แชร์

บทที่ 4 ไปจวนแม่ทัพ

ผู้เขียน: องค์หญิงโนเนม
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-18 12:15:12

ไป๋จื่อเซียนและไป๋ซู่ฮวาพาเจียงหว่านหนิงมาที่โรงหมอซึ่งอยู่ไม่ไกลกันมากนัก เขามองใบหน้าซีดเผือดของนางคราหนึ่ง ก่อนจะเดินออกมารอที่ด้านนอกพร้อมกับไป๋ซู่ฮวา ระหว่างรอท่านหมอรักษา เขาจึงหันมาเอ่ยถามน้องสาวของตนคราหนึ่ง 

"ซู่เอ๋อร์ นับว่านางมีบุญคุณกับเจ้า รอนางฟื้นเราค่อยสอบถามความเป็นไปของนางอีกครา"

"พี่ใหญ่ ก่อนจากกันคราก่อน นางบอกกับข้าว่านางมาจากต่างแคว้น มาที่แคว้นโจวเพื่อตามหาบิดามารดาของนาง แต่ข้าไม่ได้พูดจากับนางมากนัก เพราะต้องเร่งกลับจวน ไว้รอนางฟื้นเราค่อยสอบถามนางอีกคราก็ได้เจ้าค่ะ เผื่อจะได้ช่วยเหลือนางได้"

"อืม"

ไป๋จื่อเซียนและไป๋ซู่ฮวารออยู่ราวครึ่งชั่วยาม ท่านหมอก็เดินออกมาพบพวกเขา ไป๋จื่อเซียนที่เห็นเช่นนั้นจึงเอ่ยถามทันที 

"แม่นางผู้นั้นเป็นเช่นไรบ้างขอรับ?"

"ท่านรองแม่ทัพไป๋ เท่าที่ข้าตรวจดู นางถูกสามบุปผา พิษนี้จะทำให้อ่อนแรงกระอักโลหิตจนตายไปเอง อีกทั้งยาพิษก็อยู่ในร่างกายนางมาหลายวัน โชคดีที่ยังไม่ลุกลามเข้าไปในจุดสำคัญเนื่องจากได้รับพิษมาในปริมาณไม่มาก ข้าน้อยจะจัดเทียบยาให้นาง ยานี้ต้มดื่มสามวันก็สามารถขจัดพิษได้หมดขอรับ"

"รบกวนท่านหมอแล้ว"

"ยินดี ยินดี"

ท่านหมอพยักหน้ายิ้มแย้ม ก่อนจะเดินไปจัดเทียบยา ไป๋ซู่ฮวาไม่รอช้า นางรีบเดินเข้าไปหาเจียงหว่านหนิงด้านในทันที เมื่อเข้ามาถึงก็พบว่ายามนี้เจียงหว่านหนิงได้สติแล้ว และกำลังนั่งเอนกายอยู่บนเตียงใบหน้าของนางดีขึ้นบ้างแล้ว 

"เจ้าเป็นอย่างไรบ้างเจียงหว่านหนิง?"

"ขอบใจเจ้ามาก บุญคุณครั้งนี้ข้าจะไม่ลืมเลย"

ไป๋ซู่ฮวาที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มตาหยี ก่อนจะเอ่ยกับเจียงหว่านหนิงอย่างเป็นมิตร 

"เอาเถิด ตอบแทนที่เจ้าช่วยข้าคราก่อนอย่างไรเล่า"

"เพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น"

เจียงหว่านหนิงยิ้มให้ไป๋ซู่ฮวา ก่อนจะมองไปยังบุรุษผู้หนึ่งที่ก้าวเดินเข้ามาข้างใน เขาสวมชุดเยี่ยงคุณชายชั้นสูง ใบหน้าหล่อเหลาคมคาย แววตามีความเย็นชาเบื่อหน่ายอยู่หลายส่วน เขาจ้องมองนางคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถาม 

"แม่นาง ข้าเป็นพี่ชายของไป๋ซู่ฮวา ขอบใจแม่นางมากที่ช่วยน้องสาวข้า"

"ไม่เป็นอันใดเจ้าค่ะ"

