Mag-log in“เปลี่ยนรองเท้า”
เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นลอยๆ แต่กลับสลักลึกลงในหัววรรณนรี แม้เขาไม่ได้หันกลับมา เธอก็เข้าใจได้ว่าเขากำลังสั่งเธอ
“....” หญิงสาวถอดรองเท้า เปลี่ยนเป็นสลิปเปอร์ เดินเข้ามาในบ้านเงียบๆ
ลุคคาตรงเข้าครัว ถอดเสื้อคลุมพาดไว้กับเก้าอี้ เหลือเพียงเสื้อเชิ้ตซาตินสีเข้มแนบไปกับแผ่นหลังกว้าง เนื้อผ้านุ่มลื่นถูกแสงไฟสะท้อนให้เห็นสัดส่วนอย่างชัดเจน ทุกการเคลื่อนไหวเผยให้เห็นเส้นไหล่และท่อนแขนที่เปี่ยมไปด้วยกล้ามเนื้อน่าหลงไหล
เขาหยิบผ้ากันเปื้อนมาสวมอย่างคล่องแกล่ว เส้นสายผ้าพาดผ่านเอวสอบ เดินไปยืนหน้าเคาน์เตอร์ครัว ลงมือหยิบมีดและวัตถุดิบอย่างเงียบขรึม
วรรณนรีกลืนน้ำลายเอือก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะกำลังหิว หรือโดนรูปร่างของลุคคายั่วจนหน้ามืดตาลายก็ไม่รู้
ลุคคาเองก็ดื่มไปเยอะ ไม่ค่อยได้แตะอาหารนัก ในท้องไม่มีอะไรให้ย่อย ตอนนี้ก็เริ่มรู้สึกหิวแล้วเหมือนกัน
“ให้ช่วยไหมคะ” วรรณนรีเดินมาชะโงกหน้ามองลุคคาที่กำลังเตรียมเนื้อเพื่อทำสเต๊ก
“ไม่ต้อง”
วรรณนรีได้ยินเช่นนั้นก็สูดหายใจลึก เลือกที่จะไม่กวนใจเขาอีก เดินมานั่งรอนิ่งๆ ที่โต๊ะ ระหว่างนั้นก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาไถเล่น และแอบถ่ายรูปหัวหน้าสุดเนี้ยบคนนี้เอาไว้ด้วย
ลุคคาในชุดผ้ากันเปื้อน ใช่ว่าจะหาดูได้บ่อยๆ
หญิงสาวจ้องมองภาพถ่ายในโทรศัพท์มือถือตัวเองพลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ตอนนั้นเอง จานสเต๊กหอมกรุ่นก็ถูกเสิร์ฟถึงตรงหน้า
ทั้งสเต๊ก สปาเก็ตตี มันบด และซุปเห็ด
นอกจากสเต๊ก อย่างอื่นล้วนเป็นอาหารแช่แข็งที่ถูกนำมาอุ่นด้วยไมโครเวฟ
วรรณนรีกะพริบตาปริบๆ คว่ำหน้าโทรศัพท์มือถือลงกับโต๊ะหัวใจกระตุกวูบ กลัวเขารู้ว่าเธอแอบถ่ายรูป แต่ผ่านไปสักพัก ลุคคาไม่พูดอะไร แปลว่าเขาไม่เห็น ค่อยโล่งใจหน่อย
“กินสิ”
ลุคคาออกคำสั่งเมื่อเห็นว่าเธอเอาแต่มอง
“ฉันกินได้จริงๆ เหรอคะ” วรรณนรีรู้สึกเกรงใจเขาอย่างบอกไม่ถูก แค่เขาชวนเข้าบ้านยังน่าเหลือเชื่อแล้ว นี่ถึงขนาดทำอาหารเลี้ยงเธออีก หรือว่าบุญที่สั่งสมมาทั้งปีจะใช้หมดไปกับอาหารมื้อนี้แล้ว
“ทำหน้าตาอะไรของเธอ รีบกินตอนที่ยังอุ่นๆ จะได้อร่อย”
“ค่ะ...”
วรรณนรีหยิบมีดกับส้อมหั่นสเต๊ก แค่ได้กลิ่นหอมกรุ่นน้ำลายก็แตกเต็มปากแล้ว เธอกลืนน้ำลายอยู่หลายอึกเลยทีเดียวเพื่อป้องกันไม่ให้มันไหลออกทางมุมปาก
กระทั่งเนื้อหอมนุ่มแตะลิ้น...
