Home / รักโบราณ / เงาจันทราลิขิตบัลลังก์ / ตอนที่  6  เสียงกระซิบแห่งคัมภีร์เทพมาร

Share

ตอนที่  6  เสียงกระซิบแห่งคัมภีร์เทพมาร

last update Last Updated: 2025-05-30 17:35:19

ตอนที่

6

เสียงกระซิบแห่งคัมภีร์เทพมาร

หลังจากแยกจากมู่หรงชิงที่เมืองหลิงหยาง หลี่มู่ไป๋ไม่ได้หยุดนิ่ง เขาเก็บกำไลหยกที่นางมอบให้ไว้ในอกเสื้อใกล้หัวใจ สัมผัสถึงความอบอุ่นที่แผ่ซ่านออกมาเล็กน้อย ราวกับเป็นเครื่องเตือนใจถึงมิตรภาพที่เริ่มถักทอขึ้นท่ามกลางความไม่ไว้วางใจ เขาเดินทางต่อไปตามเบาะแสที่ได้จากเมืองหลิงหยาง เพื่อตามหา เสนาบดีจ้าว อดีตขุนนางผู้จงรักภักดีที่หายสาบสูญไป ซึ่งหลี่มู่ไป๋เชื่อว่าเสนาบดีผู้นั้นอาจเป็นกุญแจสำคัญในการไขปริศนาการล่มสลายของตระกูลหลี่

เส้นทางของหลี่มู่ไป๋พาดผ่านเมืองใหญ่หลายแห่ง หมู่บ้านเล็กๆ ที่เงียบสงบ และป่าเขาที่รกร้าง เขาเดินทางด้วยเท้าเป็นส่วนใหญ่ เพื่อให้สามารถสังเกตการณ์ความเป็นไปของยุทธภพและราชสำนักได้อย่างละเอียดถี่ถ้วน เขาสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงในแคว้นเหลียงที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ผู้คนจำนวนมากดูหวาดระแวงและชีวิตความเป็นอยู่ก็ยากลำบากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ความขัดแย้งระหว่างสำนักในยุทธภพเริ่มปะทุขึ้นถี่ครั้งกว่าเมื่อก่อน และข่าวลือเกี่ยวกับขุนนางฉ้อฉลและการใช้อำนาจในทางมิชอบก็แพร่กระจายไปทั่วทุกหย่อมหญ้า

ในโรงเตี๊ยมเล็กๆ แห่งหนึ่งระหว่างทางสู่เมืองไกลโพ้น หลี่มู่ไป๋นั่งดื่มชาอยู่เงียบๆ คอยเงี่ยหูฟังบทสนทนาของผู้คนตามโต๊ะต่างๆ

“เจ้าได้ยินข่าวเรื่อง 'คัมภีร์เทพมาร' หรือไม่” เสียงกระซิบของชายฉกรรจ์สองคนดังขึ้นจากโต๊ะข้างๆ

หลี่มู่ไป๋ชะงัก ดวงตาคู่คมของเขาตวัดมองไปยังชายสองคนนั้นอย่างรวดเร็ว

“คัมภีร์เทพมารน่ะหรือ? ใครเล่าจะไม่รู้! มันเป็นที่กล่าวขานกันว่าหากใครได้ครอบครองคัมภีร์นี้ จะสามารถเพิ่มพูนพลังยุทธ์ได้อย่างมหาศาล เหนือจินตนาการ ไม่ต้องฝึกฝนอย่างหนักก็สามารถเป็นยอดฝีมือไร้เทียมทานได้!” อีกคนตอบกลับด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้นและแววตาที่เต็มไปด้วยความโลภ

“ใช่แล้ว! ได้ยินมาว่าสำนักกระบี่เมฆาคลั่งกับสำนักหมัดสายฟ้าก็กำลังเปิดศึกแย่งชิงมันอยู่ตอนนี้ ทำให้ยุทธภพปั่นป่วนไปหมด”

“ใครเล่าจะไม่ต้องการครอบครองคัมภีร์เช่นนั้น! หากข้าได้มานะ...” ชายอีกคนพูดพลางหัวเราะในลำคอด้วยความฝันเฟื่อง

