ยามนี้เจียงหว่านหนิงกำลังนั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าไป๋จื่อเซียน นางกำมือแน่น ไม่กล้าเงยหน้าไปมองเขาเลยแม้แต่น้อย เดิมเมื่อกินยาถอนพิษเข้าไป เรี่ยวแรงนางก็เริ่มกลับมาแข็งแรงเช่นเดิมแล้ว อีกทั้งยังถีบเขาจนลอยละลิ่วออกไปจากห้องอีกด้วย ให้ตายเถิด
ไป๋จื่อเซียนรู้สึกเจ็บร้าวระบมไปทั้งกาย แต่ก็กลับโมโหนางไม่ลง นอกจากนางจะไม่ได้ยั่วยวนเขาแล้ว นางยังเป็นคนที่ระวังป้องกันตนเองเป็นอย่างดีอีกด้วย
"ลุกขึ้นมาเถิด ข้าไม่ได้โกรธเจ้า"
เจียงหว่านหนิงที่ได้ยินเช่นนั้นจึงค่อยๆ เงยหน้าขึ้นไปมองไป๋จื่อเซียนทันที เมื่อถูกนางจ้องมองเช่นนี้เขาก็รู้สึกประหม่าไม่น้อย
"ไม่ต้องกังวล ข้าไม่บอกท่านแม่เรื่องนี้หรอก ขอเพียงครั้งหน้าเจ้าอย่าทำอีกก็พอ"
ให้ตายเถอะ ระบมไปทั้งตัวแล้ว!!!
"เจ้าค่ะ ข้าขออภัยคุณชายใหญ่ด้วย"
เจียงหว่านหนิงยิ้มให้เขาคราหนึ่ง ไป๋จื่อเซียนที่ได้เห็นรอยยิ้มของนาง ในใจก็รู้สึกแปลกประหลาดไม่น้อย คล้ายว่ารอยยิ้มของนางช่างดูคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก
ไป๋จื่อเซียนไล่ความคิดนี้ออกไปจากหัว เขาจะคุ้นเคยกับนางได้เช่นไรกัน
"เจียงหว่านหนิง เจ้ามีวรยุทธ์ด้วยหรือ?"
เจียงหว่านหนิงที่ได้ยินเช่นนั้นก็มองหน้าเขาคราหนึ่ง ไป๋จื่อเซียนที่เห็นว่านางไม่ตอบเสียที ก็ไม่อยากคาดคั้นนาง เขาจึงเอ่ยกับนางอย่างอ่อนโยน
"หากเจ้าไม่สะดวกใจที่จะตอบก็ช่างเถิด ข้าเพียงสงสัยน่ะ เพราะแรงถีบของเจ้าไม่เบาเลย คล้ายกับว่าเคยฝึกฝนการต่อสู้มาก่อน"
เจียงหว่านหนิงเม้มริมฝีปากแน่น เดิมทีเรื่องนี้ก็ไม่ได้เป็นความลับอันใด นางไม่ได้ใช้มันไปฆ่าคนตาย หรือเอาความสามารถที่มีไปทำร้ายผู้อื่นเสียหน่อย เมื่อคิดเช่นนั้น นางจึงตอบเขาไปตามความจริง เพราะอย่างไรเสียนางก็ยังจะต้องอยู่ที่นี่ไปอีกระยะหนึ่ง หากเขาไม่วางใจในตัวนาง นางเกรงว่าตนจะลำบากเอาได้
"เจ้าค่ะ เดิมทีท่านพ่อบุญธรรมของข้าเป็นทหาร ตำแหน่งไม่ได้ใหญ่โตนัก เป็นเพียงทหารรักษาชายแดนแต่ฝีมือดีไม่น้อย ตั้งแต่วัยเยาว์จนข้าเติบใหญ่มา ท่านพ่อก็คอยสอนข้าทุกอย่าง แต่ข้าก็มีความสามารถเพียงป้องกันตนเองได้เท่านั้นนะเจ้าคะ ไม่ได้เก่งกาจอันใดอย่างที่ท่านเข้าใจ"
"อืม ข้าเข้าใจแล้ว ว่าแต่เจ้าจะเริ่มตามหาบิดามารดาที่แท้จริงของเจ้าจากที่ใดก่อนหรือ?"
