เสียงกระบี่กรีดผ่านอากาศ ด้วยความเร็วที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เสียนหยางไม่ทันระวังตัวเมื่อหลี่เจินหรงพุ่งเข้ามาด้วยกระบี่ในมือ สายตาของเขาที่เต็มไปด้วยความโกรธและความเจ็บปวด ส่งผลให้กระบี่ของเขาบาดลึกเข้าที่แขนของเสียนหยางอย่างรวดเร็ว เสียนหยางพยายามหลบเลี่ยงแต่ไม่ทัน"อั๊ก" เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของเสียนหยางดังขึ้น ขณะที่เลือดไหลทะลักออกมาจากรอยบาดที่แขนของเขา เขาล้มลงกับพื้นอย่างไม่สามารถควบคุมตัวเองได้จ้าวอินหลัวผงะหงาย“อย่าฆ่าเขา”หลี่เจินหรงหันมองใหบน้าซีดเผือดของจ้าวอินหลัว เขาไม่รอช้าก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วและใช้กระบี่เสียบเข้าที่กลางอกของเสียนหยาง เสียงของกระบี่ที่แทรกทะลุเนื้อดังขึ้น ก่อนที่ร่างของเสียนหยางจะล้มลงกับพื้น เลือดไหลออกมาเป็นจำนวนมาก" ไม่ ไม่ไม่ ม่ายยยยยย ท่านฆ่าเขาทำไม" จ้าวอินหลัวกรีดร้องออกมาเสียงดัง สายตาของอินหลัวเต็มไปด้วยความตกใจและหวาดกลัว ขณะที่เธอเห็นร่างของเสียนหยางที่นอนจมกองเลือด มือของเธอสั่นไปหมด รู้สึกเหมือนโลกทั้งใบถล่มลงมาทับเลือดที่ไหลออกจากร่างของเสียนหยางเหมือนจะบ่งบอกถึงการสูญเสียที่ไม่อาจยับยั้งได้ กลิ่นของเลือดที่ฉุนเข้าจมูกทำให้จ้
จ้าวอินหลัวมองไปที่เสียนหยางด้วยความงุนงง ส่ายหัวไปมา "ท่านคือ ท่านคือใคร..." คำพูดของอินหลัวคล้ายไม่เชื่อถือ ตอบกลับด้วยความงุนงงจริงๆคำถามนั้นทำให้เสียนหยางตกใจ เขาจ้องไปที่ใบหน้าของจ้าวอินหลัวอย่างตกตะลึงราวกับว่าเขาไม่อยากเชื่อว่าอินหลัวจะไม่จำเขาได้ ใจของเขาเต็มไปด้วยความผิดหวัง แต่ก็ยังพยายามควบคุมอารมณ์"จำไม่ได้จริงๆ หรือ?" เสียนหยางถามซ้ำก่อนจะถอนหายใจอย่างหนัก"ข้ามาช่วยคุณหนูจากคำสั่งของต้าหวางบิดาท่าน"จ้าวอินหลัวยังคงยืนงงกับคำพูดนั้น ไม่รู้จัก"ต้าหวาง" และยิ่งไม่รู้จักเสียนหยางเลยแม้แต่น้อย ใบหน้าของอินหลัวเต็มไปด้วยความสงสัยและความสับสน"บิดาของข้า...อย่างนั้นหรือ"เสียนหยางมองอินหลัวนิ่ง ก่อนจะยอมเดินเข้ามาใกล้ เขามองใบหน้าที่คุ้นเคยอย่างแปลกๆ ราวกับเขากำลังมองสตรีที่เขาเคยรู้จักดีในอดีต"ข้าเป็นคนที่บิดาของท่านส่งมาช่วย" เขาพูดเสียงเบา ก่อนที่จะทำท่าทางให้อินหลัวรู้สึกถึงความจริงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น "ท่านตกอยู่ในอันตรายจากอ๋องหลี่และ...เขาก็ไม่ปล่อยท่านไปง่ายๆ"จ้าวอินหลัวเริ่มรู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่างในคำพูดของเขา การที่ถูกจับตัวมาที่นี่ มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
