เมื่อทั้งสองมาถึงร้านชาบูหน้ามหาวิทยาลัย สถานที่นัดหมายกับ โชติ
พีท ก้าวเข้ามาในร้านชาบูพร้อมด้วยร่างบางของอันนาท่วงท่าอันสง่างาม และร่างสูงโปร่งของเขา ดึงดูดทุกสายตาราวกับมีแรงดึงดูดบางอย่างที่ไม่อาจต้านทานได้
ใบหน้าคมคายรับกับหน้าคมเข้มสมส่วน ดวงตาคมลึกเปล่งประกายความมั่นใจ เพียงแค่เขาก้าวเท้าเข้ามา บรรยากาศในร้านก็ดูจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย เสียงพูดคุยที่เคยจอแจพลันแผ่วลงแทบจะพร้อมกันอย่างน่าประหลาด
สาว ๆ หลายคนเหลือบมองเขาด้วยแววตาตื่นเต้น บางคนกระซิบกระซาบกับเพื่อนราวกับไม่อยากเชื่อว่าได้เจอเดือนมหาวิทยาลัยคนหล่อ ในสถานที่แห่งนี้จริง ๆ พนักงานต้อนรับถึงกับชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะรีบส่งยิ้มต้อนรับพร้อมนำทางไปยังโต๊ะ
ชายหนุ่มไม่ได้สนใจสายตาที่จับจ้องมาที่ตน เขาเดินไปอย่างมั่นคง ทุกจังหวะก้าวเต็มไปด้วยความมั่นใจ ราวกับไม่เคยหวั่นไหวต่อสิ่งรอบข้าง ถ้าใครเห็นคงต้องบอกว่า นายคนนี้….ขี้เก๊กเป็นที่สุด
เขารู้สึกถึงบรรยากาศที่แตกต่างออกไปจากสิ่งที่เขาคุ้นเคยโดยสิ้นเชิง กลิ่นน้ำซุปร้อน ๆ ลอยคลุ้ง เสียงพูดคุยจอแจของกลุ่มนักศึกษาดังปะปนกับเสียงน้ำเดือดปุด ๆ และเสียงตะเกียบกระทบหม้อ ทุกอย่างดูเป็นกันเองและคึกคัก แต่สำหรับเขาแล้ว มันแปลกใหม่เกินไป
เขาแทบไม่เคยมาใช้เวลานั่งกินอะไรแบบนี้มาก่อน ส่วนใหญ่แล้ว ชายหนุ่มจะกลับไปทานข้าวที่บ้านกับครอบครัว ซึ่งมักเป็นมื้ออาหารที่จัดเตรียมไว้อย่างเรียบร้อย
หากไม่ได้กลับบ้าน เขาก็มักจะไปทานข้าวข้างนอกกับกลุ่มของกวินและมีเพื่อนผู้ชายพร้อมผู้หญิงของแต่ละคนที่มาด้วย ซึ่งจะต้องพาเขาไปร้านหรูหราระดับพรีเมียม ที่นั่นมีแสงไฟนวลอบอุ่น เสียงเพลงคลอเบา ๆ และมีกลุ่มผู้หญิงที่รายล้อมตัวเขาเสมอ
แต่ที่นี่… กลับไม่มีอะไรแบบนั้นเลย
พีท มองไปรอบ ๆ ด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก โต๊ะไม้ธรรมดา หม้อชาบูกลางโต๊ะ เครื่องดื่มที่เสิร์ฟมาในแก้วพลาสติก ทุกอย่างดูเรียบง่ายและเป็นกันเองกว่าที่เขาเคยเจอมา
เขาเหลือบมองหญิงสาว ดวงตากลมโตภายใต้แว่นตาพยายามไม่สบตาของเขา เธอยังคงหน้าแดงอยู่ แก้มของเธอยังอมสีชมพูจาง ๆ จากเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ เธอเดินหลบๆ ห่างๆ เขา เพื่อไม่ให้ตกเป็นเป้าสายตาว่าเธอนั้นมากับพีท
“อันนา! พีท! ทางนี้!”
เสียงของ โชติ ดังขึ้นจากมุมในสุดของร้าน เขานั่งอยู่ที่โต๊ะที่จองไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ ส่วนอีกมือกำลังคีบเนื้อลงในหม้ออย่างใจเย็น เมื่อเห็นพวกเขาเดินเข้ามา โชติ หรี่ตามองพวกเขาด้วยแววตาคมกริบ
หญิงสาว หยุดชะงักไปเล็กน้อยเมื่อสายตาของ โชติ จับจ้องมาที่เธอ ก่อนที่รอยยิ้มเจ้าเล่ห์จะปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา
“ทำไมหน้าแดงขนาดนั้นล่ะ อันนา ไปทำอะไรมา?” โชติเอ่ยเสียงเรียบ แต่แฝงไปด้วยความนัย
อันนา สะดุ้ง รู้สึกเหมือนโดนจับได้ เธอรีบยกมือขึ้นแตะแก้มตัวเองโดยอัตโนมัติ ก่อนจะหลุบตาลงแล้วรีบหาข้อแก้ตัว “เปล่าสักหน่อย… ร้อนน่ะ”
โชติ หัวเราะในลำคอ ดวงตาคมกริบกวาดมองเธอ แล้วตวัดสายตาไปทาง พีท ที่เพิ่งนั่งลงข้าง ๆ อันนา
ชายหนุ่มเจ้าของใบหน้าหล่อเหลานั่งเอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างสบาย ๆ แต่มือข้างหนึ่งกลับวางอยู่บนโต๊ะ ใกล้กับมือของอันนาเสียจนเกือบจะสัมผัสกัน
พีท ไม่ได้แสดงท่าทีมีพิรุธใด ๆ เขาเพียงแค่เหลือบตามอง โชติ แวบหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถามเสียงเรียบ “คุณมาทานที่นี่กับอันนาบ่อยหรอ เห็นอันนาเล่าให้ผมฟัง?”
โชติ หัวเราะเบา ๆ ทันทีที่ได้ยินคำถามของพีท แววตาของเขาฉายชัดว่าเจอเป้าหมายในการหยอกล้อเข้าให้แล้ว
“โห พูดซะเป็นทางการเลยนะครับ เรียก โชติ เฉยๆ ก็ได้ครับ” เขาลากเสียงเย้า ก่อนจะยกแก้วน้ำขึ้นจิบพลางเหลือบตามองพีท อย่างรู้ทัน “จะบอกว่าผมมากินกับอันนาบ่อยไหม ก็…ก็บ่อยอยู่นะ จริงไหม อันนา?”
พีท ถึงกับทำหน้าไม่สบอารมณ์ เขามองมาที่หญิงสาว เธอรู้สึกได้ถึงสายตาทั้งสองคู่ที่จับจ้องมาที่เธอ
“อะ…อือ ก็มากับเพื่อน ๆ บ้าง” เธอตอบตะกุกตะกัก พลางหยิบเห็ดใส่หม้อไปเรื่อย ๆ เพื่อไม่ให้ต้องสบตากับใคร
พีท พยักหน้าเบา ๆ “งั้นเหรอ…” เขาพึมพำเสียงเรียบ ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรเป็นพิเศษ แต่ดวงตาคมกริบของเขากลับจ้องมองโชติอย่างอ่านไม่ออก
โชติ ยิ้มมุมปาก ก่อนจะใช้ตะเกียบคีบเนื้อขึ้นมาจุ่มในน้ำซุปช้า ๆ “ว่าแต่…พีทล่ะ เป็นยังไงบ้างทำโครงการวิจัยกับอันนาวันนี้ สนุกไหม อันนา เค้าค่อนข้างจริงจังและดุมากเลยนะครับ จริงไหมอันนา?”
