เมื่อเห็นว่าไม่มีสิ่งใดให้น่าดูชมแล้ว ไป๋ซู่ฮวาจึงพาเจียงหว่านหนิงเดินตรงมายังเรือนด้านหลัง ไป๋ซู่ฮวาบอกว่าที่นี่คือเรือนของเหล่าสาวใช้ทั้งหลายที่ทำงานอยู่ในจวนตระกูลไป๋ เมื่อเจียงหว่านหนิงมาถึง ก็พบกับหญิงชราผู้หนึ่งที่กำลังยืนสั่งการเหล่าสาวใช้อยู่ในจวน เมื่อนางหันมาเห็นไป๋ซู่ฮวาก็รีบทำความเคารพทันที
"คุณหนู มีเรื่องใดให้บ่าวรับใช้หรือเจ้าคะ"
ไป๋ซู่ฮวาที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ย
"ป้าเถา ท่านแม่ข้ารับสาวใช้เข้ามาใหม่ นางเป็นคนที่เคยช่วยข้าเอาไว้ จะเรียกว่าเป็นสหายข้าก็ย่อมได้ ท่านแม่ให้ข้าพานางมาพบท่านก่อน ให้ท่านหาเสื้อผ้าให้นางน่ะ ส่วนเรื่องหน้าที่ในจวนท่านแม่จะจัดการเอง ข้าฝากนางด้วยนะป้าเถา อย่างไรหากนางเปลี่ยนเสื้อผ้าแต่งกายเรียบร้อยแล้ว ท่านช่วยพานางไปที่เรือนใหญ่ที ข้าจะรีบไปพบท่านแม่ก่อน"
"ได้เจ้าค่ะคุณหนู"
ป้าเถาพยักหน้ารับอย่างนอบน้อม ก่อนจะหันไปมองเจียงหว่านหนิงคราหนึ่ง
ไป๋ซู่ฮวาหันมายิ้มให้เจียงหว่านหนิง ก่อนจะเอ่ยกับนางอย่างสนิทสนม
"หว่านหนิง เจ้าไม่รู้สิ่่งใดก็ถามป้าเถาได้เลยนะ ป้าเถาน่ะใจดี เป็นคนเก่าแก่ที่ติดตามท่านแม่มาตั้งแต่แต่งงาน"
"ขอบใจเจ้ามากนะ"
"อืม ข้าไปก่อนละ"
เจียงหว่านหนิงพยักหน้าให้ไป๋ซู่ฮวาคราหนึ่ง ก่อนจะหันมาทำความเคารพป้าเถา ป้าเถาจ้องมองนางอีกครา ก่อนจะยิ้มให้นางอย่างเอ็นดู
"เจ้าชื่ออะไรหรือ"
"ข้าชื่อเจียงหว่านหนิงเจ้าค่ะ"
"อืม ข้าจะไม่ถามสิ่งใดให้มากความ เพราะเจ้าเป็นคนสำคัญของคุณหนู อะนี่ เสื้อผ้าสำหรับสาวใช้ในจวน เจ้ารีบไปเปลี่ยนเถิด แล้วออกมาพบข้า เร็วๆ เล่า อย่าให้เหล่านายท่านรอนาน"
"เจ้าค่ะ"
เจียงหว่านหนิงรับเสื้อผ้ามาจากป้าเถา ก่อนจะเดินไปตามทางที่ป้าเถาบอก ซึ่งเป็นสถานที่อาบน้ำและผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ของเหล่าสาวใช้ ใช้เวลาไม่นานเจียงหว่านหนิงก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อย ก่อนจะออกมาพบป้าเถา ป้าเถาที่เห็นว่านางค่อนข้างสอนง่าย อีกทั้งยังรู้ความก็อดยิ้มออกมาไม่ได้
"ในเมื่อเข้าจวนมาแล้ว จงเรียกเหล่านายท่านอย่างนอบน้อม ก่อนหน้านี้เจ้าอาจจะเป็นผู้มีพระคุณของคุณหนู แต่เมื่อเข้ามาเป็นสาวใช้แล้ว ก็ต้องเรียนรู้กฎระเบียบ ต่อไปเรียกฮูหยินว่า ฮูหยินใหญ่ ส่วนท่านแม่ทัพก็เรียกว่านายท่าน แล้วก็คุณชายใหญ่และคุณหนู เข้าใจหรือไม่"
"เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ"
เจียงหว่านหนิงพยักหน้ารับคำ นางพอเข้าใจแล้ว อย่างไรเสียก็เป็นกฎระเบียบที่ไม่ได้มากมายเกินไปนัก
"เอาละ ไปพบฮูหยินใหญ่ที่เรือนใหญ่เถิด นางจะได้แจกแจงงานให้เจ้า"
"เจ้าค่ะ"
เจียงหว่านหนิงพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินตามป้าเถาไป
ด้านไป๋จื่อเซียนที่ยามนี้เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว เขาก็รีบตรงมาที่เรือนใหญ่ทันที ก่อนจะพบว่ายามนี้ไป๋ซู่ฮวาก็อยู่ด้วย เขาจ้องมองของบางอย่างที่อยู่ในมือของไป๋ฮูหยินด้วยแววตาที่เรียบเฉย
"ท่านพ่อเล่าขอรับ"
"ออกจากจวนไปแล้ว เห็นว่าจะไปที่กองทัพน่ะ จื่อเอ๋อร์มานี่เร็วเข้า จวนตระกูลฟางส่งเทียบเชิญมาให้เราน่ะ อีกสามวันทางนั้นจะจัดงานชมดอกเหมยขึ้นภายในจวน จึงส่งเทียบเชิญมาให้ จื่อเอ๋อร์ แม่จะพาพวกเจ้าไป อย่างไรเสียเรากับตระกูลฟางก็มีสัญญาหมั้นหมายกันมาตั้งแต่เด็ก"
"แล้วแต่ท่านแม่จะจัดการเลยขอรับ"
เขาเอ่ยกับมารดาด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย ก่อนจะคิดเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้
เดิมทีตระกูลไป๋และตระกูลฟางนั้นสนิทสนมกันมานานแล้ว บิดามารดาของทั้งสองตระกูลเป็นสหายรักกัน ตระกูลฟางเป็นตระกูลบัณฑิต นายใหญ่ของจวนรั้งตำแหน่งเสนาบดี ยามนั้นเขายังเด็กมากนัก ท่านแม่พาเขาไปไหว้พระที่นอกจวน แต่ทว่าระหว่างทางมีโจรดักปล้น โชคดีที่เสนาบดีฟางผ่านมาทางนั้นพอดี จึงได้ช่วยเหลือเขาและท่านแม่เอาไว้ได้ทัน ท่านพ่อของเขาจึงทำสัญญาหมั้นหมายกัน ว่าถ้าหากตระกูลฟางให้กำเนิดบุตรสาวจะให้แต่งเข้าจวนตระกูลไป๋ ไม่กี่ปีต่อมาฟางฮูหยินก็ให้กำเนิดบุตรสาวจริงๆ ทุกอย่างดูเหมือนจะราบรื่น จนกระทั่งมีข่าวว่าบุตรสาวภรรยาเอกของจวนตระกูลฟางถูกลักพาตัวไป ยามนี้ยังหาไม่พบเลย เขาเองกระวนกระวายใจไม่น้อย เขาจดจำใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารักของเด็กสาวผู้นั้นได้เป็นอย่างดี น่าเสียดายที่นางหายสาบสูญไปแล้ว ตามหาอย่างไรก็หาไม่พบ
