วันนี้พี่ภพชวนผมออกจากบ้านตั้งแต่เช้า อากาศสดชื่นกว่าทุกวัน หรือบางทีอาจเป็นเพราะวันนี้พี่ภพอยู่ข้าง ๆ
เราไปเดินชมสวนดอกไม้ด้วยกัน แสงแดดอ่อน ๆ ทาบลงบนทุ่งกว้างที่เต็มไปด้วยสีสันของดอกไม้ที่กำลังผลิบาน นี่เป็นครั้งแรกที่เราถ่ายรูปคู่กัน พี่ภพยิ้มให้กล้อง ผมเองก็ยิ้มตามไปโดยไม่รู้ตัว
แปลกดีนะ… ทำไมตอนนี้ผมรู้สึกว่ารอยยิ้มของพี่ภพเป็นเหมือนบ้าน
ช่วงบ่าย พี่ภพบอกว่าจะพาผมไปในสถานที่แห่งหนึ่ง "สถานที่แห่งความทรงจำ"
ผมไม่ได้ถามว่ามันคือที่ไหน เพราะสิ่งเดียวที่พี่ภพบอกผมก็คือ—
"จับมือพี่ไว้แน่น ๆ นะ"
และช่วงนี้ ผมกล้าจับมือพี่ภพแล้วด้วย
เรานั่งรถมาด้วยกัน ข้างทางเริ่มคุ้นตาขึ้นเรื่อย ๆ ผมคิดว่าเรากำลังเดินทางกลับไปที่บ้านพี่ภพ
แต่พอรถเลี้ยวเข้าเส้นทางเล็ก ๆ ผมกลับรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่ทำให้หัวใจเต้นแรงขึ้นอย่างประหลาด
มันไม่ใช่บ้านของพี่ภพ แต่เป็นบ้านเก่าหลังนึงที่สภาพดี แต่ไม่มีใครอยู่แล้ว เมื่อก้าวลงจากรถ ผมรู้สึกเหมือนถูกสายลมที่มองไม่เห็นกระแทกเข้ามาเต็มแรงลมพัดเอื่อย ๆ รอบตัว ไม่มีอะไรน่ากลัว แต่ข้างในใจของผมกลับเริ่มหวั่นไหว กลิ่นอายบางอย่างในที่แห่งนี้ทำให้ร่างกายของผมเกร็งขึ้นมาเองโดยไม่รู้ตัว
... ผมเคยมาที่นี่
ความทรงจำบางอย่างที่หล่นหายเหมือนถูกกระตุ้นให้ฟุ้งขึ้นมา มันเหมือนหมอกจาง ๆ ที่ลอยวนอยู่ในหัว
กลิ่นฝุ่น ดินเปียกและเสียงบางอย่างแว่วเข้ามาเบา ๆ พร้อมทั้งได่ยินเสียงหวีดร้องของผู้หญิงและเสียงตะโกนด่าทอของผู้ชาย แว่วมาจนต้องหันมอง แล้วหัวใจของผมก็เริ่มเต้นแรงขึ้นโดยไม่มีเหตุผล ผมกำมือแน่นขึ้นโดยอัตโนมัติ พยายามหาอะไรบางอย่างยึดเหนี่ยวตัวเองเอาไว้ และก็รับรู้ได้ว่าผมถูกกอบกุมด้วยความอบอุ่นของพี่ภพ
"ไม่เป็นไร… พี่อยู่ตรงนี้"
เสียงของพี่ภพทำให้ผมพยายามดึงตัวเองกลับมา แต่ลมหายใจของผมเริ่มติดขัด มันเหมือนมีอะไรบางอย่างที่จมลึกอยู่ในใจ พยายามจะพุ่งขึ้นมา แต่ผมกลับยังไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับมัน เมื่อเงยหน้าขึ้นมองพี่ภพ ในแววตาของเขามีบางอย่างที่ซ่อนอยู่ มันเป็นความอ่อนโยนปะปนกับความเจ็บปวดบางอย่างและนั่นทำให้หัวใจของผมเริ่มหวาดหวั่นมากกว่าเดิม…
และทันทีที่เราก้าวเข้าไปใกลตัวบ้าน ทันใดนั้น ภาพในหัวของผมก็เหมือนถูกฉายซ้ำอีกครั้ง เสียงกรีดร้องของผู้หญิงดังลั่นทั่วบริเวณพร้อมกับเสียงของการทำลายข้าวของ และภาพของเด็กชายคนหนึ่งที่ร้องไห้กอดผู้หญิงคนนั้นไว้แน่น
"แม่! พอเถอะพ่อ อย่าทำแม่!"