อันนา พยายามปฏิเสธ “ไม่ขนาดนั้นหรอก โชติเองก็รู้นี่นาว่าอันนาเป็นคนยังไง คบกันมาตั้งนานจนใกล้จะจบแล้วนะ”
“หือ…คบกันจนรู้กันหมดไส้หมดพุงเลยรึ ยัยแว่น” พีท คิดในใจและเริ่มไม่พอใจ
“โอเค ๆ เข้าใจแล้วคร้าบ…คุณอันนา คนน่ารักของผม” โชติ พูดต่อด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ รอยยิ้มพึงพอใจประดับอยู่บนใบหน้า
ขณะที่ดวงตาของพีท ยิ่งขมวดแน่นขึ้นกว่าเดิม คำพูดของโชติมันช่างดูสนิทสนมกันเกินไปสำหรับเขา
“เท่าที่ทำงานโครงการวิจัยร่วมกันมา ผมว่าเพื่อนของโชติ คนนี้ไม่ดุเลย…..การทำโครงวิจัยของเราก็กำลังเข้มข้นเลยละ ผลัดกันให้ข้อมูลรายละเอียดที่ไม่เคยทำให้อีกฝ่ายได้รู้และเป็นประโยชน์มาก….จนบางครั้งตั้งตัวไม่ทันเลย”
พีท พูดต่อด้วยเสียงเรียบแต่แฝงด้วยความหมายเจ้าเล่ห์บางอย่าง ก่อนจะหันไปมองอันนาที่ก้มหน้าหลบตาเขาอยู่
หญิงสาวหน้าแดงมาก เธอกลัวพีทจะพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับเธอและเขา จึงรีบยกแก้วน้ำขึ้นจิบอย่างรวดเร็ว
โชติ สังเกตุพฤติกรรมก็รู้แล้วว่าชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาที่ดึงดูดสายตาของคนที่ได้พบเห็นคนนี้ กำลังมีความสนใจ ในตัว อันนา จริง ๆ และ เขาเหมือนจะรู้ถึงอาการหึงหวงของชายหนุ่มหน้าตาดีคนนี้ที่มีต่ออันนา
. ทำไมชายหนุ่มผู้มีรูปลักษณ์อันหล่อเหลา ดูดีราวกับพระเอกละคร แถมยังมีทีท่าว่าเป็นลูกหลานผู้ดีมีฐานะ ถึงได้ให้ความสนใจในตัวสาวน้อยธรรมดา ๆ คนหนึ่ง?
สาวน้อยที่มีดวงตากลมโตซ่อนอยู่หลังกรอบแว่น ใบหน้าขาวใสที่ดูจริงจังเสมอ ราวกับโลกทั้งใบไม่อาจทำให้เธอหวั่นไหวได้ ท่าทางดุดันและสงวนท่าทีของเธอไม่ได้มีแม้แต่เงาของความประทับใจแรกพบที่มีต่อเขา
แล้วอะไรล่ะ ที่ทำให้ชายหนุ่มผู้สมบูรณ์แบบในสายตาใครต่อใคร เลือกจะทุ่มเทความสนใจให้กับเธอ? โชติครุ่นคิดอยู่ภายในใจ เขาแอบอมยิ้มอยู่เพียงคนเดียว ค่ำคืนนี้ดูจะน่าสนใจขึ้นมาอีกหน่อยแล้วล่ะ!
“กินชาบูกันเถอะ วันนี้ โชติ เลี้ยงเองทั้งอันนา ทั้งพีท และยินดีที่ได้รู้จักพีทมากขึ้น" โชติ เอ่ยชวนขึ้น น้ำเสียงสบาย ๆ แต่ก็แฝงความจริงจังอยู่ในที
เมื่อ พีท มองหม้อชาบูตรงหน้าด้วยสีหน้าที่อ่านไม่ออก เขาเคยกินอาหารที่มีเชฟเสิร์ฟให้ เคยไปร้านที่มีพนักงานจัดทุกอย่างให้เรียบร้อย แต่กับหม้อชาบูเดือด ๆ ที่ต้องลวกเอง หยิบเอง ตักน้ำจิ้มเองแบบนี้… มันต้องเริ่มจากตรงไหนก่อน?
โชติ แอบเหลือบมองแล้วยิ้ม
ขณะที่ อันนา เองก็กำลังยุ่งอยู่กับการใส่ผักและเนื้อลงหม้อ เธอเริ่มผ่อนคลายลง อาจจะด้วยความหิวด้วยทำให้เธอไม่ได้นึกถึงสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นก่อนหน้าระหว่างเธอกับพีท
พีท นั่งนิ่งไปหลายวินาที เหมือนคนไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง
“เอ่อ… แล้วต้องทำไงก่อน?” เขาถามเสียงเบาแต่หน้าหล่อๆ ของเขา ยังนิ่งอยู่เหมือนไม่ใช่ปัญหาใหญ่
โชติ แทบหลุดขำออกมา
ส่วนอันนา เธอชะงักไปนิดหนึ่ง ก่อนจะหันหน้าไปมองเขาแล้วหัวเราะเบา ๆ
หญิงสาว มองมาที่พีทยังคงนั่งนิ่งเหมือนคนไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง แล้วหลุดยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
หน้าของ อันนา เวลายิ้มดูน่ารักขึ้นอย่างน่าประหลาด รอยยิ้มของเธอทำให้บรรยากาศรอบตัวดูสดใสขึ้นโดยไม่รู้ตัว ฟันขาวเรียงตัวสวยรับกับริมฝีปากอิ่มได้รูป
ทุกครั้งที่เธอหัวเราะเบา ๆ มันเหมือนเสียงระฆังใส ๆ ที่ดังก้องอยู่ในความคิดของคนที่มอง
“… นี่อย่าบอกนะว่านายไม่เคยกินชาบู” เธอลืมความเจ้าเล่ห์และเสน่ห์อันร้อนแรงของชายหนุ่มไป และถูกแทนที่ด้วยความเก้ ๆ กัง ๆ ไม่ถนัดในท่าทางของเขาที่นั่งอยู่ข้าง ๆ อันนา
เธอสังเกตเห็นได้ทันทีจากวิธีที่เขาถือตะเกียบ—นิ้วเรียวยาวกลับจับมันแบบไม่มั่นคงนัก คล้ายไม่คุ้นเคยกับการใช้มันเสียเท่าไร และเมื่อเขาพยายามคีบเนื้อบาง ๆ ลงไปในหม้อ น้ำซุปร้อน ๆ ก็เดือดพล่านขึ้นมา ทำให้เขาชะงักไปเล็กน้อย
อันนามองภาพนั้นด้วยความขบขัน รอยยิ้มแตะแต้มบนริมฝีปากโดยไม่รู้ตัว นี่หรือคือชายหนุ่มเจ้าเสน่ห์ที่มักจะดูนิ่งขรึมและเต็มไปด้วยความมั่นใจ?เสียงหวานของเธอเจือไปด้วยความขบขันเล็ก ๆ ดวงตากลมโตจับจ้องใบหน้าคมของเขาอย่างพิจารณา ไม่ใช่แค่เพราะประหลาดใจ แต่เพราะเธอเพิ่งค้นพบอีกมุมหนึ่งของชายหนุ่ม —มุมที่ไม่ได้เต็มไปด้วยความเจ้าเสน่ห์หรือความก่อกวนเหมือนที่เธอเคยเจอ แต่มันเป็นมุมที่… ตลกและน่ารักอย่างน่าประหลาด
เขากระแอมเบา ๆ ก่อนจะเลื่อนสายตามามองเธอด้วยแววตาที่เหมือนจะปฏิเสธ แต่สุดท้ายก็ยอมรับมันอย่างเสียไม่ได้
“ไม่ใช่ว่าไม่เคย…ฉันแค่ไม่ค่อยได้กิน” เสียงทุ้มมีเสน่ห์ของเขาดังขึ้น ทว่ากลับฟังดูติดขัดไปเล็กน้อย ราวกับไม่แน่ใจในคำตอบของตัวเอง ดวงตาคมกริบจ้องมองหม้อชาบูที่เดือดพล่านอยู่ตรงหน้า คล้ายกำลังประเมินสถานการณ์อย่างเงียบ ๆ
อันนา แอบอมยิ้มกับท่าทางของเขา แม้จะพยายามทำเป็นไม่รู้สึกอะไร แต่แววตาที่ลังเลอยู่ตรงหน้าหม้อซุปมันบอกชัดเจนว่า พีทไม่ได้มีความมั่นใจในสถานการณ์นี้เลย
“งั้นฉันสอนให้นะ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ก่อนจะคีบเนื้อบาง ๆ ให้ดูเป็นตัวอย่าง “นายต้องเอาเนื้อลงจุ่มในน้ำซุปก่อนนะ แค่พอสุก ไม่ต้องแช่นาน ไม่งั้นเนื้อจะแข็งเกินไป”
หญิงสาว เผลอหัวเราะออกมาเบา ๆ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นพีทในมุมที่ไม่สมบูรณ์แบบ—เขาดูเงอะ ๆ งะ ๆ และหลุดจากภาพลักษณ์ของเดือนมหาวิทยาลัยสุดเท่ห์ หล่อเหลาและอยู่ในสังคมของหนุ่มเพลย์บอย ที่ทุกคนรู้จัก’ ไปโดยสิ้นเชิง
พีท พยักหน้ารับช้า ๆ ค่อย ๆ จุ่มเนื้อลงในหม้อตามที่เธอสอนอย่างตั้งใจ แต่ดันเผลอปล่อยตะเกียบหลุดลงไปในหม้อด้วย
“อ้าว…”
“ฮ่า ๆ ๆ พีท นายทำตะเกียบหล่นแล้ว!” อันนา หัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ ก่อนจะหยิบตะเกียบใหม่ยื่นให้เขา “เอานี่ไปใช้ก่อน”
พีท รับมันมาอย่างเสียไม่ได้ ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ แม้เขาจะยังคงรักษาสีหน้าสงบนิ่งเอาไว้ แต่ภายในใจกลับรู้สึกบางอย่างที่อธิบายไม่ถูก
บางที… แค่ได้นั่งอยู่ตรงนี้กับอันนา ได้เห็นรอยยิ้มของเธอ ได้ยินเสียงหัวเราะของเธอแบบนี้ มันก็ดีกว่าทุกมื้ออาหารหรูที่เขาเคยกินมาแล้ว
“งั้น… ฉันลองใหม่”
คราวนี้ พีท หยิบเนื้อบาง ๆ ใส่หม้ออย่างระมัดระวังตามที่ อันนา สอน แต่เขาดันปล่อยตะเกียบลงไปในหม้ออีกครั้ง ทำให้ต้องรีบควานหามันกลับมา
โชติ หัวเราะลั่น “โอ้โห พีท!! นี่กินไปเล่นน้ำไปเลยสินะ!”
อันนา เผลอหัวเราะตามไปด้วย ก่อนจะหยิบตะเกียบให้ เขา ใหม่
พีท ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะรับมันมาอย่างเสียไม่ได้ แม้จะดูเงอะ ๆ งะ ๆ แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกหงุดหงิดหรือรำคาญ กลับกัน… เขารู้สึกว่าโต๊ะอาหารมื้อนี้มันอบอุ่นและสนุกดีแปลก ๆ
โชติมองนาฬิกาข้อมือตัวเองแล้วพูดขึ้น
“รออีกแป๊บ เดี๋ยวจะมีคนมาสมทบด้วย”
อันนา ที่กำลังคีบเนื้ออยู่ถึงกับชะงัก มองโชติด้วยดวงตากลมโต และตื่นเต้น “ใช่ๆ ลืมอีกคนสำคัญไปเลยนะโชติ…มิน่าถึงว่าทำไมโต๊ะดูโล่งๆจัง?”
โชติ ยิ้มมุมปาก “เค้ากำลังจะมาถึงแล้วละ”
พีท ถือตะเกียบค้างไว้กลางอากาศ หันไปมองโชติอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง หน้าหล่อขมวดคิ้ว
โชติ หัวเราะเบา ๆ พลางเฉลยให้ พีท ได้ทราบ “อ๋อ แฟนโชติ เองครับกำลังมา”
พีท ยังคงอึ้ง ถามเสียงหลง “นายมีแฟนแล้ว?”
“ใช่ แล้วก็กำลังจะมาที่นี่ด้วย”
เขาไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก เมื่อได้รู้ว่าโชติมีแฟนแล้ว
มันเป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นทันทีโดยไม่ต้องใช้เหตุผล ไม่ต้องหาเหตุผลมารองรับ พีท เพิ่งตระหนักว่า… เขาไม่ต้องคอยระแวงสายตา หรือความใกล้ชิดระหว่างอันนากับโชติอีกต่อไป
แล้วนี่เขาเป็นอะไรไปกันแน่?
เขาหึงอันนาอย่างนั้นเหรอ?
แค่คิดแบบนั้น หัวใจของเขาก็เต้นผิดจังหวะขึ้นมา เขารู้สึกหวงเวลาที่รู้ว่า อันนา ออกไปไหนกับ โชติ
แต่พอได้รู้ความจริงว่าสุดท้ายแล้ว โชติ ไม่ได้มีอะไรที่เขาต้องเป็นห่วงกับอันนา ความหนักอึ้งที่แบกไว้ในใจกลับคลายลงอย่างน่าประหลาด
เขาหันไปมองหญิงสาวอย่างเงียบ ๆ เธอกำลังพูดและหัวเราะไปกับโชติอย่างเป็นธรรมชาติ ดวงตาใสซื่อเต็มไปด้วยความสดใส เหมือนเธอกำลังลืมเหตุการณ์ที่เร่าร้อนเหมือนไม่ได้เกิดขึ้น หรือเธอพยายามกลบเกลื่อนมัน
แต่ก่อนที่เขาจะได้คิดอะไรไปมากกว่านั้น เสียงกริ่งประตูร้านก็ดังขึ้น และคนที่พีทไม่รู้จักเดินเข้ามา
หมอธีร์---แฟนหนุ่มของ โชติ ก็มาถึงร้าน
“พี่หมอธีร์!คะ สวัสดีคะ” อันนา เรียกชื่อหมอหนุ่มด้วยน้ำเสียงสดใส ก่อนจะลุกขึ้นไหว้และต้อนรับอย่างเป็นกันเอง
พีท หันไปมอง ก่อนจะพบกับชายหนุ่มใบหน้าคมเข้ม ดูภูมิฐานและสุขุม ใส่เสื้อเชิ้ตสีอ่อนกับกางเกงสแล็คอย่างเรียบร้อย เขามีรอยยิ้มอบอุ่นที่ดูเป็นมิตร และแววตาที่ฉายความฉลาดเฉียบคม ซึ่ง พีท เดาได้ทันทีว่า นี่แหละ… แฟนโชติ
หมอธีร์ เดินเข้ามานั่งข้าง โชติ ก่อนจะหันไปมองอันนาด้วยรอยยิ้มอบอุ่น
"ไง อันนา ช่วงนี้ไม่ได้เจอกันเลยนะ" เขาทักทายด้วยน้ำเสียงเป็นกันเอง "เห็น โชติ บอกว่า อันนา ติดทำโครงการวิจัย แถมตอนเย็นยังต้องไปทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านกาแฟอีก ช่วงนี้คงยุ่งน่าดูใช่ไหม?"
" ช่วงนี้ยุ่งจริง ๆ ค่ะ งานโครงการก็ต้องเร่งให้เสร็จตามกำหนด เวลาว่างเลยแทบไม่มีค่ะพี่หมอ"
เธอถอนหายใจเบา ๆ แต่ดวงตายังคงเป็นประกายสดใสตามแบบฉบับของเธอ
หมอธีร์ พยักหน้ารับรู้ ก่อนจะหันไปมอง พีท อย่างสนใจ เขาเป็นชายหนุ่มที่มีเสน่ห์ดึงดูดตั้งแต่แรกเห็น ใบหน้าคมชัดราวกับสลักจากหินอ่อน คิ้วเข้มเรียงตัวสวยอย่างเป็นธรรมชาติ เติมเต็มดวงตาที่เฉียบคมและลึกซึ้ง จมูกโด่งเป็นสันอย่างสมบูรณ์แบบ เสริมให้ใบหน้าดูโดดเด่นทุกมุมมอง
มันไม่ได้มีเพียงความหล่อเหลาที่ตรึงสายตา แต่ยังแฝงไปด้วยเสน่ห์ที่ทำให้ใครต่อใครต้องตกหลุมรัก
รอยยิ้มของหมอธีร์ ยังคงเป็นมิตรเช่นเดิม
"สวัสดีครับ นี่คงเป็น พีท คนที่ อันนา เล่าให้ฟังเรื่องทำโครงการวิจัยด้วยกัน อันนา นี่ช่างโชคดีจริงๆ ได้ทำงานกับหนุ่มวิศวะสุดฮอต เดือนมหาวิทยาลัย แถมหล่อแบบไม่เกรงใจใครเลย"
คำพูดของ หมอธีร์ ทำให้ พีท ชะงักไปเล็กน้อย ดวงตาคมเหลือบมอง อันนา โดยอัตโนมัติ ขณะที่เธอก็รีบก้มหน้าลงไปคีบลูกชิ้นเข้าหม้อคล้ายพยายามทำตัวให้เป็นธรรมชาติ
พีท หรี่ตามองเธอเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับไปสบตากับหมอธีร์
"สวัสดีครับ ผม..พีท ยินดีที่ได้รู้จักครับ" เขาตอบเสียงเรียบ แต่แววตาแฝงไปด้วยความสงสัยที่แม้แต่ตัวเองก็อธิบายไม่ได้
“พี่เป็นคุณหมอหรอครับ?” พีท เอ่ยถามด้วยความอยากรู้
“ใช่ครับ... พี่ เป็นหมอที่โรงพยาบาลของมหาวิทยาลัย” หมอธีร์ ตอบด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ ดวงตาทอประกายอ่อนโยน แต่ก็แฝงไปด้วยความจริงจังของคนที่ผ่านประสบการณ์มากมาย
“โชติ กับ อันนา เขาสนิทกันตั้งแต่ปีหนึ่งแล้ว” หมอธีร์เล่าพลางยิ้ม
“พวกเขาชอบไปกินชาบูกันบ่อย ๆ บางทีพี่ติดงาน พวกเขาก็ไปมากันเองสองคน... แถมสนุกกันใหญ่เลย ไม่มีใครคอยห้ามเรื่องกินเยอะ”
หมอธีร์ มองเขานิ่ง ๆ ก่อนจะยิ้มบาง ๆ แล้วเอ่ยขึ้นว่า "ได้เจอตัวจริงแล้ว สมกับที่อันนาเล่าให้ฟังจริง ๆ"
คำพูดนั้นทำให้ พีท ยิ่งรู้สึกแปลก ๆ ขึ้นไปอีก…
"เหรอครับ?" เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง แต่ภายในใจกลับรู้สึกประหลาด
อันนา เล่า อะไรเกี่ยวกับเขากันแน่?
