กริ๊ง
เสียงปากขวดไวน์แดงกระทบกับขอบแก้วไวน์สีใส นักดื่มหน้าอ่อนเทน้ำสีสวยเติมลงแก้วตัวเองเป็นรอบที่สาม แก้มขาวนวลขึ้นสีระเรื่อตามปริมาณแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไป จนชายหนุ่มอีกคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามต้องยื่นมือมาจับขวดไวน์เอาไว้เพื่อยั้งแรงกระทบป้องกันความเสียหายต่อแก้วไวน์ใบบางที่เพื่อนสนิทของเขาอาจทำให้มันแตกเสียก่อนที่จะคุยธุระกันรู้เรื่อง
“พอไหมไอ้ทิ เดี๋ยวก็เมาหรอก ฉันไม่ใจดีอุ้มไปส่งคอนโดนนะโว้ย”
“ยังไม่เมา นี่เพิ่งแก้วที่สามเอง” ทิพากร หรือ ทิ เอ่ยตอบเพื่อนสนิทอย่างเล้ง ซึ่งเขาเป็นคนโทรนัดให้ออกมาดื่มเป็นเพื่อนในค่ำคืนนี้
“ไม่เมาก็เทเบา ๆ อุตส่าห์มาบาร์หรูขนาดนี้ดันไม่ให้เขาบริการ อยากจะเทเองซะอย่างนั้น อย่าทำแตกเชียว ถ้านายทำแตกคราวหน้าฉันไม่มาด้วยแล้ว”
“รู้แล้วน่า ไม่ทำให้นายขายหน้าหรอก อีกอย่างพรุ่งนี้ฉันเองก็มีงานที่ต้องทำเหมือนกัน ไม่ปล่อยให้ตัวเองเมาหรอก แค่อยากดื่มแก้เซ็งเฉย ๆ” พูดจบทิพากรก็ยกแก้วไวน์ขึ้นมาจิบไปหนึ่งอึก เล้งเห็นแบบนั้นก็ได้แต่ถอนหายใจ ก่อนจะเทไวน์ราคากลาง ๆ ของร้านใส่แก้วตัวเองเช่นกัน
“แล้วมีเรื่องเซ็งอะไรถึงได้อยากดื่มขึ้นมา ปกตินายไม่ดื่มนี่ถ้าไม่ใช่วันหยุด” ทิพากรยกแก้วไวน์ขึ้นจิบก่อนจะตอบเพื่อนสนิท
“นายจำเรื่องที่ฉันเคยเล่าให้ฟังเมื่อสองปีก่อนได้ไหม เรื่องของคนคนหนึ่งที่ฉันเข้าไปทำงานพิเศษเป็นคนดูข้อมูลให้โปรเจกต์เขาน่ะ”
อีกฝ่ายนิ่งคิดไปสักพักแล้วจึงพยักหน้ารับเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยตอบกลับไป
“คนที่มาสารภาพรักกับนายน่ะเหรอ”
“อือ” ทิพากรตอบไปสั้น ๆ แล้วยกแก้วไวน์ขึ้นจิบอีกครั้ง
“แล้วยังไง อย่าบอกนะว่าเขามาตามตื๊อนายอีก” เล้งเอนตัวมาข้างหน้าใช้ศอกยันลงบนหน้าขาข้างหนึ่ง
“เปล่า”
“แล้วมันยังไงล่ะ ลีลาจังวะไอ้ทิ อยากเล่าจริงไหมเนี่ย” เล้งเริ่มหงุดหงิดที่คนโทรเรียกเขาออกมานั่งดื่มเป็นเพื่อน ทำหน้าตายุ่งเหยิงราวกับมีเรื่องรบกวนใจตั้งแต่เจอหน้ากันที่หน้าร้านกลับเอาแต่เอ่ยเปิดประเด็นแล้วปล่อยให้เขาเป็นคนจี้ถามประหนึ่งว่าเขาเป็นพิธีกรรายการข่าว