แสงสว่างจากโคมไฟในห้องค่อยๆ เลือนรางขณะที่หลี่เจินหรงเดินกลับมาที่กระโจมที่พัก เสียงการเคลื่อนไหวแผ่วเบาของท่านหมอไป๋อี้เซิงดังขึ้นเมื่อเขาเดินไปหาอ๋องหลี่เจินหรงที่ยืนอยู่ในกระโจมสีหน้าของหลี่เจินหรงยังคงเย็นชา ดวงตาที่เต็มไปด้วยความหม่นหมอง แต่ท่าทีภายนอกของเขากลับไม่แสดงถึงความกังวลใดๆไป๋อี้เซิงที่ยืนอยู่หน้าหลี่เจินหรง แต่ในตอนนี้ เขากลับรู้สึกถึงความตึงเครียดที่ยากจะอธิบายได้ ในที่สุดเขาก็ไม่อาจทนได้อีกต่อไป"ท่านอ๋อง... ข้าไม่สามารถทนเห็นอินหลัวทรมานไปมากกว่านี้ได้" เสียงของไป๋อี้เซิงแหบแห้งจากความกังวล เขายืดตัวขึ้น ยืนยันให้หลี่เจินหรงรับรู้ถึงความกังวลของเขาอย่างจริงจัง“อินหลัวเจ้าเรียกนางอย่างสนิทสนมเพียงนั้นเชียวหรือ”“ท่านอ๋องได้โปรดอย่าใจร้ายกับนางดูแลนางให้ดี อิน…หลัวก็แค่สตรีนางหนึ่งที่อ่อนแอและบอบบาง”หลี่เจินหรงหันมามองเขา สายตาของเขาไม่แสดงอารมณ์ใดๆ แม้แต่ความห่วงใยที่ไป๋อี้เซิงเห็นว่าอาจจะมีอยู่ในแววตา "ข้ารู้... ข้าแค่ไม่คิดว่ามันจะมีความหมายอะไรนักคำว่าสตรีสำหรับข้าคำว่าศัตรูมันยิ่งใหญ่กว่า" เขาตอบเสียงเรียบ ราวกับกำลังพยายามปิดกั้นสิ่งที่อยู่ในใจไป๋อี้เซิงกั
"ทำไมข้าไม่รู้สึกอะไรเลย ความเจ็บปวดจากพิษทำไมส่งผลถึงอินหลัวเพียงคนเดียว"ไป๋อี้เซิงถอนหายใจและยืนนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดต่อ"มันเป็นพิษที่ร้ายกาจมาก... พิษนี้จะทำให้คนที่ได้รับพิษเจ็บปวดทุกครั้งที่มันกำเริบ และที่แย่ที่สุดก็คือ มันไม่มีวิธีรักษาหรือยาถอนพิษที่สามารถรักษาได้ในตอนนี้ยาบรรเทาอาการพิษกำเริบไปกดอาการเจ็บปวดจากพิษร้ายเหลือเพียงครึ่งเดียว ทำให้ท่านอ๋องไม่รู้สึกอะไรเลย อ๋องเหล่ยปรุงพิษชนิดนี้ด้วยความเชี่ยวชาญเพื่อจัดการกับท่านอ๋องโดยเฉพาะ"หลี่เจินหรงตกใจและไม่สามารถสะกดกลั้นอารมณ์โกรธได้"ครึ่งหนึ่งเหรอ ทำไมพิษนี้ถึงรุนแรงขนาดนี้นี่แค่เพียงครึ่งเดียวอย่างนั้นหรือ"ไป๋อี้เซิงเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะยอมรับความจริงอย่างหนักใจ "ข้าน้อยเคยพูดแล้วครั้งหนึ่งหากอาการกำเริบไม่มากคนที่แบกรับคือคู่ปราณของท่านอ๋องฉะนั้นจึงจำเป็นต้องหาคนที่คิดว่าทนแบกรับพิษนี้แทนท่านอ๋องได้ พิษนี้ไม่ธรรมดาเลย... พิษนี้ร้ายแรงมากจนถึงขนาดไม่มีใครสามารถคิดค้นยาถอนพิษที่สามารถแก้ไขมันได้ในตอนนี้... อ๋องเหล่ยใช้พิษนี้กับท่านอ๋องเพื่อให้ท่านต้องทรมานทุกครั้งที่พิษกำเริบ..."หลี่เจินหรงรู้สึกถึงความเจ็บป
