ในห้วงเวลาอบอุ่น
ช่วงปิดเทอมผ่านไปอย่างรวดเร็ว กนกอยู่บ้านมาหลายสัปดาห์แล้ว พี่ภพเองก็ติดโปรเจกต์ปีสุดท้ายและกำลังเตรียมตัวเข้าสู่ชีวิตการทำงาน ทำให้เราไม่ได้เจอกันบ่อยนัก มีเพียงข้อความสั้นๆ ที่ส่งหากันเป็นระยะ
จนกระทั่งวันนี้พี่ภพมาหาน้าแป้น และทักมาหาเขา
"วันนี้มาหาพี่หน่อย อยู่เป็นเพื่อนตอนทำงานได้ไหม?"
กนกอ่านข้อความแล้วบอกแม่ว่าจะออกไปข้างนอกกับพี่ภพ เมื่อเจอกัน เราทานมื้อเที่ยงด้วยกัน ก่อนที่พี่ภพจะขับรถพาเขาไปยังห้องพัก
บรรยากาศภายในรถเงียบสงบ มีเพียงเสียงเพลงบรรเลงคลอแผ่วเบา อากาศเย็นกำลังดีทำให้รู้สึกสบายใจ กนกไม่ได้ถามว่าทำไมพี่ภพถึงพาเขามาที่ห้องพัก—เขาแค่ไว้ใจ
คอนโดของพี่ภพอยู่ไม่ไกลจากหอในของเขานัก เป็นห้องขนาดกว้าง แบ่งพื้นที่ใช้สอยอย่างเป็นระเบียบ พื้นที่ครัวเล็กๆ อยู่มุมหนึ่ง ห้องนอนเชื่อมกับพื้นที่ทำงาน เตียงกว้างและดูนุ่มมาก
"เราจะนั่งอ่านหนังสือที่เตียงพี่ก็ได้นะ ถ้าง่วงก็นอนได้เลย"
"ครับ"
กนกตอบรับโดยไม่ถามอะไร เขาหยิบหนังสือนิยายขึ้นมาเปิด แต่ในใจก็แอบสงสัยว่าพี่ภพให้มาอยู่เป็นเพื่อน หรือแค่ต้องการให้เขามาอยู่ใกล้ๆ กันแน่
หลังจากพูดคุยกันไม่นาน พี่ภพก็กลับไปนั่งหน้าคอม เสียงคีย์บอร์ดดังเป็นจังหวะมั่นคง เสียงคลิกเมาส์ดังแทรกเป็นระยะ เสียงเพลงบรรเลงช่วยให้เขาผ่อนคลายมากขึ้น กนกค่อยๆ เผลอวางนิยายลงแล้วมองพี่ภพที่กำลังตั้งใจทำงาน
ในเวลาที่พี่ภพจริงจังกับบางสิ่ง เขาดูเท่จนน่าแปลกใจ ยิ่งเวลาขมวดคิ้วเคร่งเครียด ยิ่งทำให้ดูมีเสน่ห์ไปอีกแบบ—คล้ายพระเอกในนิยายที่เขากำลังอ่าน เวลายิ้ม โลกก็ดูสดใสขึ้นทันตา แต่เวลานิ่งเงียบกลับดูขรึมจนใจเต้นแปลกๆ
กนกเผลอมองอยู่นาน... นานจนพี่ภพรู้ตัว
สายตาคมเหลือบมามองตรงๆ พร้อมรอยยิ้มมุมปากแฝงแววเจ้าเล่ห์ กนกสะดุ้ง รีบหลบตาแทบไม่ทัน
ตั้งแต่วันนั้น—วันที่พี่ภพเผลอจูบเขา ทุกครั้งที่สบตา ใจเขาก็เต้นแรงจนควบคุมไม่อยู่
ไม่ไหวแล้ว... แกล้งหลับดีกว่า!
กนกรีบดึงผ้าห่มขึ้นคลุมโปง คิดว่าคงพอช่วยให้รอดจากความเขินได้บ้าง
แต่แล้ว...