เมื่อไม่มีบุตรสาวจากภรรยาเอก ตระกูลฟางจึงขอส่งบุตรสาวจากภรรยารองให้เข้าจวนมาแต่งเป็นภรรยาเขาแทน ท่านแม่เดิมทีก็ไม่อยากรับบุตรที่เกิดจากภรรยารองเข้ามาเป็นสะใภ้ แต่เมื่อนึกถึงบุญคุณเก่าก่อน ก็รู้สึกเหมือนน้ำท่วมปากไม่อาจปฏิเสธอันใดได้
ไป๋ฮูหยินคล้ายจะรับรู้ได้ถึงความอึดอัดใจของบุตรชาย แต่นางก็ไม่อาจเอ่ยสิ่งใดได้ ยามนี้บุตรสาวภรรยารองผู้นั้น ฟางฮูหยินก็รับนางเป็นบุตรภรรยาเอกไปแล้ว เนื่องจากฟางฮูหยินไม่อาจให้กำเนิดบุตรสาวได้อีก นางจึงจำต้องปล่อยเลยตามเลย
"เอาเถิด แม่ไปด้วย เจ้าไม่ต้องกังวล"
"ขอรับ เช่นนั้นลูกขอตัวไปที่ค่ายทหารก่อน"
"อืม"
ในขณะที่ไป๋จื่อเซียนกำลังจะเดินออกไปจากจวน เขาก็พบว่าเจียงหว่านหนิงกำลังเดินเข้ามาพร้อมป้าเถา เขาเหลือบตามองนางคราหนึ่ง พบว่ายามที่นางแต่งกายสะอาดสะอ้านแล้วก็ดูงดงามไม่น้อย
เจียงหว่านหนิงคล้ายรู้สึกได้ว่ามีคนแอบมองนาง จึงเงยหน้าขึ้นไปมอง แต่ทว่าไป๋จื่อเซียนในยามนี้นั้นได้เดินออกจากจวนไปเสียแล้ว
ไป๋ฮูหยินที่เห็นว่าเจียงหว่านหนิงมาถึงแล้ว ก็หันมามองคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย
"หว่านหนิง ข้าจะให้เจ้าไปคอยรับใช้ข้างกายจื่อเอ๋อร์ก็แล้วกัน ยามนี้สาวใช้ในเรือนของเขาขาดแคลนอยู่ไม่น้อย คนก่อนๆ ก็ทำงานไม่ถูกใจเขาเลยสักคน เจ้าเห็นเป็นอย่างไร?"
เจียงหว่านหนิงแม้จะประหลาดใจอยู่ไม่น้อย แต่นางก็ไม่อยากโต้แย้งให้มากความ นางมาที่นี่เพราะต้องการทำงานเก็บเงินเพื่อตามหาบิดามารดา ยามนี้มีงานอะไรให้ทำก็ต้องทำไปก่อน อีกอย่างไป๋จื่อเซียนผู้นั้นก็ดูจะเป็นคนที่รับมือได้ง่าย ดูแล้วไม่มีพิษภัยใดๆ แม้แต่น้อย อีกทั้งเขายังช่วยพานางไปหาท่านหมอเพื่อรักษาพิษให้นางอีกด้วย จึงนับว่าเขามีบุญคุณที่ช่วยนางเช่นกัน เมื่อคิดได้เช่นนั้นเจียงหว่านหนิงจึงตกปากรับคำทันที
"ยามกลางวันจื่อเอ๋อร์จะไม่ค่อยอยู่จวน เจ้าก็มารับใช้ข้ากับซู่เอ๋อร์ที่เรือนใหญ่ได้ หรือไม่ก็ช่วยป้าเถาที่โรงครัวได้เช่นกัน ที่นี่ไม่ได้มีกฎระเบียบเคร่งครัดมากนัก เจ้าไม่ต้องเป็นกังวล เมื่อจื่อเอ๋อร์กลับจวนเจ้าก็ค่อยไปอยู่รับใช้เขา ส่วนค่าแรงข้าจะให้ตามสมควร ไม่เอาเปรียบเจ้าแน่นอน"
"ขอบพระคุณฮูหยินใหญ่มากเจ้าค่ะ"
"อืม ป้าเถา เจ้าสอนกฎระเบียบของสาวใช้ให้นางด้วย"
"เจ้าค่ะ"
เมื่อไม่มีสิ่งใดให้ต้องจัดการแล้ว ไป๋ฮูหยินจึงให้ไป๋ซู่ฮวาพานางเข้าไปพักในห้อง ส่วนเจียงหว่านหนิงก็ตามป้าเถาไปเรียนรู้งานต่างๆ ในจวน