หลี่เจินหรงขยับมือลูบไล้ไปที่เอวของจ้าวอินหลัวอย่างเบามืออินหลัวอยู่ใกล้เขามากขึ้นทำให้เขารู้สึกว่า... เขาไม่เป็นตัวของตัวเอง“หลับไปซะทีเหมือนกับคนที่ไร้พิษสง”เขาพึมพำเบาๆ แต่หลี่เจินหรงก็ไม่คิดที่อ้อมแขนของเขาในขณะนี้ แม้ว่ามันจะทำให้เขารู้สึกสับสนก็ตามแต่ฉับพลันนั้นจ้าวอินหลัวเริ่มตัวเกร็ง และการหายใจก็แผ่วเบา พริบตาต่อมาอินหลัวเริ่มทิ้งตัวลง เกือบจะหลุดจากการจับของหลี่เจินหรงไปหลี่เจินหรงรีบโน้มตัวเข้าไปข้างหน้าและดึงจ้าวอินหลัวให้เข้าใกล้เขามากขึ้น จ้าวอินหลัวก็เริ่มสั่นเทาอย่างรุนแรง ทำให้หลี่เจินหรงต้องรวบรวมสติ พยายามดึงอินหลัวเข้าใกล้และกอดไว้แน่นขึ้น"อินหลัว" เขาพึมพำเรียกชื่อเสียงเบา รู้สึกถึงหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะจ้าวอินหลัวที่ยังคงหลับไป ขมวดคิ้วอย่างเจ็บปวด ก่อนที่จะเริ่มดิ้นทุรนทุราย พิษกำเริบขึ้นมาอีกครั้งหลี่เจินหรงสอดมือทั้งสองข้างเข้าไปกอดร่างบางของอินหลัวให้แน่นขึ้น เพื่อไม่ให้ตกลงจากหลังม้า แต่ในขณะที่พยายามประคองร่างของอินหลัว เขากลับไม่ทันระวังจังหวะและแรงกระแทกที่เกิดขึ้นจากการเสียสมดุลของม้า“ฮี่ๆๆๆๆๆ ม้าส่งเสียงร้องด้วยความตกจไม่แพ้กันยกข้าทั้งสองขึ้
ท่ามกลางท้องฟ้าที่เริ่มมืดครึ้มไปด้วยเมฆสีเทา ขบวนเดินทางยังคงเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง หลี่เจินหรงนั่งอยู่บนหลังม้ามือข้างหนึ่งยึดบังเหียน ม้าวิ่งอย่างมั่นคงในเส้นทางที่ยาวไกล ส่วนมืออีกข้างหนึ่งจับข้อมือของจ้าวอินหลัวที่นั่งอยู่ข้างหน้าเขา บนหลังม้าคู่นี้ทุกอย่างดูเหมือนจะสงบเรียบง่าย แม้ว่าหัวใจของเขาจะรู้สึกขัดแย้งกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้าจ้าวอินหลัวที่พยายามฝืนลืมตามองไปรอบๆ สองข้างทางเพื่อไม่ให้ตัวเองหลับแต่เพราะอยู่บนหลังม้าริ่มรู้สึกเหนื่อยล้าจากการเดินทางยาวนาน สายลมเย็นๆ พัดผ่านมาจากทิศทางหนึ่งทำให้อินหลัวรู้สึกสะลึมสะลือลมพัดเย็นสบายและการโยกย้ายตามจังหวะก้าวเดินของม้าและในที่สุด ดวงตาคู่งามนั้นก็เริ่มปิดลงอย่างไม่รู้ตัวหลี่เจินหรงมองอินหลัวอย่างเงียบๆ ขณะที่ม้าของเขายังคงเดินไปข้างหน้า เขารู้สึกถึงน้ำหนักของจ้าวอินหลัวที่เริ่มซบตัวลงไปในอ้อมแขนของเขา ปลายคางของอินหลัวพิงอยู่กับอกของเขาอย่างไม่รู้ตัว ร่างบางๆ ของจ้าวอินหลัวที่เคยดื้อรั้น ดูเหมือนจะสูญเสียความตื่นตัวหลับไปในที่สุด“น่ารำคาญมาหลับอะไรตอนนี้” บ่นเบาๆใบหน้าของอินหลัวที่ซบอยู่บนอกเขา ใบหน้างดงามท