ผ้าห่มที่คลุมตัวอยู่กลับแน่นขึ้น ราวกับโดนโอบรัด ลมหายใจอุ่นรินรดอยู่ใกล้ๆ พร้อมเสียงกระซิบแผ่วเบา
"ดิ้นแบบนี้... พี่อาจจะทำอะไรเราก็ได้นะครับ"
คำพูดนั้นทำให้กนกนิ่งค้าง หัวใจเต้นโครมครามจนแทบหลุดออกมา ความร้อนแล่นขึ้นใบหน้าทันที รีบมุดหน้ากลับเข้าไปในผ้าห่มแน่นกว่าเดิม
"เดี๋ยวก็หายใจไม่ออกหรอกครับคนดี นอนดีๆ พี่ห่มให้เอง"
กนกเม้มริมฝีปากแน่น... แค่ได้ยินคำว่า "คนดีของพี่" เขาก็นิ่งสนิทไปทั้งตัว
พี่ภพ... น่ากลัวที่สุดเลย!
เขารู้สึกได้ถึงรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ซ่อนอยู่ในน้ำเสียงของพี่ภพ หลังจากพี่ภพห่มผ้าให้แล้ว กนกคิดว่าอีกฝ่ายคงกลับไปทำงานตามเดิม จึงพลิกตัวตะแคงไปอีกฝั่ง แต่เพียงเสี้ยววินาที... ปลายจมูกของเขากลับไปชนเข้ากับแก้มนิ่มของพี่ภพโดยไม่ตั้งใจ
สัมผัสนั้นทำให้ทุกอย่างหยุดนิ่ง
กนกเบิกตากว้าง รีบผละตัวออกมาแทบไม่ทัน
"พะ...พี่ภพ... คือ... ผะ...ผม..."
เสียงละล่ำละลักที่เปล่งออกมาไม่เป็นประโยคใดๆ ทำให้พี่ภพยิ้มกว้างอย่างจงใจ
กนกรู้ทันทีว่าเขากำลังจะโดนแกล้งอีกแล้ว...!
ความร้อนพุ่งขึ้นมาจนใบหน้าแดงเถือก กนกรีบมุดหน้ากลับเข้าไปในผ้าห่มอีกครั้ง ไม่สนใจเสียงหัวเราะแผ่วๆ ของพี่ภพที่พูดตามมาเบาๆ
"แกล้งพี่แบบนี้ พี่จะไม่ยอมปล่อยให้ผ่านไปง่ายๆ หรอกนะครับ คนดีของพี่"
ไม่ฟังแล้ว! ไม่สนแล้ว!
ตอนนี้เขาแค่ต้องจัดการกับหัวใจของตัวเองให้สงบลงก่อนที่จะเต้นแรงไปมากกว่านี้...
อบอุ่นในอ้อมแขน
หลังจากโดนพี่ภพแกล้งจนหน้าแทบไหม้ กนกก็ใช้เวลาที่เหลือหมดไปกับการนอนอ่านนิยายอย่างสบายใจ ท่ามกลางบรรยากาศสงบ เสียงคีย์บอร์ดและเมาส์ที่ดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอทำให้เขาเผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว
เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมา แสงอาทิตย์ยามเย็นกำลังทอดเงายาวบนพื้นห้อง พี่ภพไม่ได้อยู่ที่โต๊ะทำงานเหมือนตอนก่อนเขาหลับ แต่ยืนอยู่ที่ระเบียง กำลังคุยโทรศัพท์กับใครสักคน
กนกมองแผ่นหลังกว้างที่ทอดมองไปยังท้องฟ้าไกลออกไป ท่าทีของพี่ภพดูเหนื่อยล้า แม้จะไม่ได้ยินรายละเอียดของบทสนทนา แต่สีหน้าของเขาก็พอจะบอกได้ว่าพี่ภพกำลังเจอกับเรื่องหนักใจ
ไม่นานนัก เสียงพูดคุยก็เงียบลง พี่ภพปิดโทรศัพท์แล้วถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเดินกลับเข้ามาในห้อง
"เหนื่อยจังเลยครับ..."
เสียงทุ้มที่เปล่งออกมาแผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยความอ่อนล้า กนกที่เพิ่งตื่นยังไม่ทันตั้งตัวก็ได้แต่มองอีกฝ่ายอย่างไม่รู้จะพูดอะไรดี
พี่ภพเดินมาหา นั่งลงบนขอบเตียง ก่อนจะอ้าแขนออกเล็กน้อย
"อยากได้อ้อมกอดกำลังใจจังเลย..."
คำพูดแสนเนือยที่แฝงแววอ้อนเล็กๆ ทำให้กนกชะงัก ใจเต้นแปลกๆ อีกครั้ง
กอด...เหรอ?
พี่ภพตัวโตขนาดนี้ ยังต้องการกำลังใจจากเขาอีกเหรอ?