ที่จวนแม่ทัพแห่งนี้มีเรือนใหญ่และเรือนย่อยหลายเรือน เรือนใหญ่เป็นที่อยู่ของแม่ทัพใหญ่และไป๋ฮูหยิน ส่วนเรือนปีกซ้ายเป็นห้องของไป๋จื่อเซียน ส่วนเรือนปีกขวาเป็นที่อยู่ของไป๋ซู่ฮวา และเรือนย่อยด้านหลังจะเป็นที่พักของเหล่าสาวใช้ภายในจวน ถัดไปเป็นโรงครัวและโรงเก็บฟืน
เจียงหว่านหนิงมองดูโดยรอบ ก่อนจะพบกับเรือนเล็กหลังหนึ่ง ที่มีเหล่าสตรีแต่งหน้าแต้มชาดทาปากอย่างจัดจ้านอยู่หลายนาง ดูแล้วไม่คล้ายกับสาวใช้นางอื่นๆ ในจวนเลยแม้แต่น้อย
ป้าเถาคล้ายมองเห็นว่าเจียงหว่านหนิงกำลังมองไปที่สตรีเหล่านั้น จึงเอ่ยขึ้นมาทันที
"นั่นน่ะ เป็นเหล่าสตรีอุ่นเตียงของคุณชายใหญ่"
สตรีอุ่นเตียง!!!
เจียงหว่านหนิงค่อนข้างแปลกใจไม่น้อย ก่อนจะเข้าใจได้ในทันที แต่ก่อนยามที่อยู่แคว้นฉางอัน นางก็เห็นว่าเหล่าจวนของขุนนางหลายๆ จวนก็มักจะมีสตรีอุ่นเตียงเอาไว้คอยปรนนิบัติ แต่นางยังไม่เคยเห็นกับตาตนเอง ได้มาเห็นวันนี้ถือว่าเปิดหูเปิดตาไม่น้อย
ไป๋จื่อเซียน เห็นนิ่งๆ เขาก็ร้ายกาจไม่เบาเหมือนกันนะ ได้ยินว่าเขายังไม่แต่งภรรยาเอก แต่สาวใช้อุ่นเตียงกลับมีไม่น้อยเลย
"ไปเถิด ข้าจะสอนเจ้าเรื่องกฎระเบียบในจวนให้เจ้า ไว้รอคุณชายใหญ่กลับมาเจ้าค่อยไปคอยอยู่รับใช้"
"เจ้าค่ะ"
"ส่วนที่พักของเจ้าก็พักห้องใกล้ๆ ข้าไปก่อนก็แล้วกัน"
เจียงหว่านหนิงพยักหน้ารับคำ ป้าเถาเองก็ยิ้มให้นางเล็กน้อย วันนั้นทั้งวัน ป้าเถาสอนกฎระเบียบและการปรนนิบัติรับใช้เหล่านายท่านในจวนให้แก่เจียงหว่านหนิงอย่างใจเย็น
ห้าปีต่อมา "ท่านแม่ พวกเราจะไปอยู่ที่จวนท่านลุงนานหรือไม่ขอรับ?" ฟางหว่านหนิงที่กำลังเตรียมจัดข้าวของเพื่อออกเดินทางไปยังแคว้นฉางอัน หันมามอง ไป๋หยวน บุตรชายเพียงคนเดียวของนางที่ยามนี้มีอายุสี่ขวบแล้ว นางยิ้มให้บุตรชายก่อนจะเอ่ย"คงจะร่วมหลายเดือนเลยแหละ แม่จะพาหยวนเอ๋อร์ไปไหว้หลุมศพท่านตาท่านยายบุญธรรม ที่แคว้นฉางอันยามนี้สงครามสงบแล้ว ย่อมงดงามไม่ต่างจากแคว้นต้าโจว หยวนเอ๋อร์ของแม่อยากเห็นหรือไม่?""