“คัมภีร์เทพมาร” เป็นครั้งแรกที่หลี่มู่ไป๋ได้ยินชื่อนี้ แต่ชื่อมันกลับก้องกังวานอยู่ในโสตประสาทของเขาอย่างประหลาด ราวกับเป็นเสียงกระซิบที่คุ้นเคยจากอดีตที่ห่างไกล เขาเคยได้ยินอาจารย์พูดถึงตำนานโบราณบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับ 'คัมภีร์' ที่สามารถพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินได้ แต่ไม่เคยคาดคิดว่าจะได้ยินชื่อที่ชัดเจนเช่นนี้

ข่าวลือเกี่ยวกับคัมภีร์เทพมารเริ่มปรากฏให้เห็นทุกที่ที่เขาไป ไม่ว่าจะในเมืองใหญ่หรือหมู่บ้านเล็กๆ ผู้คนต่างพูดถึงมันราวกับเป็นตำนานที่กลายเป็นความจริง หลายสำนักในยุทธภพที่เคยอยู่กันอย่างสงบเริ่มเปิดศึกแย่งชิงคัมภีร์นี้อย่างเปิดเผย บางสำนักที่เคยมีชื่อเสียงดีก็ถึงกับต้องแปดเปื้อนด้วยการฆ่าฟันเพื่อแย่งชิง สุดท้ายก็ต้องล่มสลายลงเพราะความโลภ

หลี่มู่ไป๋นั่งไตร่ตรอง เขาหวนนึกถึงเหตุการณ์สิบปีก่อน การล่มสลายของตระกูลหลี่นั้นรวดเร็วและโหดเหี้ยมเกินกว่าขุนนางผู้หนึ่งจะทำได้ เขาเคยสงสัยมาตลอดว่าเบื้องหลังความอยุติธรรมนั้นจะต้องมีอำนาจที่ยิ่งใหญ่กว่าใครๆ อยู่เบื้องหลังเสมอ ความแข็งแกร่งของศัตรูที่ไม่เคยปรากฏตัวชัดเจน หรือที่เขาเรียกว่า "เงา" นั้น อาจเป็นไปได้ว่าพวกเขาครอบครองบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้พวกเขามีอำนาจเหนือคนทั่วไป และคัมภีร์เทพมารนี้อาจจะเป็นคำตอบที่เขากำลังตามหาอยู่

“หากคัมภีร์เทพมารมีอยู่จริง และมันสามารถมอบพลังมหาศาลได้...เช่นนั้นผู้ที่ทำลายล้างตระกูลหลี่ อาจจะเกี่ยวข้องกับคัมภีร์นี้หรือไม่?”ความคิดนี้ผุดขึ้นในใจของเขาอย่างไม่อาจห้ามได้ เขานึกถึงคำสั่งเสียของบิดาที่ว่า

“ต้องสืบหาความจริง...และล้างมลทินให้ตระกูลเรา...” หากคัมภีร์นี้คือต้นเหตุของความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นกับตระกูลหลี่ การค้นหาคัมภีร์นี้ก็คือการสืบหาความจริงนั่นเอง

หลี่มู่ไป๋ตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว เขามีปณิธานแน่วแน่ที่จะล้างมลทินให้ตระกูล และการตามหาเสนาบดีจ้าวก็เป็นเพียงจุดเริ่มต้นในการค้นหาความจริงเท่านั้น แต่หากคัมภีร์เทพมารเกี่ยวข้องกับการล่มสลายของตระกูลเขา มันก็จะเป็นกุญแจที่ใหญ่กว่าในการไขปริศนาทั้งหมด

เขาจึงตัดสินใจเปลี่ยนเป้าหมายชั่วคราวจากการตามหาเสนาบดีจ้าว มาเป็นการสืบหาเบาะแสของคัมภีร์เทพมารแทน เขาเชื่อว่ามันอาจเป็นกุญแจไขปริศนาทั้งหมด และนำเขาไปสู่บุคคลที่อยู่เบื้องหลังความพินาศของตระกูลเขาได้ในที่สุด

