูบหลังคนน้องอย่างอ่อนโยน“พี่อยู่นี่แล้ว ไม่มีใครทำร้ายกนกได้อีกแล้วนะ…”กนกส่ายหน้าเล็กน้อย ซุกหน้าลงที่ไหล่กว้าง เสียงร้องไห้เปลี่ยนเป็นสะอื้นอย่างทรมาน“มันย้อนกลับมา… ภาพพวกนั้น… ตอนเด็ก… ทำไมถึงลืมมันไปได้ ฮึก… ทำไมถึงเพิ่งจำได้ตอนนี้…”“ไม่ต้องโทษตัวเองนะคนเก่ง…” ภพก้มลงจูบผมนิ่ม ๆ ซับน้ำตาที่เปื้อนแก้มเนียนด้วยความอดทนที
วันนี้พี่ภพชวนผมออกจากบ้านตั้งแต่เช้า อากาศสดชื่นกว่าทุกวัน หรือบางทีอาจเป็นเพราะวันนี้พี่ภพอยู่ข้าง ๆเราไปเดินชมสวนดอกไม้ด้วยกัน แสงแดดอ่อน ๆ ทาบลงบนทุ่งกว้างที่เต็มไปด้วยสีสันของดอกไม้ที่กำลังผลิบาน นี่เป็นครั้งแรกที่เราถ่ายรูปคู่กัน พี่ภพยิ้มให้กล้อง ผมเองก็ยิ้มตามไปโดยไม่รู้ตัวแปลกดีนะ… ทำไมตอนนี้ผมรู้สึกว่ารอยยิ้มของพี่ภพเป็นเหมือนบ้านช่วงบ่าย พี่ภพบอกว่าจะพาผมไปในสถานที่แห่งหนึ่ง "สถานที่แห่งความทรงจำ"ผมไม่ได้ถามว่ามันคือที่ไหน เพราะสิ่งเดียวที่พี่ภพบอกผมก็คือ—"จับมือพี่ไว้แน่น ๆ นะ"และช่วงนี้ ผมกล้าจับมือพี่ภพแล้วด้วยเรานั่งรถมาด้วยกัน ข้างทางเริ่มคุ้นตาขึ้นเรื่อย ๆ ผมคิดว่าเรากำลังเดินทางกลับไปที่บ้านพี่ภพแต่พอรถเลี้ยวเข้าเส้นทางเล็ก ๆ ผมกลับรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่ทำให้หัวใจเต้นแรงขึ้นอย่างประหลาดมันไม่ใช่บ้านของพี่ภพ แต่เป็นบ้านเก่าหลังนึงที่สภาพดี แต่ไม่มีใครอยู่แล้ว เมื่อก้าวลงจากรถ ผมรู้สึกเหมือนถูกสายลมที่มองไม่เห็นกระแทกเข้ามาเต็มแรงลมพัดเอื่อย
ในห้วงเวลาอบอุ่นช่วงปิดเทอมผ่านไปอย่างรวดเร็ว กนกอยู่บ้านมาหลายสัปดาห์แล้ว พี่ภพเองก็ติดโปรเจกต์ปีสุดท้ายและกำลังเตรียมตัวเข้าสู่ชีวิตการทำงาน ทำให้เราไม่ได้เจอกันบ่อยนัก มีเพียงข้อความสั้นๆ ที่ส่งหากันเป็นระยะจนกระทั่งวันนี้พี่ภพมาหาน้าแป้น และทักมาหาเขา"วันนี้มาหาพี่หน่อย อยู่เป็นเพื่อนตอนทำงานได้ไหม?"กนกอ่านข้อความแล้วบอกแม่ว่าจะออกไปข้างนอกกับพี่ภพ เมื่อเจอกัน เราทานมื้อเที่ยงด้วยกัน ก่อนที่พี่ภพจะขับรถพาเขาไปยังห้องพักบรรยากาศภายในรถเงียบสงบ มีเพียงเสียงเพลงบรรเลงคลอแผ่วเบา อากาศเย็นกำลังดีทำให้รู้สึกสบายใจ กนกไม่ได้ถามว่าทำไมพี่ภพถึงพาเขามาที่ห้องพัก—เขาแค่ไว้ใจคอนโดของพี่ภพอยู่ไม่ไกลจากหอในของเขานัก เป็นห้องขนาดกว้าง แบ่งพื้นที่ใช้สอยอย่างเป็นระเบียบ พื้นที่ครัวเล็กๆ อยู่มุมหนึ่ง ห้องนอนเชื่อมกับพื้นที่ทำงาน เตียงกว้างและดูนุ่มมาก"เราจะนั่งอ่านหนังสือที่เตียงพี่ก็ได้นะ ถ้าง่วงก็นอนได้เลย""ครับ"กนกตอบรับโดยไม่ถามอะไร เขาหยิบหนังสือนิยายขึ้นมาเปิด แต่ในใจก็แอบสงสัยว่าพี่ภพให้มาอยู่เป็นเพื่อน หรือแค่ต้