อยากขอรับ""เช่นนั้นก็มาช่วยแม่จัดของเร็วเข้า"ไป๋หยวนพยักหน้ารับ ก่อนจะรีบมาช่วยมารดาตนจัดของอย่างมีความสุข ฟางหว่านหนิงมองบุตรชายตนอย่างรักใคร่ ก่อนจะครุ่นคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาไม่นานมานี้ท่านลุงเจียงจือหยวนส่งจดหมายมาบอกนางว่า ได้จัดการทำป้ายสุสานบรรพบุรุษเป็นชื่อของท่านพ่อและท่านแม่ นำมาไว้ที่จวนตระกูลเจียงแล้ว มีการทำพิธีเซ่นไหว้ดวงวิญญาณทุกปี เดิมทีฟางหว่านหนิงตั้งใจจะไปกราบไหว้ แต่ก็ติดที่ไป๋หยวนบุตรชายของนางยังเล็กนัก การเดินทางค่อนข้างลำบาก แต่ยามนี้บุุตรของนางเติบโตมากแล้ว ย่อมเดินทางได้ง่ายขึ้น ไป๋จื่อเซียนที่กลับมาจากค่ายทหาร เมื่อเห็นว่าภรรยาและลูกชายของเขากำลังจัดเต
ฟางหว่านหนิงจ้องมองร่างของโจวชิงเหยาที่ยามนี้ถูกไฟไหม้ไม่เหลือซากก่อนจะหลับตาลง แล้วซุกกายเข้าไปในอ้อมกอดของไป๋จื่อเซียน ไป๋จื่อเซียนกอดนางเอาไว้ อีกทั้งยังปลอบประโลมนางด้วยความรักใคร่ "อาหนิง""ไป๋จื่อเซียน เดิมทีตอนที่จับตัวข้าไป เขาไม่ได้ล่วงเกินข้า เขาเพียงหวังจะฆ่าข้าให้ตายตามเขา เขาไม่ยอมให้ข้าแต่งงานกับท่าน ข้า...""ไม่ต้องพูดแล้ว ข้าเชื่อใจเจ้า คนเช่นเจ้า หากต้องตกเป็นของโจวชิงเหยา ข้ารู้ว่าเจ้าคงยอมปลิดชีพตนเองเสียยังดีกว่า""ฮึก ไป๋จื่อเซียน""ไม่ต้องร้องแล้ว เรากลับจวนกันเถิด""อืม"ไป๋จื่อเซียนเอ่ยกับนางด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน นางซบกายลงไปอิงแอบเขาอย่างรักใคร่ ไม่ว่าจะผ่านมานานเท่าใด ยามที่ได้อยู่ใกล้เขานางก็รู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยเสมอมาเมื่อกลับมาถึงจวน ฟางฮูหยินก็วิ่งเข้ามากอดบุตรสาวในทันทีด้วยความห่วงใย ฟางไฉหรงที่เห็นเช่นนั้นจึงเอ่ยกับไป๋จื่อเซียนอย่างซาบซึ้ง"อาจื่อ ขอบใจเจ้ามาก ข้าเป็นพี่ชายที่แย่ยิ่งนัก ทั้งที่นางเป็นน้องสาวของข้า แต่ว่าข้ากลับไม่ได้ตามไปช่วยนาง""เจ้าอย่าคิดมาก ข้ารู้ว่าเจ้าไม่เก่งวรยุทธ์เท่าใดนัก พวกมันเป็นนักฆ่าที่ถูกฝึกฝนมา ข้าเกรงว่าเจ้าจะเกิด
ไป๋จื่อเซียนมุ่งหน้าตรงมาที่จวนตระกูลฟางด้วยความร้อนใจ เมื่อมาถึงก็พบกับฟางฮูหยินที่ตกใจจนเป็นลม ด้านเสนาบดีฟางก็มีสีหน้าไม่สู้ดีเท่าใดนัก เมื่อสอบถามจากสาวใช้คนสนิท จึงได้ความว่า เดิมทีฟางหว่านหนิงกำลังปักผ้าคุลมหน้าเจ้าสาว แต่เพราะว่านางรู้สึกเมื่อยล้าแล้ว จึงอยากออกไปเดินเล่นรับลมที่ด้านนอกเสียหน่อย แต่ทว่านางเห็นว่าคุณหนูออกไปนานแล้ว จึงออกมาตาม แต่กลับพบว่ายามนี้คุณหนูได้หายตัวไปแล้ว มีเพียงผ้าเช็ดหน้าที่ทำตกเอาไว้เพียงเท่านั้น จึงมาแจ้งให้นายท่านและฮูหยินทราบ เหล่าบ่าวไพร่ต่างช่วยกันออกตามหาแต่ก็ไร้ร่องรอยของฟางหว่านหนิง"อาจื่อ จะทำเช่นไรดี?"