วรรณนรีแทบจะหลับตาซึมซับรสชาติ
ความชุ่มฉ่ำของเนื้อสเต๊กที่ผ่านการย่างอย่างพอดี คลุกเคล้ากับซอสเข้มขนราวกับมันละลายในปาก
ความอร่อยทำให้หัวใจเธอพองโตอย่างไม่อาจห้าม ราวกับความเหน็ดเหนื่อยและตึงเครียดที่สะสมมาทั้งวันถูกกลืนหายไปพร้อมกับคำแรกนั้น
“อร่อยมาก...”
เธอพึมพำออกมาเหมือนกำลังเคลิ้มฝัน
ลุคคาเลิกคิ้วมอง ก่อนจะส่ายหน้าน้อยๆ ในท่าทีซื่อๆ ของเธอ ทว่าพอก้มลงจะหั่นเนื้อกินต่อ เขากลับสังเกตเห็นรอยซอสเล็กๆ ตรงมุมปากฉ่ำวาวของเธอ
มือใหญ่เอื้อมมาสัมผัสเบาๆ นิ้วหัวแม่มือเกลี่ยเช็ดออกอย่างอ่อนโยน
ความร้อนจากผิวมือเขาส่งผ่านสู่ผิวแก้มเธอจนหัวใจสั่น
วรรณนรีชะงัก เงยหน้าขึ้นสบตาเขาในระยะใกล้เกินไป ดวงตาคมของลุคคาจับจ้องเธออย่างลึกซึ้งแนะนิ่งงัน เพียงชั่วอึดใจ ความเงียบกลับกลายเป็นแรงดึงดูดที่ไม่มีใครต้านได้ นิ้วหัวแม่มือกลับขยับขึ้นมาเกลี่ยแก้มเธอราวกับหาข้ออ้าง ก่อนจะโน้มตัวลงมา...
ริมฝีปากของเขาสัมผัสเธออย่างช้าๆ อ่อนโยนในตอนแรก แต่กลับลึกซึ้งขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้
ความหวานผสมแรงปรารถนาก่อเป็นไฟร้อนที่ลามท่วมทั้งตัว จากจุมพิตหวานกลายเป็นจูบที่โอบรัดและแนบชิดมากขึ้นเรื่อยๆ
เสียงมีดและส้อมกระทบจานเบาๆ ราวกับจะส่งสัญญาณว่ามีอาหารรออยู่บนโต๊ะ ทว่าทั้งเขาและเธอไม่ได้สนใจมันอีกต่อไป
สัมผัสของเขาไม่ยอมผละออก แต่กลับลึกซึ้งขึ้นทุกวินาที ลมหายใจของทั้งคู่เริ่มถี่ขึ้นตามแรงอารมณ์ วรรณนรีรู้สึกราวกับโลกภายนอกเลือนหาย เหลือเพียงไออุ่นจากอ้อมแขนของเขาที่โอบรัดไว้แน่น
มือใหญ่เลื่อนจากแก้มลงมาสัมผัสต้นคอ ปลายนิ้วไล้แผ่วจนหัวใจเธอสั่นสะท้าน ลุคคาขยับดึงเธอให้ลุกจากเก้าอี้อย่างง่ายดาย ร่างเล็กเซถลาเข้าไปซุกในอกกว้าง ก่อนที่เขาจะก้มลงจูบซ้ำอีกครั้ง คราวนี้ไม่มีความลังเล
หัวใจวรรณนรีเต้นรัว กลิ่นแอลกอฮอล์ที่สัมผัสได้จากรสจูบร้อนแรงของเขาเหมือนสัญญาณเตือนให้เธอรู้สึกตัว ฝืนผลักอกแกร่งออกห่าง
“คุณเมาแล้ว”
เธอเตือน ลมหายใจถี่กระชั้น
“ฉัน... ฉันกลับก่อนดีกว่า”
วรรณนรีผละออก ทว่าลุคคาไม่ยอมให้เธอสลัดหลุด เขารั้งข้อมือเล็กเอาไว้ ขณะที่อ้อมแขนยังคงโอบเอวบางไม่คลาย
กลิ่นหอมอ่อนๆ เจือกับกลิ่นเหงื่อจากเนื้อกายหญิงสาวทำเอาจิตใจเขาปั่นป่วนจนแทบคลั่ง
ลุคคาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยใกล้ชิดผู้หญิง เพียงแต่ไม่เคยเจอผู้หญิงอย่างวรรณนรี
...ภายนอกดูไร้เดียงสา สะอาด บริสุทธิ์ แต่ลึกๆ แล้วกลับมีความกล้าไม่เบา
ผ่านมาแล้วเป็นเดือน แต่โทรศัพท์สายนั้นเขายังจำได้ดี
คืนนั้นที่ต่างจังหวัด เธอโทรมาขอให้เขา ‘นอนด้วย’
“เธอเคยขอให้ฉันนอนด้วยลืมแล้วเหรอ”
วรรณนรีหน้าร้อนวาบ กัดริมฝีปากด้วยความรู้สึกอายที่ถูกย้อนถามเรื่องในตอนนั้น
...ทั้งคู่ไปทำงานต่างจังหวัดด้วยกัน แล้วเธอดื่มไปนิดเดียวแต่นึกครึ้มอะไรไม่รู้ ถึงกดโทรหาเขา กระทั่งพูดอะไรออกไปเธอก็จำรายละเอียดไม่ได้ รู้แค่ว่าเธอโทรไปเชิญชวนเขาจริง และเช้าวันต่อมายังโดนเขาตำหนิเสียจนหน้าชา
“ฉัน... ฉันเคยพูดแบบนั้นเหรอคะ”
วรรณนรีรวบรวมความกล้าพูดออกมา ดวงตากลมแป๋วจ้องมองใบหน้าสุขุมแต่สายตากลับย้อมไปด้วยอารมณ์ล้ำลึกที่ยากจะอธิบายของลุคคา
ความคับแน่นคลายออก ด้านบนเรือนกายรู้สึกโล่งเบา อารมณ์หวิวโหวงแวบเข้ามาไม่นานก็ถูกแรงกระชากดึงความสนใจ รู้ตัวอีกที เธอก็ขึ้นมานั่งอยู่บนเอวหนาแล้ว “อื้อ~ อ๊ะ...” ฝ่ามือเล็กประกบแผ่นอกหนา เสื้อยืดแบรนด์ดังให้สัมผัสที่ไม่จริงใจนัก วรรณนรีถือวิสาสะ ดึงเสื้อเขาขึ้น ตัวลุคคาเองก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ยกแขนให้วรรณนรีถอดเสื้อสะดวกๆ ลำตัวท่อนบนเปลือยเปล่า เผยให้เห็นรอนซิกแพกตึงแน่น ร่องลึกของกล้ามเนื้อลากยาวหายลงไปใต้ขอบกางเกง วรรณนรีสายตาพร่าเบลอไปกับความสมบูรณ์แบบตรงหน้า แม้จะเห็นมานัดต่อนัดแล้วแต่ก็ไม่เคยชินสักที หัวใจหญิงสาวเต้นระรัวอย่างไม่อาจควบคุม ลากปลายนิ้วลงมาถึงสะดือแล้วหยุด ดวงตาเรียวกลมเหลือบมองใบหน้าหล่อเหลา ราวกับรอให้เขาตอบรับอะไรบางอย่าง “ถอดสิ” “....” แก้มเนียนเห่อร้อน ซับสีเลือดฝาด เกี่ยวขอบกางเกงวอร์มเขาลง อะไรที่ควรงอกก็งอกออกมา วรรณนรีกลืนน้ำลายเอือก มองแก่นกายที่ตั้งตรงชี้เพดาน รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง ทว่าช่วงล่างของเธอก
