เมื่อ "อันนา" นักศึกษาวิทยาศาสตร์สาขาเคมีสาวสุดฉลาดและเย็นชา ต้องมาเจอกับ "พีท" หนุ่มวิศวะกรรมศาสตร์สาขาไฟฟ้า สุดกวนที่ใช้ชีวิตสุดชิลโนสนโนแคร์ใคร โลกของ "อันนา" ที่เต็มไปด้วยสูตรเคมีและปฏิกิริยาทางวิทยาศาสตร์ต้องสั่นสะเทือน เมื่อ "พีท" เข้ามากวนใจเธอไม่หยุด แต่สิ่งที่ทั้งคู่ไม่คาดคิด คือ พลังดึงดูดระหว่างพวกเขาที่ร้อนแรงเกินกว่าหลักการทางเคมีจะอธิบายได้…….
view moreเสียงจอแจภายในห้องประชุมใหญ่ของมหาวิทยาลัยดังอื้ออึงไปทั่ว คณะวิทยาศาสตร์และคณะวิศวกรรมศาสตร์กำลังรวมตัวกันเพื่อแข่งขันโครงการวิจัยข้ามคณะในปีนี้
ซึ่งเป็นโครงการวิจัยที่เปิดโอกาสให้นักศึกษาสองคณะได้ร่วมมือกันคิดค้นนวัตกรรมใหม่
ท่ามกลางนักศึกษาหลายร้อยคน
อันนา นักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์ เอกเคมี ปีสี่ หญิงสาวผู้มีดวงตากลมโตภายใต้กรอบแว่นตาที่ดูเข้ากันกับดวงตาแสนซน คิ้วที่เรียงสวยรับกับจมูกโด่งพองาม และรูปร่างบอบบางของหญิงสาวที่สูง 165 เซนติเมตร เดินเข้ามาด้วยท่าทางสุขุม เธอเป็นที่รู้จักดีว่าเป็นคนหัวกะทิของคณะวิทยาศาสตร์ ฉลาดและรอบคอบ แต่กลับเย็นชาและไม่ค่อยมีอารมณ์ขัน
"ขอโทษค่ะ ขอทางหน่อยค่ะ" อันนา พูดเสียงเรียบ ขณะพยายามเดินผ่านกลุ่มนักศึกษาที่มุงดูรายชื่อของเพื่อนร่วมโครงการวิจัยบนบอร์ดกันอยู่
เมื่อเธอดูชื่อแล้วจึงพยายามมองหาเพื่อนร่วมทีมที่ถูกสุ่มเลือกให้ตามป้ายชื่อที่ติดที่เสื้อของแต่ละคน
ซึ่งโครงการวิจัยจะกำหนดให้มีนักศึกษาจำนวน 2 คน ต่อ 1 โครงการวิจัย
แต่เมื่อสายตาไปหยุดอยู่ที่ชายหนุ่มคนหนึ่งที่เอนหลังพิงเก้าอี้ด้วยท่าทางสบายๆ แต่เต็มไปด้วยความมีเสน่ห์บางอย่างที่เธอเองก็อธิบายไม่ถูก พร้อมกับป้ายชื่อที่แสดงให้เห็นว่าเธอต้องร่วมโครงการกับเค้า
ใบหน้าของ อันนา ก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย คิ้วคู่งามขมวดเข้าหากันอย่างขบคิดและพยายามนึกให้ได้ว่าเคยเจอชายหนุ่มคนนี้ที่ไหนสักแห่ง
ชายหนุ่มคนนั้นสวมเสื้อยืดสีเข้มกับกางเกงยีนส์ขาดเข่า หน้าตาหล่อเหลาคมเข้ม ส่วนสูงของเขาถ้าประมาณคร่าวๆ น่าจะ 180 เซนติเมตร
เขามีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ติดริมฝีปาก และสายตาที่เป็นประกายดูขี้เล่นเต็มไปด้วยความกวนประสาท นี่แหละคือชายหนุ่มที่เมื่อสาวๆ คณะต่างๆ ได้เห็นจะต้องมองเหลียวหลังกันเลยทีเดียว
พีท หนุ่มวิศวะไฟฟ้าที่ขึ้นชื่อเรื่องความชิลแบบไม่แคร์โลก และเขายังเป็นเดือนของมหาวิทยาลัยอีกด้วย
เมื่อสายตาของทั้งคู่สบกัน และ พีท ก็เห็นป้ายชื่อของ อันนา และเห็นรอยคราบน้ำแกงที่เสื้อนักศึกษาของ อันนา ทำให้ พีท ยิ้มกว้างขึ้นก่อนจะกอดอก "อ้าว? นี่เราเป็นคู่หูกันเหรอ? โอ้โห…ดวงซวยจริงๆ ฉัน"
