Home / รักโบราณ / เจี่ยเจียเหนื่อยแล้ว / ๓ ศึกษาดูใจครั้งที่หนึ่ง…เริ่ม!     

Share

๓ ศึกษาดูใจครั้งที่หนึ่ง…เริ่ม!     

last update Last Updated: 2025-05-26 15:17:39

ศึกษาดูใจครั้งที่หนึ่ง…เริ่ม!     

สามวันก่อนข้านอนหายใจทิ้งไปวัน ๆ ไม่คิดว่าวันนี้จะได้ทำในสิ่งที่คิดว่ายังอีกยาวไกล

“งานแต่งใช่ว่าจะเริ่มวันนี้หรือพรุ่งนี้เสียเมื่อไร”

ข้าทวนคำพูดของท่านพ่อเมื่อสามวันก่อนตอนที่เราพูดถึงเรื่องการแต่งงานของข้า

“ยังมีเวลาศึกษาอีกมาก/ยังมีเวลาศึกษาอีกมาก”

ก่อนที่จะหันหน้ามาพูดประโยคที่สองพร้อมกับลี่หลานที่มีท่าทางสับสนระคนสงสัยไม่แพ้กัน

ตอนนี้เราสองคนพี่น้องยืนอยู่บนอัฒจันทร์สูงลิ่ว มองดูสิ่งมีชีวิตตัวน้อยกำลังวิ่งเล่นไล่จับกับคนในพรรคอย่างสนุกสนานอยู่สนามประลองด้านล่าง

ไม่สิ! อย่าเรียกว่าวิ่งไล่จับเลย มันดูละมุนเกินไป

“เจี่ยเจีย นี่มันคือการข่มขวัญเราขอรับ”

ขนาดน้องชายข้ายังรับไม่ได้กับภาพที่เห็น แล้วข้าจะรับได้หรือ!

วันนี้ข้ามาเยี่ยมชมพรรคมารเฮยหลาง จุดประสงค์อันแท้จริงคือการดูตัวกันระหว่างข้าและหลางยี

แล้วดูสิ่งที่ว่าที่ประมุขพรรคต้อนรับข้า ปล่อยฝูงหมาป่าหิวโซลงสนามประลองแล้วให้คนในพรรคต่อสู้กับหมาป่าที่พร้อมจะขย้ำทุกสิ่งเพราะความหิวโหย

“เสี่ยวตี้ เขาอาจแค่อยากแสดงความแข็งแกร่งของสมาชิกในพรรคให้เราชมก็ได้”

“เจี่ยเจียคิดเช่นนั้นจริงหรือขอรับ”

“ไม่”

ข้าเดาว่าหลางยีจับตาดูพวกเราตลอดตั้งแต่ที่เข้ามาในพรรคมารเฮยหลางแล้ว

พอพวกเราแสดงอาการในสิ่งที่เขาคาดหวังอยากจะเห็นถึงค่อยปรากฏกายออกมา

“เป็นอย่างไรบ้างลี่กูเหนียง ลี่หลาน การแสดงด้านล่างถูกใจหรือไม่”

แล้วก็เป็นอย่างที่ข้าคิดเอาไว้ ร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มโตเต็มวัยเดินออกมายืนชมการแสดงข้าง ๆ ลี่หลาน

เขาตั้งใจเรียกข้าตามมารยาททั่วไป แต่กลับเรียกน้องชายข้าอย่างสนิทสนม

แบบนี้ก็ดี!

ใบหน้าของหลางยีคมเข้ม ไม่ว่าจะด้วยเพราะเครื่องหน้าที่ลงตัวของเขาหรือสีผิวออกคล้ำเล็กน้อยจากการกรำแดดเยอะ สิ่งนี้ช่วยส่งให้เขาดูเหมือนตัวร้าย

แต่พอเขายิ้มเท่านั้น ดูแพรวพราวเจ้าชู้เป็นที่สุด!

“นับว่าแข็งแรง ดุดัน ไม่เกรงใจใครขอรับ”

ลี่หลานตอบกลับด้วยท่าทางนอบน้อมหลายส่วน แม้จะไม่ชอบเขาในฐานะหนึ่งในผู้ที่อาจจะเป็นพี่เขย แต่ด้วยเรื่องของความอาวุโสกว่า

อย่างไรก็ต้องให้เกียรติเขาหลายส่วน!