การเปลี่ยนเป้าหมายทำให้หลี่มู่ไป๋ต้องเปลี่ยนเส้นทางและวิธีการในการสืบหาข้อมูล เขาเริ่มมุ่งหน้าไปยังแหล่งรวมนักยุทธ์ โรงฝึกกำลังภายใน และสถานที่ที่นักเลงมักจะรวมตัวกัน เพื่อรวบรวมข่าวสารเกี่ยวกับคัมภีร์เทพมาร เขาพยายามสังเกตการณ์ทุกสิ่งอย่างละเอียด ไม่เว้นแม้แต่บทสนทนาเล็กๆ น้อยๆ ที่อาจจะนำไปสู่เบาะแสสำคัญ

ในระหว่างการเดินทางครั้งใหม่นี้ หลี่มู่ไป๋ยังคงรู้สึกว่ามีเงาบางอย่างติดตามเขาอยู่ตลอดเวลา เงาเหล่านั้นไม่ได้ปรากฏตัวอย่างโจ่งแจ้ง แต่เขาสัมผัสได้ถึงการจับตามองจากระยะไกล พวกมันไม่ใช่โจรป่าธรรมดาที่เน้นการปล้นสะดม แต่เป็นกลุ่มคนที่ดูเหมือนจะได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี มีฝีมือพอตัว และมีความสามารถในการสะกดรอยและซ่อนตัวได้อย่างแนบเนียน หลี่มู่ไป๋สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของพลังยุทธ์ที่มาจากกลุ่มคนเหล่านั้น แม้จะยังไม่เคยปะทะกันโดยตรง แต่เขาก็รู้ว่าพวกเขาไม่ใช่คนดีและกำลังติดตามเขาด้วยจุดประสงค์บางอย่าง

บางครั้งเขาจงใจเดินเข้าไปในตรอกมืดๆ หรือทำท่าทีผ่อนคลายเพื่อล่อให้พวกมันเปิดเผยตัว แต่พวกมันก็ฉลาดเกินกว่าจะติดกับดักง่ายๆ เงามืดเหล่านั้นยังคงเป็นปริศนาสำหรับเขา แต่เขาก็ยิ่งมั่นใจว่าพวกมันจะต้องเกี่ยวข้องกับผู้ที่อยู่เบื้องหลังการล่มสลายของตระกูลหลี่ และอาจจะเกี่ยวข้องกับคัมภีร์เทพมารด้วยเช่นกัน

“ใครกันที่ส่งคนพวกนี้มาติดตามข้า? พวกเขากำลังต้องการอะไรจากข้า” คำถามเหล่านี้วนเวียนอยู่ในความคิดของหลี่มู่ไป๋ตลอดเวลา เขาเพิ่มความระมัดระวังตัวเป็นสองเท่า ไม่ว่าเขาจะไปที่ใด ไม่ว่าเขาจะทำอะไร เขาก็รู้สึกราวกับมีดวงตาคู่หนึ่งกำลังจับจ้องอยู่เสมอ

ในเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ขึ้นชื่อเรื่องตลาดมืด หลี่มู่ไป๋เดินเข้าไปในตรอกแคบๆ ที่เต็มไปด้วยร้านค้าผิดกฎหมายและแหล่งชุมนุมของนักเลง เขาสวมชุดเรียบง่าย กลืนหายไปกับฝูงชนอย่างแนบเนียน ที่นี่เขาได้ยินข่าวลือที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับคัมภีร์เทพมาร

“ได้ยินว่าคัมภีร์เทพมารไม่ได้เป็นเพียงแค่ตำนานนะท่าน” เสียงของชายชราคนหนึ่งที่นั่งขายของเก่าในตลาดมืดกระซิบกับนักเลงคนหนึ่ง “มีคนเคยเห็นมันจริงๆ!”