อันนา กะพริบตา ดวงตาของเธอวาวขึ้นทันที "ขอโทษนะ นายว่าอะไรนะ? ใครกันแน่ที่ดวงซวย ฉันนึกออกแล้ว นายเดินชนฉันเมื่อตอนกลางวัน และนายก็ยังไม่ขอโทษฉันเลยนะ ฉันควรจะต้องเป็นคนพูดว่า ทำไมฉันถึงดวงซวยที่ต้องมาทำงานกับนายมากกว่านะ" อันนา พูดออกมาด้วยความโมโห
พีท ยักไหล่ "ฉันขอโทษก็ได้ และฉันไม่ได้ตั้งใจที่จะเดินชนเธอ" เขาพูดพร้อมกับทำหน้าตาเจ้าเล่ห์เหมือนจะสำนึกผิด
"แต่ฉันก็แค่คิดว่าฉันจะได้ทำงานกับใครสักคนที่สนุกกว่านี้น่ะ ไม่ใช่แม่สาวหน้าตาโนเนมแถมเย็นชา ที่ดูเหมือนจะเกลียดรอยยิ้มของคนอื่น" พีท พูด พร้อมกับมองแบบมีเลศนัยมาที่ อันนา แต่เค้ากลับรู้สึกว่าทำไมเค้าถึงรู้สึกพอใจกับการที่ได้พูดกวนโมโหหญิงสาวเป็นอย่างมาก
พีท คิดอยู่ในใจ ทำไมถึงรู้สึกอยากกวนใจหญิงสาวตรงหน้าคนนี้นักนะ อะไรกันนะความรู้สึกอยากเอาชนะผู้หญิงใส่แว่น ตัวเล็กๆ หน้าตาจิ้มลิ้มที่ไม่ได้สวยอะไรมากคนนี้
แต่จะว่าไปแล้ว เขาคิดว่าเธอเองก็เป็นคนที่ดูมีเสน่ห์ ไม่ใช่คนสวยอะไร แต่มองแล้วไม่เบื่อ....แถมใส่แว่นตาอำพลางดวงตากลมโต ใบหน้าที่ดูสวยเก๋ และแก้มที่แดงระเรื่อตอนโมโห....
"ฉันก็คิดว่า จะได้คู่กับคนที่ไม่ขี้เก๊กแบบ…แบบนายนะ" อันนา โต้กลับทันที ดวงตาที่มองผ่านแว่นตาของเธอแฝงไปด้วยความท้าทาย แม้หน้าตาของเขาจะชวนมองและเป็นที่ดึงดูดใจของเพศตรงข้าม แต่เธอก็ไม่ได้รู้สึกว่าเขาพิเศษกว่าใครๆ
พีท หัวเราะเบาๆ "โอเค…เธอเป็นคนตรงดีนะ ฉันชอบ แต่บอกไว้ก่อนเลยนะ ฉันไม่ทำงานกับคนจู้จี้"
"ก็ดี ฉันเองก็ไม่ทำงานกับคนขี้เกียจ และไม่มีความรับผิดชอบนะ บอกไว้ก่อนเลย" อันนา ยกคิ้วขึ้นแล้วเบือนหน้าหนี
ที่มาของความขัดแย้งกันและไม่ถูกชะตากันของทั้งคู่นี้ เกิดขึ้นมาก่อนที่ อันนา และ พีท จะมาเจอกันในหอประชุม
เรื่องมีอยู่ว่า ณ โรงอาหารของมหาวิทยาลัย ตอนกลางวัน พีท กำลังง่วนอยู่กับการถือของกินและขวดน้ำทำให้มองไม่เห็นหญิงสาวใส่แว่นคนนึง ที่กำลังเดินถือจานข้าวอยู่และกำลังมองหาที่นั่งทานข้าว ชายหนุ่มจึงเดินไปชนกับ อันนา จนทำให้จานข้าวเกือบตกกระจัดกระจาย น้ำแกงบนจานข้าวก็กระเด็นมาถูกเสื้อนักศึกษาของ อันนา
หญิงสาวรู้สึกโกรธมากและเงยหน้ามองชายหนุ่มที่เดินมาชน หญิงสาวรู้สึกได้ว่าตัวเค้าสูงมาก
และเมื่อเงยหน้ามองไปก็เจอหน้าที่หล่อเหลาและคมคายของใครคนหนึ่งและผู้ชายคนนี้ก็มองลงมาที่หน้าของ อันนา ด้วยความตกใจและเค้าหัวเราะกลบเกลื่อนแบบไม่รู้ร้อนรู้หนาว