ไป๋จื่อเซียนลอบมองใบหน้าของนางคราหนึ่ง ก็พบว่านางมีใบหน้าที่งดงามเป็นอย่างยิ่ง ดวงตากลมโตฉ่ำน้ำ ใบหน้าซีดเซียวเล็กน้อย แต่มิอาจปิดบังความงดงามของนางได้เลย

"แม่นาง เจ้าลุกไหวหรือไม่ ข้ามีเรื่องอยากจะถามเจ้า เกรงว่าที่นี่จะไม่เหมาะ จึงอยากพาเจ้าไปที่โรงน้ำชาใกล้ๆ แถวนี้สักครู่"

"ไหวเจ้าค่ะ ท่านหมอให้ยาถอนพิษข้ากินไปหนึ่งถ้วยแล้ว ข้ารู้สึกดีขึ้นมาบ้างแล้วเจ้าค่ะ"

"อืม เช่นนั้นเราไปกันเถิด"

เจียงหว่านหนิงพยักหน้า ไป๋ซู่ฮวารีบเข้ามาประคองนางอย่างสนิทสนม เดินมาไม่นานนักก็ถึงโรงน้ำชาที่ไป๋จื่อเซียนว่า โรงน้ำชาที่นี่ค่อนข้างใหญ่ เขาเลือกห้องด้านบนชั้นสอง ซึ่งเป็นห้องส่วนตัว ก่อนที่ทั้งสามคนจะเดินเข้าไปด้านใน 

เสี่ยวเอ๋อร์เข้ามาบริการอย่างนอบน้อม ไป๋จื่อเซียนสั่งอาหารมาสองสามอย่าง ระหว่างที่รออาหารมาถึง เขาจึงเอ่ยถามนางทันที

"แม่นางมีชื่อว่าเจียงหว่านหนิงใช่หรือไม่?"

"เจ้าค่ะ"

"ไม่ปิดบังแม่นาง ข้าได้ยินเรื่องราวของแม่นางมาบ้างจากไป๋ซู่ฮวาแล้ว ได้ยินว่าแม่นางมาจากต่างแคว้น เพื่อมาตามหาบิดามารดาหรือ ไม่ทราบว่าเรื่องราวเป็นมาเช่นไร เผื่อข้ากับน้องสาวจะได้ช่วยเหลือเจ้าได้"

เจียงหว่านหนิงยิ้มให้เขาเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยตอบ

"ข้าเดินทางมาจากแคว้นฉางอัน บิดาข้าเป็นทหารชายแดนแต่ตายในสนามรบ มารดาข้ารู้ข่าวจึงตรอมใจตาย ระหว่างทางข้าลี้ภัยมาที่ค่ายตงหยาง แต่กลับถูกพิษ ข้าไม่รู้เช่นกันว่าถูกพิษนั้นได้เช่นไร น่าจะเป็นพวกที่หวังผลประโยชน์ สมบัติที่ท่านแม่ให้ไว้ หายไปหลายชิ้น อีกทั้งระหว่างทางยังถูกพวกค้ามนุษย์จับตัวมาหวังนำมาขายที่แคว้นต้าโจว โชคดีมีสหายที่ได้พบกันที่นั่นช่วยเหลือข้าออกมา ยามนี้ทุกคนแยกกันไปจัดการเรื่องของตน ข้าจึงเดินทางมาตามหาบิดามารดาที่นี่ เพราะบิดามารดาบุญธรรมบอกข้าว่า ยามยังวัยเยาว์ข้าถูกนำมาขายจากแคว้นต้าโจว ท่านพ่อท่านแม่บุญธรรมเลี้ยงข้าเสมือนบุตรแท้ๆ พวกเขาให้ข้ามาตามหาที่นี่ แต่โชคข้าคงไม่ดี จึงถูกจับมาขายอีก นับว่าสวรรค์ยังเมตตาคุ้มครองข้า จึงได้พวกท่านช่วยเหลือเอาไว้เจ้าค่ะ"

ไป๋จื่อเซียนพยักหน้าคราหนึ่ง ก่อนจะมองนาง บิดาบุญธรรมตายในสนามรบ ช่างน่าสงสารไม่น้อย เขาเองพอจะรู้เรื่องราวเหล่านี้มาบ้าง ภรรยาและบุตรของเหล่าทหารที่ล้มตาย ล้วนได้รับความลำบากไม่น้อย