ผมเคยได้ยินเสียงนี้มาก่อน…
ร่างสูงของชายคนหนึ่งง้างไม้ขึ้นเหนือศีรษะ เตรียมฟาดลงมาเต็มแรง แต่เด็กชายกลับ วิ่งเข้าไปขวาง
เสียงไม้กระทบใบหน้าดัง
ปั๊ก!
เลือดสาดกระเซ็นไปไม่รู้ทิ้งทางสร้างสีแดงฉานให้บริเวณโดยรอบ
เด็กชายที่ถูกทำร้ายไม่มีสติกระเด็นไปชนกับขอบโต๊ะ ใบหน้าเต็มไปด้วยเลือดไหลเต็มพื้นสีขาว เปรอะเปื้อนเป็นสีแดงฉาน
เด็กชายตัวเล็กอีกคนยืนอยู่ตรงมุมห้อง ดวงตาเบิกกว้างด้วยความหวาดกลัว
เขาสั่นเทา น้ำตาไหลอาบแก้ม แต่ไม่มีเสียงสะอื้นออกมา
ผมจำได้แล้ว… เด็กคนนั้นคือตัวผมเอง
ภาพทุกอย่างพุ่งเข้ามาเร็วเกินไป ร่างกายของผมสั่นสะท้านเหมือนเด็กคนนั้นในวันนั้น
ทุกย่างก้าวหนักอึ้งเหมือนมีโซ่ล่ามไว้ที่ข้อเท้า
แล้วมันก็เกิดขึ้น…
ภาพในหัวเหมือนถูกฉายซ้ำอีกครั้ง
ลมหายใจหยุดชะงัก กล้ามเนื้อทั้งร่างกายเกร็งจนเจ็บ หัวใจเต้นแรงเหมือนกำลังจะระเบิด
"กนก!" พี่ภพเห็นกนกทรุดลงไปกับพื้น เขารีบคว้าตัวน้องมากอด แต่ในจังหวะเดียวกัน ภาพในหัวของเขาก็ถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้ง
เงาของพ่อที่ยืนทับแม่ มือของพ่อที่กระชากแม่ด้วยแรงมหาศาลและสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว เสียงก่นด่า และเสียงฝ่ามือที่ฟาดลงบนผิวของแม่ พร้อมทั้งภาพความทรงจำอันเลวร้ายที่พ่อหยิบไม้หน้าสามขนาดใหญ่ขึ้นมา
แม้จะผ่านไปหลายปี แต่ความรู้สึกนั้นยังคงฝังอยู่ในความทรงจำอันส่วนลึก
ภพตัวสั่น… หัวใจของเขาเต้นเร็วขึ้นจนแทบไม่เป็นจังหวะ
"ฮึก… พี่ภพ ผม… ผมกลัว"
ภพคุกเข่าลงตรงหน้ากนก เขาคว้าร่างเล็ก ๆ นั้นเข้ามากอดแน่น
"พี่อยู่ตรงนี้…" เสียงของเขาสั่น แต่ยังคงอยู่ข้างผม "พี่จะไม่ไปไหน"
กนกสะอื้น หัวใจของเขายังคงเต้นกระหน่ำ แรงจนรู้สึกเหมือนจะเจ็บ แต่สัมผัสของภพทำให้เขารู้สึกถึงว่าเขาไม่ได้อยู่คนเดียว
พี่ภพเองก็กลัว
ผมรู้สึกได้ถึงแรงสั่นเบา ๆ ของเขา หัวใจที่เต้นแรงของเขา พี่ภพไม่ได้เข้มแข็งเหมือนที่เคยเป็นมาตลอด