“ไม่เกรงใจใครอย่างที่เสี่ยวตี้กล่าว ว่าแต่ท่านหลางยีไม่ลองดูบ้างหรือเจ้าคะ คงจะน่าเกรงขามกว่าผู้คนด้านล่างเป็นเท่าตัว”

ข้าเหลือบตามองลงไปด้านล่างอัฒจันทร์จากนั้นก็ตวัดสายตาไปมองเขา พยายามอย่างมากที่จะไม่ทำให้มันดูท้าทายจนเกินไป แต่หลางยีคงดูออกกระมัง มิเช่นนั้นเขาคงไม่กระตุกยิ้มเช่นนี้

“เกรงว่าจะทำให้ลี่กูเหนียงผิดหวังแล้ว เพราะแผนของข้าในวันนี้ไม่ได้เพื่อทำให้ลี่กูเหนียงประทับใจในตัวข้าถึงเพียงนั้น”

เหอะ! หากการเดาะลิ้นไม่ทำให้ดูเสียมารยาท ข้าคงทำมันใส่เขาไปนานแล้ว คิดว่าข้าอยากประทับใจในตัวเขาเช่นนั้นหรือ

ไม่มีทาง!

“วางใจได้เจ้าค่ะ เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นกับข้าน้อยมาก ตั้งแต่เกิดมาข้ายังไม่เคยรู้สึกเช่นนั้นเลย”

ข้าตอบเขาไปด้วยน้ำเสียงสดใส ใบหน้ายิ้มแย้ม แต่ในใจกลับยกดาบขึ้นมาพร้อมฟาดฟันเขาให้เป็นเครื่องหมายกากบาทตัวสีแดงโต ๆ

“อ้อ”

เขารับคำสั้น ๆ บ่งบอกว่าคำพูดของข้าไม่มีผลต่อใจ มือหนาผายมือไปอีกทางด้านหนึ่ง

“เช่นนั้นวันนี้ข้าจะพาลี่กูเหนียงและลี่หลานเดินชมพรรคมารเฮยหลางของเราก็แล้วกัน”

“ดีเจ้าค่ะ”

ข้ารีบตอบรับเขา ไม่ใช่เพราะอยากให้เขาพาเยี่ยมชมบ้านแต่อย่างใด แค่อยากทำให้วันนี้จบ ๆ ไปเสียจะได้มีเหตุผลไปบอกท่านพ่อได้ว่าคนนี้ ‘ไม่ผ่าน’

“เชิญ”

เขาออกตัวเดินนำเราสองพี่น้องไปก่อน สถานที่แรกที่เขาพาข้าไปก็คือ…

คอกม้า!

“ท่านหลางยีอยากให้เราช่วยป้อนหญ้าให้ม้าเช่นนั้นหรือเจ้าคะ ดีเลย ข้าไม่ได้ทำมานานมากแล้ว”

ด้วยความที่สมัยก่อนป้อนหญ้าป้อนนมให้แพะในสวนสัตว์บ่อย ๆ ข้าจึงเข้าใจว่าเขาพามาป้อนอาหารม้า

“อ้าปากเร็ว”

ข้ายื่นหญ้าให้ม้าตัวหนึ่งที่อยู่ในคอก แต่มันกลับถอยห่างจากข้า มิหนำซ้ำยังสะบัดหน้าใส่ด้วย

“เหตุใดไม่กิน เสี่ยวตี้ลองป้อนดู”

ข้ายื่นหญ้าให้น้องชาย ลี่หลานยื่นมือมารับไว้ไม่ขัดใจพี่สาว เมื่อนางอยากให้เขาป้อนหญ้าให้ม้าเขาก็ทำ ต่อให้ในชีวิตนี้จะไม่เคยทำมาก่อนเลยก็ตาม

“กิน!”

เพียงแค่ยื่นมือออกไปนิดหน่อยเท่านั้น ม้าแสนรู้ก็งับหญ้าที่น้องชายข้าป้อนให้พร้อมเคี้ยวกร้วม ๆ ต่างจากตอนที่ข้าเป็นคนป้อนให้ลิบลับ

“ท่านหลางยี”

พรรคมารเฮยหลาง ว่าที่ประมุขพรรคเลือกปฏิบัติต่อข้าไม่พอ แม้แต่ม้ายังเลือกปฏิบัติต่อข้าด้วย

“ว่าอย่างไรลี่กูเหนียง”