"เจ้ามีสิ่งของที่พอจะยืนยันและเป็นของที่สามารถตามหาบิดามารดาที่แท้จริงของเจ้าได้หรือไม่"

"เคยมีเจ้าค่ะ แต่ของสิ่งนั้นหายไประหว่างที่ข้าเดินทางมาที่นี่"

เจียงหว่านหนิงมีใบหน้าที่เศร้าสลดไม่น้อย ไป๋จื่อเซียนรู้สึกสงสารนาง จึงเอ่ยถามนางอีกครา 

"เจ้ามีที่พักหรือไม่ แล้ววางแผนอย่างไรต่อไป?"

"ไม่มีเจ้าค่ะ เงินข้าก็ไม่เหลือแล้ว ญาติที่รู้จักก็หนีสงครามเช่นเดียวกัน ยามนี้ไม่ได้พบเจอกันอีกเลย เดิมทีคิดจะหางานทำไปก่อน เผื่อเก็บเงินไว้ตามหาบิดามารดา แต่ทว่ากลับเกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน"

ไป๋ซู่ฮวาที่ได้ยินเช่นนั้นจึงหันมามองไป๋จื่อเซียนคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย 

"ท่านพี่ ไม่สู้รับนางไปทำงานที่จวนเราดีหรือไม่ ได้ยินว่าที่โรงครัวขาดคน นี่เจียงหว่านหนิง เจ้าทำอาหารเป็นหรือไม่?"

"เป็นสิ"

เจียงหว่านหนิงดีใจเป็นอย่างมาก นางนับว่าโชคดีที่ได้พบกับไป๋ซู่ฮวา หากที่จวนแม่ทัพรับนางเข้าทำงาน นางจะตั้งใจเป็นอย่างดี เก็บเงินเพื่อตามหาบิดามารดาต่อไป

ไป๋จื่อเซียนหันไปมองตำหนิไป๋ซู่ฮวาคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นมา 

"การจะรับคนเข้าจวนควรปรึกษาท่านแม่เสียก่อน เราจะรับคนเองไม่ได้ เอาเช่นนี้ก็แล้วกัน แม่นาง เจ้าตามข้ากลับไปที่จวนก่อน หากท่านแม่ข้ารับเจ้าเข้าทำงาน ก็อยู่ที่จวนของข้าไปก่อน แต่หากท่านแม่ไม่รับ ข้าจะช่วยเจ้าหางานทำ"

"ขอบคุณท่านมากนะเจ้าคะ"

ไป๋ซู่ฮวาที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มตาหยี ก่อนจะหันไปเอ่ยกับไป๋จื่อเซียน 

"พี่ใหญ่เชื่อข้าเถอะ ท่านแม่ต้องรับนางเข้าจวนเราแน่"

นางยักคิ้วให้ผู้เป็นพี่ชายคราหนึ่ง ไป๋จื่อเซียนถลึงตาใส่น้องสาวทันที เจียงหว่านหนิงมองสองพี่น้องที่ดูสนิทสนมกันดี นางก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย

ไป๋จื่อเซียนให้เจียงหว่านหนิงและไป๋ซู่ฮวารออยู่ที่โรงน้ำชา ส่วนเขากลับไปที่จวนซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก ก่อนจะให้เหรินห่าวนำรถม้าออกมารับแม่นางทั้งสอง ระหว่างทางไป๋ซู่ฮวาชวนนางพูดคุยตลอดทาง เจียงหว่านหนิงเองรู้สึกว่าคุณหนูน้อยนางนี้ช่างดูน่ารักและน่าคบหาเป็นอย่างมาก 

ใช้เวลาเดินทางไม่นานรถม้าก็หยุดลง ไป๋ซู่ฮวาจับมือเจียงหวานหนิงให้เดินลงมาจากรถม้าด้วยกัน เจียงหว่านหนิงพบว่าไป๋จื่อเซียนรออยู่ที่หน้าประตูจวนแล้ว โชคดีที่เขาพบเหรินห่าวกำลังออกมาที่หน้าจวนพอดี เขาจึงสั่งให้เหรินห่าวนำรถม้าออกไปรับเจียงหว่านหนิงและไป๋ซู่ฮวา เหรินห่าวมีท่าทีกระอักกระอ่วนจนไป๋จื่อเซียนสังเกตเห็น แต่ยามนี้เขายังไม่มีเวลาซักถามสิ่งใด ไว้รอเข้าไปในจวนแล้วค่อยเรียกเหรินห่าวมาถามก็ยังไม่สาย

"รีบเข้าไปเถิด ท่านแม่ข้าอยู่ด้านใน"

"ท่านพี่เข้าไปบอกท่านแม่แล้วหรือ?"

