ไป๋ฮูหยินและแม่ทัพใหญ่ไป๋ที่เห็นว่าบุตรสาวบุตรชายมาถึงแล้วก็ดีใจเป็นอย่างมาก นางรีบเดินเข้ามาจับมือไป๋จื่อเซียนบุตรชายของตนด้วยท่าทีกระตือรือร้น ก่อนจะหันไปมองเจียงหว่านหนิงคราหนึ่ง
"จื่อเอ๋อร์ เจ้าพาผู้ใดมากัน หรือว่าเป็นภรรยาลับของเจ้า ที่เจ้าเลี้ยงดูเอาไว้นอกจวน"
ไป๋ฮูหยินจ้องมองสำรวจเจียงหว่านหนิงคราหนึ่ง พลางครุ่นคิดในใจ
เอ ใบหน้าก็งดงามใช้ได้ทีเดียว แต่เสื้อผ้าที่สวมใส่ดูสกปรกไปเสียหน่อย หรือว่า ตายละ รสนิยมจื่อเอ๋อร์ชื่นชอบสตรีไม่อาบน้ำหวีผมเช่นนั้นหรือ
ช่างเถิด ในเมื่อเอาเข้าจวนมาแล้ว ค่อยสั่งสอนนางให้รักษาความสะอาดก็ยังไม่สาย!
ไป๋จื่อเซียนหลับตาลงคราหนึ่ง นับวันท่านแม่ของเขาเริ่มจะเลอะเทอะเกินไปแล้ว ท่านพ่อก็ไม่คิดจะห้ามปรามเลยแม้แต่น้อย
"ท่านแม่ นางไม่ใช่ภรรยาลูกขอรับ นางคือคนที่ช่วยเหลือซู่เอ๋อร์ เราเจอนางที่หน้าหอวารีเมื่อครู่นี้อย่างไรเล่าขอรับ"
"อ่า"
"ท่านแม่ นางลำบากยิ่งนัก ลูกจึงอยากมาขอความกรุณาจากท่านแม่ โปรดรับนางเข้าจวนด้วยขอรับ นางยินดีทำงานแลกเงินขอรับ"
ไป๋ฮูหยินจ้องมองไป๋จื่อเซียนสลับกับมองเจียงหว่านหนิง ในใจลอบเสียดายไม่น้อย แต่ก็ช่างเถิด เมื่อคิดได้เช่นนั้นไป๋ฮูหยินจึงเอ่ยถามเจียงหว่านหนิงด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
"แม่นาง เจ้ามาจากที่ใด เป็นบุตรสาวบ้านใดหรือ?"
"เรียนฮูหยิน ข้ามีนามว่าเจียงหว่านหนิง ลี้ภัยสงครามมาจากแคว้นฉางอันเจ้าค่ะ แต่โชคร้ายถูกคนชั่วจับตัวไป ได้สหายช่วยเหลือจนรอดมาได้ บิดามารดาบุญธรรมข้าตายไปหมดแล้ว พวกเขาบอกข้าว่าบิดามารดาที่แท้จริงของข้าอาจจะอยู่ที่แคว้นต้าโจว ข้าจึงออกตามหา แต่กลับถูกคนใจร้ายจับตัวไปขาย โชคดีที่ได้คุณชายและคุณหนูจวนท่านช่วยเหลือไว้เจ้าค่ะ ฮูหยิน ข้ายินดีทำงานทุกอย่างแลกเงินนะเจ้าคะ หากว่าข้าเจอบิดามารดาแล้ว ข้าจะไม่รบกวนฮูหยินอีก"
ไป๋ฮูหยินที่ได้ฟังเรื่องราวของเจียงหว่านหนิงก็รู้สึกสงสารเห็นใจเป็นอย่างมาก อีกอย่างก็คือนางได้ฟังจากปากของไป๋ซู่ฮวามาบ้างแล้ว ว่าเจียงหว่านหนิงเคยช่วยเหลือไป๋ซู่ฮวาเอาไว้
"ท่านแม่ รับนางเข้าจวนเถิดเจ้าค่ะ นางบอกว่านางทำอาหารเป็นด้วยนะเจ้าคะ ให้นางอยู่โรงครัวก็ได้ อ้อ ให้นางมาอยู่กับลูกก็ได้นะเจ้าคะ"
ไป๋ซู่ฮวาเดินเข้าไปจับแขนมารดาของตนก่อนจะเอ่ยวาจาออดอ้อน ไป๋ฮูหยินยิ้มให้เจียงหว่านหนิงคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยตอบ
"เอาเถิด ข้าจะรับเจ้าเข้าจวนก็ได้ แต่ยามนี้คนงานข้ามีเยอะแล้ว เจ้ามาอยู่ข้างกายข้าก่อนละกัน ไว้ข้าจะหางานให้เจ้าทำ"
"ขอบพระคุณฮูหยินมากเจ้าค่ะ"
ไป๋ฮูหยินพยักหน้ารับ ก่อนที่นางจะได้ยินเสียงของแม่ทัพใหญ่ไป๋ผู้เป็นสามีเอ่ยขึ้นมา
"น้องหญิง ไต้ซือรอนานแล้วนะ เจ้ารีบหน่อยเถิด ไต้ซือบอกว่าตะคริวจะกินขาเขาแล้ว!!!"