หลางยีเดินเข้ามาใกล้้ข้าที่ข้างคอกม้า เขาอยู่ในท่าเอามือกอดอกค้างไว้ คิ้วเข้มเลิกขึ้นอย่างตั้งคำถาม

“ม้าตัวเมียใช่หรือไม่ เหตุใดตอนที่ข้าป้อนจึงไม่สนใจแต่พอบุรุษป้อนให้เท่านั้น แทบจะกินมือเสี่ยวตี้แล้ว”

ลี่หลานรีบชักมือออกเมื่อข้ากล่าวว่าม้าจะกินมือเขาแล้ว ท่าทางตกใจเล็กน้อยของเขาเรียกรอยยิ้มมุมปากจากข้าได้

“ม้าคอกนี้ล้วนเป็นตัวเมียทั้งสิ้น”

ก็นั่นนะสิ!

หลางยีไม่ได้หัวเราะแต่แววตากลับปิดความขำขันไว้ไม่มิด คงไม่ใช่กำลังตลกข้าที่โวยวายพูดเยอะเพราะโดนม้าสาวเมินหรอกกระมัง

“แต่ว่านะลี่กูเหนียง” เขาหยุดพูดไปครู่หนึ่ง จ้องตาข้าแล้วกล่าวคำพูดชัดถ้อยชัดคำ “ข้าไม่ได้พามาให้อาหารม้า แต่จะพาไปขี่ม้าต่างหาก”

เพล้ง!

มีใครได้ยินเสียงเศษซากของแตกหรือไม่ เป็นหน้าข้าเอง แล้วข้าจะเอาตัวออกจากสถานการณ์นี้อย่างไร

“ขี่ม้าหรือเจ้าคะ…”

“แม่นางลี่สนใจหรือไม่ ขี่ม้าชมพรรคมารของเรา”

ขอบคุณที่ถามประโยคนี้เพื่อหาทางรอดให้ข้า แต่ข้า ไม่สนใจแม้แต่นิดเดียว

“เปลี่ยนได้หรือไม่เจ้าคะ ข้าเหนื่อยเจ้าค่ะ”

หลางยีไม่ได้แสดงท่าทีผิดหวัง เขายอมรับการตัดสินใจของข้า แล้วพาไปดูสถานที่ใหม่นั่นก็คือ…

สนามประลองยุทธ์!

“ท่านหลางยี บอกตามตรงว่าข้าไม่สันทัดเรื่องการต่อยตีกับผู้ใด ไม่ว่าจะด้วยวรยุทธ์หรือยุทโธปกรณ์”

หลางยีหัวเราะในลำคอ ข้าถึงได้หันมามองหน้าเขาแล้วตั้งคำถาม

“ท่าทางของข้าดูน่าขันหรือเจ้าคะ”

ข้าไม่ได้ตรองก่อนตั้งคำถาม เมื่อน้องชายสะกิดแขนเบา ๆ ถึงได้เสริมอีกประโยคเพื่อไม่ให้ดูเหมือนกำลังหาเรื่อง

“ข้าแค่อยากรู้เท่านั้น อยากหัวเราะด้วยเจ้าค่ะ”

“ลี่กูเหนียงมิต้องคิดมาก ข้าไม่ใช่คนถือสาเรื่องยิบย่อย เราไปกันเถิด ข้าจะให้คนมาประลองยุทธ์ให้ดู”

เมื่อเจ้าบ้านเชิญเช่นนี้แล้ว ข้าจึงเดินตามเขาไปอย่างขัดขืนไม่ได้

ช่วงเช้าวันนี้คนที่ชอบเรื่องการประลองที่สุดเห็นทีจะเป็นลี่หลาน

ส่วนข้านั้นกัดฟันตลอดการดู เพราะสมาชิกพรรคมารเฮยหลางประลองกันแบบหากฆ่าให้ตายได้ก็ฆ่า ดิบเถื่อนเกินหัวใจข้าจะรับไหว

คู่ไหนข้าทนมองไม่ได้ก็จะหันไปสำรวจหลางยี ทำให้ข้านึกถึงคำพูดของน้องชายที่ว่าเขาเจ้าชู้

ทว่าสิ่งที่ข้าสัมผัสได้จากเขาไม่ใช่เรื่อง ‘เจ้าชู้’

แต่เป็นเรื่องที่ว่าเขาเองก็ไม่ได้อยากแต่งข้าเข้าจวนเหมือนกัน วันนี้นับว่ายังมีเรื่องดีอยู่บ้าง