"พี่ก็กลัวเหมือนกัน…" ภพพยายามสูดลมหายใจเข้าออกช้าๆ เขารู้ว่าเขาต่อสู้กับเรื่องราวที่อยู่ในหัวและความรู้สึกมานานนับปี และเขาเคยมาที่นี่กับแม่แล้วถึง 2 ครั้งในครั้งแรก เขากริ๊ดร้องแทบบ้า เพราะความทรงจำและความฝันร้ายๆมันคอยหลอกหลอนให้เขาต้องทนทุกข์ทรมาณกับภาพซ้ำเดิม กับเสียงของพ่อ และการถูกทำร้ายการคนที่เขารักที่สุด แม่พยายามโอบกอดเขาทั้งน้ำตา คอยประคองให้เขาเข้มแข็ง จนทำให้เขารู้สึกตัวว่า ถ้าเขาร้องไห้ แม่จะเสียใจมากกว่าทุกครั้ง ครั้งนั้นจึงเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่ความทรงจำเลวร้ายในบ้านลังนั้นจะทำร้ายเขา หลังจากนั้น เขาก็กลับมาอีกคนเดียว ถึงแม้ครั้งนั้นมันจะทำให้เขาหอบและสั่นสะท้าน แต่เขาก็ไล้มันไปได้ จนทำให้เขากล้าที่จะพาน้องมาที่นี่ เพราะเขาคือภพรักคนใหม่ที่จะทิ้งอดีตอันข่มขื่น พร้อมจะโอบกอดเด็กคนนั้นที่คอยอยู่ข้างเขาที่ช่วงที่เขาใกล้จะหมดลมหายใจ เด็กคนนั้นควรได้รับอ้อมกอดที่บริสุทธิ์และไม่อยากให้ใครทำร้ายเขาอีกเลย
พวกเราไม่ได้อยู่คนเดียวในความกลัวนี้อีกต่อไป
"พี่ก็เคยโดนทำร้าย พี่เคยกลัว กลัวมากจนอยากหนีไปให้ไกลที่สุด"
"แต่วันนี้… พี่จะไม่หนีแล้ว"เขากระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น
"เพราะพี่รู้แล้วว่ามีคนที่พี่อยากปกป้อง"
น้ำตาของผมไหลออกมาไม่ใช่เพราะความกลัวอีกต่อไป แต่มันคือความรู้สึกที่อบอุ่นจนแทบทนไม่ไหว
"เรา… เราจะผ่านมันไปด้วยกันใช่ไหม?"
พี่ภพพยักหน้า "ใช่ เราจะผ่านมันไปด้วยกัน"
พี่ภพกอดผมอย่างแน่น เขามองผมด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น มือของเขายังสั่นนิด ๆ จากความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ข้างใน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังยิ้มออกมา เขาเอื้อมมาสัมผัสแก้มผม ปลายนิ้วอุ่น ๆ ค่อย ๆ ปาดน้ำตาที่ไหลอาบลงมาช้า ๆ
พวกเขานั่งลงตรงนั้น ปล่อยให้ความเงียบทำหน้าที่โอบกอดหัวใจของกันและกัน แสงอาทิตย์ที่กำลังลับขอบฟ้าทอดเงายาวลงบนถนนเส้นนี้ แม้จะยังมีร่องรอยของความกลัว แม้จะยังมีแผลที่ไม่มีวันหายไปจากหัวใจ
แต่วันนี้มันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว
ภพมองลงไปที่กนก เด็กคนนั้นยังมีน้ำตาค้างอยู่บนแก้ม แต่รอยยิ้มของเขากลับสวยงามที่สุดเท่าที่ภพเคยเห็น
"กนก" ภพเอ่ยเรียก
"ครับ?"