ไป๋จื่อเซียนหันไปมองฟางไฉหรงคราหนึ่ง ก่อนจะครุ่นคิดในใจยามนี้โจวชิงเหยาหายตัวไป ประจวบเหมาะกับที่ฟางหว่านหนิงก็หายตัวไปอีกเมื่อคิดได้เช่นนั้นเขาก็มีสีหน้าตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะหันมาเอ่ยกับฟางไฉหรงด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา"อาไฉ ข้าเกรงว่าเรื่องที่อาหนิงหายตัวไปจะเกี่ยวข้องกับท่านอ๋อง""เอ?"ฟางไฉหรงที่ได้ยินเช่นนั้นก็มีท่าทีตกใจไม่ต่างกัน หลังจากกำชับบ่าวไพร่ให้ดูแลมารดาให้ดีแล้ว เขาจึงออกมาพร้อมกับไป๋จื่อเซียน "อาจื่อ เจ้าแน่ใจ
ตระกูลไป๋ถูกกักบริเวณร่วมหลายสิบวัน เมื่อตรวจสอบแน่ชัดแล้วว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับโจวชิงเหยา จึงถูกปล่อยตัวออกมา ยามนี้ไป๋จื่อเซียนและแม่ทัพใหญ่ไป๋กำลังคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าพระพักตร์ ฮ่องเต้โจวฉินอวี้มองพวกเขาสองคนพ่อลูกคราหนึ่ง "ลำบากพวกเจ้าสองพ่อลูกและคนตระกูลไป๋แล้ว แต่ในเมื่อพวกเจ้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องนั่นถือเป็นเรื่องดี"แม่ทัพใหญ่ไป๋ที่ได้ยินเช่นนั้นจึงเงยหน้าขึ้นมา ก่อนจะเอ่ย "ตระกูลไป๋ซื่อสัตย์ภักดีต่อฝ่าบาทเท่านั้น ไม่เคยคิดเป็นอื่น ขอฝ่าบาทโปรดเมตตาด้วย" "เอาเถิด เรารู้แล้ว แต่เรามีอีกเรื่องที่ต้องการให้พวกเจ้าไปทำ""เชิญรับสั่งเถิดพ่ะย่ะค่ะ" ฮ่องเต้โจงฉินอวี้ถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย "ตามจับตัวอาชิงกลับมาให้ได้ เราอยากให้จับเป็น น้องชายผู้นี้จะดีจะร้ายก็มีสายเลือดเดียวกับเรา บางคราเขาอาจจะทำไปเพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบ"ไป๋จื่อเซียนและแม่ทัพใหญ่ไป๋รับคำคราหนึ่ง ฮ่องเต้โจวฉินอวี้จึงให้พวกเขาสองพ่อลูกกลับจวนไปเสีย เมื่อพวกเขาออกจากตำหนักไปแล้ว ฮ่องเต้โจวฉินอวี้ก็ทรุดตัวนั่งลงบนบัลลังก์ ขอบตาของเขาแดงก่ำ พยายามฝืนความเสียใจเอาไว้ ตอนที่ได้รู้เรื่องที่โจวชิงเหยาคิ