"ยังไม่รู้เลยเจ้าค่ะ ข้าเองก็ไม่เคยเดินทางไปไหนไกลจากบ้านเกิดเลยเจ้าค่ะ ยังไม่รู้เช่นกันว่าจะเริ่มจากที่ใดเจ้าค่ะ"
"เอาเถิด ข้ามีสหายทำงานอยู่ที่ว่าการศาลต้าหลี่ เอาไว้ข้าจะให้เขาช่วยสืบก็แล้วกัน"
"ขอบคุณเจ้าค่ะ บุญคุณครั้งนี้ หากข้าสามารถตอบแทนได้ ข้าย่อมตอบแทนแน่นอนเจ้าค่ะ"
"อืม ไว้เจ้าพบเจอบิดามารดาเมื่อใดค่อยว่ากัน เจ้าไปพักเถิด ข้าไม่มีสิ่งใดให้เจ้าต้องคอยรับใช้แล้ว"
เจียงหว่านหนิงที่ได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วมุ่น พลันนึกถึงคำสั่งของป้าเถาขึ้นมาทันที
"เอ่อ แต่ป้าเถาบอกว่าให้ข้าอยู่ที่นี่ทั้งคืน หาไม่แล้ว อาจจะตัดเงินเดือนข้าได้เจ้าค่ะ!"
ไป๋จื่อเซียนที่ได้ยินเช่นนั้นก็ถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง นี่ท่านแม่และป้าเถาคิดจะทำสิ่งใดกันแน่ ถึงขนาดเอาเงินค่าแรงมาหลอกให้เจียงหว่านหนิงอยู่กับเขาทั้งคืน
ยิ่งได้มองดวงตาที่ใสซื่อและรอยยิ้มที่จริงใจของนาง เขาก็รู้สึกเอ็นดูนางอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ชีวิตเขาทุกวันเจอแต่สตรีส่งสายตายั่วยวน อยากเปลื้องผ้าให้เขาเชยชมวันละหลายรอบ แต่เขากลับไม่เคยใส่ใจสตรีเหล่านั้นเลย
แต่กับนาง คล้ายมีบางอย่างที่พิเศษกว่าสตรีที่เขาเคยพบเจอ
พิเศษที่ใดเขาก็ไม่อาจรู้ได้เช่นกัน
"เอาเถิด เช่นนั้นเจ้าก็ไปนอนหน้าห้องของข้าก็แล้วกัน ตรงนั้นมีที่นอนอยู่ ข้าไม่ได้ใช้"
"เหตุใดต้องนอนด้วยเล่าเจ้าคะ มิใช่เฝ้าเวรยามอยู่หน้าประตูห้องท่านหรอกหรือ?"
ไป๋จื่อเซียน "..."
แม่สาวชาวบ้าน ข้าเชื่อแล้วว่าเจ้าใสซื่อจริงๆ
สรุปแล้วคืนนั้นทั้งคืนเจียงหว่านหนิงก็นอนอยู่ที่หน้าประตูของไป๋จื่อเซียนตามคำสั่งของเขาจริงๆ ไป๋จื่อเซียนลอบมองนางที่นั่งพิงประตูหลับ บางคราก็นั่งสัปหงก อีกทั้งยังนอนน้ำลายยืดอีกด้วย เขาอดที่จะขบขันนางไม่ได้ ป้าเถาสั่งให้นางมาปรนนิบัติเขา นางย่อมไม่เข้าใจคำว่า ปรนนิบัติเป็นแน่แท้
ยามเช้าวันต่อมา เมื่อไป๋จื่อเซียนตื่นขึ้นมาก็พบว่าเจียงหว่านหนิงไม่อยู่แล้ว เมื่อหันไปมองที่โต๊ะข้างเตียงนอน ก็พบว่ามีอ่างน้ำและผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งวางอยู่ตรงนั้น เขาไม่ได้เอ่ยสิ่งใด แต่ทว่ารอยยิ้มกลับปรากฏขึ้นบนใบหน้า
เรือนใหญ่
"เจ้าว่าอย่างไรน่ะเหรินห่าว จื่อเอ๋อร์ไม่ได้ถีบนางออกมาหรอกหรือ?"