เมื่อได้ยินเช่นนั้นนางก็นึกขึ้นได้ว่ายังมีเรื่องสำคัญกว่าให้ต้องจัดการ ไป๋ฮูหยินจึงหันมาเอ่ยกับไป๋จื่อเซียนทันที
"จื่อเอ๋อร์ มานี่เร็วเข้า มาให้ไต้ซือดูหน่อย"
"ท่านแม่ ลูกมีงานต้องสะสางขอรับ"
"ครู่เดียวเท่านั้น นี่ซู่เอ๋อร์ เจ้าพาหว่านหนิงไปเปลี่ยนชุดเถิด ให้บ่าวในเรือนหาชุดสาวใช้ที่เหมาะกับนาง แม่ขอจัดการเรื่องราวตรงนี้สักครู่เสียหน่อย"
"เจ้าค่ะ"
ไป๋ซู่ฮวาจับมือเจียงหว่านหนิงเข้ามาในจวน เจียงหว่านหนิงจ้องมองภายในจวนที่ตกแต่งได้อย่างงดงามก็รู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย
ในความตื่นเต้นนั้น นางคล้ายมีบางอย่างที่คุ้นตา
เหมือนกับว่านางเคยเห็นสถานที่เช่นนี้เมื่อนานมาแล้ว แต่เคยเห็นที่ใดนางก็ไม่อาจทราบได้
นางเดินตามไป๋ซู่ฮวามาเรื่อยๆ แต่ทว่าแทนที่ไป๋ซู่ฮวาจะพานางไปเปลี่ยนชุดตามคำสั่งของไป๋ฮูหยิน กลับพานางมาแอบที่ด้านหลังหน้าต่างแทน
"ไป๋ซู่ฮวา เจ้าพาข้ามาแอบทำอันใดตรงนี้กัน?"
ไป๋ซู่ฮวายิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะเอ่ยกับเจียงหว่านหนิง
"พาเจ้ามาดูเรื่องสนุกอย่างไรเล่า ดูเอาไว้ ไม่ต้องถามมาก อิอิ"
เจียงหว่านหนิงถูกไป๋ซู่ฮวาพามาแอบดูไป๋จื่อเซียนที่นอกหน้าต่าง นางไม่อาจโต้แย้งได้ จึงทำได้เพียงปล่อยเลยตามเลย
ยามนี้ที่ด้านนอกเรือน ไป๋จื่อเซียนจ้องมองไต้ซือผู้นั้นด้วยแววตาที่เบื่อหน่าย เขาอยากจะเดินหนีกลับห้องเสียให้รู้แล้วรู้รอด แต่ทว่าท่านแม่กลับไม่ยอมให้เขาจากไปโดยง่าย
"ไต้ซือเป็นเช่นไรบ้าง รู้สาเหตุที่บุตรชายข้าป่วยแล้วหรือไม่?"
ไต้ซือจ้องมองไป๋จื่อเซียนคราหนึ่ง ก่อนจะมองสำรวจเขาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า แล้วจึงตวัดแส้ในมือพลางเดินวนรอบตัวเขา แล้วจึงหันมาเอ่ยกับแม่ทัพใหญ่ไป๋และไป๋ฮูหยิน
"คุณชายท่านนี้มีไออัปมงคล น่าแปลกนัก ไออัปมงคลกำลังกัดกินช่วงล่างของเขาทำให้มิอาจใช้งานได้"
ไป๋จื่อเซียนแสดงสีหน้ารำคาญอย่างไม่ปิดบัง ไออัปมงคลกับผีสิ ถีบยอดหน้าตาเฒ่าผู้นี้สักครั้งดีหรือไม่!!!