เขาเหลือบไปมอง อันนา เธอยังตั้งหน้าตั้งตาจุ่มลูกชิ้นลงหม้ออย่างจริงจังเกินเหตุ แก้มใสขึ้นสีจาง ๆ คล้ายพยายามหลีกเลี่ยงสายตาของเขา
"เล่ายังไงบ้างครับ? ผมชักอยากรู้แล้วสิ?" พีท ลอบมองต่ำไปที่อันนาอีกครั้ง
หญิงสาวไม่สบสายตาเขา เธอนั่งไม่ติด ลุกรี้ลุกรน ราวกับกลัวคำตอบของพี่หมอธีร์ที่จะเอื้อนเอ่ยออกมา หัวใจเต้นระรัวจนแทบจะทะลุออกจากอก มือเรียวกำชายกระโปรงแน่น ดวงตาคู่สวยฉายแววลังเลระคนวิตก
หมอธีร์ หัวเราะเบา ๆ ก่อนจะหยิบตะเกียบขึ้นมา คีบเนื้อลงในหม้อชาบูอย่างคล่องแคล่ว
"ก็เล่าว่าเป็นคนทะเล้น และชอบกวนใจเวลาทำงาน เอาเสนห์มาล่อหลอกให้เธอไม่มีสมาธิ…จริงไหมอันนา?"
หมอธีร์พูดทีเล่นทีจริง ให้หญิงสาวที่กำลังนั่งหลบตาเขาสะดุ้งเฮือก!!!และได้ตอบสนองแบบรวดเร็ว
"พี่หมอธีร์! อย่าขายกันสิคะ" อันนาทำตาโตอย่างตกใจ
"ว่าแล้วเชียว พี่หมอธีร์ " อันนา นึกในใจ
"คือ….คือหนูไม่ได้ตั้งใจพูดแบบนั้นสักหน่อย!" เธอพยายามแก้ตัวแต่ก็แทบไร้ผล
"แล้วก็…" หมอธีร์ เว้นจังหวะเล็กน้อยก่อนจะยิ้มมุมปาก ดวงตาฉายแววล้อเลียนจาง ๆ และอยากแกล้งหญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้มคนนี้
เพราะหมอธีร์มองออกแต่แรกแล้วว่าทั้งสองน่าจะกำลังสนใจกัน เพียงแต่ไม่เปิดเผยออกมา
"อันนา เล่าว่า บางทีชายหนุ่มคนที่ทำโครงการวิจัยด้วยก็ชอบโปรยเสน่ห์เกินไป จนเธอเกือบจะไขว้เขว" หมอธีร์ ใส่ไข่ในคำพูดของตัวเอง
"พี่หมอธีร์! คะ…คือ…คือไม่ใช่นะคะ" เธออ้าปากค้าง พูดอะไรแทบไม่ได้มาก หูร้อนผ่าว มาถึงหน้าที่กำลังแดงระเรื่อ ใครๆ ดูก็รู้ว่าเธอกำลังเขินอายอย่างมาก
โชติ หัวเราะเสียงดัง "โอ๊ย ๆ อันนา ทำไมอยู่ดี ๆ ลนลานแบบนี้ล่ะ? มีความน่าสงสัยนะ? พูดติดๆขัดๆ ไม่เหมือนอันนาคนเดิมเลย"
พีท มองท่าทางของอันนาอย่างพินิจ ริมฝีปากของเขายกขึ้นเล็กน้อยราวกับพอใจอะไรบางอย่าง
"ฉันกวนใจเธอขนาดนั้นเลยเหรอ?" หน้าหล่อของเขาหันมาถามหญิงสาวด้วยเสียงเรียบ แต่แววตากลับฉายความสนุกที่ซ่อนอยู่
เธอ เม้มปากแน่นก่อนจะหันไปค้อนหมอธีร์
"พี่หมอธีร์อ่ะ พูดเกินจริงไปแล้ว!"
หมอธีร์หัวเราะในลำคอ "อ้าว พี่ก็พูดตามที่เธอบ่นให้ฟังนะ อันนา"
อันนา แทบอยากจะมุดลงไปในหม้อชาบู
พีท ยกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
"คราวหน้าถ้ารู้สึกว่าฉันกวนใจ ก็บอกตรง ๆ ก็ได้ ฉันพร้อมจะลดระดับความแรงลงมาให้นุ่มนวลลง" เขาพูดขึ้นมาอย่างเรียบง่าย เอียงหน้ามามองอันนา สายตาแฝงความหมายบางอย่างไว้
เธอ กะพริบตาปริบ ๆ หัวใจเต้นแรงขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล
คำพูดของเขาฟังดู… แปลก ๆ อีกแล้วนะ…
ใกล้สามทุ่ม…..อันนามองนาฬิกาข้อมือก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ "คงต้องกลับหอพักแล้ว..." เธอพึมพำเบา ๆ ก่อนจะหันไปมองโชติและพี่หมอธีร์ด้วยสายตาคาดหวัง "พี่หมอกับโชติ ไปส่งอันนาหน่อยได้ไหม?"โชติ ยิ้มแหย ๆ ก่อนจะส่ายหน้า "เสียดายจังอันนา วันนี้เรากับพี่หมอมีนัดแล้วด้วยสิ"พี่หมอธีร์ เสริมขึ้นพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ"ใช่ พี่จองโต๊ะที่คาเฟ่อีกแห่งไว้แล้ว กะว่าจะไปฉลองวันเกิดกันสองคนต่อนะ วันนี้ให้หนุ่มหล่อ คุณพีท ไปส่งนะ พี่ว่าเขาไม่น่าจะติดอะไรนะ" หมอธีร์พูดให้เธอรู้สึกคลายกังวลอันนา ชะงักเล็กน้อย หัวใจหล่นวูบอย่างช่วยไม่ได้ นั่นหมายความว่าเธอไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องให้ พีท ไปส่งอีกแล้วงั้นเหรอ?เธอหันไปมอง พีท ที่นั่งติดกันเขาได้ยินที่ทุกคนพูด รอยยิ้มมุมปากของเขาทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาอีกครั้ง"ยินดีครับ" พีท เอ่ยรับคำของพี่หมอธีร์อย่างสั้นๆ เขาทำหน้าอมยิ้ม ใบหน้าอันหล่อเหลามีความเจ้าเล่ห์บางอย่างความทรงจำครั้งก่อนยังคงติดอยู่ในหัว...การสัมผัสที่ร้อนระอุจนผิวเนื้อเธอขนลุกชูชัน ความใกล้ชิดที่ทำให้เธอรู้สึกหวั่นไหวยังไม่จางหายไปเธอกำมือแน่น พยายามกลั้นความรู้สึกกลัวที่ก่อตัวขึ้นมาในใจ"
กวินและกลุ่มเพื่อนมาถึงผับแล้ว ค่ำคืนย่างกรายเข้ามาอย่างสมบูรณ์ แสงไฟนีออนกระพริบระยิบระยับจากผับชื่อดังกลางเมือง เสียงเพลงจังหวะหนักดังกระหึ่มตั้งแต่หน้าประตู กลิ่นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ปะปนกับน้ำหอมราคาแพงลอยคลุ้งไปทั่วบริเวณที่นี่เป็นจุดนัดหมายของพวกเขาในคืนนี้ พวกเขามีแผนจะมาสนุก ดื่ม และแน่นอน—ใช้เวลากับสาวๆเมื่อ กวิน ก้าวเท้าเข้าไปในโซนวีไอพี ดวงตาของเขากวาดมองไปรอบๆ ก่อนจะหยุดลงที่กลุ่มสาวๆ โต๊ะประจำของพวกเขาและคนที่เขาต้องเจอคือ ยี่หวาเธอสวมเดรสสีแดงรัดรูปที่เปิดไหล่ข้างหนึ่ง เผยผิวเนียนละเอียดจนเป็นประกายภายใต้แสงไฟ กระโปรงของเธอสั้นจนแทบปิดต้นขาไม่มิด พร้อมกับส้นสูงคู่สวยที่ช่วยเสริมให้ขาเรียวยาวของเธอดูโดดเด่นขึ้นเธอนั่งไขว่ห้างบนโซฟา ท่าทางเป็นธรรมชาติ แต่แฝงไปด้วยเสน่ห์เย้ายวนข้างๆ เธอมีแก้วเครื่องดื่มอยู่ในมือ นิ้วเรียวยาวจับมันไว้เบาๆ ราวกับกำลังเล่นสนุกกับมันมากกว่าจะแค่ถือไว้เฉยๆเมื่อเธอเห็นกวินเดินเข้ามา รอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความท้าทายก็ปรากฏขึ้นที่มุมปาก"มาแล้วเหรอคะกวิน?" เสียงของเธอดังขึ้นท่ามกลางเสียงเพลงที่ดังระรัวยี่หวา คบกับ กวิน ส่วนหนึ่งมันคือความสะดวกส