ณ ห้องรับแขก

หลังจากชมการประลองยุทธ์ครบคู่ที่เตรียมไว้แล้ว หลางยีก็พาข้าและน้องชายมาที่ห้องรับแขก เตรียมทานอาหารกลางวันร่วมกันกับผู้นำสูงสุดของพรรค

“เจี่ยเจียเหนื่อยมากหรือขอรับ สีหน้าชัดว่าเหนื่อย”

ข้าพยักหน้ารับอย่างไม่ปิดบัง

“การประลองยุทธ์ของพรรคนี้กินพลังชีวิตเจี่ยเจียเหลือเกิน”

แต่ละคู่ มีคู่ไหนไม่เลือดสาดบ้าง!

“เช่นนั้นเรากลับกันเลยดีหรือไม่ เจี่ยเจียอ้างแค่ว่าเหนื่อยแล้วใครก็เข้าใจ”

ข้าส่ายหน้าเบา ๆ แม้จะเหนื่อยจนไม่อยากพูดกับใคร แต่อยากปิดจบการดูตัวครั้งแรกให้สวยงามที่สุดเท่าที่จะทำได้

“ทนให้จบเถิด อย่างไรก็มาแล้ว วันนี้เหนื่อยแล้ว วันหน้าอาจเหนื่อยกว่า”

ว่าแล้วข้าก็ยื่นมือไปตบไหล่น้องชายเบา ๆ ไม่ได้ให้กำลังใจเขา แต่ให้เขาเป็นกำลังใจให้ข้า

“…อาหารพร้อมแล้ว”

ข้าและลี่หลานหันไปมองต้นเสียงก็เห็นว่าหลางยีเดินเข้ามาในห้องรับแรกด้วยใบหน้าติดรอยยิ้ม แต่เป็นรอยยิ้มที่ส่งไปไม่ถึงดวงตา

หรือเขาจะได้ยินข้าสนทนากับน้องชายเมื่อครู่…

ช่างเถิด! ข้าไม่จำเป็นต้องสนใจความคิดเขา

(จบลี่จู)

หลางยี…

วันนี้เป็นวันแรกที่ข้าได้ต้อนรับแขกคนสำคัญของพรรค ทุกอย่างที่ข้าทำในวันนี้เพื่อปฏิเสธนางโดยไม่ต้องเอ่ยเป็นคำพูด

ใช่แล้ว! ข้าไม่คิดแต่งสตรีใดเข้าจวนในตอนนี้ แม้ว่าจะเป็นสตรีที่บิดาหมายปองให้ข้าก็ตามที

ตามธรรมเนียมของพรรคเรา บุรุษสามารถแต่งสตรีเข้าจวนได้แค่คนเดียว ทำให้ข้าไม่อยากโดนผูกมัดในตอนนี้

ภาพลักษณ์ภายนอกของข้า หลายคนบอกว่าเจ้าชู้มากใช่หรือไม่

ความจริงแล้วก็เหมือนที่เขาว่ากัน!

“...เรื่องอยู่ใกล้จมูกข้าเช่นนี้มีหรือจะไม่มีคนรายงานให้ข้าฟัง”

ในระหว่างรอตั้งโต๊ะอาหารกลางวัน ท่านพ่อหรืออีกฐานะหนึ่งคือประมุขพรรคมารเฮยหลางให้คนเชิญข้ามาที่ห้องทำงานใหญ่

ข้าเตรียมใจไว้แล้วว่าเรื่องนี้จะต้องโดนท่านพ่อจับเจตนารมณ์ได้ ไม่มีประโยชน์ที่จะต้องเก็บซ่อนความในใจ

“ข้าไม่อยากแต่งงานในตอนนี้”

ตุบ!

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ข้ายืนกรานคำพูดของตัวเอง แต่เป็นครั้งแรกที่ตบโต๊ะจนเนื้อไม้แตกออกเป็นซีก ๆ ออกแรงแฝงกำลังภายในแบบนี้

ท่านพ่อโกรธข้าจริงแล้ว!