ภพเอื้อมมือไปจับมือของกนกไว้แน่น ฝ่ามือของพวกเขาเย็นเฉียบ แต่เมื่อสัมผัสกัน มันก็เริ่มอบอุ่นขึ้นมาอย่างช้า ๆ
"พี่เคยสัญญาไว้ว่าถ้าเรามาที่นี่ด้วยกัน…"
"แล้วถ้าเรายังอยู่ข้าง ๆ พี่…"
ภพสูดลมหายใจลึก มองตรงเข้าไปในดวงตาของกนก
"พี่จะขอเราเป็นแฟน"
กนกเบิกตากว้าง หัวใจของเขากระตุกแรงอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่เพราะความหวาดกลัว แต่มันเป็นความรู้สึกที่อบอุ่นจนแทบล้นออกมา
เขาเม้มปากแน่น ก่อนจะพยักหน้า… แล้วโผเข้ากอดภพแน่นกว่าเดิม
"อืม… เป็นแฟนกัน"
หน้าบ้านหลังเล็กที่เงียบงัน มีเพียงเสียงสะอื้นปะปนกับเสียงลมอ่อน ๆ ที่พัดผ่านราวกับโลกทั้งใบหยุดหมุน ปล่อยให้มีเพียงสองร่างในอ้อมกอดกันแน่นอยู่กลางห้วงเวลาอันแสนเจ็บปวด ภพกอดร่างของกนกแน่น รู้สึกได้ถึงแรงสั่นจากการร้องไห้ที่ไม่มีทีท่าจะหยุดลงง่าย ๆ น้ำตาของคนน้องเปียกเสื้อเขาจนชื้น และแรงกอดของกนกก็เหมือนเป็นการยึดเหนี่ยวสุดท้ายไว้กับความจริง“ฮึก… พี่ภพ… มันเจ็บ…” เสียงสะอื้นแผ่วเบารอดออกจากริมฝีปากสั่น“ไม่เป็นไรแล้ว…” ภพกระซิบเบา ๆ มือใหญ่ลูบหลังคนน้องอย่างอ่อนโยน“พี่อยู่นี่แล้ว ไม่มีใครทำร้ายกนกได้อีกแล้วนะ…”กนกส่ายหน้าเล็กน้อย ซุกหน้าลงที่ไหล่กว้าง เสียงร้องไห้เปลี่ยนเป็นสะอื้นอย่างทรมาน“มันย้อนกลับมา… ภาพพวกนั้น… ตอนเด็ก… ทำไมถึงลืมมันไปได้ ฮึก… ทำไมถึงเพิ่งจำได้ตอนนี้…”“ไม่ต้องโทษตัวเองนะคนเก่ง…” ภพก้มลงจูบผมนิ่ม ๆ ซับน้ำตาที่เปื้อนแก้มเนียนด้วยความอดทนที
วันนี้พี่ภพชวนผมออกจากบ้านตั้งแต่เช้า อากาศสดชื่นกว่าทุกวัน หรือบางทีอาจเป็นเพราะวันนี้พี่ภพอยู่ข้าง ๆเราไปเดินชมสวนดอกไม้ด้วยกัน แสงแดดอ่อน ๆ ทาบลงบนทุ่งกว้างที่เต็มไปด้วยสีสันของดอกไม้ที่กำลังผลิบาน นี่เป็นครั้งแรกที่เราถ่ายรูปคู่กัน พี่ภพยิ้มให้กล้อง ผมเองก็ยิ้มตามไปโดยไม่รู้ตัวแปลกดีนะ… ทำไมตอนนี้ผมรู้สึกว่ารอยยิ้มของพี่ภพเป็นเหมือนบ้านช่วงบ่าย พี่ภพบอกว่าจะพาผมไปในสถานที่แห่งหนึ่ง "สถานที่แห่งความทรงจำ"ผมไม่ได้ถามว่ามันคือที่ไหน เพราะสิ่งเดียวที่พี่ภพบอกผมก็คือ—"จับมือพี่ไว้แน่น ๆ นะ"และช่วงนี้ ผมกล้าจับมือพี่ภพแล้วด้วยเรานั่งรถมาด้วยกัน ข้างทางเริ่มคุ้นตาขึ้นเรื่อย ๆ ผมคิดว่าเรากำลังเดินทางกลับไปที่บ้านพี่ภพแต่พอรถเลี้ยวเข้าเส้นทางเล็ก ๆ ผมกลับรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่ทำให้หัวใจเต้นแรงขึ้นอย่างประหลาดมันไม่ใช่บ้านของพี่ภพ แต่เป็นบ้านเก่าหลังนึงที่สภาพดี แต่ไม่มีใครอยู่แล้ว เมื่อก้าวลงจากรถ ผมรู้สึกเหมือนถูกสายลมที่มองไม่เห็นกระแทกเข้ามาเต็มแรงลมพัดเอื่อย