“จริงหรือท่านลุง! ใครกันที่เคยเห็นมัน?” นักเลงถามด้วยความตื่นเต้น

“ก็ท่านอาจารย์เฉิน ผู้เป็นเจ้าสำนักวิหคเพลิงน่ะสิ! ท่านอาจารย์เฉินเคยกล่าวไว้ว่าเขาเห็นคัมภีร์นี้ด้วยตาตนเองเมื่อหลายสิบปีก่อน แต่หลังจากนั้นคัมภีร์ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย พร้อมกับการล่มสลายของสำนักโบราณแห่งหนึ่ง...” ชายชราพูดพลางถอนหายใจ "น่าเสียดายยิ่งนัก หากคัมภีร์นั้นยังอยู่ ป่านนี้คงมีแต่คนแย่งชิงกันจนยุทธภพแทบลุกเป็นไฟ"

หลี่มู่ไป๋ได้ยินคำพูดนั้น ใบหน้าของเขาพลันเคร่งขรึม “สำนักโบราณแห่งหนึ่ง...” เขานึกถึงตำนานที่อาจารย์เคยเล่าให้ฟังเกี่ยวกับสำนักที่ถูกกล่าวขานว่ามีวิชาล้ำเลิศและเก็บรักษาสมบัติล้ำค่ามากมาย แต่กลับหายสาบสูญไปอย่างเป็นปริศนาเมื่อหลายสิบปีก่อน ชื่อของสำนักนั้นถูกลืมเลือนไปตามกาลเวลา แต่ตำแหน่งที่ตั้งนั้นอยู่ในหุบเขาที่อันตรายแห่งหนึ่งที่เรียกว่าหุบเขาหมอกทมิฬ

นี่คือเบาะแสแรกที่ชัดเจนที่สุด! หลี่มู่ไป๋ตัดสินใจทันทีว่าเขาจะต้องเดินทางไปยังหุบเขาหมอกทมิฬ เพื่อค้นหาความจริงเกี่ยวกับสำนักโบราณแห่งนั้น และอาจจะเจอเบาะแสของคัมภีร์เทพมารด้วยเช่นกัน

ก่อนที่จะออกเดินทาง หลี่มู่ไป๋ตัดสินใจเตรียมตัวให้พร้อมที่สุด เขามุ่งหน้าไปยังร้านขายอาวุธและร้านขายสมุนไพร เพื่อเตรียมเสบียงและอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการเดินทางอันยาวไกลและอันตราย

“ต้องการอะไรหรือท่าน” เจ้าของร้านขายสมุนไพรชราเอ่ยถาม หลี่มู่ไป๋เลือกสมุนไพรที่จำเป็นสำหรับการปฐมพยาบาลและยารักษาอาการบาดเจ็บต่างๆ รวมทั้งสมุนไพรที่ช่วยเพิ่มพลังและบำรุงกำลัง

ระหว่างที่หลี่มู่ไป๋กำลังเลือกซื้อของ เขาสัมผัสได้ถึงสายตาคู่หนึ่งที่จ้องมองมายังเขาจากมุมมืดของร้านค้า เขาแกล้งทำเป็นไม่สนใจ แต่ในใจกลับเพิ่มความระมัดระวังตัวให้มากขึ้น สายตาคู่นั้นไม่ใช่สายตาของคนธรรมดา แต่เป็นสายตาที่เต็มไปด้วยความแข็งกร้าวและแฝงด้วยเจตนาร้าย

เมื่อหลี่มู่ไป๋จ่ายเงินและเดินออกจากร้าน เขาสัมผัสได้ถึงเงาสองเงาที่ติดตามเขาไปอย่างเงียบเชียบ พวกมันรักษาระยะห่าง ไม่ได้เข้าใกล้จนน่าสงสัย แต่ก็ไม่ห่างเกินไปจนหลุดสายตา หลี่มู่ไป๋แกล้งเดินไปตามทางที่คึกคัก ก่อนจะเลี้ยวเข้าตรอกแคบๆ ที่เงียบสงบในทันที เมื่อเข้าไปในตรอกนั้น เขาก็หยุดฝีเท้าลงและรอคอย

ไม่นานนัก เงาทั้งสองก็ปรากฏตัวขึ้น พวกมันเป็นชายหนุ่มสองคนในชุดสีเข้ม หน้าตาซีดเซียว แววตาเย็นชา แต่ละคนถือกระบี่สั้นอยู่ในมือ พวกมันก้าวเข้ามาใกล้หลี่มู่ไป๋อย่างช้าๆ บรรยากาศในตรอกพลันตึงเครียดขึ้นมาทันที