"ขอรับฮูหยิน นายน้อยอยู่ในห้องกับนางเงียบกริบเลยขอรับ ข้าเฝ้าอยู่หน้าประตูทั้งคืน ไม่ได้ยินเสียงใดเลยขอรับ"
ไป๋ฮูหยินที่ได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะครุ่นคิดบางอย่าง ทว่าต่อมานางก็ยิ้มมุมปาก ก่อนจะครุ่นคิดในใจ
อ่าา จื่อเอ๋อร์อาจจะไม่ชอบให้สตรีส่งเสียงก็เป็นได้
เมื่อคิดได้เช่นนั้นนางจึงหันไปเอ่ยกับเหรินห่าวทันที
"เจ้าเฝ้าเอาไว้ทุกคืน คืนใดมีเสียงจงรีบมารายงานข้า"
"เอ่อ บ่าวต้องเฝ้าทุกคืนเลยหรือขอรับ?"
"ใช่สิ หากเจ้าทำดี ข้าจะเพิ่มเงินเดือนให้เจ้า"
"โอวววว เช่นนั้นบ่าวจะเฝ้าให้ดีเลยขอรับ ไม่มีเสียงไม่เลิกเฝ้า"
"ดี"
ไป๋ฮูหยินมีความสุขยิ่งนัก พยายามมานานไม่คาดคิดว่าสวรรค์กลับเมตตาส่งแม่นางคนงามผู้นี้มาช่วยบุตรชายของนาง
แต่ทว่าเมื่อคิดถึงงานชมดอกเหมยที่จวนตระกูลฟางกำลังจะจัดขึ้นมา นางก็มีสีหน้าที่หนักใจขึ้นมาไม่น้อย
เดิมทีงานวิวาห์ควรจะเกิดขึ้นนานแล้ว แต่เพราะไป๋จื่อเซียนบุตรชายของนางประวิงเวลามาโดยตลอด อีกทั้งนางเองก็ไม่อยากได้ลูกสะใภ้ที่เกิดจากภรรยารอง แม้จะได้ชื่อว่าถูกรับเป็นบุตรภรรยาเอกแล้วก็ตาม แต่ทว่านางอยากได้บุตรสาวที่เกิดจากภรรยาเอกจริงๆ และควรจะต้องเป็นบุตรที่เกิดจากฟางฮูหยินสหายรักของนางเท่านั้น
แต่ทว่ายามนี้มันกลับแก้ไขสิ่งใดไม่ได้แล้ว นางก็คงต้องปล่อยเลยตามเลย
ด้านเจียงหว่านหนิงนั้น นางตื่นแต่เช้า หลังจากเตรียมน้ำล้างหน้าให้แล้ว นางก็กลับมาที่เรือนนอนของตนตามคำสั่งของป้าเถา นางรู้สึกปวดหลังไปหมด น่าลำบากไม่น้อย นางนอนหลับไม่เต็มอิ่ม อีกทั้งยังนั่งหลับทั้งคืน ยามกลางวันก็ต้องคอยรับใช้เจ้านายในเรือนใหญ่ เกรงว่านางจะคงไร้เรี่ยวแรงเพราะความง่วงเสียแล้ว
ระหว่างทางที่เดินกลับเรือน ทว่ากลับมีสตรีสามนางมาขวางทางนางเอาไว้ เมื่อเจียงหว่านหนิงมองดูให้ชัดเจนก็พบว่าเป็นสตรีอุ่นเตียงเหล่านั้นที่ป้าเถาเคยบอก
ว่าแต่สตรีเหล่านี้มาขวางทางนางทำไมกัน?
เจียงหว่านหนิงจ้องมองสตรีเหล่านั้นคราหนึ่ง ก่อนจะยิ้มให้พวกนาง แต่นางทั้งสามกลับจ้องมองนางอย่างเอาเรื่อง เจียงหว่านหนิงที่ได้เห็นเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะเอ่ยถาม
"พวกเจ้ามาขวางทางข้ามีอันใดหรือไม่ ข้าจะกลับเรือนไปทำงานต่อ หากไม่มีสิ่งใด ช่วยหลีกทางให้ข้าด้วย"
ทว่าสตรีสามนางนั้นกลับไม่ยอมหลบ เอาแต่จ้องมองนางอย่างไม่ยินยอม
"ข้าชื่อ เยี่ยนอิง"
สตรีที่ทาแป้งจนขาวไม่มีช่องว่างเอ่ยกับเจียงหว่านหนิงอย่างเย่อหยิ่ง
"ส่วนข้าชื่อ เสวี่ยหนิง"
เจียงหว่านหนิงจ้องมองสตรีอีกคนที่ทาปากจนแดงจัดราวกับนางเพิ่งไปดูดเลือดบุรุษจากที่ใดมา
"ข้าชื่อ ลั่วหนิง"
สตรีคนสุดท้ายทำเอาเจียงหว่านหนิงที่หันไปสะดุ้งโหยง ก่อนจะเอ่ยถาม
"เอ่อ ปากเจ้าไปโดนอันใดมา"
"ผึ้งต่อย อีกเดี๋ยวก็ยุบแล้ว"
เจียงหว่านหนิงเริ่มรับรู้ได้แล้วว่าสถานการณ์เริ่มแปลกๆ นางจึงเอ่ยถามอีกครา
"พวกเจ้าสามคน ต้องการจะพูดสิ่งใดกับข้ากันแน่?"