และมองเธออีกครั้งด้วยหางตาแบบกวนใจเธอมากเหมือนจะบอกว่าเธอเดินไม่ระวังเองนะ แล้วชายหนุ่มก็รีบเดินจากไปโดยเร็ว
"ตาคนใจดำ นึกว่าหล่อแล้วจะทำอะไรตามใจรึไง ไม่ขอโทษเราสักคำ" อันนา นึกในใจ และพยายามใช้ทิชชู่เช็ดน้ำแกงที่ติดที่เสื้อนักศึกษาออก แต่ก็ยังคงเห็นเป็นคราบอยู่ หญิงสาวไม่คิดเลยว่าจะมาต้องมาเจอหน้าอีตาคนใจดำอีกครั้งแล้วยังต้องมาทำโครงการวิจัยร่วมกันอีก เวรกรรมอะไรของเธอนะ อันนา
ก่อนที่การทะเลาะกันจะยืดยาวไปมากกว่านี้ เสียงประกาศจากคณะกรรมการก็ดังขึ้น "นักศึกษาที่ถูกจับคู่แล้ว กรุณามานั่งรวมกันตามกลุ่มของตัวเองด้วยครับ!"
อันนา ถอนหายใจ ก่อนจะเดินไปนั่งลงฝั่งหนึ่งของโต๊ะโดยทิ้งระยะห่างจาก พีท แต่ พีท กลับเลื่อนเก้าอี้ของตัวเองเข้ามาใกล้ๆ อย่างจงใจ
"จะนั่งห่างกันทำไมล่ะ เราต้องทำงานด้วยกันนะ" พีทยิ้มกวนๆ
อันนา กอดอก และขยับแว่นตาพร้อมหลี่ตามองเขา "ฉันแค่พยายามรักษาระยะห่างของนายกับฉันก็เท่านั้นเอง"
"เรายังไม่รู้จักชื่อเล่นที่จะเรียกกันเลย ฉันชื่อ พีท แล้วเธอละ ยัยแว่นคนสวย เธอชื่ออะไร" พีท พูดพร้อมกับจ้องมองมาที่หน้าของหญิงสาว
อันนา ถอนหายใจหนักๆ นี่เธอต้องทนกับคนกวนแบบนี้ไปทั้งโครงการเลยเหรอ? เริ่มต้นโครงการวิจัย (แบบกัดกันไม่หยุด)
"ฉันชื่อ อันนา และฉันไม่ได้เป็นยัยแว่นคนสวยนะ..นายจอมกวน" อันนา ตอบกลับไปด้วยความรู้สึกหมั่นไส้นายหน้าหล่อคนนี้จริงๆ
แต่ลึกๆ แล้วหญิงสาวเองก็อดที่จะแอบมองชายหนุ่มไม่ได้ หน้าตาที่ดูหล่อเหลาคมเข้ม แบบฆ่าผู้หญิงให้ตายทั้งเป็นได้แบบนี้ แต่เมื่อคิดถึงคำพูดกวนๆ ของชายหนุ่มขึ้นมา ทำให้ อันนา เองต้องรีบสะบัดหน้าตัวเองและเรียกสติกลับคืนมา
เมื่อเริ่มประชุมวางแผนชื่อหัวข้อโครงการวิจัย อันนา หยิบสมุดโน้ตขึ้นมาจดอย่างเป็นระเบียบ ขณะที่ พีท นั่งไขว่ห้างเอนตัวพิงเก้าอี้อย่างสบายๆ ด้วยท่าทางที่กวนๆ
"เราต้องกำหนดหัวข้อโครงการที่ชัดเจนก่อน" "ฉันคิดว่าถ้าเราศึกษาเกี่ยวกับการใช้สารเคมีในแบตเตอรี่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บพลังงาน" อันนา กล่าว
"เดี๋ยวๆๆๆ…" พีท ยกมือขึ้นขัดจังหวะ "นี่เธอคิดจะให้ฉันมานั่งวิเคราะห์สารเคมีเหรอ? ฉันวิศวะไฟฟ้านะ ไม่ได้เรียนเป็นนักวิทยาศาสตร์"
อันนา เหลือบตามอง "แล้วนายมีไอเดียอะไรดีๆ ไหมล่ะ? "
"ก็ต้องเป็นอะไรที่สนุกกว่านั้นหน่อย" พีทยิ้ม "เช่น…คิดค้นแผงวงจรที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่จากพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าแบบไร้สาย"
อันนา ถอนหายใจอย่างสุดทน เธอแทบจะกลั้นใจไม่ให้เผลอกรีดร้องออกมา นี่มันจะเป็นโครงการวิจัยที่หนักที่สุดในชีวิตเธอแน่ๆ!