“ท่านคงเป็น 'เงากระบี่เดียวดาย' สินะ” หนึ่งในชายหนุ่มเอ่ยขึ้น เสียงของเขาแหบพร่า

“พวกเจ้าเป็นใคร?” หลี่มู่ไป๋ถามกลับอย่างใจเย็น

“เราได้รับคำสั่งให้มาจัดการกับผู้ที่สอดรู้สอดเห็นมากเกินไป” ชายอีกคนตอบ พร้อมกับพุ่งตัวเข้าโจมตีหลี่มู่ไป๋พร้อมกัน

หลี่มู่ไป๋ถอนกระบี่ออกจากฝักอย่างรวดเร็ว เสียงเหล็กกระทบกันดังก้องไปทั่วตรอก เพลงกระบี่ของเขาลื่นไหลราวสายน้ำ ผสมผสานกับวิชาตัวเบาที่ว่องไว ทำให้เขาสามารถรับมือกับการโจมตีของคนทั้งสองได้อย่างง่ายดาย พวกมันมีฝีมือดี ไม่ใช่โจรป่าธรรมดาอย่างที่เขาเคยเจอ แต่ก็ยังห่างชั้นกับเขามากนัก

เพียงไม่กี่กระบวนท่า ชายทั้งสองก็ถูกหลี่มู่ไป๋จัดการลงไปนอนแน่นิ่งกับพื้น แต่เขาไม่ได้ลงมือถึงชีวิต เพียงแค่ทำให้พวกมันหมดสติและไม่อาจติดตามเขาได้อีกต่อไป

หลี่มู่ไป๋ก้มลงสำรวจชายทั้งสอง เขาพบบางอย่างที่น่าสนใจที่แขนเสื้อของพวกมัน มีตราสัญลักษณ์บางอย่างถูกปักเอาไว้เล็กๆ เป็นรูป สัตว์ร้ายที่มีเขี้ยวแหลมคมและดวงตาสีแดงฉาน ตราสัญลักษณ์นี้ไม่เคยปรากฏในสำนักใดๆ ที่เขาเคยรู้จัก แต่มันกลับทำให้เขานึกถึงข่าวลือเกี่ยวกับพรรคอธรรมที่มีชื่อเสียงเกี่ยวกับสัตว์ร้ายและอิทธิพลที่แผ่ขยายไปทั่ว และแน่นอน...ข่าวลือเหล่านั้นมักจะถูกเชื่อมโยงกับ องค์ชายสาม

“ดูเหมือนว่าเงาที่ติดตามข้าจะชัดเจนขึ้นแล้ว” หลี่มู่ไป๋พึมพำกับตัวเอง ดวงตาของเขาฉายแววครุ่นคิดลึกซึ้ง “พวกมันไม่ต้องการให้ข้าสืบเรื่องคัมภีร์เทพมาร หรือว่าพวกมันกำลังตามหาคัมภีร์นี้อยู่เช่นกัน”

เขาเก็บกระบี่เข้าฝัก ก่อนจะรีบออกจากตรอกนั้นไปอย่างรวดเร็ว เขาเหลือบมองไปยังท้องฟ้าที่มืดมิดและไร้ซึ่งแสงจันทร์ ราวกับจะบอกใบ้ว่าเส้นทางข้างหน้าของเขายังคงเต็มไปด้วยอันตรายและปริศนาที่รอให้ไข หลี่มู่ไป๋เร่งฝีเท้า มุ่งหน้าสู่ หุบเขาหมอกทมิฬ เพื่อค้นหาความจริงเบื้องหลัง คัมภีร์เทพมารที่ดูเหมือนจะเชื่อมโยงกับชะตากรรมของเขาและตระกูลหลี่อย่างแยกไม่ออก

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เงาจันทราลิขิตบัลลังก์   ตอนที่  65 บทสรุปแห่งรักและการเริ่มต้นใหม่ ตอนจบ