"ต้องทำเช่นไรเจ้าคะ มีวิธีแก้หรือไม่?"
ไป๋ฮูหยินเอ่ยถามไต้ซือด้วยท่าทีที่คาดหวัง ไม่ต่างจากแม่ทัพใหญ่ไป๋ที่รอคอยคำ ไต้ซือยิ้มออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยตอบ
"ย่อมมี ข้าจะล้างไออัปมงคลเดี๋ยวนี้ แต่ว่าต้องจ่ายเพิ่มเสียหน่อย"
"ได้ๆ ท่านพี่ นำตั๋วเงินมาเพิ่มอีกเร็วเข้า"
"ได้ๆ น้องหญิง"
ไป๋จื่อเซียนมองการกระทำของบิดามารดาตนเองด้วยความเอือมระอา เขาไม่ได้เอ่ยสิ่งใดออกมาแม้เพียงคำเดียว เขาเองก็อยากจะรู้เช่นกันว่าไต้ซือผู้นี้คิดจะทำสิ่งใด
เมื่อได้รับตั๋วเงินมาแล้ว ไต้ซือก็เริ่มบริกรรมคาถาพลางทำปากขมุบขมิบ ก่อนจะเดินวนรอบตัวไป๋จื่อเซียนพร้อมกับใช้แส้ตวัดรอบตัวเขาอีกครา แล้วจึงอมน้ำชาเอาไว้ในปาก ก่อนจะพ่นน้ำชาในปากใส่หว่างขาของไป๋จื่อเซียน
เป็นจังหวะเดียวกับที่ไป๋จื่อเซียนยกเท้าถีบไปที่กลางลำตัวของไต้ซือผู้นั้นเข้าพอดี ไต้ซือลงไปนอนกองกับพื้นร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด ไป๋ฮูหยินและแม่ทัพใหญ่ไป๋ที่เห็นเช่นนั้นก็ตกใจจนหน้าซีดเผือด
"จื่อเอ๋อร์ เจ้าทำสิ่งใดกัน!!!"
"นี่คือไต้ซือที่ท่านพ่อเจ้าหามานะ"
ไป๋จื่อเซียนที่ได้ยินเช่นนั้นก็หันไปเอ่ยกับบิดามารดาของตนทันที
"ไต้ซือลวงโลกน่ะสิขอรับ"
"คุณชายใหญ่ คนของศาลต้าหลี่มาถึงแล้วขอรับ"
เหรินห่าววิ่งเข้ามารายงานเขา ไป๋จื่อเซียนพยักหน้าคราหนึ่ง ก่อนจะหันไปเอ่ยกับเหรินห่าว
"พาพวกเขาเข้ามา"
"ขอรับ"
ไป๋จื่อเซียนมองดูไต้ซือผู้นั้นที่ยามนี้มีใบหน้าซีดเผือดอย่างเห็นได้ชัดคราหนึ่ง
ตอนที่เขากลับเข้าจวนมาเห็นไต้ซือผู้นี้ เขาก็นึกถึงเรื่องราวก่อนหน้านี้ที่มีชาวบ้านมาร้องเรียนที่ศาลต้าหลี่ว่าพบไต้ซือหลอกลวงผู้หนึ่ง ประพฤติตนหากินในทางไม่ชอบ เดิมทีเขารู้จักกับใต้เท้าผู้หนึ่งที่เป็นรองผู้ตรวจการศาลต้าหลี่ เขาจึงสั่งการอย่างลับๆ ให้เหรินห่าวไปแจ้งที่ศาลต้าหลี่ทันที
ไม่นานนัก รองผู้ตรวจการศาลต้าหลี่ นามว่า หวังอวี้ ก็เข้ามาที่จวนของเขา ก่อนจะพยักหน้าให้เขาคราหนึ่ง
"ใช่ไต้ซือที่ท่านตามจับอยู่หรือไม่?"