วันแรกของการทำงานร่วมกัน
พวกเขา นัดพบกันที่ห้องทดลองเพื่อเริ่มการทำงานโครงการวิจัย พีท มาสายไปเกือบครึ่งชั่วโมง อันนา แทบจะโยนเอกสารใส่หน้าเขา
"นายมาสาย!" อันนา เหลืออดกับชายหนุ่ม และกล่าวด้วยน้ำเสียงที่สุดดุดัน
พีท ยิ้มแหยๆ
"โทษที รถติด"
"ในมหาวิทยาลัยมีรถติดด้วยเหรอ? " อันนา เลิกคิ้วถามชายหนุ่ม
"อืม….รถติด.…และติดตรงที่ฉันแวะโทรศัพท์ก่อนมาน่ะ" พีท พูดพร้อมกับหัวเราะแบบกวนๆ พร้อมส่งสายตาเจ้าเล่ห์มาที่หญิงสาว
หญิงสาว แทบจะระเบิด แต่เธอสูดลมหายใจลึกๆ แล้วกลับมาสนใจงานที่จะต้องทำต่อ…..
ตี 5 เมื่อรถไฟมาถึงชานชลา พิษณุโลก….หญิงสาว ลงจากรถไฟ แล้วรีบเหมารถมอเตอร์ไซด์เพื่อไปยังโรงพยาบาลทันทีณ โรงพยาบาล ประจำจังหวัดอันนา รีบวิ่งไปตามทางเดินของโรงพยาบาล หัวใจของเธอเต้นรัวด้วยความวิตกกังวล กลิ่นยาฆ่าเชื้อและเสียงเครื่องช่วยหายใจแว่วมากระทบโสตประสาท แต่เธอไม่ได้สนใจสิ่งรอบตัวแม้แต่น้อย ดวงตาของเธอจ้องไปข้างหน้าเพียงอย่างเดียว หวังว่าจะพบแม่และน้องโดยเร็วที่สุดเมื่อมาถึงหน้าห้องผ่าตัด อันนา เห็นแม่ของเธอนั่งกอดน้องชายตัวเล็กไว้แน่น ใบหน้าของแม่ซีดเซียว ดวงตาเต็มไปด้วยความกังวล ขณะที่น้องชายของเธอก็ดูอิดโรยและหวาดหวั่นไม่ต่างกัน“อันนา ลูกแม่…” แม่เงยหน้าขึ้นเมื่อเห็นเธอ และน้ำตาก็ไหลรินลงมาทันที “พ่อของลูกเจ็บหนัก ต้องผ่าตัดด่วน”หญิงสาว รู้สึกเหมือนมีอะไรหนัก ๆ มากดทับอยู่ที่หน้าอก เธอรีบก้าวเข้าไปนั่งข้างแม่ จับมือที่สั่นเทาของแม่ไว้แน่น“แม่…พ่อจะไม่เป็นอะไรคะ” เสียงของเธอสั่นเครือแม่ส่ายหน้าช้า ๆ “หมอบอกว่าพ่อเสียเลือดมาก ต้องผ่าตัดฉุกเฉิน เราต้องรอ…”เธอ ก้มหน้าลงซ่อนน้ำตา เธอรู้สึกหมดหนทางแต่ก็ต้องเข้มแข็งเพื่อแม่และน้อง แม่ลูบหลังเธอเบา ๆ อย่างปลอบโยน ทั้งสามคนต่า
เสียงเครื่องบดกาแฟดังขึ้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ภายในร้านกาแฟเล็ก ๆ ที่อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของกาแฟคั่วใหม่ นิดหน่อยกำลังจัดเรียงแก้วอยู่หลังเคาน์เตอร์ ขณะที่พี่ลินกำลังรับออเดอร์จากลูกค้าเมื่อรับออเดอร์เสร็จ พี่ลินก็เดินมาหานิดหน่อย"นี่! นิดหน่อย!" พี่ลินกระซิบ "ไม่เห็นอันนาหลายวันแล้วนะ!"นิดหน่อยชะงักมือที่กำลังหยิบแก้วก่อนจะเงยหน้ามองพี่ลิน "จริงด้วยสิ ชักจะเป็นห่วงนะพี่ลิน"ทันใดนั้น เสียงกระดิ่งที่ประตูร้านก็ดังขึ้น ตามมาด้วยร่างของอันนา เธอเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ"อันนา!" พี่ลิน เรียกอย่างตื่นเต้น "หายไปไหนมาเนี่ย?"