ไป๋ซู่ฮวาเอ่ยถามผู้เป็นพี่ชาย ไป๋จื่อเซียนส่ายหน้าเล็กน้อย 

"ยัง ข้ารอพวกเจ้าไว้เข้าไปพร้อมกัน ท่านแม่ไม่ใช่คนมากพิธีการ นางไม่ว่าสิ่งใดหรอก"

"อืม เจียงหว่านหนิงรีบเข้าไปกันเถิด"

เจียงหว่านหนิงพยักหน้า ก่อนจะเดินไปพร้อมกับไป๋จื่อเซียนและไป๋ซู่ฮวา นางมองดูภายในจวนแม่ทัพที่ดูร่มรื่นงดงามคราหนึ่ง ยามนี้เป็นฤดูใบไม้ผลิดอกไม้กำลังผลิบาน ภายในจวนดูงดงามและน่าอยู่เป็นอย่างมาก ภายในจวนก็กว้างใหญ่สมกับเป็นจวนแม่ทัพจริงๆ 

เมื่อเข้ามาถึงด้านใน เจียงหว่านหนิงก็ขมวดคิ้วมุ่น สายตาของนางจ้องมองไปยังผ้าสีขาวสีแดงและสีดำที่ประดับทั่วทั้งจวน อีกทั้งยังมีไต้ซือผู้หนึ่งกำลังบริกรรมคาถา และพ่นน้ำในปากใส่สาวใช้อย่างเพลิดเพลิน 

เมื่อนางหันไปมองไป๋ซู่ฮวาก็พบว่ายามนี้ไป๋ซู่ฮวาก็ส่ายหน้าให้นางเป็นเชิงบอกว่าไม่ทราบเช่นกัน 

นางเห็นไป๋จื่อเซียนขมวดคิ้วมุ่น แววตาของเขามีความเย็นชาและเหลืออดอยู่ในนั้น 

เจียงหว่านหนิงจ้องมองไต้ซือผู้นั้นสลับกับผ้าสีดำแดงขาวที่ประดับรอบจวนก่อนจะครุ่นคิดในใจ 

ให้ตายเถิด นี่จวนแม่ทัพหรือสำนักร่างทรงปราบผีกันแน่!!

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เจียงหว่านหนิง สาวใช้อุ่นเตียงจวนแม่ทัพ   บทส่งท้าย

    ห้าปีต่อมา "ท่านแม่ พวกเราจะไปอยู่ที่จวนท่านลุงนานหรือไม่ขอรับ?" ฟางหว่านหนิงที่กำลังเตรียมจัดข้าวของเพื่อออกเดินทางไปยังแคว้นฉางอัน หันมามอง ไป๋หยวน บุตรชายเพียงคนเดียวของนางที่ยามนี้มีอายุสี่ขวบแล้ว นางยิ้มให้บุตรชายก่อนจะเอ่ย"คงจะร่วมหลายเดือนเลยแหละ แม่จะพาหยวนเอ๋อร์ไปไหว้หลุมศพท่านตาท่านยายบุญธรรม ที่แคว้นฉางอันยามนี้สงครามสงบแล้ว ย่อมงดงามไม่ต่างจากแคว้นต้าโจว หยวนเอ๋อร์ของแม่อยากเห็นหรือไม่?""อยากขอรับ""เช่นนั้นก็มาช่วยแม่จัดของเร็วเข้า"ไป๋หยวนพยักหน้ารับ ก่อนจะรีบมาช่วยมารดาตนจัดของอย่างมีความสุข ฟางหว่านหนิงมองบุตรชายตนอย่างรักใคร่ ก่อนจะครุ่นคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาไม่นานมานี้ท่านลุงเจียงจือหยวนส่งจดหมายมาบอกนางว่า ได้จัดการทำป้ายสุสานบรรพบุรุษเป็นชื่อของท่านพ่อและท่านแม่ นำมาไว้ที่จวนตระกูลเจียงแล้ว มีการทำพิธีเซ่นไหว้ดวงวิญญาณทุกปี เดิมทีฟางหว่านหนิงตั้งใจจะไปกราบไหว้ แต่ก็ติดที่ไป๋หยวนบุตรชายของนางยังเล็กนัก การเดินทางค่อนข้างลำบาก แต่ยามนี้บุุตรของนางเติบโตมากแล้ว ย่อมเดินทางได้ง่ายขึ้น ไป๋จื่อเซียนที่กลับมาจากค่ายทหาร เมื่อเห็นว่าภรรยาและลูกชายของเขากำลังจัดเต