"นังสารเลวเจียงหว่านหนิง ข้าจะฆ่าเจ้า!!!""ถิงเอ๋อร์!! อย่านะ!!!"ไป๋จื่อเซียนหันไปมองฟางถิงถิงที่ยามนี้กำลังเอ่ยปากด่าทอเจียงหว่านหนิง และกำลังพุ่งทะยานเข้ามาหวังจะตบตีพี่สาวตน แต่ทว่าฟางอวี้เฉวียนกลับรั้งตัวน้องสาวของเขาเอาไว้ ก่อนจะจ้องมองฟางหว่านหนิงอย่างหวาดกลัว จะไม่ให้เขาหวาดกลัวได้เช่นไรกัน สามวันก่อนเขากับฟางถิงถิงวางแผนกันว่าจะลอบทำร้ายฟางหว่านหนิง แต่ผู้ใดจะรู้พี่สาวต่างมารดาผู้นี้กลับมีวรยุทธ์ นางหักนิ้วเขาอีกทั้งยังถีบเขาจนล้มหงายท้องไม่เป็นท่า ไม่พอเท่านั้นนางยังเตะเสยปลายคางเขาจนฟันหน้าหักไปซี่หนึ่ง จากนั้นนางก็ลงมือตบตีฟางถิงถิงอย่างไร้ความปรานี จนพวกเขาสองพี่น้องสะบักสะบอมบาดเจ็บไปไม่น้อย ตั้งแต่ท่านแม่ออกจากจวนไป ท่านพ่อก็ไม่เคยสนใจไยดีพวกเขาสองพี่น้องอีกเลย เมื่อท่านพ่อรู้ว่าเขาคิดทำร้ายฟางหว่านหนิง ก็สั่งขังพวกเขาเอาไว้แต่ในเรือนไม่ให้ออกไปก่อเรื่องได้อีก ฟางหว่านหนิงจ้องมองสองพี่น้องด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะเห็นฟางอวี้เฉวียนทุบต้นคอของฟางถิงถิงจนสลบ แล้วแบกน้องสาวตนหนีกลับเรือนไปด้วยความหวาดกลัว "เหตุใดพวกเขาจึงดูหวาดกลัวเจ้าเช่นนี้?"ไป๋จื่อเซียนหันมามองที่ฟางห
ผ่านไปร่วมหลายวัน ในที่สุดเจียงหว่านหนิงก็ได้สติและฟื้นขึ้นมา แต่เพราะนางยังบาดเจ็บอยู่จึงยังไม่อาจขยับกายได้มากนัก นางมองดูไป๋จื่อเซียนที่ยามนี้กำลังส่งยิ้มให้นาง พลางส่งถ้วยชามาให้นางดื่มดับกระหาย นางยิ้มตอบเขาเล็กน้อย"ข้าคิดว่าจะไม่ได้พบกับท่านแล้วไป๋จื่อเซียน"ไป๋จื่อเซียนยื่นมือมาลูบผมนางอย่างอ่อนโยน ก่อนจะเอ่ย"ข้าไม่มีวันปล่อยให้เจ้าต้องตายเป็นแน่"เจียงหว่านหนิงยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเบ้หน้าด้วยความเจ็บปวด ไป๋จื่อเซียนที่ได้ยินเช่นนั้นก็รีบเอ่ยปรามนางทันที"อย่าเพิ่งขยับมาก เจ้าบาดเจ็บหนัก!!!""อืม"เจียงหว่านหนิงจึงทิ้งกายลงนอนเช่นเดิม"เมื่อครู่ท่านแม่ของข้ากับซู่เอ๋อร์มาเยี่ยมเจ้า แต่ว่าเจ้ายังหลับอยู่ พวกนางจึงกลับไปก่อน""ลำบากพวกท่านยิ่งนัก""ลำบากอันใดกัน อีกไม่นานเราสองตระกูลก็จะเกี่ยวดองกันแล้ว"ไป๋จื่อเซียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน เจียงหว่านหนิงที่ได้ยินเช่นนั้นจึงยื่นมือของตนไปจับมือของเขาเอาไว้ ความอบอุ่นแผ่ซ่านเข้ามาในหัวใจของนาง มันทำให้นางรู้สึกปลอดภัยยามที่ได้เห็นหน้าของไป๋จื่อเซียนเขาเป็นทุกอย่างในชีวิตของนางจริงๆไป๋จื่อเซียนสั่งให้เหรินห่าวไปแจ้งที่ตระก