"ขึ้นไปกันเถอะ" เขาเอ่ยเสียงแหบต่ำ ก่อนจะเปิดประตูลงจากรถยี่หวา ก้าวลงมาเช่นกัน ส้นสูงของเธอกระทบพื้นเป็นจังหวะ เธอเดินไปข้างกวินอย่างมั่นใจ ก่อนจะคว้าแขนเขาและพาเข้าไปด้านในล็อบบี้ของโรงแรมเงียบสงบในยามดึก พนักงานต้อนรับทำหน้าที่รับข้อมูลจากแขกผู้มาเยือ ก่อนจะส่งกุญแจห้องให้ตามที่ ยี่หวา ต้องการเธอรับมันมา ก่อนจะจับมือ กวิน แล้วเดินตรงไปยังลิฟต์เมื่อประตูลิฟต์ปิดลง บรรยากาศก็เริ่มเปลี่ยนไปกวิน ใช้สายตาจับจ้องเธอเหมือนจะกลืนกิน ปลายนิ้วเรียวยาวของเขาแตะที่ข้อมือของเธอเบาๆ ก่อนจะไล้ขึ้นมาจนถึงต้นแขนยี่หวา หันมามองเขา ดวงตาของเธอเป็นประกายเจ้าเล่ห์ "มองยี่หวาแบบนี้ทำไม?"กวิน โน้มตัวลงมากระซิบข้างหูเธอ "เพราะเธอร้อนแรงเกินกว่าจะละสายตานะสิ"เธอหัวเราะเบาๆ ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้เขามากขึ้น ปลายนิ้วแตะลงบนอกของกวิน ไล้ไปตามสาบเสื้อของเขาเบาๆ"แล้วกวินแน่ใจเหรอ ว่ารับมือยี่หวาไหว?"ติ๊ง!เสียงลิฟต์ดังขึ้น ประตูเปิดออกสู่ชั้นบนสุดของโรงแรมยี่หวา ดึงมือ เขาให้ก้าวออกไป ก่อนจะใช้คีย์การ์ดแตะประตูห้อง แล้วเปิดออกพร้อมกับผลักเขาเข้าไปเบาๆภายในห้องกว้างขวาง มีแสงไฟสลัวจากโคมไฟหัวเตียง ห
ค่ำคืนเดียวกันนี้….เสียงเครื่องยนต์ของมอเตอร์ไซค์ดังก้องไปตามเส้นทางที่มืดสลัว ลมกลางคืนพัดปะทะใบหน้า อันนา แต่กลับไม่ได้ช่วยให้เธอใจเย็นลงเลยสักนิด และเธอไม่รู้ตัวเลยว่าน้ำส้มที่เธอรับมาดื่มจากกวิน นั้นแฝงไว้ด้วยอันตรายบางอย่างความคิดของเธอยังคงวนเวียนอยู่กับเหตุการณ์ก่อนหน้า กับคำพูดและการกระทำของกวิน... และที่สำคัญ—สัมผัสของพีทอันนา กระชับอ้อมแขนรอบเอวของ พีท โดยไม่รู้ตัว ไออุ่นจากแผ่นหลังของเขาทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยอย่างประหลาด ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ เธอไม่เคยไว้ใจเขาเลยพีท เองก็รู้สึกได้ถึงสัมผัสของความวางใจที่เธอเริ่มมีให้เขามากขึ้น"ใกล้ถึงหอเธอแล้วนะ" พีท เอ่ยขึ้นลอยๆ น้ำเสียงราบเรียบ แต่ก็ยังมีความอบอุ่นบางอย่างที่ทำให้เธอรู้สึกมั่นใจอันนา ไม่ตอบ แต่เธอรู้ว่าใจของตัวเองกำลังสั่นไหว ภาพของ กวิน ในค่ำคืนนี้ยังตามหลอกหลอนเธอ ทว่า อ้อมกอดที่เธอพึ่งพิงอยู่ตอนนี้กลับมั่นคงจนเธอไม่อยากปล่อย เวลาผ่านไปสักพัก…. อันนา เริ่มรู้สึกว่าร่างกายร้อนวูบวาบขึ้นทุกขณะ ราวกับมีเปลวไฟลุกไหม้อยู่ภายในเธอรู้สึกเหมือนโดนบางอย่างควบคุม ความต้องการบางอย่างที่ไม่อาจอธิบายได้พลุ่งพล่านอยู่
แสงแรกของรุ่งเช้าสาดส่องผ่านม่านบางเบา ทอประกายอ่อนโยนลงบนเรือนร่างของหญิงสาวที่นอนแนบชิดอยู่ข้างๆ ร่างกายอันกำยำ แขนเรียวบางพาดอยู่บนอกกว้าง ผิวกายเบียดเสียดกันอยู่อันนา ขยับตัวเล็กน้อย ดวงตาคู่สวยค่อยๆ ลืมขึ้นอย่างช้าๆ อาการมึนหัวอย่างหนักปรากฏต่อเธอ เธอรู้สึกถึงไออุ่นของคนข้างกายความจริงที่แล่นเข้ามาในหัวทำให้เธอรีบขยับตัวออกห่าง ร่างกายยังคงอ่อนล้า แต่หัวใจเต้นรัวแทบระเบิดและเริ่มทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้น ขณะที่ยังมีร่างของใครบางคนนอนเปลือยอกอยู่ใกล้ๆ เธอดวงหน้าคมเข้มของเขาหลับไหลอยู่แต่ชวนให้น่ามองทุกส่วนของใบหน้านั้นอันนา ทบทวน เธอสะดุ้งตื่นและสำรวจตัวเอง ตัวเธอเหลือเพียงกางเกงในตัวจิ๋วตัวเดียวห่อหุ้มตัวอยู่ เธอหน้าแดงก่ำ และนึกทบทวนว่าเธอจำอะไรได้บ้างพีท รับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนของเตียงนอน เขา ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมามองร่างของหญิงสาวที่กำลังสั่นเทาและกำลังสำรวจร่างกายตัวเอง เขาอมยิ้มแบบเจ้าเล่ห์ อันนา หันมาเจอสายตาคมเข้มที่จ้องมองมาที่เธออยู่พอดี เธอรีบดึงผ้าห่มมาห่อหุ้มร่างกายให้มิดชิดทันทีชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ ตลกในท่าทางของเธอ นี่เธอจำอะไรไม่ได้เลยหรือไง"นี่…นี่…นาย…นายทำอะไรฉัน
"จะหนีไปไหน…แค่คิดว่า…ฉันอยากจะสำรวจมากขึ้น…?" เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นข้างหู พร้อมกับแรงกอดที่แน่นขึ้นเล็กน้อยเธอ กลืนน้ำลายลงคอ พยายามผลักอกเขาออก แต่กลับสัมผัสได้ถึงผิวอุ่นและแนวกล้ามเนื้อแข็งแกร่งที่น่าหวั่นใจ"นาย!!!!...ปล่อยนะ" เธอพูดเสียงสั่น หัวใจเต้นแรงจนแทบหลุดออกจากอกแต่แทนที่เขาจะปล่อย กลับกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นจนเธอรู้สึกถึงจังหวะลมหายใจมั่นคงของเขาที่แนบชิดกับแผ่นหลังของเธอ"ทำไมต้องหนีละ?" เขากระซิบเบาๆ ใกล้ใบหู ทำให้เธอขนลุกไปทั้งตัวอันนา เม้มริมฝีปากแน่น พยายามควบคุมตัวเอง แต่สัมผัสแนบชิดจากร่างกายของเขาทำให้เธอทำอะไรไม่ถูก ร่างกายเธอเหมือนจะร้อนขึ้นกว่าเดิมจนแทบทนไม่ไหว..."อยากสัมผัสอีกจัง…เธอตัวหอมมากรู้ไหม" พีท กระซิบเสียงแหบพร่าข้างหู ราวกับจงใจให้เสียงนั้นก้องอยู่ในความคิดของอันนา กลิ่นกายตอนอาบน้ำใหม่ๆ ของเธอหอมจนชายหนุ่มไม่อยากปล่อยตัวเธอให้เป็นอิสระเธอ แทบหยุดหายใจเมื่อจมูกโด่งของเขาแนบเข้ากับใบหูของเธอ สัมผัสอ่อนโยนแต่แฝงไปด้วยความร้อนแรงทำให้ร่างกายเธอสั่นไหว ลมหายใจอุ่นของเขารดราดอยู่บริเวณข้างแก้ม ปลุกความร้อนวูบวาบให้แล่นไปทั่วร่าง"อย่า..." เสียงของเธอแผ่