ในห้วงเวลาอบอุ่นช่วงปิดเทอมผ่านไปอย่างรวดเร็ว กนกอยู่บ้านมาหลายสัปดาห์แล้ว พี่ภพเองก็ติดโปรเจกต์ปีสุดท้ายและกำลังเตรียมตัวเข้าสู่ชีวิตการทำงาน ทำให้เราไม่ได้เจอกันบ่อยนัก มีเพียงข้อความสั้นๆ ที่ส่งหากันเป็นระยะจนกระทั่งวันนี้พี่ภพมาหาน้าแป้น และทักมาหาเขา"วันนี้มาหาพี่หน่อย อยู่เป็นเพื่อนตอนทำงานได้ไหม?"กนกอ่านข้อความแล้วบอกแม่ว่าจะออกไปข้างนอกกับพี่ภพ เมื่อเจอกัน เราทานมื้อเที่ยงด้วยกัน ก่อนที่พี่ภพจะขับรถพาเขาไปยังห้องพักบรรยากาศภายในรถเงียบสงบ มีเพียงเสียงเพลงบรรเลงคลอแผ่วเบา อากาศเย็นกำลังดีทำให้รู้สึกสบายใจ กนกไม่ได้ถามว่าทำไมพี่ภพถึงพาเขามาที่ห้องพัก—เขาแค่ไว้ใจคอนโดของพี่ภพอยู่ไม่ไกลจากหอในของเขานัก เป็นห้องขนาดกว้าง แบ่งพื้นที่ใช้สอยอย่างเป็นระเบียบ พื้นที่ครัวเล็กๆ อยู่มุมหนึ่ง ห้องนอนเชื่อมกับพื้นที่ทำงาน เตียงกว้างและดูนุ่มมาก"เราจะนั่งอ่านหนังสือที่เตียงพี่ก็ได้นะ ถ้าง่วงก็นอนได้เลย""ครับ"กนกตอบรับโดยไม่ถามอะไร เขาหยิบหนังสือนิยายขึ้นมาเปิด แต่ในใจก็แอบสงสัยว่าพี่ภพให้มาอยู่เป็นเพื่อน หรือแค่ต้
"อ้อมกอดของแม่"คืนนี้เงียบสงบกว่าทุกคืน ลมหายใจของกนกอุ่นขึ้นเมื่อนอนอยู่ข้างแม่ อ้อมกอดที่คุ้นเคยทำให้เขารู้สึกปลอดภัย ราวกับได้ย้อนกลับไปเป็นเด็กตัวเล็กๆ อีกครั้ง"วันนี้แม่ขอนอนกับลูกชายคนโปรดได้ไหมครับ?""ได้ครับแม่"กนกขยับตัวให้แม่เข้ามาใต้ผ้าห่มอุ่นๆ พอเพชรล้มตัวลงนอน กนกก็รีบซุกตัวเข้าหาแม่ทันที โอบกอดแน่นราวกับไม่อยากให้เวลานี้ผ่านไปเพชรหัวเราะเบาๆ ก่อนจะลูบผมลูกชายอย่างอ่อนโยน "เป็นยังไงบ้างลูก ปีแรกในมหาวิทยาลัย เหนื่อยไหม?""เหนื่อยครับ แต่ก็สนุกมากด้วย""เรียนยากไหม?""ก็ยากนิดหน่อยครับ แต่ยังดีที่มีมิวช่วยติวให้ มิวเก่งมากเลยครับแม่""ดีจังเลย แม่จำได้ว่าลูกเล่าเรื่องมิวให้ฟังบ่อยๆ แล้วหนูพราวล่ะ เป็นไงบ้าง?""พราวก็ยังตลกเหมือนเดิมเลยครับแม่ ถ้าผมเครียดๆ เบื่อๆ พราวนี่แหละที่ทำให้ผมยิ้มได้""ดีแล้วล่ะลูก มีเพื่อนดีก็ช่วยกันประคองไปนะ มีอะไรให้แม่ช่วยก็บอกได้ อย่าเก็บไว้คนเดียว"กนกพยักหน้ารับ แล้วเงียบไปครู่หนึ่งเพชรมองลูกชายด้วยสายตาอ่อนโยน ก่อนจะถามสิ่งที่ค้างคาใจ "แล้วพี่ภ