    ตอนที่ 65บทสรุปแห่งรักและการเริ่มต้นใหม่หลังจากที่หลี่เทียนอี้และไป๋ซูเจินได้คลี่คลายปริศนาในอดีตของหลี่มู่ไป๋และมู่หรงชิง และได้รับรู้ถึงความจริงเกี่ยวกับพรรคเงาอสูรแล้ว พวกเขาก็ตัดสินใจที่จะใช้เวลาช่วงหนึ่งอยู่ในหมู่บ้านเมฆาเงียบสงบ เพื่อฟื้นฟูจิตใจและวางแผนสำหรับอนาคตแม้ว่าตระกูลไป๋จะยิ่งใหญ่และร่ำรวย แต่ไป๋ซูเจินก็ไม่ได้ปรารถนางานแต่งงานที่หรูหราอลังการ สิ่งที่นางต้องการคือความเรียบง่ายและอบอุ่น และหลี่เทียนอี้ก็เห็นด้วยกับนางอย่างเต็มที่ด้วยความเห็นชอบจากประมุขไป๋ที่เดินทางมาถึงหมู่บ้านเมฆาเงียบสงบในภายหลัง และการจัดเตรียมงานของมู่หรงชิง งานแต่งงานเล็กๆ ของหลี่เทียนอี้และไป๋ซูเจินจึงถูกจัดขึ้นอย่างอบอุ่นและเป็นกันเองในหมู่บ้านเมฆาเงียบสงบแขกในงานมีเพียงคนสนิทและชาวบ้านที่รักใคร่ หลี่ฟงและเฒ่าจันทร์เองก็เดินทางมาร่วมงานด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยความสุข เสียงหัวเราะ และการอวยพรจากใจจริงของทุกคนไป๋ซูเจินในชุดเจ้าสาวสีขาวสะอาดตา งดงามราวกับเทพธิดา นางเดินเข้ามาในลานบ้านที่ถูกประดับประดาอย่างเรียบง่ายแต่สวยงาม เคียงข้างหลี่เทียนอี้ในชุดเสื้อผ้าธรรมดาแต่ดูสง

  • เงาจันทราลิขิตบัลลังก์   ตอนที่ 64 การกลับบ้าน

    ตอนที่ 64การกลับบ้านในเมืองเหมันต์ หลี่เทียนอี้รู้สึกว่าเขาจำเป็นต้องกลับไปที่หมู่บ้านเมฆาเงียบสงบอีกครั้ง เพื่อแบ่งปันเรื่องราวทั้งหมดให้พ่อแม่ฟัง และที่สำคัญที่สุด คือการพาไป๋ซูเจินผู้เป็นที่รักกลับไปแนะนำให้พวกท่านได้รู้จัก การเดินทางครั้งนี้เต็มไปด้วยความคาดหวังและความอบอุ่นในหัวใจของทั้งสองคนหลี่เทียนอี้และไป๋ซูเจินออกเดินทางจากเมืองเหมันต์ มุ่งหน้าสู่หมู่บ้านเมฆาเงียบสงบ การเดินทางครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อน ๆ ที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายและอันตราย บัดนี้มันคือการเดินทางกลับบ้าน สู่ความสงบสุขและอ้อมกอดของครอบครัว แม้จะมีเรื่องราวหนักอึ้งในอดีตที่รอการคลี่คลาย แต่การได้อยู่เคียงข้างไป๋ซูเจินทำให้หลี่เทียนอี้รู้สึกเข้มแข็งและพร้อมเผชิญหน้ากับทุกสิ่งระหว่างทาง หลี่เทียนอี้เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับหมู่บ้านเมฆาเงียบสงบให้ไป๋ซูเจินฟังอย่างละเอียด เล่าถึงชีวิตที่เรียบง่าย การฝึกฝนวรยุทธ์ภายใต้การดูแลของบิดา และความรักความอบอุ่นที่มารดามอบให้ ไป๋ซูเจินตั้งใจฟังทุกถ้อยคำ นางรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้พบกับหลี่มู่ไป๋และมู่หรงชิง ผู้เป็นต้นแบบของคุณธรรมและความสามารถที่หล่อหลอมให้หลี่เทียนอี้เป็นบ