หวังอวี้ปรายตามองไต้ซือผู้นั้นคราหนึ่ง ก่อนจะยกภาพวาดในมือที่นำติดมาด้วยขึ้นมาดู แล้วจึงพยักหน้าให้ไป๋จื่อเซียน
"ใช่แล้ว เจ้าคนชั่วผู้นี้หลอกเงินผู้คนในเมืองหลวงไปไม่ใช่น้อย เดิมทีก็ลี้ภัยเข้ามาขออาศัยที่ต้าโจว แต่กลับมาสร้างความเดือดร้อนให้ราษฎรของเรา ยามนี้จับตัวได้แล้ว ขอบคุณท่านรองแม่ทัพไป๋เป็นอย่างมาก"
"อืม ไม่เป็นอันใด ผู้ใดคิดร้ายต่อราษฎรเรา ข้าย่อมไม่อาจนิ่งดูดายได้ ลากตัวออกไปเถิด"
แม่ทัพใหญ่ไป๋และไป๋ฮูหยินที่เห็นเช่นนั้นก็ลมออกหูทันควัน
"จื่อเอ๋อร์ หมายความอย่างไร?!!!"
"ท่านแม่ ไต้ซือผู้นี้คือคนที่ทางการตามจับอยู่ขอรับ ท่านทั้งสองคนโดนเขาหลอกแล้ว"
"มารดามันเถอะ!!"
"น้องหญิงใจเย็นๆ เถิด"
ไป๋จื่อเซียนมองดูมารดาของตนที่ปรี่เข้าไปทุบตีไต้ซือผู้นั้นอย่างเอาเป็นเอาตาย พร้อมกับอมน้ำชาเอาไว้ในปากแล้วพ่นใส่หน้าไต้ซือผู้นั้นทันที
"ไปพ่นใส่หน้ามารดาเจ้าเถอะ กล้ามาหลอกข้า เอาตั๋วเงินของข้าคืนมา"
หวังอวี้ที่จับคนได้แล้ว ก็พาตัวจากไปทันที เขาไม่อยากถามสิ่งใดให้มากความ อย่างไรเสียก็ถือว่าเป็นเรื่องภายในจวนตระกูลไป๋
ไป๋จื่อเซียนมองดูเสื้อผ้าตนเองที่ยามนี้ช่วงล่างเปียกชุ่มไปด้วยน้ำชาจากปากของไต้ซือผู้นั้น เขาเบ้หน้าคราหนึ่ง แววตาฉายแววรังเกียจอย่างไม่ปิดบัง ด้านไป๋ฮูหยินก็หันไปด่าแม่ทัพใหญ่ไป๋ผู้เป็นสามีตนทันที
"เพราะท่าน!!! เราเกือบเสียรู้มันแล้ว"
"ข้าขอโทษ น้องหญิงข้าไม่ได้ตั้งใจ!!!"
"หึ ข้าจะลงโทษท่าน ต่อไปห้ามพกตั๋วเงินออกจากจวนอีก สามวันนี้จงกินข้าวกับผัดผัก ห้ามกินเนื้อเด็ดขาด"
"น้องหญิง!! ไม่ได้กินเนื้อ ตรงนั้นของข้าจะไม่แข็งเอาได้นะ เจ้าทนได้จริงๆ หรือน้องหญิง!!"
"เช่นนั้นก็กินเนื้อวันละมื้อได้ ห้ามนะ ห้ามให้ตรงนั้นอ่อนเด็ดขาด มิเช่นนั้นข้าจะหย่ากับท่าน!!!"
ไป๋จื่อเซียนถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะส่ายหน้าไปมา เดิมทีเขาก็เข้าใจในเจตนาดีของท่านพ่อท่านแม่อยู่แล้ว เรื่องนี้จะให้คนนอกรู้คงไม่ดีนัก เป็นถึงจวนแม่ทัพ แต่กลับถูกไต้ซือหลอกเอาได้
เจียงหว่านหนิงจ้องมองเรื่องราวตรงหน้าคราหนึ่ง ก่อนจะหันไปมองไป๋ซู่ฮวาที่หัวเราะออกมาคราหนึ่ง
"ท่านหัวเราะสิ่งใดกัน?"
"เจ้าไม่เห็นหรือ ไต้ซือพ่นน้ำชาเอ่อ..."
เจียงหว่านหนิงไม่ตอบ นางเองก็พยายามที่จะไม่หัวเราะออกมาเช่นกัน
ให้ตายเถอะ จวนแม่ทัพแห่งนี้คล้ายโรงละครงิ้วเลย!!!