อันนา หัวเราะเบา ๆ "ขอโทษด้วยนะพี่ลิน และนิดหน่อย พอดีช่วงนี้ติดทำโครงการวิจัยเลยยุ่งมาก ๆ"พี่ลินมองอันนาด้วยสายตาแซว ๆ "ที่แท้ก็ยุ่งอยู่กับเรื่องโครงการวิจัย นึกว่าหายไปไหนกับพ่อเทพบุตร หน้าหล่อคนนั้น""พี่ลินก้อ….ไม่ขนาดนั้นหรอกคะ!" หญิงสาวรีบหลบสายตาพี่ลิน แล้วรีบเดินไปหลังร้านใส่ชุดกันเปื้อนเพื่อทำงานทำงานไปได้สักพัก พี่ลินสังเกตเห็นว่า อันนา ดูไม่ค่อยสดชื่น จึงเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงว่า"อันนา เป็นอะไรรึเปล่า? ดูเหนื่อย ๆ นะ"อันนา ยิ้มบาง ๆ ก่อนตอบเสียงแผ่วเ
เช้าวันต่อมา...พีท สะดุ้งตื่นขึ้นมาท่ามกลางแสงแดดยามเช้าที่ส่องผ่านม่านหน้าต่างของห้องนอนอันกว้างขวางของเขา เขายังคงรู้สึกถึงความอ่อนล้าเล็กน้อยจากค่ำคืนที่ผ่านมา ไม่ใช่เพราะร่างกาย แต่เป็นเพราะจิตใจที่ไม่ได้หยุดคิดถึงเธอเลยหลังจากนอนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ลุกขึ้นนั่ง ใช้มือเสยผมอย่างลวก ๆ ใบหน้าหล่อเหลามีคราบของความเหนื่อยล้า แต่ก็ยังไม่ได้ทำให้หน้าคมของเขาลดความน่ามองลงไปได้เลยเขาเดินเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำล้างความคิดฟุ้งซ่านให้หมดไป แม้จะรู้ดีว่าความคิดถึงนั้นไม่มีทางจางหายง่าย ๆ ก็ตามเมื่อจัดเตรียมตัวเรียบร้อยแล้ว เขาสวมเสื้อยืดสีขาวด้านในพร้อมใส่เสื้อช็อปวิศวะทับเข้าไป และกางเกงยีนส์ตัวขาดเข่าตัวเก่งของเขา ก่อนจะคว้ากระเป๋าเป้แล้วก้าวออกจากห้องนอนของตัวเอง ลงบันไดไปยังโรงจอดรถ ที่ซึ่งมอเตอร์ไซค์คู่ใจของเขาจอดรออยู่เครื่องยนต์คำรามขึ้นเมื่อ พีท สวมหมวกกันน็อกและเร่งเครื่องเพี่อขับออกจากคฤหาสน์ของครอบครัวลุงมิ่ง รีบวิ่งมาเปิดประตูรั้วใหญ่ให้ทันที เพราะรู้ว่าชายหนุ่มกำลังจะออกไปยังมหาวิทยาลัยเขามุ่งตรงไปยังคณะวิศวกรรมศาสตร์ ถนนยามเช้าเต็มไปด้วยรถราที่เคลื่อนตัวไปมา แต่เขาก็ชินกับเ
เมื่อเขากลับเข้ามาในคฤหาสน์หลังงาม ทันทีที่ก้าวเท้าเข้าไปข้างใน"คุณพีท นะคุณพีท! หายไปทั้งคืนอีกแล้วนะคะ!" ป้าศรีบ่นด้วยความเป็นห่วง มองชายหนุ่มด้วยสายตาเหนื่อยใจ"นี่คุณพ่อกับคุณแม่กำลังจะกลับมาแล้วนะ ดีนะที่คุณมีนโทรตาม ไม่งั้นคงโดนดุแน่เลย!"พีท ยิ้มแหย ๆ พลางยกมือขึ้นเกาหลังคอ "ผมขอโทษครับป้าศรี พอดีมีเหตุบังเอิญ... ต้องอยู่เป็นเพื่อน….