“เจ้ามันพูดไม่รู้เรื่อง เพียงแค่แต่งงานเท่านั้นยังทำไม่ได้แล้วจะมารับหน้าที่ประมุขพรรคต่อจากข้าได้อย่างไร”

ข้ายิ้มเย้ยหยัน หลุบตาลงต่ำซ่อนความไม่พอใจ โต้ตอบเสียงแผ่วเบา แต่คำพูดเสียดแทงจิตใจคนฟัง

“เหมือนที่ท่านแต่งท่านแม่หรือขอรับ ถ้าการแต่งสตรีที่ไม่ได้รักเข้าจวนมาแล้วปล่อยร้างไว้เช่นนั้น มิสู้ไม่ต้องแต่งใครเข้ามาเลย”

“หลางยี!” ท่านพ่อชี้หน้าข้า เรียกชื่อข้าเสียงขึงขัง

ข้าหรือจะสะทกสะท้าน ข้าไม่อยากให้สตรีคนใดต้องมาเป็นเหมือนท่านแม่ของข้าอีก มิสู้แสดงท่าทางต่อต้านนางตั้งแต่ตอนนี้

“ฮึ่ม! ข้าจะทำเป็นไม่ได้ยินคำพูดเหมือนเด็กไม่รู้จักโตแบบนี้จากเจ้า กลับไปดูแลแขกได้แล้ว”

ข้าผงกศีรษะให้เขาหนึ่งครั้ง ไม่รั้งอยู่ต่อเสวนาเรื่องใด ภายนอกข้าอาจดูไม่ใส่ใจในคำพูดของท่านพ่อ แต่ภายในคุกรุ่นจนคนอื่นสัมผัสได้

ไม่ว่าจะเดินผ่านสมาชิกพรรคคนใดล้วนไม่มีใครกล้าเข้ามาทักทายเช่นในยามปกติ

“ทนให้จบเถิด อย่างไรก็มาแล้ว วันนี้เหนื่อยแล้ว วันหน้าอาจเหนื่อยกว่า”

ข้าชะงักทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของลี่จู นางก็คงไม่อยากแต่งให้ข้าเช่นกัน ในเมื่อเป็นเช่นนั้นข้าก็ไม่อยากให้นางทนอยู่ที่นี่ต่อ เดินเข้าไปในห้องรับแขกแล้วกล่าวว่า

“อาหารพร้อมแล้ว”

นางมีท่าทางสนเท่ห์ราวกับกลัวว่าข้าจะได้ยินคำพูดเมื่อครู่ของตน

แต่ไม่นานก็กลับมาทำสีหน้าราบเรียบที่ดูอย่างไรก็น่ารัก ใบหน้าจิ้มลิ้มดวงนี้ ต่อให้ทำหน้านิ่งก็ยังดูน่ารักอยู่ดี

“เชิญทั้งสอง”

ข้าผายมือไปที่ห้องอาหาร ในจังหวะที่ลี่จูเดินผ่านข้าไปนั่นเอง อยู่ ๆ ในหัวก็คิดแผนการณ์บางอย่างออก

เมื่อพ้นร่างของสองพี่น้องแล้วข้าก็เอ่ย…

“ข้าปฏิเสธนางไม่ได้มิได้หมายความว่านางจะทำไม่ได้ เช่นนั้นให้เจ้าเป็นคนปฏิเสธเองก็แล้วกัน”

เพียงนึกถึงสถานการณ์ตอนนั้นข้าก็แทบจะกลั้นความดีใจเอาไว้ไม่อยู่แล้ว

“ขออภัยไว้ล่วงหน้า ข้าเองก็มีความจำเป็น!”

(จบหลางยี)

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เจี่ยเจียเหนื่อยแล้ว   ตอนพิเศษที่ 10 (จบบริบูรณ์)