เยี่ยนอิง เสวี่ยหนิง และลั่วหนิง ที่ได้ยินเช่นนั้นก็เอ่ยกับเจียงหว่านหนิงอย่างพร้อมเพรียงกัน
"อย่ามาแย่งคุณชายใหญ่ไปจากพวกข้าเชียวนะ!!!"
เจียงหว่านหนิงที่ได้ยินเช่นนั้นก็ถึงกับร้องอ้อในใจทันที สตรีสามนางนี้หึงหวงไป๋จื่อเซียนสินะ!
"พวกเจ้าเข้าใจผิดแล้ว ข้าเพียงไปคอยรับใช้เฝ้าเวรยามให้คุณชายใหญ่ ไม่ได้แย่งคุณชายใหญ่ของพวกเจ้าหรอก"
"ไม่จริง ปกติคุณชายใหญ่ไม่เคยยอมให้สตรีอยู่ในห้องทั้งคืนเช่นนี้มาก่อน มากสุดหนึ่งเค่อก็ถีบออกมาแล้ว"
ถีบออกมาแล้ว!!!
ไป๋จื่อเซียนถีบสตรีด้วยหรือ?
"ข้าไม่ได้มีความสัมพันธ์ใดกับคุณชายใหญ่ของพวกเจ้า ขอตัวก่อน โอะ"
ในขณะที่เจียงหว่านหนิงกำลังจะหันหลังเดินอ้อมไปอีกทาง เยี่ยนอิงก็ยื่นมือมากระชากเส้นผมของนางอย่างเต็มแรง ในขณะที่เสวี่ยหนิงและลั่วหนิงก็เข้ามาผสมโรงเพื่อหวังจะทำร้ายร่างกายนาง
เจียงหว่านหนิงโมโหแล้ว เดิมทีนางไม่ชอบมีเรื่องหรือรังแกผู้ใดก่อน แต่ครานี้มันเกินไปแล้วจริงๆ
"ปล่อยข้านะ มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เตือน!!!"
"ปล่อยกับผีน่ะสิ วันนี้ข้าจะตบสั่งสอนเจ้าให้หลาบจำ!!!"
เยี่ยนอิงเอ่ยขึ้นมาด้วยความโมโห ก่อนจะสั่งให้เสวี่ยหนิงและลั่วหนิงจับแขนของเจียงหว่านหนิงเอาไว้
เจียงหว่านหนิงมีหรือจะปล่อยให้คนมารังแกนางได้ง่ายๆ นางรีบยื่นมือไปดึงผมของเยี่ยนอิงอย่างสุดแรงจนอีกฝ่ายแหกปากร้องไม่เป็นภาษาจนต้องปล่อยมือออกจากผมของนาง เจียงหว่านหนิงไม่รอช้ายกเท้าถีบไปที่ท้องของเสวี่ยหนิงและลั่วหนิงอย่างสุดแรง จนพวกนางกระเด็นลงไปนอนร้องโอดครวญที่พื้น ก่อนจะหันไปมองเยี่ยนอิงที่ตั้งท่าจะวิ่งเข้ามาตบตีนางอย่างไม่ยอมลดละ เจียงหว่านหนิงยกมือขึ้นก่อนจะเสยหมัดเข้าไปที่ปลายคางของเยี่ยนอิง จนนางสลบเหมือดลงไปกองที่พื้น
"เกิดสิ่งใดขึ้น ว้ายยยย เจียงหว่านหนิงเจ้าทุบตีคนหรือ!!!"