แต่พอเห็นสีหน้าอ่อนล้าของพี่ภพ กนกก็คิดว่า—แค่กอดให้กำลังใจคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง
เขาค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้ ก่อนจะโผตัวเข้ากอดอีกฝ่ายอย่างเก้ๆ กังๆ
พี่ภพไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ถอนหายใจแผ่วเบา แล้วเอนตัวซบอกเขาเหมือนคนหมดแรงจริงๆ
ศีรษะของพี่ภพแนบลงตรงหน้าอกของเขา ลมหายใจอุ่นรินรดผ่านเนื้อผ้า ผ่อนคลายราวกับพร้อมจะหลับเสียเดี๋ยวนั้น
กนกตัวเกร็งไปทั้งตัว นี่เขาต้องทำอะไรต่อไหม?
มือข้างหนึ่งค่อยๆ ยกขึ้น แล้วแตะลงบนแผ่นหลังกว้าง ลูบเบาๆ แบบที่แม่เคยทำตอนเขาเป็นเด็ก—ตอนที่เขากลัว หรือร้องไห้—ให้พอรู้สึกว่ามีใครอยู่ข้างๆ
พี่ภพตัวโตและอบอุ่นกว่าที่คิด...
"เฮ้อ..."
เสียงพี่ภพพึมพำแผ่วเบา ก่อนจะเปรยขึ้นมาเหมือนพูดกับตัวเอง
"เมื่อไหร่พี่จะได้เป็นแฟนกนกสักที... จีบจนเหนื่อยแล้วนะ..."
คำพูดนั้นดังชัดเจนเข้ามาเต็มสองหู กนกนิ่งไปทันที ใบหน้าร้อนวูบตั้งแต่ลำคอขึ้นไปจนถึงปลายหู
เขารู้สึกได้ถึงแรงสั่นของหัวใจตัวเองที่เต้นแรงจนแทบทะลุออกมา
จะให้ตอบอะไรได้ล่ะ!?
ทำเป็นไม่ได้ยินดีกว่า...!
กนกไม่พูดอะไร เพียงแค่ลูบหลังพี่ภพต่อไปเงียบๆ เหมือนกำลังให้กำลังใจ
พี่ภพเองก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เพียงแค่ซุกตัวอยู่แบบนั้น ท่ามกลางความเงียบที่แฝงไปด้วยความรู้สึกที่ไม่ต้องเอ่ยเป็นคำพูด
และบางที...
หัวใจของกนกเอง อาจจะกำลังเผลอยอมรับอะไรบางอย่างโดยไม่รู้ตัวแล้วก็ได้...
ความลับที่กำลังจะเปิดเผย
พี่ภพเงยหน้าขึ้นจากอ้อมกอด ใบหน้าเต็มไปด้วยความจริงจังที่กนกไม่คุ้นเคย
"พี่อยากขอเราเป็นแฟน"
เสียงทุ้มเอ่ยออกมาแผ่วเบา แต่กลับดังก้องอยู่ในใจของกนก
"พี่อยากดูแลเราด้วยหัวใจของพี่"
กนกไปไม่เป็น หัวใจเต้นโครมครามจนแทบจะระเบิดออกมา ทำไมอยู่ๆ ถึงมาพูดอะไรแบบนี้ มันฉุกละหุกเกินไปไหม—เขายังไม่ทันตั้งตัวเลยด้วยซ้ำ!
แต่ก่อนที่เขาจะหาคำตอบให้ตัวเองได้ รอยยิ้มอ่อนโยนของพี่ภพก็ปรากฏขึ้น ราวกับรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
"เราไม่ต้องตอบพี่ตอนนี้ก็ได้" พี่ภพพูดต่อ น้ำเสียงอบอุ่นและหนักแน่น "พี่อยากให้เราลองพิจารณาดู ถึงแม้ว่า... พี่อาจจะทำให้เราตกใจและเผลอทำอะไรที่ห้ามใจตัวเองไม่ได้ในช่วงแรกที่เราเจอกัน แต่หลังจากนี้ พี่จะถนอมและดูแลเราอย่างดี"
กนกมองอีกฝ่ายนิ่ง ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังรู้สึกยังไงกันแน่ มันทั้งตื่นเต้น ทั้งสับสน ทั้งอบอุ่น และ... บางอย่างที่เขาอธิบายไม่ได้
พี่ภพสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ ก่อนจะพูดสิ่งที่ทำให้กนกใจเต้นแรงขึ้นไปอีก
"ในอีกไม่กี่วัน พี่จะพาเราไปเจอกับบางอย่าง..."