  • เจียงหว่านหนิง สาวใช้อุ่นเตียงจวนแม่ทัพ   บทที่ 36 ความหวานล้ำ

    ฟางหว่านหนิงจ้องมองร่างของโจวชิงเหยาที่ยามนี้ถูกไฟไหม้ไม่เหลือซากก่อนจะหลับตาลง แล้วซุกกายเข้าไปในอ้อมกอดของไป๋จื่อเซียน ไป๋จื่อเซียนกอดนางเอาไว้ อีกทั้งยังปลอบประโลมนางด้วยความรักใคร่ "อาหนิง""ไป๋จื่อเซียน เดิมทีตอนที่จับตัวข้าไป เขาไม่ได้ล่วงเกินข้า เขาเพียงหวังจะฆ่าข้าให้ตายตามเขา เขาไม่ยอมให้ข้าแต่งงานกับท่าน ข้า...""ไม่ต้องพูดแล้ว ข้าเชื่อใจเจ้า คนเช่นเจ้า หากต้องตกเป็นของโจวชิงเหยา ข้ารู้ว่าเจ้าคงยอมปลิดชีพตนเองเสียยังดีกว่า""ฮึก ไป๋จื่อเซียน""ไม่ต้องร้องแล้ว เรากลับจวนกันเถิด""อืม"ไป๋จื่อเซียนเอ่ยกับนางด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน นางซบกายลงไปอิงแอบเขาอย่างรักใคร่ ไม่ว่าจะผ่านมานานเท่าใด ยามที่ได้อยู่ใกล้เขานางก็รู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยเสมอมาเมื่อกลับมาถึงจวน ฟางฮูหยินก็วิ่งเข้ามากอดบุตรสาวในทันทีด้วยความห่วงใย ฟางไฉหรงที่เห็นเช่นนั้นจึงเอ่ยกับไป๋จื่อเซียนอย่างซาบซึ้ง"อาจื่อ ขอบใจเจ้ามาก ข้าเป็นพี่ชายที่แย่ยิ่งนัก ทั้งที่นางเป็นน้องสาวของข้า แต่ว่าข้ากลับไม่ได้ตามไปช่วยนาง""เจ้าอย่าคิดมาก ข้ารู้ว่าเจ้าไม่เก่งวรยุทธ์เท่าใดนัก พวกมันเป็นนักฆ่าที่ถูกฝึกฝนมา ข้าเกรงว่าเจ้าจะเกิด