  • เงาจันทราลิขิตบัลลังก์   ตอนที่  63 ร่องรอยของอดีต

    ตอนที่ 63ร่องรอยของอดีตหลังจากใช้เวลาหลายเดือนในการช่วยเหลือผู้คนและสร้างชื่อเสียงที่ดีงามในยุทธภพในฐานะ "คู่รักจอมยุทธ์ผู้ทรงคุณธรรม" หลี่เทียนอี้และไป๋ซูเจินก็ได้เดินทางมาถึงเมืองใหญ่อีกแห่งหนึ่งที่ชื่อว่า เมืองเหมันต์ ซึ่งเป็นเมืองที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์และเป็นศูนย์กลางการค้าที่คึกคัก แม้ว่าชีวิตของพวกเขาจะเต็มไปด้วยความสุขจากการได้ทำสิ่งดีๆ และความรักที่มั่นคงต่อกัน แต่โชคชะตาก็มักจะนำพาสิ่งที่ไม่คาดฝันมาให้เสมอ และในครั้งนี้ หลี่เทียนอี้กำลังจะได้เผชิญหน้ากับ ร่องรอยบางอย่างจากอดีตของพ่อแม่ ที่เขาไม่เคยล่วงรู้มาก่อนเมื่อก้าวเข้าสู่เมืองเหมันต์ หลี่เทียนอี้รู้สึกถึงความคุ้นเคยแปลกๆ ราวกับว่าเขาเคยมาที่นี่มาก่อน ทั้งที่ในความทรงจำของเขาไม่เคยมีภาพเมืองนี้อยู่เลย กลิ่นอายของปราณที่แข็งแกร่งและแฝงด้วยความเยือกเย็นบางอย่างที่อบอวลอยู่ในอากาศ ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย“ท่านหลี่เทียนอี้ ดูเหมือนเมืองนี้จะมีความพิเศษบางอย่างนะเจ้าคะ” ไป๋ซูเจินสังเกตเห็นท่าทีของเขา นางมีความละเอียดอ่อนและรับรู้ถึงพลังปราณบางอย่างได้ดีเช่นกัน“ข้าก็รู้สึกเช่นนั้นขอรับไป๋ซูเจิน” หลี่เทียนอี้ตอ

  • เงาจันทราลิขิตบัลลังก์   ตอนที่  62 บทบาทใหม่ในยุทธภพ

    ตอนที่ 62บทบาทใหม่ในยุทธภพหลังจากความรักได้รับการยอมรับจากประมุขไป๋และคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ใต้แสงจันทร์ ณ เมืองจินหลิง ชีวิตบทใหม่ของหลี่เทียนอี้และไป๋ซูเจินก็ได้เริ่มต้นขึ้น พวกเขาไม่ได้จมปลักอยู่กับความสุขส่วนตัวเพียงอย่างเดียว หากแต่เลือกที่จะก้าวเดินบนเส้นทางแห่งคุณธรรมร่วมกัน นำวิชาความรู้และจิตใจที่เปี่ยมด้วยเมตตาออกไปช่วยเหลือผู้คนในยุทธภพที่กว้างใหญ่ไพศาล สร้างบทบาทใหม่ในฐานะ คู่รักจอมยุทธ์ผู้ทรงคุณธรรมหลี่เทียนอี้และไป๋ซูเจินไม่ได้รีบร้อนที่จะสร้างชื่อเสียงอันโด่งดัง หรือก่อตั้งสำนักใหญ่โตดุจสำนักอื่น ๆ ในยุทธภพ พวกเขาเริ่มต้นจากการช่วยเหลือผู้คนในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่พบเจอระหว่างการเดินทาง ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเขาถนัดและเชื่อมั่นในคุณค่าของมันพวกเขาออกเดินทางจากเมืองจินหลิง มุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านและเมืองเล็ก ๆ ที่อยู่ห่างไกลความเจริญและมักถูกละเลยจากสำนักใหญ่ ๆ เหล่านั้นครั้งหนึ่ง พวกเขาได้เดินทางไปถึงหมู่บ้านชายแดนแห่งหนึ่ง ซึ่งกำลังประสบปัญหาจากภัยแล้งอย่างหนัก ผู้คนอดอยากและเจ็บป่วยล้มตายจำนวนมาก“ท่านหลี่เทียนอี้ ชาวบ้านเหล่านี้เดือดร้อนหนักมากเจ้าค่ะ” ไป๋ซูเจินกล่าวด