เขาไม่อยากปล่อยเวลาที่มีค่าไปง่ายๆ เพราะรู้ดีว่าช่วงเวลานี้มันพิเศษแค่ไหนเขาอยากแกล้งเธอ อยากกวนใจเธออีกครั้ง แค่เพื่อให้ได้เห็นใบหน้าที่แดงระเรื่อด้วยความเขินอาย ทำไมกันนะ... ทำไมเขาถึงชอบนักเวลาที่เธอเผลอหน้าแดงอย่างเป็นธรรมชาติ อาจเป็นเพราะตอนนั้นเธอดูน่ารักที่สุดหรืออาจเป็นเพราะหัวใจของเขาก็เต้นแรงไม่แพ้กัน…"นาย! ไปแต่งตัวเลยนะ! เดี๋ยวก็ทำงานส่งไม่ทันหรอก!" เสียงของเธอสั่นนิดๆ พลางรีบหันหลังให้ ไม่กล้าสบตากับแผงอกเปลือยเปล่า แต่เขาไม่ยอมให้เธอหนีง่ายๆแขนแข็งแรงโอบรัดจากด้านหลัง ลมหายใจร้อนผ่าวเป่ารดข้างหู "วันนี้งานของฉัน...อย่างแรกคือเธอ แล้วค่อยทำงานส่งอาจารย์ละกัน""อ๊ะ!" อันนา อุทานร้องเบาๆ เมื่อเขาช้อนตัวขึ้นจากพื้น แขนแกร่งตวัดรัดแน่นจนเธอขยับไม่ได้ ผ้าขนหนูที่พันกายเขาไว้ล่อแหลมเสียจนใจเต้นรัว"ดะ...เดี๋ยว! ปล่อยนะ!" เธอดิ้นแต่กลับทำให้ตัวเองแนบชิดเขามากขึ้นเขายิ้มขำ ยิ่งเธอต่อต้าน ยิ่งน่าหลงใหล"อย่าดื้อสิอันนา..." เขากระซิบเสียงพร่า "ฉันไม่ปล่อยหรอก"แล้วร่างเธอก็ถูกทิ้งลงบนเตียงอย่างนุ่มนวล ก่อนที่ร่างสูงจะโน้มลงมา...ดวงตาคมเต็มไปด้วยแรงปรารถนา ผ้าขนหนูที่ปิดห่อหุ้ม
แต่…..เสียงโทรศัพท์ของ พีท ดังขึ้นขัดจังหวะบรรยากาศ ชายหนุ่มหันไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอ “มีน”เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะกดรับสาย "ฮัลโหล? ว่าไงมีน มีอะไรรึเปล่าพี่กำลังจะกลับ?" เขาแสร้งทำเป็นพูดเพื่อไม่ให้น้องสาวต้องเป็นห่วง เขารู้ดีว่าเขาควรกลับได้แล้วเสียงของ มีน ดังมาตามสายอย่างร้อนรน "พี่พีทคะ! พ่อกับแม่จะกลับถึงบ้านเร็วขึ้นนะคะ! ลุงมิ่งไปรับที่สนามบินแล้วคะ!"พีท ขยับร่างสูงใหญ่ พลางเอ่ยถาม "ทำไมพ่อกับแม่กลับไทยเร็วกว่ากำหนดล่ะ?""ท่านบอกว่างานเสร็จเร็วเลยได้กลับไทยเร็วคะ พี่พีทรีบกลับมาเถอะคะ!"เขาถอนหายใจเบาๆ ยกมือขึ้นเสยผม "โอเคๆ เดี๋ยวพี่ไปเดี๋ยวนี้แหละ" ก่อนจะกดวางสาย แล้วหันกลับมามอง อันนาเธอจ้องเขาอยู่ก่อนแล้วเหมือนจะคาดเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้นพีท ยิ้มมุมปาก ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเสียดาย "วันนี้สงสัยต้องพักไว้ก่อนล่ะ เสียดายจัง" สายตากรุ้มกริ่มบอกความต้องการที่ชัดเจนของเขา"…นายอยู่ก็กวนใจฉัน…ดีเลยเพราะฉันต้องรีบสรุปข้อสอบให้น้องชายจอมซน" เธอกล่าว แต่ในใจเริ่มรู้สึกว่าไม่อยากให้เขากลับไปเลย…ไหนเธอบอกว่าเธอไม่สนใจเขาไง อันนา…?เธอเผลอกำปากกาของตัวเองแน่นขึ้น
ตี 5 เมื่อรถไฟมาถึงชานชลา พิษณุโลก….หญิงสาว ลงจากรถไฟ แล้วรีบเหมารถมอเตอร์ไซด์เพื่อไปยังโรงพยาบาลทันทีณ โรงพยาบาล ประจำจังหวัดอันนา รีบวิ่งไปตามทางเดินของโรงพยาบาล หัวใจของเธอเต้นรัวด้วยความวิตกกังวล กลิ่นยาฆ่าเชื้อและเสียงเครื่องช่วยหายใจแว่วมากระทบโสตประสาท แต่เธอไม่ได้สนใจสิ่งรอบตัวแม้แต่น้อย ดวงตาของเธอจ้องไปข้างหน้าเพียงอย่างเดียว หวังว่าจะพบแม่และน้องโดยเร็วที่สุดเมื่อมาถึงหน้าห้องผ่าตัด อันนา เห็นแม่ของเธอนั่งกอดน้องชายตัวเล็กไว้แน่น ใบหน้าของแม่ซีดเซียว ดวงตาเต็มไปด้วยความกังวล ขณะที่น้องชายของเธอก็ดูอิดโรยและหวาดหวั่นไม่ต่างกัน“อันนา ลูกแม่…” แม่เงยหน้าขึ้นเมื่อเห็นเธอ และน้ำตาก็ไหลรินลงมาทันที “พ่อของลูกเจ็บหนัก ต้องผ่าตัดด่วน”หญิงสาว รู้สึกเหมือนมีอะไรหนัก ๆ มากดทับอยู่ที่หน้าอก เธอรีบก้าวเข้าไปนั่งข้างแม่ จับมือที่สั่นเทาของแม่ไว้แน่น“แม่…พ่อจะไม่เป็นอะไรคะ” เสียงของเธอสั่นเครือแม่ส่ายหน้าช้า ๆ “หมอบอกว่าพ่อเสียเลือดมาก ต้องผ่าตัดฉุกเฉิน เราต้องรอ…”เธอ ก้มหน้าลงซ่อนน้ำตา เธอรู้สึกหมดหนทางแต่ก็ต้องเข้มแข็งเพื่อแม่และน้อง แม่ลูบหลังเธอเบา ๆ อย่างปลอบโยน ทั้งสามคนต่า