สายตาของพี่ภพเต็มไปด้วยบางสิ่งที่กนกอ่านไม่ออก แต่กลับรู้สึกได้ถึงแรงสั่นไหวบางอย่าง
"มันอาจทำให้เราหวาดกลัวพี่ จนเราอาจจะไม่กล้ามองหน้าพี่ได้เหมือนเดิม แต่พี่อยากให้กนกรู้ไว้ ว่าเราคือกำลังใจที่ทำให้พี่ได้มาอยู่ตรงนี้ในวันนี้"
มือที่จับไหล่เขาแน่นขึ้น ราวกับต้องการให้เขารับรู้ถึงความจริงใจที่ส่งผ่านมา
"แล้ววันนั้น เราค่อยมาคุยกันอีกที... ว่าเราจะรับพี่เป็นแฟนไหม"
พี่ภพพูดอะไรแปลกๆ ออกมาอีกแล้ว กนกไม่เข้าใจว่ามันหมายถึงอะไร แต่หัวใจของเขากลับเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ ราวกับสัมผัสได้ว่ามันต้องเป็นเรื่องที่สำคัญมากแน่ๆ
แล้วพี่ภพก็โผเข้ากอดเขาอีกครั้ง
กอดครั้งนี้ต่างออกไปจากครั้งก่อน มันไม่ได้เป็นเพียงแค่การอ้อนขอกำลังใจจากความเหนื่อยล้า แต่เป็นกอดที่แน่นกว่า อบอุ่นกว่า และมั่นคงกว่า
เป็นกอดแบบเดียวกับที่พี่ภพเคยกอดเขาในวันที่เขาหวาดกลัว วันที่เขาร้องไห้เพราะเผชิญกับความทรงจำอันพร่าเลือน
เป็นกอดที่เหมือนกับจะบอกว่า—
"ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น พี่จะอยู่ข้างกนกเสมอ"
หน้าบ้านหลังเล็กที่เงียบงัน มีเพียงเสียงสะอื้นปะปนกับเสียงลมอ่อน ๆ ที่พัดผ่านราวกับโลกทั้งใบหยุดหมุน ปล่อยให้มีเพียงสองร่างในอ้อมกอดกันแน่นอยู่กลางห้วงเวลาอันแสนเจ็บปวด ภพกอดร่างของกนกแน่น รู้สึกได้ถึงแรงสั่นจากการร้องไห้ที่ไม่มีทีท่าจะหยุดลงง่าย ๆ น้ำตาของคนน้องเปียกเสื้อเขาจนชื้น และแรงกอดของกนกก็เหมือนเป็นการยึดเหนี่ยวสุดท้ายไว้กับความจริง“ฮึก… พี่ภพ… มันเจ็บ…” เสียงสะอื้นแผ่วเบารอดออกจากริมฝีปากสั่น“ไม่เป็นไรแล้ว…” ภพกระซิบเบา ๆ มือใหญ่ลูบหลังคนน้องอย่างอ่อนโยน“พี่อยู่นี่แล้ว ไม่มีใครทำร้ายกนกได้อีกแล้วนะ…”กนกส่ายหน้าเล็กน้อย ซุกหน้าลงที่ไหล่กว้าง เสียงร้องไห้เปลี่ยนเป็นสะอื้นอย่างทรมาน“มันย้อนกลับมา… ภาพพวกนั้น… ตอนเด็ก… ทำไมถึงลืมมันไปได้ ฮึก… ทำไมถึงเพิ่งจำได้ตอนนี้…”“ไม่ต้องโทษตัวเองนะคนเก่ง…” ภพก้มลงจูบผมนิ่ม ๆ ซับน้ำตาที่เปื้อนแก้มเนียนด้วยความอดทนที
วันนี้พี่ภพชวนผมออกจากบ้านตั้งแต่เช้า อากาศสดชื่นกว่าทุกวัน หรือบางทีอาจเป็นเพราะวันนี้พี่ภพอยู่ข้าง ๆเราไปเดินชมสวนดอกไม้ด้วยกัน แสงแดดอ่อน ๆ ทาบลงบนทุ่งกว้างที่เต็มไปด้วยสีสันของดอกไม้ที่กำลังผลิบาน นี่เป็นครั้งแรกที่เราถ่ายรูปคู่กัน พี่ภพยิ้มให้กล้อง ผมเองก็ยิ้มตามไปโดยไม่รู้ตัวแปลกดีนะ… ทำไมตอนนี้ผมรู้สึกว่ารอยยิ้มของพี่ภพเป็นเหมือนบ้านช่วงบ่าย