  • เงาจันทราลิขิตบัลลังก์   ตอนที่ 61 การยอมรับและเส้นทางที่เลือก

    ตอนที่ 61การยอมรับและเส้นทางที่เลือกหลังเหตุการณ์วุ่นวายในเมืองจินหลิง ที่หลี่เทียนอี้และไป๋ซูเจินร่วมมือกันปกป้องเมืองจากเงื้อมมือของสำนักเงาดำ ความกล้าหาญและคุณธรรมของทั้งคู่เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาคนทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อประมุขไป๋ผู้เป็นบิดาของไป๋ซูเจิน การกระทำของพวกเขาในครั้งนี้ไม่เพียงแต่ช่วยชีวิตผู้คนจำนวนมาก แต่ยังเป็นการเปิดประตูสู่การยอมรับความรักของทั้งคู่ ที่ต้องเผชิญกับอุปสรรคมาอย่างยาวนานหลังจากความสงบกลับคืนสู่เมืองจินหลิง ประมุขไป๋ได้เรียกหลี่เทียนอี้และไป๋ซูเจินมาพบเป็นการส่วนตัวในห้องโถงใหญ่ของจวน ใบหน้าของเขาไม่ได้แสดงความโกรธเคืองหรือความไม่พอใจเหมือนเช่นเคย หากแต่เต็มไปด้วยความนับถือและความสำนึกผิด“ท่านหลี่เทียนอี้” ประมุขไป๋เริ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงกว่าครั้งก่อนมาก “ในวันนี้ ข้าได้เห็นกับตาแล้วว่าท่านเป็นบุรุษเช่นไร”เขาถอนหายใจช้าๆ “ข้าเคยผิดพลาดที่มองคนแต่เพียงเปลือกนอก และดูถูกท่านด้วยฐานะอันต่ำต้อย” ประมุขไป๋เดินเข้าไปหาหลี่เทียนอี้ แล้ว โค้งคำนับเล็กน้อย “ข้าขออภัยท่านด้วยใจจริง ที่เคยดูหมิ่นท่านและทำให้ท่านกับบุตรสาวของข้าต้องเจ็บปวด”หลี่เที

  • เงาจันทราลิขิตบัลลังก์   ตอนที่ 60  บทพิสูจน์แห่งรัก

    ตอนที่ 60 บทพิสูจน์แห่งรักการกลับมาพบกันอีกครั้งที่เมืองจินหลิง ท่ามกลางสถานการณ์การบุกโจมตีของโจรป่า ทำให้หลี่เทียนอี้และไป๋ซูเจินได้ยืนยันความรู้สึกในใจของกันและกัน แม้จะไม่มีคำพูดใดเอ่ยออกมาอย่างชัดเจน แต่สายตาที่สื่อถึงกันก็เพียงพอแล้วที่จะบอกว่าความรักของพวกเขายังคงมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง แต่โลกภายนอกที่กว้างใหญ่ไม่ได้มีเพียงความรักที่สวยงาม การเผชิญหน้าครั้งนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของบททดสอบครั้งใหญ่ ที่พวกเขาจะต้องพิสูจน์ความรักของตนเองและสิ่งที่ยึดมั่นร่วมกันหลังจากเหตุการณ์โจรป่าบุกโจมตี ประมุขไป๋ก็จำต้องยอมรับฝีมือและคุณธรรมของหลี่เทียนอี้ที่ปรากฏให้เห็นในวันนี้ แต่เขาก็ยังคงไม่ยอมรับหลี่เทียนอี้ในฐานะบุตรเขยของตระกูลไป๋ และยังคงยืนกรานที่จะให้ไป๋ซูเจินแต่งงานกับคุณชายหลินอยู่ดีหลี่เทียนอี้และไป๋ซูเจินจึงตัดสินใจที่จะพูดคุยกันอย่างเปิดอก ณ สถานที่ลับแห่งหนึ่งในเมืองจินหลิง“ท่านหลี่เทียนอี้” ไป๋ซูเจินกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ท่านพ่อไม่ยอมรับท่าน…และท่านก็ยังคงต้องแต่งงานกับคุณชายหลิน”“ข้าจะไม่ยอมให้เรื่องนั้นเกิดขึ้นเด็ดขาดขอรับ” หลี่เทียนอี้กล่าวด้วยความมุ่งมั่น “ข้าจะพิ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status