เพื่อนนะครับ"ป้าศรีถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะพึมพำเบา ๆ "เพื่อน หรือสาวที่ไหนอีกล่ะคะ..."ไม่ทันที่ ชายหนุ่ม จะตอบ ป้าศรียังไม่วายส่ายหน้าก่อนพูดต่อด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง "คุณพีทคะ สาว ๆ ระวังหน่อยนะคะ คุณ พีท ยิ่งหล่ออยู่ด้วย เดี๋ยวโดนสาว ๆ หลอกเอานะคะ!"เขา หัวเราะออกมาเบา ๆ "โธ่ ป้าศรี ผมไม่ได้ซื่อขนาดนั้นหรอกน่า"ป้าศรีแกล้งถามขึ้นมาอีก "แล้วเพื่อนคนนี้ ทำไมคุณพีทถึงให้ความสำคัญมากขนาดนั้นนะคะ ป้าไม่เคยเห็นคุณพีทไปนอนค้างคืนที่ไหนเลย นอกจากไปบ้านคุณกวิน..."พีท ที่กำลังจะยกแก้วน้ำขึ้นดื่มถึงกับชะงักไปเล็กน้อย"เอ่อ... ก็..." เขา เกาหลังคอ พลางหลบตานิด ๆ "คือ เพื่อนคนนี้ เขา... เอ่อ... ต้องการกำลังใจนิดหน่อย ผมเลยอยู่เป็นเพื่อนเฉย ๆ"ป้าศรีเลิกคิ้ว
แต่…..เสียงโทรศัพท์ของ พีท ดังขึ้นขัดจังหวะบรรยากาศ ชายหนุ่มหันไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอ “มีน”เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะกดรับสาย "ฮัลโหล? ว่าไงมีน มีอะไรรึเปล่าพี่กำลังจะกลับ?" เขาแสร้งทำเป็นพูดเพื่อไม่ให้น้องสาวต้องเป็นห่วง เขารู้ดีว่าเขาควรกลับได้แล้วเสียงของ มีน ดังมาตามสายอย่างร้อนรน "พี่พีทคะ! พ่อกับแม่จะกลับถึงบ้านเร็วขึ้นนะคะ! ลุงมิ่งไปรับที่สนามบินแล้วคะ!"พีท ขยับร่างสูงใหญ่ พลางเอ่ยถาม "ทำไมพ่อกับแม่กลับไทยเร็วกว่ากำหนดล่ะ?""ท่านบอกว่างานเสร็จเร็วเลยได้กลับไทยเร็วคะ พี่พีทรีบกลับมาเถอะคะ!"เขาถอนหายใจเบาๆ ยกมือขึ้นเสยผม "โอเคๆ เดี๋ยวพี่ไปเดี๋ยวนี้แหละ" ก่อนจะกดวางสาย แล้วหันกลับมามอง อันนาเธอจ้องเขาอยู่ก่อนแล้วเหมือนจะคาดเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้นพีท ยิ้มมุมปาก ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเสียดาย "วันนี้สงสัยต้องพักไว้ก่อนล่ะ เสียดายจัง" สายตากรุ้มกริ่มบอกความต้องการที่ชัดเจนของเขา"…นายอยู่ก็กวนใจฉัน…ดีเลยเพราะฉันต้องรีบสรุปข้อสอบให้น้องชายจอมซน" เธอกล่าว แต่ในใจเริ่มรู้สึกว่าไม่อยากให้เขากลับไปเลย…ไหนเธอบอกว่าเธอไม่สนใจเขาไง อันนา…?เธอเผลอกำปากกาของตัวเองแน่นขึ้น