พี่ภพบอกว่าจะพาผมไปในสถานที่แห่งหนึ่ง "สถานที่แห่งความทรงจำ"ผมไม่ได้ถามว่ามันคือที่ไหน เพราะสิ่งเดียวที่พี่ภพบอกผมก็คือ—"จับมือพี่ไว้แน่น ๆ นะ"และช่วงนี้ ผมกล้าจับมือพี่ภพแล้วด้วยเรานั่งรถมาด้วยกัน ข้างทางเริ่มคุ้นตาขึ้นเรื่อย ๆ ผมคิดว่าเรากำลังเดินทางกลับไปที่บ้านพี่ภพแต่พอรถเลี้ยวเข้าเส้นทางเล็ก ๆ ผมกลับรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่ทำให้หัวใจเต้นแรงขึ้นอย่างประหลาดมันไม่ใช่บ้านของพี่ภพ แต่เป็นบ้านเก่าหลังนึงที่สภาพดี แต่ไม่มีใครอยู่แล้ว เมื่อก้าวลงจากรถ ผมรู้สึกเหมือนถูกสายลมที่มองไม่เห็นกระแทกเข้ามาเต็มแรงลมพัดเอื่อย
ในห้วงเวลาอบอุ่นช่วงปิดเทอมผ่านไปอย่างรวดเร็ว กนกอยู่บ้านมาหลายสัปดาห์แล้ว พี่ภพเองก็ติดโปรเจกต์ปีสุดท้ายและกำลังเตรียมตัวเข้าสู่ชีวิตการทำงาน ทำให้เราไม่ได้เจอกันบ่อยนัก มีเพียงข้อความสั้นๆ ที่ส่งหากันเป็นระยะจนกระทั่งวันนี้พี่ภพมาหาน้าแป้น และทักมาหาเขา"วันนี้มาหาพี่หน่อย อยู่เป็นเพื่อนตอนทำงานได้ไหม?"กนกอ่านข้อความแล้วบอกแม่ว่าจะออกไปข้างนอกกับพี่ภพ เมื่อเจอกัน เราทานมื้อเที่ยงด้วยกัน ก่อนที่พี่ภพจะขับรถพาเขาไปยังห้องพักบรรยากาศภายในรถเงียบสงบ มีเพียงเสียงเพลงบรรเลงคลอแผ่วเบา อากาศเย็นกำลังดีทำให้รู้สึกสบายใจ กนกไม่ได้ถามว่าทำไมพี่ภพถึงพาเขามาที่ห้องพัก—เขาแค่ไว้ใจคอนโดของพี่ภพอยู่ไม่ไกลจากหอในของเขานัก เป็นห้องขนาดกว้าง แบ่งพื้นที่ใช้สอยอย่างเป็นระเบียบ พื้นที่ครัวเล็กๆ อยู่มุมหนึ่ง ห้องนอนเชื่อมกับพื้นที่ทำงาน เตียงกว้างและดูนุ่มมาก"เราจะนั่งอ่านหนังสือที่เตียงพี่ก็ได้นะ ถ้าง่วงก็นอนได้เลย""ครับ"กนกตอบรับโดยไม่ถามอะไร เขาหยิบหนังสือนิยายขึ้นมาเปิด แต่ในใจก็แอบสงสัยว่าพี่ภพให้มาอยู่เป็นเพื่อน หรือแค่ต้
"อ้อมกอดของแม่"คืนนี้เงียบสงบกว่าทุกคืน ลมหายใจของกนกอุ่นขึ้นเมื่อนอนอยู่ข้างแม่ อ้อมกอดที่คุ้นเคยทำให้เขารู้สึกปลอดภัย ราวกับได้ย้อนกลับไปเป็นเด็กตัวเล็กๆ อีกครั้ง"วันนี้แม่ขอนอนกับลูกชายคนโปรดได้ไหมครับ?""ได้ครับแม่"กนกขยับตัวให้แม่เข้ามาใต้ผ้าห่มอุ่นๆ พอเพชรล้มตัวลงนอน กนกก็รีบซุกตัวเข้าหาแม่ทันที โอบกอดแน่นราวกับไม่อยากให้เวลานี้ผ่านไปเพชรหัวเราะเบาๆ ก่อนจะลูบผมลูกชายอย่างอ่อนโยน "เป็นยังไงบ้างลูก ปีแรกในมหาวิทยาลัย เหนื่อยไหม?""เหนื่อยครับ แต่ก็สนุกมากด้วย""เรียนยากไหม?""