วงแขนเล็กเรียวโอบรอบลำคอแกร่ง ซุกกายเข้าหาไออุ่นจากร่างหนา จิตใจล่องลอยไปกับรสจูบที่เต็มไปด้วยแรงอารมณ์ กลิ่นอายเร่าร้อนปะทุท่วม บนเตียงราวกับมีไฟลุกโชน เหงื่อเม็ดเล็กผุดซึมเบาบาง ยังไม่ทันเข้าด้ายเข้าเข็ม วรรณนรีก็ร้อนไปทั้งตัว หว่างขาอุ่นชื้นตอบสนองความต้องการที่ถูกปลุกเร้า เสียงครางสั่นสะท้านดังคลอเป็นระยะ แรงบีบไล้จากฝ่ามือหนาลากผ่านแขนลงข้างลำตัว บีบคลึงเนินสะโพกด้านข้าง เจตนาชัดเจน “อือ~” ดวงหน้าหวานผละหน้าออก อ้าปากเอาลมหายใจเข้าเต็มปอด หน้าอกกระเพื่อมสูง หน้าท้องยุบต่ำเมื่อระบายลมหายใจออก เป็นภาพที่ชวนให้คนมองเห็นแล้วรู้สึกคลั่งไคล้ ยากที่จะไม่สัมผัส เสื้อผ้าบนตัวถูกปลดเปลื้องไปทีละชิ้น ลุคคาค่อยๆ ใช้ปลายลิ้นสำรวจร่างกายวรรณนรีแบบไม่รีบร้อน เริ่มจากทรวงอก ลงมาถึงหน้าท้องแบนราบ ริมฝีปากร้อนผ่าวกดลงหนักๆ บนเนินสามเหลี่ยม ร่างบางสะดุ้งเฮือก เรียวขาอ้าออก มือขยุ้มผ้าปูที่นอนอย่างกลั้นเสียว “ยะอย่าค่ะ อะอ๊า...” เธอห้ามเพราะไม่ได้ทำความสะอาด
“เก็บไว้ใช้” เขาไม่รอให้เธอรับเอง แต่เลือกวางไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียง ถือว่าได้ให้แล้ว ส่วนเธอจะจัดการยังไงก็ไม่เกี่ยวกับเขาแล้ว วรรณนรีสะกดข่มความโกรธเคืองเอาไว้ มองลุคคาที่ตอนนี้ใส่ชุดลำลองเสื้อยืดคอกลมสีเทาธรรมดากับกางเกงวอร์มขายาวสีดำ กลิ่นหอมสะอาด ท่าทางสบายใจดี ในอกก็ระคายเคืองขึ้นมาแปลกๆ “ถ้าไม่มีอะไร คุณกลับไปเถอะ ฉันอยากอยู่คนเดียว” “วรรณนรี แยกแยะหน่อย” “ฉันไม่ใช่คนเก่งแบบคุณที่แยกแยะเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานได้ชัดเจน ให้เวลาฉันหน่อย” “ประชดให้ได้อะไร” “ใครประชด” “หรือไม่ใช่” “....” เธอสูดหายใจลึก นัยน์ตาร้อนผ่าว มองความมั่นหน้าของลุคคาแล้วก็รู้สึกเหมือนอกจะแตก ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องมายืนบีบคั้นเธอแบบนี้ “อืม คุณจะคิดยังไงก็ได้ ตอนนี้ฉันอารมณ์ไม่ดี คุณกลับไปก่อน ไว้ค่อย... อ๊ะ” เธอโดนเขาฉุดแขน ดึงเข้าไปสวมกอดโดยไม่ตั้งใจ พลั่ก... แผ่นหลังวรรณนรีกระแทกกับแผงอกแกร่ง ความรู้สึกอุ่นวาบแผดซ่านไปทั้งตัว แต่ก็แค่ชั่ววู
วรรณนรีออกจากห้องประชุมคนสุดท้าย เดินเหมือนคนไร้วิญญาณ รู้ตัวอีกทีก็มาหยุดอยู่ที่ห้อง HR หรือ ‘ฝ่ายบุคคล’ แจ้งเรื่องกับ HR เสร็จ ก็เดินเหม่อกลับมาที่แผนกของตัวเอง สายตาของเพื่อนร่วมทีมมองมาที่เธอ ต่างก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจากการสอบถามจากมารุตก่อนหน้านี้ “วรรณนรี” ริกะเป็นคนแรกที่ลุกขึ้นมาปลอบ เดินมาประคองวรรณนรีไปนั่งที่โต๊ะ “ขอโทษนะ ฉันเป็นหัวหน้าแท้ๆ แต่กลับช่วยอะไรไม่ได้เลย” “อาจารย์ไม่ต้องขอโทษหรอกคะ ไม่ใช่ความผิดของคุณเลย” “มีอะไรให้ช่วยก็บอกได้เลยนะ” จิราพรที่นั่งข้างๆ เอ่ยขึ้นด้วยความจริงใจ “ขอบคุณค่ะ” วรรณนรีฝืนยิ้มอย่างคนเข้มแข็งให้ทั้งคู่ ก่อนจะเหลือบมองเพื่อนอีกสองคนที่นั่งฝั่งตรงข้าม มารุตกับญาดา... สองคนนี้ไม่พูดอะไรสักคำ ข้างในใจเธอเดือดปุดๆ อยากลุกขึ้นจิกหัวมารุตกระแทกกับโต๊ะแรงๆ แล้วตะโกนถามว่า ‘โยนขี้ให้คนอื่น ไม่อายบ้างเลยหรือไง’ แต่นั่นแหละ เธอได้แค่คิด แต่คงทำจริงๆ ไม่ได้ เว้นแต่อยากเปลี่ยนที่ทำงานใหม่ วรรณนรียังไม่ปีกกล้าขาแข็งขนาดนั้น
บรรยากาศในกองถ่ายระอุไม่แพ้แดดข้างนอก เสียงลูกค้ากับทีมงานโต้เถียงกันจนหาข้อยุติไม่ได้ สุดท้ายหวยก็มาออกที่ AE เจ้าของโปรเจกต์ที่ลูกค้าเลือก วรรณนรีและมารุตถูกเรียกตัวด่วนในบ่ายวันเดียวกัน ผู้เกี่ยวข้องทุกคน หัวหน้าทีมครีเอทีฟ ฝ่ายโปรดักชั่นผู้ช่วยผู้กำกับ ฝั่งของลูกค้าเองก็มา...และคนสำคัญที่เดิมทีมีธุระข้างนอก แต่เพราะปัญหาที่เคลียร์กันไม่จบนี้ ทำให้เขาต้องกลับมาแก้ไข คนที่ว่านี้ก็คือลุคคา“ตุ๊กผิดเองค่ะที่ไม่ได้ตรวจสอบบรีฟก่อนยื่น” หัวหน้าทีมครีเอทีฟของโปรเจกต์นี้ออกตัวก่อนหลังจากถกเถียงกันมาสักพักใหญ่ลูกค้าหัวเสียที่บรีฟสลับ โปรดักชั่นก็หงุดหงิดที่ต้องหยุดถ่ายทำกลางคันวรรณนรีเหลือบมองคนพูด ช่างแกล้งแสดงได้เนียนจริงๆ นึกถึงท่าทีหยิ่งยโสที่หน้าลิฟต์ตอนนั้น ก็รู้แล้วว่าคุณตุ๊กตาคนนี้ไม่ถูกชะตาเธอ“แล้วตกลงจะยังไง สรุป!?” ทรงกิตต์ไม่สนว่าใครผิดใครถูก แค่อยากได้คำตอบ จะถ่ายงานต่อหรือไม่ถ่าย หน้าที่โปรดักชั่นมีแค่นี้จริงๆ การที่ต้องมาเสียเวลาเพราะความสับเพร่าของแผนกอื่นทำเขาโมโหจนควันออกหู“ฉันยังยืนกรานว่าชอบงานของคุณวรรณนรี และฉั
ลุคคา : คืนนี้น่าจะดึก ไม่ต้องรอ ข้อความเด้งขึ้นบนหน้าจอโทรศัพท์ที่วางหงายอยู่ข้างมือบนโต๊ะทำงาน วรรณนรีกำลังขีดเขียนเนื้องานคร่าวๆของสินค้าตัวใหม่บนสมุดโน้ต เหลือบเห็นแวบๆ ก็ลากนิ้วปัดแบบขี้เกียจ ยิ่งพอเห็นว่าเขาส่งอะไรมา ก็ยิ่งเบื่อเซ็งไปอีก เธอย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านกับลุคคาได้ประมาณอาทิตย์หนึ่งแล้ว แน่นอนว่าหลายๆ อย่างยังไม่เข้าที่เข้าทาง แต่ก็ค่อยๆ ปรับตัวกันไป ยอมรับว่าเธอตื่นเต้นและทำตัวไม่ถูกกับการย้ายมาอาศัยกับเขาในฐานะ