เสียงเครื่องบดกาแฟดังขึ้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ภายในร้านกาแฟเล็ก ๆ ที่อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของกาแฟคั่วใหม่ นิดหน่อยกำลังจัดเรียงแก้วอยู่หลังเคาน์เตอร์ ขณะที่พี่ลินกำลังรับออเดอร์จากลูกค้าเมื่อรับออเดอร์เสร็จ พี่ลินก็เดินมาหานิดหน่อย"นี่! นิดหน่อย!" พี่ลินกระซิบ "ไม่เห็นอันนาหลายวันแล้วนะ!"นิดหน่อยชะงักมือที่กำลังหยิบแก้วก่อนจะเงยหน้ามองพี่ลิน "จริงด้วยสิ ชักจะเป็นห่วงนะพี่ลิน"ทันใดนั้น เสียงกระดิ่งที่ประตูร้านก็ดังขึ้น ตามมาด้วยร่างของอันนา เธอเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ"อันนา!" พี่ลิน เรียกอย่างตื่นเต้น "หายไปไหนมาเนี่ย?"อันนา หัวเราะเบา ๆ "ขอโทษด้วยนะพี่ลิน และนิดหน่อย พอดีช่วงนี้ติดทำโครงการวิจัยเลยยุ่งมาก ๆ"พี่ลินมองอันนาด้วยสายตาแซว ๆ "ที่แท้ก็ยุ่งอยู่กับเรื่องโครงการวิจัย นึกว่าหายไปไหนกับพ่อเทพบุตร หน้าหล่อคนนั้น""พี่ลินก้อ….ไม่ขนาดนั้นหรอกคะ!" หญิงสาวรีบหลบสายตาพี่ลิน แล้วรีบเดินไปหลังร้านใส่ชุดกันเปื้อนเพื่อทำงานทำงานไปได้สักพัก พี่ลินสังเกตเห็นว่า อันนา ดูไม่ค่อยสดชื่น จึงเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงว่า"อันนา เป็นอะไรรึเปล่า? ดูเหนื่อย ๆ นะ"อันนา ยิ้มบาง ๆ ก่อนตอบเสียงแผ่วเ
เช้าวันต่อมา...พีท สะดุ้งตื่นขึ้นมาท่ามกลางแสงแดดยามเช้าที่ส่องผ่านม่านหน้าต่างของห้องนอนอันกว้างขวางของเขา เขายังคงรู้สึกถึงความอ่อนล้าเล็กน้อยจากค่ำคืนที่ผ่านมา ไม่ใช่เพราะร่างกาย แต่เป็นเพราะจิตใจที่ไม่ได้หยุดคิดถึงเธอเลยหลังจากนอนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ลุกขึ้นนั่ง ใช้มือเสยผมอย่างลวก ๆ ใบหน้าหล่อเหลามีคราบของความเหนื่อยล้า แต่ก็ยังไม่ได้ทำให้หน้าคมของเขาลดความน่ามองลงไปได้เลยเขาเดินเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำล้างความคิดฟุ้งซ่านให้หมดไป แม้จะรู้ดีว่าความคิดถึงนั้นไม่มีทางจางหายง่าย ๆ ก็ตามเมื่อจัดเตรียมตัวเรียบร้อยแล้ว เขาสวมเสื้อยืดสีขาวด้านในพร้อมใส่เสื้อช็อปวิศวะทับเข้าไป และกางเกงยีนส์ตัวขาดเข่าตัวเก่งของเขา ก่อนจะคว้ากระเป๋าเป้แล้วก้าวออกจากห้องนอนของตัวเอง ลงบันไดไปยังโรงจอดรถ ที่ซึ่งมอเตอร์ไซค์คู่ใจของเขาจอดรออยู่เครื่องยนต์คำรามขึ้นเมื่อ พีท สวมหมวกกันน็อกและเร่งเครื่องเพี่อขับออกจากคฤหาสน์ของครอบครัวลุงมิ่ง รีบวิ่งมาเปิดประตูรั้วใหญ่ให้ทันที เพราะรู้ว่าชายหนุ่มกำลังจะออกไปยังมหาวิทยาลัยเขามุ่งตรงไปยังคณะวิศวกรรมศาสตร์ ถนนยามเช้าเต็มไปด้วยรถราที่เคลื่อนตัวไปมา แต่เขาก็ชินกับเ
เมื่อเขากลับเข้ามาในคฤหาสน์หลังงาม ทันทีที่ก้าวเท้าเข้าไปข้างใน"คุณพีท นะคุณพีท! หายไปทั้งคืนอีกแล้วนะคะ!" ป้าศรีบ่นด้วยความเป็นห่วง มองชายหนุ่มด้วยสายตาเหนื่อยใจ"นี่คุณพ่อกับคุณแม่กำลังจะกลับมาแล้วนะ ดีนะที่คุณมีนโทรตาม ไม่งั้นคงโดนดุแน่เลย!"พีท ยิ้มแหย ๆ พลางยกมือขึ้นเกาหลังคอ "ผมขอโทษครับป้าศรี พอดีมีเหตุบังเอิญ... ต้องอยู่เป็นเพื่อน….เพื่อนนะครับ"ป้าศรีถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะพึมพำเบา ๆ "เพื่อน หรือสาวที่ไหนอีกล่ะคะ..."ไม่ทันที่ ชายหนุ่ม จะตอบ ป้าศรียังไม่วายส่ายหน้าก่อนพูดต่อด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง "คุณพีทคะ สาว ๆ ระวังหน่อยนะคะ คุณ พีท ยิ่งหล่ออยู่ด้วย เดี๋ยวโดนสาว ๆ หลอกเอานะคะ!"เขา หัวเราะออกมาเบา ๆ "โธ่ ป้าศรี ผมไม่ได้ซื่อขนาดนั้นหรอกน่า"ป้าศรีแกล้งถามขึ้นมาอีก "แล้วเพื่อนคนนี้ ทำไมคุณพีทถึงให้ความสำคัญมากขนาดนั้นนะคะ ป้าไม่เคยเห็นคุณพีทไปนอนค้างคืนที่ไหนเลย นอกจากไปบ้านคุณกวิน..."พีท ที่กำลังจะยกแก้วน้ำขึ้นดื่มถึงกับชะงักไปเล็กน้อย"เอ่อ... ก็..." เขา เกาหลังคอ พลางหลบตานิด ๆ "คือ เพื่อนคนนี้ เขา... เอ่อ... ต้องการกำลังใจนิดหน่อย ผมเลยอยู่เป็นเพื่อนเฉย ๆ"ป้าศรีเลิกคิ้ว
แต่…..เสียงโทรศัพท์ของ พีท ดังขึ้นขัดจังหวะบรรยากาศ ชายหนุ่มหันไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอ “มีน”เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะกดรับสาย "ฮัลโหล? ว่าไงมีน มีอะไรรึเปล่าพี่กำลังจะกลับ?" เขาแสร้งทำเป็นพูดเพื่อไม่ให้น้องสาวต้องเป็นห่วง เขารู้ดีว่าเขาควรกลับได้แล้วเสียงของ มีน ดังมาตามสายอย่างร้อนรน "พี่พีทคะ! พ่อกับแม่จะกลับถึงบ้านเร็วขึ้นนะคะ! ลุงมิ่งไปรับที่สนามบินแล้วคะ!"พีท ขยับร่างสูงใหญ่ พลางเอ่ยถาม "ทำไมพ่อกับแม่กลับไทยเร็วกว่ากำหนดล่ะ?""ท่านบอกว่างานเสร็จเร็วเลยได้กลับไทยเร็วคะ พี่พีทรีบกลับมาเถอะคะ!"เขาถอนหายใจเบาๆ ยกมือขึ้นเสยผม "โอเคๆ เดี๋ยวพี่ไปเดี๋ยวนี้แหละ" ก่อนจะกดวางสาย แล้วหันกลับมามอง อันนาเธอจ้องเขาอยู่ก่อนแล้วเหมือนจะคาดเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้นพีท ยิ้มมุมปาก ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเสียดาย "วันนี้สงสัยต้องพักไว้ก่อนล่ะ เสียดายจัง" สายตากรุ้มกริ่มบอกความต้องการที่ชัดเจนของเขา"…นายอยู่ก็กวนใจฉัน…ดีเลยเพราะฉันต้องรีบสรุปข้อสอบให้น้องชายจอมซน" เธอกล่าว แต่ในใจเริ่มรู้สึกว่าไม่อยากให้เขากลับไปเลย…ไหนเธอบอกว่าเธอไม่สนใจเขาไง อันนา…?เธอเผลอกำปากกาของตัวเองแน่นขึ้น