"ป้าเถา"
ห้าปีต่อมา "ท่านแม่ พวกเราจะไปอยู่ที่จวนท่านลุงนานหรือไม่ขอรับ?" ฟางหว่านหนิงที่กำลังเตรียมจัดข้าวของเพื่อออกเดินทางไปยังแคว้นฉางอัน หันมามอง ไป๋หยวน บุตรชายเพียงคนเดียวของนางที่ยามนี้มีอายุสี่ขวบแล้ว นางยิ้มให้บุตรชายก่อนจะเอ่ย"คงจะร่วมหลายเดือนเลยแหละ แม่จะพาหยวนเอ๋อร์ไปไหว้หลุมศพท่านตาท่านยายบุญธรรม ที่แคว้นฉางอันยามนี้สงครามสงบแล้ว ย่อมงดงามไม่ต่างจากแคว้นต้าโจว หยวนเอ๋อร์ของแม่อยากเห็นหรือไม่?""อยากขอรับ""เช่นนั้นก็มาช่วยแม่จัดของเร็วเข้า"ไป๋หยวนพยักหน้ารับ ก่อนจะรีบมาช่วยมารดาตนจัดของอย่างมีความสุข ฟางหว่านหนิงมองบุตรชายตนอย่างรักใคร่ ก่อนจะครุ่นคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาไม่นานมานี้ท่านลุงเจียงจือหยวนส่งจดหมายมาบอกนางว่า ได้จัดการทำป้ายสุสานบรรพบุรุษเป็นชื่อของท่านพ่อและท่านแม่ นำมาไว้ที่จวนตระกูลเจียงแล้ว มีการทำพิธีเซ่นไหว้ดวงวิญญาณทุกปี เดิมทีฟางหว่านหนิงตั้งใจจะไปกราบไหว้ แต่ก็ติดที่ไป๋หยวนบุตรชายของนางยังเล็กนัก การเดินทางค่อนข้างลำบาก แต่ยามนี้บุุตรของนางเติบโตมากแล้ว ย่อมเดินทางได้ง่ายขึ้น ไป๋จื่อเซียนที่กลับมาจากค่ายทหาร เมื่อเห็นว่าภรรยาและลูกชายของเขากำลังจัดเต
ฟางหว่านหนิงจ้องมองร่างของโจวชิงเหยาที่ยามนี้ถูกไฟไหม้ไม่เหลือซากก่อนจะหลับตาลง แล้วซุกกายเข้าไปในอ้อมกอดของไป๋จื่อเซียน ไป๋จื่อเซียนกอดนางเอาไว้ อีกทั้งยังปลอบประโลมนางด้วยความรักใคร่ "อาหนิง""ไป๋จื่อเซียน เดิมทีตอนที่จับตัวข้าไป เขาไม่ได้ล่วงเกินข้า เขาเพียงหวังจะฆ่าข้าให้ตายตามเขา เขาไม่ยอมให้ข้าแต่งงานกับท่าน ข้า...""ไม่ต้องพูดแล้ว ข้าเชื่อใจเจ้า คนเช่นเจ้า หากต้องตกเป็นของโจวชิงเหยา ข้ารู้ว่าเจ้าคงยอมปลิดชีพตนเองเสียยังดีกว่า""ฮึก ไป๋จื่อเซียน""ไม่ต้องร้องแล้ว เรากลับจวนกันเถิด""อืม"ไป๋จื่อเซียนเอ่ยกับนางด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน นางซบกายลงไปอิงแอบเขาอย่างรักใคร่ ไม่ว่าจะผ่านมานานเท่าใด ยามที่ได้อยู่ใกล้เขานางก็รู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยเสมอมาเมื่อกลับมาถึงจวน ฟางฮูหยินก็วิ่งเข้ามากอดบุตรสาวในทันทีด้วยความห่วงใย ฟางไฉหรงที่เห็นเช่นนั้นจึงเอ่ยกับไป๋จื่อเซียนอย่างซาบซึ้ง"อาจื่อ ขอบใจเจ้ามาก ข้าเป็นพี่ชายที่แย่ยิ่งนัก ทั้งที่นางเป็นน้องสาวของข้า แต่ว่าข้ากลับไม่ได้ตามไปช่วยนาง""เจ้าอย่าคิดมาก ข้ารู้ว่าเจ้าไม่เก่งวรยุทธ์เท่าใดนัก พวกมันเป็นนักฆ่าที่ถูกฝึกฝนมา ข้าเกรงว่าเจ้าจะเกิด