“ก็ไม่ยังไง แค่โปรเจกต์ที่บริษัทฉันรับมาใหม่แล้วให้ฉันเข้าไปเป็นที่ปรึกษาไอทีและดูแลเรื่องโปรแกรมให้ดันเป็นบริษัทของคนนั้น นายเข้าใจไหมว่า...ฉันไม่คิดว่าจะได้เจอกันอีก มันเลยไม่รู้จะทำตัวยังไงดีน่ะ”
“แค่นี้เนี่ยนะ จะยากอะไรก็แค่ทำหน้าที่ของเราไป ถ้านายไม่ได้ชอบแล้วเขาไม่มาตามตื๊อ มันก็ไม่น่ามีปัญหานี่”
“นั่นสินะ”
ทิพากรได้แต่ตอบรับไปแบบนั้น เขาไม่เคยลืมว่าแม้แต่เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวตั้งแต่มัธยมของเขาอย่างเล้ง เขาก็ยังไม่เคยบอกความชอบของตัวเองในเรื่องความชอบส่วนตัวเกี่ยวกับเรื่องความสัมพันธ์
แน่ล่ะ...คนที่โตมากับบ้านคนเชื้อสายจีนที่หัวอนุรักษ์สุดโต่งอย่างเล้ง หากรู้ว่าเขาชอบผู้ชายด้วยกันล่ะก็ เขาอาจไม่เหลือเพื่อนเลยสักคน
ความจริงหากบอกออกไปผลลัพธ์อาจจะไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เขากลัว เรื่องที่เขาชอบเพศเดียวกันอันที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลกใหม่ในสังคมสมัยนี้ แต่สิ่งที่ทำให้เขาไม่กล้าบอกใครออกไปนั่น คงเพราะความชอบที่อาจแปลกประหลาดในสายตาคนรอบข้างอย่าง...
...เรื่องที่เขามีรสนิยมคลั่งไคล้ในการใส่ถุงน่อง สายรัดต้นขา รวมถึงเนื้อผ้าซาติน และดูเหมือนว่าภายในใจลึก ๆ ของเขาแล้ว เขายังอยากให้ใครสักคนมากระทำรุนแรงกับตัวเอง หากแต่ว่าเรื่องนี้ตัวเขาก็ยังไม่แน่ใจนัก และไม่เคยพิสูจน์
ก่อนหน้านี้หลายปีทิพากรเคยแอบคบหากับเพื่อนร่วมงานคนหนึ่ง และพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อจะประคับประคองความสัมพันธ์ในรูปแบบปกตินั้นไว้ หากแต่สุดท้ายทิพากรก็ต้องยอมรับความจริงว่าความชอบส่วนตัวของเขาไม่อาจได้รับการตอบสนองเพียงแค่การร่วมกิจกรรมแบบคู่รักปกติ ความชอบของเขากลายเป็นเรื่องประหลาดในสายตาคนรัก
ในคืนหนึ่งที่เขาลองเอ่ยความชอบของตัวเองกับคนรักออกไป แต่เมื่อได้รับสายตาเหยียดปนขบขัน ทิพากรต้องรีบแก้ตัวว่าการที่เขาร้องขอใส่ถุงน่องเวลาร่วมกิจกรรมคู่รักและอยากให้อีกฝ่ายลองตีหรือฟาดตนดูสักครั้งเป็นเพียงคำเอ่ยล้อเล่นเท่านั้น