ห้าปีต่อมา "ท่านแม่ พวกเราจะไปอยู่ที่จวนท่านลุงนานหรือไม่ขอรับ?" ฟางหว่านหนิงที่กำลังเตรียมจัดข้าวของเพื่อออกเดินทางไปยังแคว้นฉางอัน หันมามอง ไป๋หยวน บุตรชายเพียงคนเดียวของนางที่ยามนี้มีอายุสี่ขวบแล้ว นางยิ้มให้บุตรชายก่อนจะเอ่ย"คงจะร่วมหลายเดือนเลยแหละ แม่จะพาหยวนเอ๋อร์ไปไหว้หลุมศพท่านตาท่านยายบุญธรรม ที่แคว้นฉางอันยามนี้สงครามสงบแล้ว ย่อมงดงามไม่ต่างจากแคว้นต้าโจว หยวนเอ๋อร์ของแม่อยากเห็นหรือไม่?""อยากขอรับ""เช่นนั้นก็มาช่วยแม่จัดของเร็วเข้า"ไป๋หยวนพยักหน้ารับ ก่อนจะรีบมาช่วยมารดาตนจัดของอย่างมีความสุข ฟางหว่านหนิงมองบุตรชายตนอย่างรักใคร่ ก่อนจะครุ่นคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาไม่นานมานี้ท่านลุงเจียงจือหยวนส่งจดหมายมาบอกนางว่า ได้จัดการทำป้ายสุสานบรรพบุรุษเป็นชื่อของท่านพ่อและท่านแม่ นำมาไว้ที่จวนตระกูลเจียงแล้ว มีการทำพิธีเซ่นไหว้ดวงวิญญาณทุกปี เดิมทีฟางหว่านหนิงตั้งใจจะไปกราบไหว้ แต่ก็ติดที่ไป๋หยวนบุตรชายของนางยังเล็กนัก การเดินทางค่อนข้างลำบาก แต่ยามนี้บุุตรของนางเติบโตมากแล้ว ย่อมเดินทางได้ง่ายขึ้น ไป๋จื่อเซียนที่กลับมาจากค่ายทหาร เมื่อเห็นว่าภรรยาและลูกชายของเขากำลังจัดเต
ฟางหว่านหนิงจ้องมองร่างของโจวชิงเหยาที่ยามนี้ถูกไฟไหม้ไม่เหลือซากก่อนจะหลับตาลง แล้วซุกกายเข้าไปในอ้อมกอดของไป๋จื่อเซียน ไป๋จื่อเซียนกอดนางเอาไว้ อีกทั้งยังปลอบประโลมนางด้วยความรักใคร่ "อาหนิง""ไป๋จื่อเซียน เดิมทีตอนที่จับตัวข้าไป เขาไม่ได้ล่วงเกินข้า เขาเพียงหวังจะฆ่าข้าให้ตายตามเขา เขาไม่ยอมให้ข้าแต่งงานกับท่าน ข้า...""ไม่ต้องพูดแล้ว ข้าเชื่อใจเจ้า คนเช่นเจ้า หากต้องตกเป็นของโจวชิงเหยา ข้ารู้ว่าเจ้าคงยอมปลิดชีพตนเองเสียยังดีกว่า""ฮึก ไป๋จื่อเซียน""ไม่ต้องร้องแล้ว เรากลับจวนกันเถิด""อืม"ไป๋จื่อเซียนเอ่ยกับนางด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน นางซบกายลงไปอิงแอบเขาอย่างรักใคร่ ไม่ว่าจะผ่านมานานเท่าใด ยามที่ได้อยู่ใกล้เขานางก็รู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยเสมอมาเมื่อกลับมาถึงจวน ฟางฮูหยินก็วิ่งเข้ามากอดบุตรสาวในทันทีด้วยความห่วงใย ฟางไฉหรงที่เห็นเช่นนั้นจึงเอ่ยกับไป๋จื่อเซียนอย่างซาบซึ้ง"อาจื่อ ขอบใจเจ้ามาก ข้าเป็นพี่ชายที่แย่ยิ่งนัก ทั้งที่นางเป็นน้องสาวของข้า แต่ว่าข้ากลับไม่ได้ตามไปช่วยนาง""เจ้าอย่าคิดมาก ข้ารู้ว่าเจ้าไม่เก่งวรยุทธ์เท่าใดนัก พวกมันเป็นนักฆ่าที่ถูกฝึกฝนมา ข้าเกรงว่าเจ้าจะเกิด