เขาไม่อยากปล่อยเวลาที่มีค่าไปง่ายๆ เพราะรู้ดีว่าช่วงเวลานี้มันพิเศษแค่ไหนเขาอยากแกล้งเธอ อยากกวนใจเธออีกครั้ง แค่เพื่อให้ได้เห็นใบหน้าที่แดงระเรื่อด้วยความเขินอาย ทำไมกันนะ... ทำไมเขาถึงชอบนักเวลาที่เธอเผลอหน้าแดงอย่างเป็นธรรมชาติ อาจเป็นเพราะตอนนั้นเธอดูน่ารักที่สุดหรืออาจเป็นเพราะหัวใจของเขาก็เต้นแรงไม่แพ้กัน…"นาย! ไปแต่งตัวเลยนะ! เดี๋ยวก็ทำงานส่งไม่ทันหรอก!" เสียงของเธอสั่นนิดๆ พลางรีบหันหลังให้ ไม่กล้าสบตากับแผงอกเปลือยเปล่า แต่เขาไม่ยอมให้เธอหนีง่ายๆแขนแข็งแรงโอบรัดจากด้านหลัง ลมหายใจร้อนผ่าวเป่ารดข้างหู "วันนี้งานของฉัน...อย่างแรกคือเธอ แล้วค่อยทำงานส่งอาจารย์ละกัน""อ๊ะ!" อันนา อุทานร้องเบาๆ เมื่อเขาช้อนตัวขึ้นจากพื้น แขนแกร่งตวัดรัดแน่นจนเธอขยับไม่ได้ ผ้าขนหนูที่พันกายเขาไว้ล่อแหลมเสียจนใจเต้นรัว"ดะ...เดี๋ยว! ปล่อยนะ!" เธอดิ้นแต่กลับทำให้ตัวเองแนบชิดเขามากขึ้นเขายิ้มขำ ยิ่งเธอต่อต้าน ยิ่งน่าหลงใหล"อย่าดื้อสิอันนา..." เขากระซิบเสียงพร่า "ฉันไม่ปล่อยหรอก"แล้วร่างเธอก็ถูกทิ้งลงบนเตียงอย่างนุ่มนวล ก่อนที่ร่างสูงจะโน้มลงมา...ดวงตาคมเต็มไปด้วยแรงปรารถนา ผ้าขนหนูที่ปิดห่อหุ้ม
"จะหนีไปไหน…แค่คิดว่า…ฉันอยากจะสำรวจมากขึ้น…?" เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นข้างหู พร้อมกับแรงกอดที่แน่นขึ้นเล็กน้อยเธอ กลืนน้ำลายลงคอ พยายามผลักอกเขาออก แต่กลับสัมผัสได้ถึงผิวอุ่นและแนวกล้ามเนื้อแข็งแกร่งที่น่าหวั่นใจ"นาย!!!!...ปล่อยนะ" เธอพูดเสียงสั่น หัวใจเต้นแรงจนแทบหลุดออกจากอกแต่แทนที่เขาจะปล่อย กลับกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นจนเธอรู้สึกถึงจังหวะลมหายใจมั่นคงของเขาที่แนบชิดกับแผ่นหลังของเธอ"ทำไมต้องหนีละ?" เขากระซิบเบาๆ ใกล้ใบหู ทำให้เธอขนลุกไปทั้งตัวอันนา เม้มริมฝีปากแน่น พยายามควบคุมตัวเอง แต่สัมผัสแนบชิดจากร่างกายของเขาทำให้เธอทำอะไรไม่ถูก ร่างกายเธอเหมือนจะร้อนขึ้นกว่าเดิมจนแทบทนไม่ไหว..."อยากสัมผัสอีกจัง…เธอตัวหอมมากรู้ไหม" พีท กระซิบเสียงแหบพร่าข้างหู ราวกับจงใจให้เสียงนั้นก้องอยู่ในความคิดของอันนา กลิ่นกายตอนอาบน้ำใหม่ๆ ของเธอหอมจนชายหนุ่มไม่อยากปล่อยตัวเธอให้เป็นอิสระเธอ แทบหยุดหายใจเมื่อจมูกโด่งของเขาแนบเข้ากับใบหูของเธอ สัมผัสอ่อนโยนแต่แฝงไปด้วยความร้อนแรงทำให้ร่างกายเธอสั่นไหว ลมหายใจอุ่นของเขารดราดอยู่บริเวณข้างแก้ม ปลุกความร้อนวูบวาบให้แล่นไปทั่วร่าง"อย่า..." เสียงของเธอแผ่
แสงแรกของรุ่งเช้าสาดส่องผ่านม่านบางเบา ทอประกายอ่อนโยนลงบนเรือนร่างของหญิงสาวที่นอนแนบชิดอยู่ข้างๆ ร่างกายอันกำยำ แขนเรียวบางพาดอยู่บนอกกว้าง ผิวกายเบียดเสียดกันอยู่อันนา ขยับตัวเล็กน้อย ดวงตาคู่สวยค่อยๆ ลืมขึ้นอย่างช้าๆ อาการมึนหัวอย่างหนักปรากฏต่อเธอ เธอรู้สึกถึงไออุ่นของคนข้างกายความจริงที่แล่นเข้ามาในหัวทำให้เธอรีบขยับตัวออกห่าง ร่างกายยังคงอ่อนล้า แต่หัวใจเต้นรัวแทบระเบิดและเริ่มทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้น ขณะที่ยังมีร่างของใครบางคนนอนเปลือยอกอยู่ใกล้ๆ เธอดวงหน้าคมเข้มของเขาหลับไหลอยู่แต่ชวนให้น่ามองทุกส่วนของใบหน้านั้นอันนา ทบทวน เธอสะดุ้งตื่นและสำรวจตัวเอง ตัวเธอเหลือเพียงกางเกงในตัวจิ๋วตัวเดียวห่อหุ้มตัวอยู่ เธอหน้าแดงก่ำ และนึกทบทวนว่าเธอจำอะไรได้บ้างพีท รับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนของเตียงนอน เขา ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมามองร่างของหญิงสาวที่กำลังสั่นเทาและกำลังสำรวจร่างกายตัวเอง เขาอมยิ้มแบบเจ้าเล่ห์ อันนา หันมาเจอสายตาคมเข้มที่จ้องมองมาที่เธออยู่พอดี เธอรีบดึงผ้าห่มมาห่อหุ้มร่างกายให้มิดชิดทันทีชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ ตลกในท่าทางของเธอ นี่เธอจำอะไรไม่ได้เลยหรือไง"นี่…นี่…นาย…นายทำอะไรฉัน
ค่ำคืนเดียวกันนี้….เสียงเครื่องยนต์ของมอเตอร์ไซค์ดังก้องไปตามเส้นทางที่มืดสลัว ลมกลางคืนพัดปะทะใบหน้า อันนา แต่กลับไม่ได้ช่วยให้เธอใจเย็นลงเลยสักนิด และเธอไม่รู้ตัวเลยว่าน้ำส้มที่เธอรับมาดื่มจากกวิน นั้นแฝงไว้ด้วยอันตรายบางอย่างความคิดของเธอยังคงวนเวียนอยู่กับเหตุการณ์ก่อนหน้า กับคำพูดและการกระทำของกวิน... และที่สำคัญ—สัมผัสของพีทอันนา กระชับอ้อมแขนรอบเอวของ พีท โดยไม่รู้ตัว ไออุ่นจากแผ่นหลังของเขาทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยอย่างประหลาด ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ เธอไม่เคยไว้ใจเขาเลยพีท เองก็รู้สึกได้ถึงสัมผัสของความวางใจที่เธอเริ่มมีให้เขามากขึ้น"ใกล้ถึงหอเธอแล้วนะ" พีท เอ่ยขึ้นลอยๆ น้ำเสียงราบเรียบ แต่ก็ยังมีความอบอุ่นบางอย่างที่ทำให้เธอรู้สึกมั่นใจอันนา ไม่ตอบ แต่เธอรู้ว่าใจของตัวเองกำลังสั่นไหว ภาพของ กวิน ในค่ำคืนนี้ยังตามหลอกหลอนเธอ ทว่า อ้อมกอดที่เธอพึ่งพิงอยู่ตอนนี้กลับมั่นคงจนเธอไม่อยากปล่อย เวลาผ่านไปสักพัก…. อันนา เริ่มรู้สึกว่าร่างกายร้อนวูบวาบขึ้นทุกขณะ ราวกับมีเปลวไฟลุกไหม้อยู่ภายในเธอรู้สึกเหมือนโดนบางอย่างควบคุม ความต้องการบางอย่างที่ไม่อาจอธิบายได้พลุ่งพล่านอยู่