  • เจียงหว่านหนิง สาวใช้อุ่นเตียงจวนแม่ทัพ   บทที่ 35 เพลิง

    ไป๋จื่อเซียนมุ่งหน้าตรงมาที่จวนตระกูลฟางด้วยความร้อนใจ เมื่อมาถึงก็พบกับฟางฮูหยินที่ตกใจจนเป็นลม ด้านเสนาบดีฟางก็มีสีหน้าไม่สู้ดีเท่าใดนัก เมื่อสอบถามจากสาวใช้คนสนิท จึงได้ความว่า เดิมทีฟางหว่านหนิงกำลังปักผ้าคุลมหน้าเจ้าสาว แต่เพราะว่านางรู้สึกเมื่อยล้าแล้ว จึงอยากออกไปเดินเล่นรับลมที่ด้านนอกเสียหน่อย แต่ทว่านางเห็นว่าคุณหนูออกไปนานแล้ว จึงออกมาตาม แต่กลับพบว่ายามนี้คุณหนูได้หายตัวไปแล้ว มีเพียงผ้าเช็ดหน้าที่ทำตกเอาไว้เพียงเท่านั้น จึงมาแจ้งให้นายท่านและฮูหยินทราบ เหล่าบ่าวไพร่ต่างช่วยกันออกตามหาแต่ก็ไร้ร่องรอยของฟางหว่านหนิง"อาจื่อ จะทำเช่นไรดี?"ไป๋จื่อเซียนหันไปมองฟางไฉหรงคราหนึ่ง ก่อนจะครุ่นคิดในใจยามนี้โจวชิงเหยาหายตัวไป ประจวบเหมาะกับที่ฟางหว่านหนิงก็หายตัวไปอีกเมื่อคิดได้เช่นนั้นเขาก็มีสีหน้าตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะหันมาเอ่ยกับฟางไฉหรงด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา"อาไฉ ข้าเกรงว่าเรื่องที่อาหนิงหายตัวไปจะเกี่ยวข้องกับท่านอ๋อง""เอ?"ฟางไฉหรงที่ได้ยินเช่นนั้นก็มีท่าทีตกใจไม่ต่างกัน หลังจากกำชับบ่าวไพร่ให้ดูแลมารดาให้ดีแล้ว เขาจึงออกมาพร้อมกับไป๋จื่อเซียน "อาจื่อ เจ้าแน่ใจ

  • เจียงหว่านหนิง สาวใช้อุ่นเตียงจวนแม่ทัพ   บทที่ 34 จับตัว

    ตระกูลไป๋ถูกกักบริเวณร่วมหลายสิบวัน เมื่อตรวจสอบแน่ชัดแล้วว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับโจวชิงเหยา จึงถูกปล่อยตัวออกมา ยามนี้ไป๋จื่อเซียนและแม่ทัพใหญ่ไป๋กำลังคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าพระพักตร์ ฮ่องเต้โจวฉินอวี้มองพวกเขาสองคนพ่อลูกคราหนึ่ง "ลำบากพวกเจ้าสองพ่อลูกและคนตระกูลไป๋แล้ว แต่ในเมื่อพวกเจ้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องนั่นถือเป็นเรื่องดี"แม่ทัพใหญ่ไป๋ที่ได้ยินเช่นนั้นจึงเงยหน้าขึ้นมา ก่อนจะเอ่ย "ตระกูลไป๋ซื่อสัตย์ภักดีต่อฝ่าบาทเท่านั้น ไม่เคยคิดเป็นอื่น ขอฝ่าบาทโปรดเมตตาด้วย" "เอาเถิด เรารู้แล้ว แต่เรามีอีกเรื่องที่ต้องการให้พวกเจ้าไปทำ""เชิญรับสั่งเถิดพ่ะย่ะค่ะ" ฮ่องเต้โจงฉินอวี้ถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย "ตามจับตัวอาชิงกลับมาให้ได้ เราอยากให้จับเป็น น้องชายผู้นี้จะดีจะร้ายก็มีสายเลือดเดียวกับเรา บางคราเขาอาจจะทำไปเพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบ"ไป๋จื่อเซียนและแม่ทัพใหญ่ไป๋รับคำคราหนึ่ง ฮ่องเต้โจวฉินอวี้จึงให้พวกเขาสองพ่อลูกกลับจวนไปเสีย เมื่อพวกเขาออกจากตำหนักไปแล้ว ฮ่องเต้โจวฉินอวี้ก็ทรุดตัวนั่งลงบนบัลลังก์ ขอบตาของเขาแดงก่ำ พยายามฝืนความเสียใจเอาไว้ ตอนที่ได้รู้เรื่องที่โจวชิงเหยาคิ