    ๑๐เจ้าไม่ได้สิ้นรักข้า “ฮูหยิน เจ้าไม่ได้สิ้นรักข้า!”นี่คือประโยคแรกที่ข้ากล่าวหลังจากที่ถลันกายเข้าไปในห้องนอนรอยยิ้มบนใบหน้าข้าหายไปทันทีเมื่อเห็นสภาพนางที่ตอนนี้กำลังนั่งอยู่บนเตียง พอเห็นหน้าข้านางก็รีบหันหน้าไปทางอื่น ยกมือขึ้นปาดน้ำตาความรู้สึกตื่นเต้นเมื่อครู่หายไปแทนที่ด้วยความเจ็บปวด เหตุใดนางจึงร้องไห้น้ำตาอาบหน้าเช่นนี้“ฮูหยิน…”อาชิ่งรู้งานรีบเดินออกไปจากเรือนนอนปล่อยให้เราสองคนอยู่ในห้องด้วยกันเพียงลำพัง“ฟูจวินอยู่ตรงนั้นเจ้าค่ะ ไม่ต้องเข้ามา”ข้าชะงักเท้าตามที่นางสั่ง แม้จะทราบว่านางเป็นเช่นนี้เพราะกำลังตั้งครรภ์อยู่ แต่ข้าก็ไม่อาจห้ามความเศร้าที่กอบกุมจิตใจได้“ฮูหยินร้องไห้ด้วยเหตุใด บอกฟูจวินได้หรือไม่”“ไม่บอกเจ้าค่ะ อยากร้องไห้ต้องมีสาเหตุด้วยหรือ” ปลายเสียงนางสะบัดแต่สะอื้นฮัก ๆ เพราะร้องไห้เห็นร่างบางที่หันหลังใส่ตัวสั่นเช่นนี้ข้าก็ไม่สนใจสิ่งใดแล้ว เดินไปนั่งด้านหลังนางแล้วสวมกอดร่างบางเอาไว้จากด้านหลัง“ฮูหยิน อยากร้องก็ร้อง แต่อย่าห้ามฟูจวินให้กอดเจ้าเลย ในเวลานี้เจ้าไม่ควรให้ตัวเองอยู่คนเดียว”นางเห็นหน้าข้าแล้วอาจหงุดหงิด แต่ทำแบบนี้ย่อมดีเสียกว่าทิ้ง

  • เจี่ยเจียเหนื่อยแล้ว   ตอนพิเศษที่ 9

    ๙เบื่อหน้าเขานัก บุตรสาวข้าเลี้ยงง่ายยิ่งนัก! ท่านพ่อของข้ากล่าวว่าตอนเด็กนางเหมือนข้าไม่มีผิด เวลาใครอุ้มก็จะมองหน้าคนนั้น มองนิ่ง ๆ ด้วยสายตาสำรวจ นอกจากครั้งแรกที่ร้องไฮ้ตอนเป็นทารกแล้ว ข้าก็ไม่ได้ร้องไห้อีก หลางลู่หลินก็เช่นกัน! สิ่งนี้ทำให้ข้าเริ่มสงสัยว่านางเป็นแบบข้าหรือไม่ มีความทรงจำของชาติภพปัจจุบันติดมาด้วยหรือเปล่า มีวันหนึ่งข้าลองทดสอบดู พูดเป็นภาษาอังกฤษภาษาสากล แต่นางเพียงมองหน้าข้าด้วยสายตาว่างเปล่า ชัดเจนว่าไม่เข้าใจ คิดได้สองแง่ หนึ่งนางแค่ไม่ชอบร้องไฮ้ มีความเป็นผู้ใหญ่ตั้งแต่เกิด สองนางอาจมากันคนละยุคกับข้า การทดสอบของข้าดำเนินการมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งนางอายุเข้าสามหนาวข้าก็หยุดทดสอบ คิดได้ว่า… ไม่ว่าใครจะมาเกิดนางก็ตาม อย่างไรนางก็คือบุตรสาวของข้า ใช้ชีวิตเป็นมารดาของหลางลู่หลินโดยไม่ตั้งคำถามกับตนเองในใจอีก เข้าปีที่สามของการใช้ชีวิตเป็นมารดา ปีนี้ลู่หลินพูดได้เยอะขึ้น วิ่งเล่นได้เร็วขึ้น ดูสดใสตามวัยโดยเฉพาะยามที่ได้เล่นกับบิดาและน้าชาย กอปรกับข้าตั้งครรภ์อ่อน ๆ หน