หลังจากนั้นพบรักก็พากนกกลับบ้าน เด็กหนุ่มเดินเข้าบ้านพร้อมความรู้สึกที่อบอุ่น แม้จะมีความหวาดกลัวและกังวลบางอย่างยังค้างอยู่ในใจ แต่การมีพี่ภพอยู่เคียงข้าง คอยโอบกอด คอยปลอบโยน ทำให้เขารู้สึกว่า… ไม่ได้เผชิญทุกอย่างเพียงลำพังและยิ่งรู้สึก… ชอบพี่ภพมากขึ้นทุกวันวันนี้ดูเหมือนว่าเขาจะใช้พลังไปเยอะ ทั้งร่างกายและหัวใจเลยเหนื่อยล้าเต็มที กนกหยิบหนังสือนิยายขึ้นมา หวังว่าจะอ่านเล่นสักหน่อยก่อนจะหลับไปแต่ก่อนที่เปลือกตาจะหนักอึ้ง มือถือก็สั่นเบา ๆ แจ้งเตือนข้อความจาก LINEพี่ภพ: “นอนหรือยังครับ”กนก: “กนกจะอ่านหนังสือนิยายสักหน่อย แล้วก็คงจะนอนแล้วครับ”พี่ภพ: “นอนไวจัง เพิ่งสามทุ่มเอง”กนกหลุดยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะพิมพ์ตอบกลับกนก: “พี่ภพมีอะไรหรือเปล่าครับ”พี่ภพ: “พี่เหนื่อยนิดหน่อย พอดีส่งงานให้ลูกค้าอยู่ กำลังปั่นงานเลย”กนก: “วันนี้พี่ภพกลับไปในเมืองหรอครับ”
เพชรมองหน้าลูกชายตัวน้อยที่กำลังยิ้มกับโทรศัพท์ รอยยิ้มเล็ก ๆ ที่เจ้าตัวอาจไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าแสดงออกมา“ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อะไรกันครับ คุณกนกของแม่?”กนกสะดุ้งเงยหน้าขึ้น ก่อนจะรีบปฏิเสธเสียงอ้อมแอ้ม “ยิ้มอะไรกันล่ะครับ แม่คิดไปเอง กนกไม่ได้ยิ้มสักหน่อย”เพชรหัวเราะเบา ๆ “ก็เห็นยิ้มกับโทรศัพท์ไง”เด็กหนุ่มเม้มปาก หันไปมองหน้าจออีกครั้ง ก่อนจะยอมรับเสียงเบา “ก็...พี่ภพ LINE มาบอกนะครับว่าอยู่บ้านตัวเองแล้ว”“อ้อ”“แต่ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน กนกก็ไม่เคยเห็นเหมือนกัน” เจ้าตัวพูดต่อ “แต่ว่าพี่เขาบอกว่าบ้านอยู่ใกล้ ๆ บ้านเราตรงนี้นี่เอง”เพชรพยักหน้ารับรู้ ไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่แววตายังคงมองสำรวจลูกชายของตัวเอง“วันนี้เขาจะมาหาหรือเปล่า?”“พี่ภพเหรอครับ?”“จ้ะ”“เห็นบอกว่าวันนี้จะพาไปเที่ยวสวนมะพร้าวเล็ก ๆ”เพชรเลิกคิ้วเล็กน้อย “สวนมะพร้าว?”กนกพยักหน