  • เจียงหว่านหนิง สาวใช้อุ่นเตียงจวนแม่ทัพ   บทที่ 33 วางแผน

    "นังสารเลวเจียงหว่านหนิง ข้าจะฆ่าเจ้า!!!""ถิงเอ๋อร์!! อย่านะ!!!"ไป๋จื่อเซียนหันไปมองฟางถิงถิงที่ยามนี้กำลังเอ่ยปากด่าทอเจียงหว่านหนิง และกำลังพุ่งทะยานเข้ามาหวังจะตบตีพี่สาวตน แต่ทว่าฟางอวี้เฉวียนกลับรั้งตัวน้องสาวของเขาเอาไว้ ก่อนจะจ้องมองฟางหว่านหนิงอย่างหวาดกลัว จะไม่ให้เขาหวาดกลัวได้เช่นไรกัน สามวันก่อนเขากับฟางถิงถิงวางแผนกันว่าจะลอบทำร้ายฟางหว่านหนิง แต่ผู้ใดจะรู้พี่สาวต่างมารดาผู้นี้กลับมีวรยุทธ์ นางหักนิ้วเขาอีกทั้งยังถีบเขาจนล้มหงายท้องไม่เป็นท่า ไม่พอเท่านั้นนางยังเตะเสยปลายคางเขาจนฟันหน้าหักไปซี่หนึ่ง จากนั้นนางก็ลงมือตบตีฟางถิงถิงอย่างไร้ความปรานี จนพวกเขาสองพี่น้องสะบักสะบอมบาดเจ็บไปไม่น้อย ตั้งแต่ท่านแม่ออกจากจวนไป ท่านพ่อก็ไม่เคยสนใจไยดีพวกเขาสองพี่น้องอีกเลย เมื่อท่านพ่อรู้ว่าเขาคิดทำร้ายฟางหว่านหนิง ก็สั่งขังพวกเขาเอาไว้แต่ในเรือนไม่ให้ออกไปก่อเรื่องได้อีก ฟางหว่านหนิงจ้องมองสองพี่น้องด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะเห็นฟางอวี้เฉวียนทุบต้นคอของฟางถิงถิงจนสลบ แล้วแบกน้องสาวตนหนีกลับเรือนไปด้วยความหวาดกลัว "เหตุใดพวกเขาจึงดูหวาดกลัวเจ้าเช่นนี้?"ไป๋จื่อเซียนหันมามองที่ฟางห

  • เจียงหว่านหนิง สาวใช้อุ่นเตียงจวนแม่ทัพ   บทที่ 32 สู่ขอ

    ผ่านไปร่วมหลายวัน ในที่สุดเจียงหว่านหนิงก็ได้สติและฟื้นขึ้นมา แต่เพราะนางยังบาดเจ็บอยู่จึงยังไม่อาจขยับกายได้มากนัก นางมองดูไป๋จื่อเซียนที่ยามนี้กำลังส่งยิ้มให้นาง พลางส่งถ้วยชามาให้นางดื่มดับกระหาย นางยิ้มตอบเขาเล็กน้อย"ข้าคิดว่าจะไม่ได้พบกับท่านแล้วไป๋จื่อเซียน"ไป๋จื่อเซียนยื่นมือมาลูบผมนางอย่างอ่อนโยน ก่อนจะเอ่ย"ข้าไม่มีวันปล่อยให้เจ้าต้องตายเป็นแน่"เจียงหว่านหนิงยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเบ้หน้าด้วยความเจ็บปวด ไป๋จื่อเซียนที่ได้ยินเช่นนั้นก็รีบเอ่ยปรามนางทันที"อย่าเพิ่งขยับมาก เจ้าบาดเจ็บหนัก!!!""อืม"เจียงหว่านหนิงจึงทิ้งกายลงนอนเช่นเดิม"เมื่อครู่ท่านแม่ของข้ากับซู่เอ๋อร์มาเยี่ยมเจ้า แต่ว่าเจ้ายังหลับอยู่ พวกนางจึงกลับไปก่อน""ลำบากพวกท่านยิ่งนัก""ลำบากอันใดกัน อีกไม่นานเราสองตระกูลก็จะเกี่ยวดองกันแล้ว"ไป๋จื่อเซียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน เจียงหว่านหนิงที่ได้ยินเช่นนั้นจึงยื่นมือของตนไปจับมือของเขาเอาไว้ ความอบอุ่นแผ่ซ่านเข้ามาในหัวใจของนาง มันทำให้นางรู้สึกปลอดภัยยามที่ได้เห็นหน้าของไป๋จื่อเซียนเขาเป็นทุกอย่างในชีวิตของนางจริงๆไป๋จื่อเซียนสั่งให้เหรินห่าวไปแจ้งที่ตระก

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status