"อ้อมกอดของแม่"คืนนี้เงียบสงบกว่าทุกคืน ลมหายใจของกนกอุ่นขึ้นเมื่อนอนอยู่ข้างแม่ อ้อมกอดที่คุ้นเคยทำให้เขารู้สึกปลอดภัย ราวกับได้ย้อนกลับไปเป็นเด็กตัวเล็กๆ อีกครั้ง"วันนี้แม่ขอนอนกับลูกชายคนโปรดได้ไหมครับ?""ได้ครับแม่"กนกขยับตัวให้แม่เข้ามาใต้ผ้าห่มอุ่นๆ พอเพชรล้มตัวลงนอน กนกก็รีบซุกตัวเข้าหาแม่ทันที โอบกอดแน่นราวกับไม่อยากให้เวลานี้ผ่านไปเพชรหัวเราะเบาๆ ก่อนจะลูบผมลูกชายอย่างอ่อนโยน "เป็นยังไงบ้างลูก ปีแรกในมหาวิทยาลัย เหนื่อยไหม?""เหนื่อยครับ แต่ก็สนุกมากด้วย""เรียนยากไหม?""ก็ยากนิดหน่อยครับ แต่ยังดีที่มีมิวช่วยติวให้ มิวเก่งมากเลยครับแม่""ดีจังเลย แม่จำได้ว่าลูกเล่าเรื่องมิวให้ฟังบ่อยๆ แล้วหนูพราวล่ะ เป็นไงบ้าง?""พราวก็ยังตลกเหมือนเดิมเลยครับแม่ ถ้าผมเครียดๆ เบื่อๆ พราวนี่แหละที่ทำให้ผมยิ้มได้""ดีแล้วล่ะลูก มีเพื่อนดีก็ช่วยกันประคองไปนะ มีอะไรให้แม่ช่วยก็บอกได้ อย่าเก็บไว้คนเดียว"กนกพยักหน้ารับ แล้วเงียบไปครู่หนึ่งเพชรมองลูกชายด้วยสายตาอ่อนโยน ก่อนจะถามสิ่งที่ค้างคาใจ "แล้วพี่ภ
หลังจากนั้นพบรักก็พากนกกลับบ้าน เด็กหนุ่มเดินเข้าบ้านพร้อมความรู้สึกที่อบอุ่น แม้จะมีความหวาดกลัวและกังวลบางอย่างยังค้างอยู่ในใจ แต่การมีพี่ภพอยู่เคียงข้าง คอยโอบกอด คอยปลอบโยน ทำให้เขารู้สึกว่า… ไม่ได้เผชิญทุกอย่างเพียงลำพังและยิ่งรู้สึก… ชอบพี่ภพมากขึ้นทุกวันวันนี้ดูเหมือนว่าเขาจะใช้พลังไปเยอะ ทั้งร่างกายและหัวใจเลยเหนื่อยล้าเต็มที กนกหยิบหนังสือนิยายขึ้นมา หวังว่าจะอ่านเล่นสักหน่อยก่อนจะหลับไปแต่ก่อนที่เปลือกตาจะหนักอึ้ง มือถือก็สั่นเบา ๆ แจ้งเตือนข้อความจาก LINEพี่ภพ: “นอนหรือยังครับ”กนก: “กนกจะอ่านหนังสือนิยายสักหน่อย แล้วก็คงจะนอนแล้วครับ”พี่ภพ: “นอนไวจัง เพิ่งสามทุ่มเอง”กนกหลุดยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะพิมพ์ตอบกลับกนก: “พี่ภพมีอะไรหรือเปล่าครับ”พี่ภพ: “พี่เหนื่อยนิดหน่อย พอดีส่งงานให้ลูกค้าอยู่ กำลังปั่นงานเลย”กนก: “วันนี้พี่ภพกลับไปในเมืองหรอครับ”
เพชรมองหน้าลูกชายตัวน้อยที่กำลังยิ้มกับโทรศัพท์ รอยยิ้มเล็ก ๆ ที่เจ้าตัวอาจไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าแสดงออกมา“ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อะไรกันครับ คุณกนกของแม่?”กนกสะดุ้งเงยหน้าขึ้น ก่อนจะรีบปฏิเสธเสียงอ้อมแอ้ม “ยิ้มอะไรกันล่ะครับ แม่คิดไปเอง กนกไม่ได้ยิ้มสักหน่อย”เพชรหัวเราะเบา ๆ “ก็เห็นยิ้มกับโทรศัพท์ไง”เด็กหนุ่มเม้มปาก หันไปมองหน้าจออีกครั้ง ก่อนจะยอมรับเสียงเบา “ก็...พี่ภพ LINE มาบอกนะครับว่าอยู่บ้านตัวเองแล้ว”“อ้อ”“แต่ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน กนกก็ไม่เคยเห็นเหมือนกัน” เจ้าตัวพูดต่อ “แต่ว่าพี่เขาบอกว่าบ้านอยู่ใกล้ ๆ บ้านเราตรงนี้นี่เอง”เพชรพยักหน้ารับรู้ ไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่แววตายังคงมองสำรวจลูกชายของตัวเอง“วันนี้เขาจะมาหาหรือเปล่า?”“พี่ภพเหรอครับ?”“จ้ะ”“เห็นบอกว่าวันนี้จะพาไปเที่ยวสวนมะพร้าวเล็ก ๆ”เพชรเลิกคิ้วเล็กน้อย “สวนมะพร้าว?”กนกพยักหน