ก็ยากนิดหน่อยครับ แต่ยังดีที่มีมิวช่วยติวให้ มิวเก่งมากเลยครับแม่""ดีจังเลย แม่จำได้ว่าลูกเล่าเรื่องมิวให้ฟังบ่อยๆ แล้วหนูพราวล่ะ เป็นไงบ้าง?""พราวก็ยังตลกเหมือนเดิมเลยครับแม่ ถ้าผมเครียดๆ เบื่อๆ พราวนี่แหละที่ทำให้ผมยิ้มได้""ดีแล้วล่ะลูก มีเพื่อนดีก็ช่วยกันประคองไปนะ มีอะไรให้แม่ช่วยก็บอกได้ อย่าเก็บไว้คนเดียว"กนกพยักหน้ารับ แล้วเงียบไปครู่หนึ่งเพชรมองลูกชายด้วยสายตาอ่อนโยน ก่อนจะถามสิ่งที่ค้างคาใจ "แล้วพี่ภ
หลังจากนั้นพบรักก็พากนกกลับบ้าน เด็กหนุ่มเดินเข้าบ้านพร้อมความรู้สึกที่อบอุ่น แม้จะมีความหวาดกลัวและกังวลบางอย่างยังค้างอยู่ในใจ แต่การมีพี่ภพอยู่เคียงข้าง คอยโอบกอด คอยปลอบโยน ทำให้เขารู้สึกว่า… ไม่ได้เผชิญทุกอย่างเพียงลำพังและยิ่งรู้สึก… ชอบพี่ภพมากขึ้นทุกวันวันนี้ดูเหมือนว่าเขาจะใช้พลังไปเยอะ ทั้งร่างกายและหัวใจเลยเหนื่อยล้าเต็มที กนกหยิบหนังสือนิยายขึ้นมา หวังว่าจะอ่านเล่นสักหน่อยก่อนจะหลับไปแต่ก่อนที่เปลือกตาจะหนักอึ้ง มือถือก็สั่นเบา ๆ แจ้งเตือนข้อความจาก LINEพี่ภพ: “นอนหรือยังครับ”กนก: “กนกจะอ่านหนังสือนิยายสักหน่อย แล้วก็คงจะนอนแล้วครับ”พี่ภพ: “นอนไวจัง เพิ่งสามทุ่มเอง”กนกหลุดยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะพิมพ์ตอบกลับกนก: “พี่ภพมีอะไรหรือเปล่าครับ”พี่ภพ: “พี่เหนื่อยนิดหน่อย พอดีส่งงานให้ลูกค้าอยู่ กำลังปั่นงานเลย”กนก: “วันนี้พี่ภพกลับไปในเมืองหรอครับ”
เพชรมองหน้าลูกชายตัวน้อยที่กำลังยิ้มกับโทรศัพท์ รอยยิ้มเล็ก ๆ ที่เจ้าตัวอาจไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าแสดงออกมา“ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อะไรกันครับ คุณกนกของแม่?”กนกสะดุ้งเงยหน้าขึ้น ก่อนจะรีบปฏิเสธเสียงอ้อมแอ้ม “ยิ้มอะไรกันล่ะครับ แม่คิดไปเอง กนกไม่ได้ยิ้มสักหน่อย”เพชรหัวเราะเบา ๆ “ก็เห็นยิ้มกับโทรศัพท์ไง”เด็กหนุ่มเม้มปาก หันไปมองหน้าจออีกครั้ง ก่อนจะยอมรับเสียงเบา “ก็...พี่ภพ LINE มาบอกนะครับว่าอยู่บ้านตัวเองแล้ว”“อ้อ”“แต่ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน กนกก็ไม่เคยเห็นเหมือนกัน” เจ้าตัวพูดต่อ “แต่ว่าพี่เขาบอกว่าบ้านอยู่ใกล้ ๆ บ้านเราตรงนี้นี่เอง”เพชรพยักหน้ารับรู้ ไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่แววตายังคงมองสำรวจลูกชายของตัวเอง“วันนี้เขาจะมาหาหรือเปล่า?”“พี่ภพเหรอครับ?”“จ้ะ”“เห็นบอกว่าวันนี้จะพาไปเที่ยวสวนมะพร้าวเล็ก ๆ”เพชรเลิกคิ้วเล็กน้อย “สวนมะพร้าว?”กนกพยักหน