ไป๋จื่อเซียนมุ่งหน้าตรงมาที่จวนตระกูลฟางด้วยความร้อนใจ เมื่อมาถึงก็พบกับฟางฮูหยินที่ตกใจจนเป็นลม ด้านเสนาบดีฟางก็มีสีหน้าไม่สู้ดีเท่าใดนัก เมื่อสอบถามจากสาวใช้คนสนิท จึงได้ความว่า เดิมทีฟางหว่านหนิงกำลังปักผ้าคุลมหน้าเจ้าสาว แต่เพราะว่านางรู้สึกเมื่อยล้าแล้ว จึงอยากออกไปเดินเล่นรับลมที่ด้านนอกเสียหน่อย แต่ทว่านางเห็นว่าคุณหนูออกไปนานแล้ว จึงออกมาตาม แต่กลับพบว่ายามนี้คุณหนูได้หายตัวไปแล้ว มีเพียงผ้าเช็ดหน้าที่ทำตกเอาไว้เพียงเท่านั้น จึงมาแจ้งให้นายท่านและฮูหยินทราบ เหล่าบ่าวไพร่ต่างช่วยกันออกตามหาแต่ก็ไร้ร่องรอยของฟางหว่านหนิง"อาจื่อ จะทำเช่นไรดี?"ไป๋จื่อเซียนหันไปมองฟางไฉหรงคราหนึ่ง ก่อนจะครุ่นคิดในใจยามนี้โจวชิงเหยาหายตัวไป ประจวบเหมาะกับที่ฟางหว่านหนิงก็หายตัวไปอีกเมื่อคิดได้เช่นนั้นเขาก็มีสีหน้าตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะหันมาเอ่ยกับฟางไฉหรงด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา"อาไฉ ข้าเกรงว่าเรื่องที่อาหนิงหายตัวไปจะเกี่ยวข้องกับท่านอ๋อง""เอ?"ฟางไฉหรงที่ได้ยินเช่นนั้นก็มีท่าทีตกใจไม่ต่างกัน หลังจากกำชับบ่าวไพร่ให้ดูแลมารดาให้ดีแล้ว เขาจึงออกมาพร้อมกับไป๋จื่อเซียน "อาจื่อ เจ้าแน่ใจ
ตระกูลไป๋ถูกกักบริเวณร่วมหลายสิบวัน เมื่อตรวจสอบแน่ชัดแล้วว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับโจวชิงเหยา จึงถูกปล่อยตัวออกมา ยามนี้ไป๋จื่อเซียนและแม่ทัพใหญ่ไป๋กำลังคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าพระพักตร์ ฮ่องเต้โจวฉินอวี้มองพวกเขาสองคนพ่อลูกคราหนึ่ง "ลำบากพวกเจ้าสองพ่อลูกและคนตระกูลไป๋แล้ว แต่ในเมื่อพวกเจ้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องนั่นถือเป็นเรื่องดี"แม่ทัพใหญ่ไป๋ที่ได้ยินเช่นนั้นจึงเงยหน้าขึ้นมา ก่อนจะเอ่ย "ตระกูลไป๋ซื่อสัตย์ภักดีต่อฝ่าบาทเท่านั้น ไม่เคยคิดเป็นอื่น ขอฝ่าบาทโปรดเมตตาด้วย" "เอาเถิด เรารู้แล้ว แต่เรามีอีกเรื่องที่ต้องการให้พวกเจ้าไปทำ""เชิญรับสั่งเถิดพ่ะย่ะค่ะ" ฮ่องเต้โจงฉินอวี้ถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย "ตามจับตัวอาชิงกลับมาให้ได้ เราอยากให้จับเป็น น้องชายผู้นี้จะดีจะร้ายก็มีสายเลือดเดียวกับเรา บางคราเขาอาจจะทำไปเพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบ"ไป๋จื่อเซียนและแม่ทัพใหญ่ไป๋รับคำคราหนึ่ง ฮ่องเต้โจวฉินอวี้จึงให้พวกเขาสองพ่อลูกกลับจวนไปเสีย เมื่อพวกเขาออกจากตำหนักไปแล้ว ฮ่องเต้โจวฉินอวี้ก็ทรุดตัวนั่งลงบนบัลลังก์ ขอบตาของเขาแดงก่ำ พยายามฝืนความเสียใจเอาไว้ ตอนที่ได้รู้เรื่องที่โจวชิงเหยาคิ