เพียงไม่นานความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานคนนั้นก็ต้องจบลง ทิพากรทิ้งคำถามมากมายไว้ข้างหลังไม่ยอมหันกลับไปตอบ หลังจากเอ่ยตัดความสัมพันธ์เขาก็ลาออกมารับงานอิสระเงียบ ๆ
หากโชคชะตาของมนุษย์ถูกกำหนดด้วยกามเทพประจำตัว กามเทพของทิพากรก็ต้องขยันเอามาก ๆ เมื่อวันที่ทิพากรตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไม่เริ่มความสัมพันธ์กับใครอีกหากยังไม่สามารถตัดความชอบสุดแสนประหลาดของตัวเองได้
เขาไม่อยากทำให้ใครเสียใจ
ยิ่งไปกว่านั้น...เขาไม่อยากทำให้ตัวเองเสียใจอีก
ในตอนนั้นเองชายคนหนึ่งก็เดินเข้ามาในชีวิต ชายหนุ่มผู้แก่กว่าเขาถึง 7 ปี หน้าตาหล่อเหลา บุคลิกสง่าผ่าเผย ฐานะดี ชาติตระกูลดี และยังอบอุ่นอ่อนโยนกับเขามาก ก็เข้ามาทำให้เขาตกหลุมรักอีกครั้ง
ขณะที่หัวใจเริ่มหวั่นไหวไปกับรักครั้งใหม่ เขาเกือบจะเอ่ยปากตอบรับคำสารภาพรักในเย็นวันหนึ่ง ณ ร้านกาแฟที่เขาและคนคนนั้นมักแวะไปนั่งเล่นด้วยกันเสมอ หากแต่เสียงในหัวของเขาร้องห้ามเอาไว้เสียก่อน
ไม่ว่าอย่างไร ความสัมพันธ์กับคนคนนั้นก็คงจบลงเหมือนรักที่ผ่านมา
เพราะเขามันเป็น...คนประหลาด
เพราะแบบนั้น ทิพากรจึงตอบปฏิเสธออกไปและทิ้งคำถามมากมายไว้ในดวงตาคู่คมคู่นั้น...เหมือนเคย
เรื่องราวมันควรจบลงที่ต่างฝ่ายต่างแยกย้าย
ใช่...สุดท้ายพวกเขาก็แยกย้ายกันไป เพียงแต่ในใจของทิพากรยังคงนึกถึงความอ่อนโยนของคนคนนั้นเสมอ หลายครั้งที่เขามักทำให้ชายหนุ่มผู้สุภาพอ่อนโยนแปดเปื้อนด้วยการที่เขาเก็บเอาใบหน้า รูปร่าง รวมถึงน้ำเสียงทุ้มมาจินตนาการและมอบความสุขให้ตัวเองในยามค่ำคืน
แม้จะรู้ตัวดีว่าตัวเองยังไม่อาจลืมคนคนนั้นได้ แต่ทิพากรไม่เคยคิดจะเดินกลับไปหาและเอ่ยขอโอกาสอีกครั้ง กลับกันเขาพยายามหลีกเลี่ยงการเจอในทุกทาง ไม่ว่าจะเปลี่ยนเบอร์ เปลี่ยนที่อยู่ หรือแม้แต่ย้ายไปหางานที่ไกลออกไปจากโซนเดิมที่เคยเจอกัน
ใครจะไปคิดว่ากามเทพจะเล่นตลกกับโชคชะตาเขาเป็นครั้งที่สอง ด้วยการส่งชายหนุ่มที่ยังติดค้างอยู่ในใจให้กลับมาในวงโคจรชีวิตเขาอีกครั้ง
“ได้ข่าวว่าโปรเจกต์ใหม่ที่นายไปดูให้เป็นบริษัทของนักธุรกิจใหญ่นี่” เสียงของเพื่อนสนิทเรียกทิพากรให้กลับมาอยู่กับปัจจุบันอีกครั้ง
“อือ เป็นบริษัทเปิดใหม่น่ะ แต่ผู้บริหารเป็นมือฉมังเลยล่ะ”