  • เจี่ยเจียเหนื่อยแล้ว   ตอนพิเศษที่ 8

    ๘ผู้ซึ่งสมหวังที่สุดข้าเรียนรู้วิธีการกรี๊ดแล้ว!“กรี๊ด~เจ็บ!”ที่ผ่านมาข้าคิดว่าตนเองกรี๊ดไม่เป็นจนกระทั่งวันนี้ เจ้าตัวน้อยของแม่มอบบทเรียนให้กันตั้งแต่วันแรกที่กำลังลืมตาดูโลกเลย “ฮูหยิน เบ่งเจ้าค่ะ…อื้อ~” “อื้อ~”ข้าออกแรงเบ่งพร้อมเปล่งเสียงตามท่านหมอหญิง แต่เจ้าตัวน้อยของข้าก็ไม่ยอมออกเสียที“เบ่งอีกเจ้าค่ะฮูหยินน้อย เอาให้สุดแรงครั้งนี้ออกแน่เจ้าค่ะ”อีกครั้งเดียวแน่หรือ!“ฮูหยินน้อย อาชิ่งช่วยเบ่งเจ้าค่ะ”สาวใช้คนสนิทใช้ผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อให้ข้า น้ำเสียงสั่นเครือบ่งบอกสภาพจิตใจในตอนนี้“เอาล่ะเจ้าค่ะ เบ่งเจ้าค่ะ”“อีกทีใช่หรือไม่…อื้อ~” ข้าพยายามเบ่งอีกครั้ง แต่ผลก็เหมือนเดิมคือยังไม่ออกมีหลายเสียงบอกว่าข้าจะได้บุตรชาย แต่ก็มีหลายเสียงบอกว่าข้าจะได้บุตรสาวสุดท้ายข้าเลือกเชื่อว่าเป็นบุตรสาวเพราะสามีกระซิบกับท้องข้าเบา ๆ ทุกครั้งที่มีโอกาสเช่น…‘พ่อไปเรียนทำผมมาแล้ว จะถักเปียให้เจ้าทุกวันดีหรือไม่ลูกสาว’ไม่ก็กล่าวกับอาไท่ว่า…‘ทำชิงช้าน้อยใต้ต้นไม้ให้บุตรสาวข้าหน่อย’เป็นเช่นนี้ตลอด! นานวันเข้าข้าก็คาดหวังว่าตัวเองจะได้บุตรสาวเช่นเดียวกับฟูจวิน“ท่านหมอ ไม่ออก…ฮึก”เมื่อค

  • เจี่ยเจียเหนื่อยแล้ว   ตอนพิเศษที่ 7

    ๗นางอาจจะมาแล้ว“เกิดอันใดขึ้นกับนาง!”“ฮูหยินเป็นลมขอรับ”ข้าบีบมือตนเองแน่น ต่อให้นางจะเป็นลมข้าก็ไม่วางใจ ถามเขาถึงสถานที่ที่นางอยู่่ในตอนนี้“ฮูหยินอยู่ที่ใด”“เรือนนอนขอรับ”เมื่อทราบสถานที่ที่นางอยู่แล้วข้าก็ไม่รีรอ ใช้พลังภายในที่มีทั้งหมดเร่งความเร็วมาที่เรือนหอ ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงห้องนอนที่ได้ยินเสียงสนทนาของหลางผิงและท่านหมอประจำจวนข้าถลันกายเข้าในด้านในโดยไม่สนหน้าใครทั้งสิ้น“ฮูหยิน!”ใบหน้านางซีดมากจนข้าหายใจไม่ออก มารู้ว่าตนมือสั่นก็ตอนที่เอื้อมมือไปจับมือบาง“ฟูจวิน ใจเย็น ๆ เจ้าค่ะ ทำใจดี ๆ”ทำใจดี ๆ เช่นนั้นหรือ กล่าวเช่นนี้แล้วข้าจะยังใจเย็นได้ไหวหรือ นางเป็นอันใดถึงต้องกล่าวให้ข้าทำใจดี ๆ“ฮะ ฮูหยิน พูดแบบนี้ข้าใจไม่ดีเลย”ข้าเริ่มกล่าวเสียงตะกุกตะกักแล้ว ในตอนนั้นเองที่หมอประจำจวนเรียกความสนใจจากข้า“ท่านประมุขน้อย ฮูหยินไม่ได้ป่วยเป็นโรคร้ายขอรับ แต่เป็นข่าวดี”ข่าวดี!“บอกเขาเถิดเจ้าค่ะท่านหมอ”เสี่ยวกูกู่เอ่ยขึ้น แววตาของนางฉายความขบขันจนข้าวางใจว่าภรรยาไม่ได้ป่วยเป็นอันใดจริง ๆ“ยินดีกับท่านประมุขน้อยด้วยขอรับ ฮูหยินตั้งครรภ์แล้วขอรับ”ตะ ตั้งครรภ์หรือ!“ฮูห