ไป๋จื่อเซียนมุ่งหน้าตรงมาที่จวนตระกูลฟางด้วยความร้อนใจ เมื่อมาถึงก็พบกับฟางฮูหยินที่ตกใจจนเป็นลม ด้านเสนาบดีฟางก็มีสีหน้าไม่สู้ดีเท่าใดนัก เมื่อสอบถามจากสาวใช้คนสนิท จึงได้ความว่า เดิมทีฟางหว่านหนิงกำลังปักผ้าคุลมหน้าเจ้าสาว แต่เพราะว่านางรู้สึกเมื่อยล้าแล้ว จึงอยากออกไปเดินเล่นรับลมที่ด้านนอกเสียหน่อย แต่ทว่านางเห็นว่าคุณหนูออกไปนานแล้ว จึงออกมาตาม แต่กลับพบว่ายามนี้คุณหนูได้หายตัวไปแล้ว มีเพียงผ้าเช็ดหน้าที่ทำตกเอาไว้เพียงเท่านั้น จึงมาแจ้งให้นายท่านและฮูหยินทราบ เหล่าบ่าวไพร่ต่างช่วยกันออกตามหาแต่ก็ไร้ร่องรอยของฟางหว่านหนิง"อาจื่อ จะทำเช่นไรดี?"ไป๋จื่อเซียนหันไปมองฟางไฉหรงคราหนึ่ง ก่อนจะครุ่นคิดในใจยามนี้โจวชิงเหยาหายตัวไป ประจวบเหมาะกับที่ฟางหว่านหนิงก็หายตัวไปอีกเมื่อคิดได้เช่นนั้นเขาก็มีสีหน้าตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะหันมาเอ่ยกับฟางไฉหรงด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา"อาไฉ ข้าเกรงว่าเรื่องที่อาหนิงหายตัวไปจะเกี่ยวข้องกับท่านอ๋อง""เอ?"ฟางไฉหรงที่ได้ยินเช่นนั้นก็มีท่าทีตกใจไม่ต่างกัน หลังจากกำชับบ่าวไพร่ให้ดูแลมารดาให้ดีแล้ว เขาจึงออกมาพร้อมกับไป๋จื่อเซียน "อาจื่อ เจ้าแน่ใจ
ตระกูลไป๋ถูกกักบริเวณร่วมหลายสิบวัน เมื่อตรวจสอบแน่ชัดแล้วว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับโจวชิงเหยา จึงถูกปล่อยตัวออกมา ยามนี้ไป๋จื่อเซียนและแม่ทัพใหญ่ไป๋กำลังคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าพระพักตร์ ฮ่องเต้โจวฉินอวี้มองพวกเขาสองคนพ่อลูกคราหนึ่ง "ลำบากพวกเจ้าสองพ่อลูกและคนตระกูลไป๋แล้ว แต่ในเมื่อพวกเจ้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องนั่นถือเป็นเรื่องดี"แม่ทัพใหญ่ไป๋ที่ได้ยินเช่นนั้นจึงเงยหน้าขึ้นมา ก่อนจะเอ่ย "ตระกูลไป๋ซื่อสัตย์ภักดีต่อฝ่าบาทเท่านั้น ไม่เคยคิดเป็นอื่น ขอฝ่าบาทโปรดเมตตาด้วย" "เอาเถิด เรารู้แล้ว แต่เรามีอีกเรื่องที่ต้องการให้พวกเจ้าไปทำ""เชิญรับสั่งเถิดพ่ะย่ะค่ะ" ฮ่องเต้โจงฉินอวี้ถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย "ตามจับตัวอาชิงกลับมาให้ได้ เราอยากให้จับเป็น น้องชายผู้นี้จะดีจะร้ายก็มีสายเลือดเดียวกับเรา บางคราเขาอาจจะทำไปเพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบ"ไป๋จื่อเซียนและแม่ทัพใหญ่ไป๋รับคำคราหนึ่ง ฮ่องเต้โจวฉินอวี้จึงให้พวกเขาสองพ่อลูกกลับจวนไปเสีย เมื่อพวกเขาออกจากตำหนักไปแล้ว ฮ่องเต้โจวฉินอวี้ก็ทรุดตัวนั่งลงบนบัลลังก์ ขอบตาของเขาแดงก่ำ พยายามฝืนความเสียใจเอาไว้ ตอนที่ได้รู้เรื่องที่โจวชิงเหยาคิ