เขาไม่อยากปล่อยเวลาที่มีค่าไปง่ายๆ เพราะรู้ดีว่าช่วงเวลานี้มันพิเศษแค่ไหนเขาอยากแกล้งเธอ อยากกวนใจเธออีกครั้ง แค่เพื่อให้ได้เห็นใบหน้าที่แดงระเรื่อด้วยความเขินอาย ทำไมกันนะ... ทำไมเขาถึงชอบนักเวลาที่เธอเผลอหน้าแดงอย่างเป็นธรรมชาติ อาจเป็นเพราะตอนนั้นเธอดูน่ารักที่สุดหรืออาจเป็นเพราะหัวใจของเขาก็เต้นแรงไม่แพ้กัน…"นาย! ไปแต่งตัวเลยนะ! เดี๋ยวก็ทำงานส่งไม่ทันหรอก!" เสียงของเธอสั่นนิดๆ พลางรีบหันหลังให้ ไม่กล้าสบตากับแผงอกเปลือยเปล่า แต่เขาไม่ยอมให้เธอหนีง่ายๆแขนแข็งแรงโอบรัดจากด้านหลัง ลมหายใจร้อนผ่าวเป่ารดข้างหู "วันนี้งานของฉัน...อย่างแรกคือเธอ แล้วค่อยทำงานส่งอาจารย์ละกัน""อ๊ะ!" อันนา อุทานร้องเบาๆ เมื่อเขาช้อนตัวขึ้นจากพื้น แขนแกร่งตวัดรัดแน่นจนเธอขยับไม่ได้ ผ้าขนหนูที่พันกายเขาไว้ล่อแหลมเสียจนใจเต้นรัว"ดะ...เดี๋ยว! ปล่อยนะ!" เธอดิ้นแต่กลับทำให้ตัวเองแนบชิดเขามากขึ้นเขายิ้มขำ ยิ่งเธอต่อต้าน ยิ่งน่าหลงใหล"อย่าดื้อสิอันนา..." เขากระซิบเสียงพร่า "ฉันไม่ปล่อยหรอก"แล้วร่างเธอก็ถูกทิ้งลงบนเตียงอย่างนุ่มนวล ก่อนที่ร่างสูงจะโน้มลงมา...ดวงตาคมเต็มไปด้วยแรงปรารถนา ผ้าขนหนูที่ปิดห่อหุ้ม
"จะหนีไปไหน…แค่คิดว่า…ฉันอยากจะสำรวจมากขึ้น…?" เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นข้างหู พร้อมกับแรงกอดที่แน่นขึ้นเล็กน้อยเธอ กลืนน้ำลายลงคอ พยายามผลักอกเขาออก แต่กลับสัมผัสได้ถึงผิวอุ่นและแนวกล้ามเนื้อแข็งแกร่งที่น่าหวั่นใจ"นาย!!!!...ปล่อยนะ" เธอพูดเสียงสั่น หัวใจเต้นแรงจนแทบหลุดออกจากอกแต่แทนที่เขาจะปล่อย กลับกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นจนเธอรู้สึกถึงจังหวะลมหายใจมั่นคงของเขาที่แนบชิดกับแผ่นหลังของเธอ"ทำไมต้องหนีละ?" เขากระซิบเบาๆ ใกล้ใบหู ทำให้เธอขนลุกไปทั้งตัวอันนา เม้มริมฝีปากแน่น พยายามควบคุมตัวเอง แต่สัมผัสแนบชิดจากร่างกายของเขาทำให้เธอทำอะไรไม่ถูก ร่างกายเธอเหมือนจะร้อนขึ้นกว่าเดิมจนแทบทนไม่ไหว..."อยากสัมผัสอีกจัง…เธอตัวหอมมากรู้ไหม" พีท กระซิบเสียงแหบพร่าข้างหู ราวกับจงใจให้เสียงนั้นก้องอยู่ในความคิดของอันนา กลิ่นกายตอนอาบน้ำใหม่ๆ ของเธอหอมจนชายหนุ่มไม่อยากปล่อยตัวเธอให้เป็นอิสระเธอ แทบหยุดหายใจเมื่อจมูกโด่งของเขาแนบเข้ากับใบหูของเธอ สัมผัสอ่อนโยนแต่แฝงไปด้วยความร้อนแรงทำให้ร่างกายเธอสั่นไหว ลมหายใจอุ่นของเขารดราดอยู่บริเวณข้างแก้ม ปลุกความร้อนวูบวาบให้แล่นไปทั่วร่าง"อย่า..." เสียงของเธอแผ่