  • เจี่ยเจียเหนื่อยแล้ว   ตอนพิเศษที่ 7

    ๖ฮูหยินเป็นอันใดลี่จู…กลับไปเยี่ยมบ้านเจ้าสาวครั้งนี้ข้ารู้สึกเบาใจขึ้นกว่าเดิมโดยไม่แน่ใจถึงสาเหตุหรือเป็นเพราะเห็นทุกคนต่างพยายามปรับตัวเข้าหากันรวมถึงปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ ข้าจึงเบาใจว่าจะไม่มีปัญหาความขัดแย้งภายในครอบครัวหลังกลับจากพรรคมารป๋ายหลงเมื่อวาน ข้าคิดจะนอนหลับพักผ่อน แต่ไม่วายโดนฟูจวินลากไปห้องหนังสือให้ช่วยฝนหมึกให้ในตอนนั้นเองที่ข้าทราบว่าเขาไม่ได้ต้องการคนฝนหมึก เขาแค่อยากให้ข้านั่งอยู่ใกล้ ๆช่วงค่ำพวกเราทานอาหารกับประมุขเฮยหลางที่ข้าเปลี่ยนมาเรียกท่านพ่อแล้วท่านพ่อกล่าวว่าพอได้ทานอาหารร่วมกันสามคน ความรู้สึกของการเป็นครอบครัวกลับมาอีกครั้ง สีหน้าแช่มชื่นของท่านเป็นตัวแสดงความสุขได้อย่างชัดเจนเวลาผ่านไปหนึ่งเดือน…ข้าปรับตัวกับที่นี่ได้แล้ว!ฟูจวินทราบว่าข้าชอบดอกไม้จึงลงมือปลูกดอกไม้ให้ข้าด้วยตนเองดอกไม้ที่ลงมือปลูกโดยเขาแม้จะไม่งามเท่าคนสวนปลูก แต่ข้าเห็นถึงความตั้งใจนั้นและรักเขาเพิ่มอีกนิดหนึ่งวันหนึ่งข้ากำลังนั่งเย็บรองเท้าคู่ใหม่ให้ฟูจวินกับอาชิ่ง สาวใช้ประจำพรรคก็เดินเข้ามาในศาลา“ฮูหยินน้อยเจ้าคะ”ข้าพยักหน้าให้นางรายงานได้“หลางผิงกูเหนียงมา ใ

  • เจี่ยเจียเหนื่อยแล้ว   ตอนพิเศษที่ 5

    ๕ต่างคนต่างตามใจกันข้าจำคำพูดที่ฟูจวินกล่าวไว้วันแต่งงานได้ เขาบอกว่าสาบานเป็นพี่น้องกับลี่หลานแล้วตอนนั้นข้ารู้สึกทะแม่ง คิดอยู่นานว่าลี่หลานหรือจะยอมญาติดีกับเขาโดยง่ายแล้ววันนี้ข้อสงสัยของข้าก็ได้รับการพิสูจน์!ลี่หลานยังคงมองฟูจวินเป็นศัตรูที่แย่งความรักกับพี่สาวเขาไม่เสื่อมคลาย เพียงแต่ไม่มีสิทธิ์ห้ามฟูจวินเข้าใกล้ข้าอย่างกาลก่อน“...เจี่ยเจีย อาเตียนั่งรอที่โต๊ะอาหารแล้วขอรับ”ลี่หลานผายมือเชิญข้าไปยังห้องรับประทานอาหารในเรือนรับแขก เขาชายตามองฟูจวินเพียงครู่เท่านั้นก็ตวัดสายตามามองข้าไม่มองฟูจวินอีกเลย!“เชิญเจี่ยเจียอย่างเดียวหรือ ไม่เชิญเจี่ยฟุหรือ”ฟูจวินถามลี่หลานยิ้ม ๆ ก่อนที่จะยื่นมือมาสอดเอวข้าแล้วดึงเข้าใกล้กว่าเดิมลี่หลานแสดงท่าทางหวงผ่านแววตา ไม่ได้แสดงท่าทางต่อต้านเป็นเด็ก ๆ เช่นเคยเห็นเขาควบคุมตัวเองได้ดีแบบนี้ข้าก็ดีใจ!“เชิญเจี่ยฟุทางนี้”ข้าส่งยิ้มให้ลี่หลานทันทีเมื่อเขาเรียกฟูจวินเช่นนี้คำกล่าวเมื่อครู่ลี่หลานย่อมฝืนใจ แต่เมื่อเห็นข้าส่งยิ้มดีใจให้ ที่กล่าวไปเมื่อครู่ก็ไม่ดูฝืนอีกต่อไป“ไปทานข้าวกันขอรับเจี่ยเจี่ย เจี่ยฟุ”“ไป”ถือเป็นก้าวที่ดี ลี่หลานรั

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status