"นังสารเลวเจียงหว่านหนิง ข้าจะฆ่าเจ้า!!!""ถิงเอ๋อร์!! อย่านะ!!!"ไป๋จื่อเซียนหันไปมองฟางถิงถิงที่ยามนี้กำลังเอ่ยปากด่าทอเจียงหว่านหนิง และกำลังพุ่งทะยานเข้ามาหวังจะตบตีพี่สาวตน แต่ทว่าฟางอวี้เฉวียนกลับรั้งตัวน้องสาวของเขาเอาไว้ ก่อนจะจ้องมองฟางหว่านหนิงอย่างหวาดกลัว จะไม่ให้เขาหวาดกลัวได้เช่นไรกัน สามวันก่อนเขากับฟางถิงถิงวางแผนกันว่าจะลอบทำร้ายฟางหว่านหนิง แต่ผู้ใดจะรู้พี่สาวต่างมารดาผู้นี้กลับมีวรยุทธ์ นางหักนิ้วเขาอีกทั้งยังถีบเขาจนล้มหงายท้องไม่เป็นท่า ไม่พอเท่านั้นนางยังเตะเสยปลายคางเขาจนฟันหน้าหักไปซี่หนึ่ง จากนั้นนางก็ลงมือตบตีฟางถิงถิงอย่างไร้ความปรานี จนพวกเขาสองพี่น้องสะบักสะบอมบาดเจ็บไปไม่น้อย ตั้งแต่ท่านแม่ออกจากจวนไป ท่านพ่อก็ไม่เคยสนใจไยดีพวกเขาสองพี่น้องอีกเลย เมื่อท่านพ่อรู้ว่าเขาคิดทำร้ายฟางหว่านหนิง ก็สั่งขังพวกเขาเอาไว้แต่ในเรือนไม่ให้ออกไปก่อเรื่องได้อีก ฟางหว่านหนิงจ้องมองสองพี่น้องด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะเห็นฟางอวี้เฉวียนทุบต้นคอของฟางถิงถิงจนสลบ แล้วแบกน้องสาวตนหนีกลับเรือนไปด้วยความหวาดกลัว "เหตุใดพวกเขาจึงดูหวาดกลัวเจ้าเช่นนี้?"ไป๋จื่อเซียนหันมามองที่ฟางห
ผ่านไปร่วมหลายวัน ในที่สุดเจียงหว่านหนิงก็ได้สติและฟื้นขึ้นมา แต่เพราะนางยังบาดเจ็บอยู่จึงยังไม่อาจขยับกายได้มากนัก นางมองดูไป๋จื่อเซียนที่ยามนี้กำลังส่งยิ้มให้นาง พลางส่งถ้วยชามาให้นางดื่มดับกระหาย นางยิ้มตอบเขาเล็กน้อย"ข้าคิดว่าจะไม่ได้พบกับท่านแล้วไป๋จื่อเซียน"ไป๋จื่อเซียนยื่นมือมาลูบผมนางอย่างอ่อนโยน ก่อนจะเอ่ย"ข้าไม่มีวันปล่อยให้เจ้าต้องตายเป็นแน่"เจียงหว่านหนิงยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเบ้หน้าด้วยความเจ็บปวด ไป๋จื่อเซียนที่ได้ยินเช่นนั้นก็รีบเอ่ยปรามนางทันที"อย่าเพิ่งขยับมาก เจ้าบาดเจ็บหนัก!!!""อืม"เจียงหว่านหนิงจึงทิ้งกายลงนอนเช่นเดิม"เมื่อครู่ท่านแม่ของข้ากับซู่เอ๋อร์มาเยี่ยมเจ้า แต่ว่าเจ้ายังหลับอยู่ พวกนางจึงกลับไปก่อน""ลำบากพวกท่านยิ่งนัก""ลำบากอันใดกัน อีกไม่นานเราสองตระกูลก็จะเกี่ยวดองกันแล้ว"ไป๋จื่อเซียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน เจียงหว่านหนิงที่ได้ยินเช่นนั้นจึงยื่นมือของตนไปจับมือของเขาเอาไว้ ความอบอุ่นแผ่ซ่านเข้ามาในหัวใจของนาง มันทำให้นางรู้สึกปลอดภัยยามที่ได้เห็นหน้าของไป๋จื่อเซียนเขาเป็นทุกอย่างในชีวิตของนางจริงๆไป๋จื่อเซียนสั่งให้เหรินห่าวไปแจ้งที่ตระก