แสงแรกของรุ่งเช้าสาดส่องผ่านม่านบางเบา ทอประกายอ่อนโยนลงบนเรือนร่างของหญิงสาวที่นอนแนบชิดอยู่ข้างๆ ร่างกายอันกำยำ แขนเรียวบางพาดอยู่บนอกกว้าง ผิวกายเบียดเสียดกันอยู่อันนา ขยับตัวเล็กน้อย ดวงตาคู่สวยค่อยๆ ลืมขึ้นอย่างช้าๆ อาการมึนหัวอย่างหนักปรากฏต่อเธอ เธอรู้สึกถึงไออุ่นของคนข้างกายความจริงที่แล่นเข้ามาในหัวทำให้เธอรีบขยับตัวออกห่าง ร่างกายยังคงอ่อนล้า แต่หัวใจเต้นรัวแทบระเบิดและเริ่มทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้น ขณะที่ยังมีร่างของใครบางคนนอนเปลือยอกอยู่ใกล้ๆ เธอดวงหน้าคมเข้มของเขาหลับไหลอยู่แต่ชวนให้น่ามองทุกส่วนของใบหน้านั้นอันนา ทบทวน เธอสะดุ้งตื่นและสำรวจตัวเอง ตัวเธอเหลือเพียงกางเกงในตัวจิ๋วตัวเดียวห่อหุ้มตัวอยู่ เธอหน้าแดงก่ำ และนึกทบทวนว่าเธอจำอะไรได้บ้างพีท รับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนของเตียงนอน เขา ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมามองร่างของหญิงสาวที่กำลังสั่นเทาและกำลังสำรวจร่างกายตัวเอง เขาอมยิ้มแบบเจ้าเล่ห์ อันนา หันมาเจอสายตาคมเข้มที่จ้องมองมาที่เธออยู่พอดี เธอรีบดึงผ้าห่มมาห่อหุ้มร่างกายให้มิดชิดทันทีชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ ตลกในท่าทางของเธอ นี่เธอจำอะไรไม่ได้เลยหรือไง"นี่…นี่…นาย…นายทำอะไรฉัน
ค่ำคืนเดียวกันนี้….เสียงเครื่องยนต์ของมอเตอร์ไซค์ดังก้องไปตามเส้นทางที่มืดสลัว ลมกลางคืนพัดปะทะใบหน้า อันนา แต่กลับไม่ได้ช่วยให้เธอใจเย็นลงเลยสักนิด และเธอไม่รู้ตัวเลยว่าน้ำส้มที่เธอรับมาดื่มจากกวิน นั้นแฝงไว้ด้วยอันตรายบางอย่างความคิดของเธอยังคงวนเวียนอยู่กับเหตุการณ์ก่อนหน้า กับคำพูดและการกระทำของกวิน... และที่สำคัญ—สัมผัสของพีทอันนา กระชับอ้อมแขนรอบเอวของ พีท โดยไม่รู้ตัว ไออุ่นจากแผ่นหลังของเขาทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยอย่างประหลาด ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ เธอไม่เคยไว้ใจเขาเลยพีท เองก็รู้สึกได้ถึงสัมผัสของความวางใจที่เธอเริ่มมีให้เขามากขึ้น"ใกล้ถึงหอเธอแล้วนะ" พีท เอ่ยขึ้นลอยๆ น้ำเสียงราบเรียบ แต่ก็ยังมีความอบอุ่นบางอย่างที่ทำให้เธอรู้สึกมั่นใจอันนา ไม่ตอบ แต่เธอรู้ว่าใจของตัวเองกำลังสั่นไหว ภาพของ กวิน ในค่ำคืนนี้ยังตามหลอกหลอนเธอ ทว่า อ้อมกอดที่เธอพึ่งพิงอยู่ตอนนี้กลับมั่นคงจนเธอไม่อยากปล่อย เวลาผ่านไปสักพัก…. อันนา เริ่มรู้สึกว่าร่างกายร้อนวูบวาบขึ้นทุกขณะ ราวกับมีเปลวไฟลุกไหม้อยู่ภายในเธอรู้สึกเหมือนโดนบางอย่างควบคุม ความต้องการบางอย่างที่ไม่อาจอธิบายได้พลุ่งพล่านอยู่
Mga Comments