"นังสารเลวเจียงหว่านหนิง ข้าจะฆ่าเจ้า!!!""ถิงเอ๋อร์!! อย่านะ!!!"ไป๋จื่อเซียนหันไปมองฟางถิงถิงที่ยามนี้กำลังเอ่ยปากด่าทอเจียงหว่านหนิง และกำลังพุ่งทะยานเข้ามาหวังจะตบตีพี่สาวตน แต่ทว่าฟางอวี้เฉวียนกลับรั้งตัวน้องสาวของเขาเอาไว้ ก่อนจะจ้องมองฟางหว่านหนิงอย่างหวาดกลัว จะไม่ให้เขาหวาดกลัวได้เช่นไรกัน สามวันก่อนเขากับฟางถิงถิงวางแผนกันว่าจะลอบทำร้ายฟางหว่านหนิง แต่ผู้ใดจะรู้พี่สาวต่างมารดาผู้นี้กลับมีวรยุทธ์ นางหักนิ้วเขาอีกทั้งยังถีบเขาจนล้มหงายท้องไม่เป็นท่า ไม่พอเท่านั้นนางยังเตะเสยปลายคางเขาจนฟันหน้าหักไปซี่หนึ่ง จากนั้นนางก็ลงมือตบตีฟางถิงถิงอย่างไร้ความปรานี จนพวกเขาสองพี่น้องสะบักสะบอมบาดเจ็บไปไม่น้อย ตั้งแต่ท่านแม่ออกจากจวนไป ท่านพ่อก็ไม่เคยสนใจไยดีพวกเขาสองพี่น้องอีกเลย เมื่อท่านพ่อรู้ว่าเขาคิดทำร้ายฟางหว่านหนิง ก็สั่งขังพวกเขาเอาไว้แต่ในเรือนไม่ให้ออกไปก่อเรื่องได้อีก ฟางหว่านหนิงจ้องมองสองพี่น้องด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะเห็นฟางอวี้เฉวียนทุบต้นคอของฟางถิงถิงจนสลบ แล้วแบกน้องสาวตนหนีกลับเรือนไปด้วยความหวาดกลัว "เหตุใดพวกเขาจึงดูหวาดกลัวเจ้าเช่นนี้?"ไป๋จื่อเซียนหันมามองที่ฟางห
ผ่านไปร่วมหลายวัน ในที่สุดเจียงหว่านหนิงก็ได้สติและฟื้นขึ้นมา แต่เพราะนางยังบาดเจ็บอยู่จึงยังไม่อาจขยับกายได้มากนัก นางมองดูไป๋จื่อเซียนที่ยามนี้กำลังส่งยิ้มให้นาง พลางส่งถ้วยชามาให้นางดื่มดับกระหาย นางยิ้มตอบเขาเล็กน้อย"ข้าคิดว่าจะไม่ได้พบกับท่านแล้วไป๋จื่อเซียน"ไป๋จื่อเซียนยื่นมือมาลูบผมนางอย่างอ่อนโยน ก่อนจะเอ่ย"ข้าไม่มีวันปล่อยให้เจ้าต้องตายเป็นแน่"เจียงหว่านหนิงยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเบ้หน้าด้วยความเจ็บปวด ไป๋จื่อเซียนที่ได้ยินเช่นนั้นก็รีบเอ่ยปรามนางทันที"อย่าเพิ่งขยับมาก เจ้าบาดเจ็บหนัก!!!""อืม"เจียงหว่านหนิงจึงทิ้งกายลงนอนเช่นเดิม"เมื่อครู่ท่านแม่ของข้ากับซู่เอ๋อร์มาเยี่ยมเจ้า แต่ว่าเจ้ายังหลับอยู่ พวกนางจึงกลับไปก่อน""ลำบากพวกท่านยิ่งนัก""ลำบากอันใดกัน อีกไม่นานเราสองตระกูลก็จะเกี่ยวดองกันแล้ว"ไป๋จื่อเซียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน เจียงหว่านหนิงที่ได้ยินเช่นนั้นจึงยื่นมือของตนไปจับมือของเขาเอาไว้ ความอบอุ่นแผ่ซ่านเข้ามาในหัวใจของนาง มันทำให้นางรู้สึกปลอดภัยยามที่ได้เห็นหน้าของไป๋จื่อเซียนเขาเป็นทุกอย่างในชีวิตของนางจริงๆไป๋จื่อเซียนสั่งให้เหรินห่าวไปแจ้งที่ตระก