“ฉันว่าดีนะ ต่อให้นายจะต้องเจอสาวนักตื๊อคนนั้น หรืออะไรก็เถอะ แต่ได้ไปร่วมทำงานกับคนเก๋า ๆ คนเก่ง ๆ ในแวดวงธุรกิจขนาดนั้น หลังโปรเจกต์จบการงานนายต้องรุ่งแน่ จะย้ายไปทำงานที่อื่นก็คงสบาย”
ทิพากรได้แต่ยกยิ้มมุมปากไม่ได้ตอบอะไร เล้งคงลืมไปแล้วว่าก่อนหน้านี้เขาบอกไปว่าคนที่เคยมาสารภาพรักและเขาปฏิเสธไปนั้นเป็นเจ้าของบริษัทที่ร่วมโปรเจกต์ ไม่ใช่คุณป้า หรือพี่สาวชาวออฟฟิศอย่างที่อีกฝ่ายเข้าใจผิดอยู่ในตอนนี้
“นี่ทิ นายไม่ต้องไปกังวลเรื่องแม่สาวคลั่งรักเก่า ๆ ของนายหรอก ฉันว่านายตั้งใจทำโปรเจกต์ให้ดี ไม่แน่นายอาจจะไปเข้าตาเจ้าของบริษัทแล้วโดนซื้อตัวไปทำประจำก็ได้นะ ไม่ต้องมาเป็นพนักงานสัญญาจ้างปีต่อปีแบบนี้ ว่าแต่...เจ้าของบริษัทนั้นคือใครนะ เหมือนนายเคยบอกแล้วฉันก็ลืม คุ้นว่าชื่อดังเชียว ใช่ไหม”
“อือ ก็...คุณกานต์ อติกานต์ ไง”
ห้องรับรองแขกบนชั้นลอยของบาร์หรูแห่งหนึ่ง เป็นพื้นที่ซึ่งถูกสงวนไว้สำหรับแขกระดับสูงของร้านเท่านั้น ภายในถูกตกแต่งอย่างเรียบง่ายแต่เพียงแค่มองก็สามารถรับรู้ได้ทันทีถึงความหรูหราของเฟอร์นิเจอร์และสิ่งของต่าง ๆ ที่ใช้ตกแต่งอยู่ภายในบรรยากาศห้องดูสลัวไม่ชัดเจน มีเพียงแสงสว่างจากโคมไฟทองเหลืองทรงสูงตั้งพื้นที่มุมทั้งสองด้านหน้าห้องกับแสงสว่างจากบาร์ชั้นล่างที่ลอดผ่านผนังกระจกบานใหญ่ติดฟิล์มหนาซึ่งเป็นฟิล์มที่คนด้านนอกห้องรับรองไม่สามารถมองเข้ามาเห็นคนด้านในได้ชายหนุ่มร่างสูงคนหนึ่งยังอยู่ในชุดสูทราคาแพงตามปกติที่ผู้คนมักพบเห็นเขาได้ตามนิตยสารหรือสื่อออนไลน์เชิงธุรกิจราวกับเป็นเครื่องแบบประจำตัว มือข้างหนึ่งยกแก้วไวน์ขึ้นจิบไปอึกใหญ่ องุ่นหมักอย่างดีการันตีด้วยราคาที่สูงลิบถูกกลืนลงลำคอใหญ่อย่างรวดเร็วโดยที่คนดื่มไม่คิดจะดื่มด่ำรสชาติชั้นเลิศของมันเลยสักนิดดวงตาคมหลุบต่ำมองลงไปยังชั้นล่างของบาร์หรูร้านประจำที่เขามาแทบทุกอาทิตย์ อติกานต์สูดลมหายใจเข้าลึกมองตามชายหนุ่มผมสีทองสว่างโดดเด่น ชายคนนั้นมีรูปร่างเพรียวบาง ใบหน้าหวานหยด หากแต่มีความสูงเกือบ 190 เตี้ยกว่าเขา
แม้เมื่อคืนจะไม่ได้ดื่มจนเมามาก เขายังพาตัวเองกลับมาคอนโดได้อย่างปลอดภัยโดยไม่ต้องพึ่งพาใครให้ช่วย แต่อย่างไรปริมาณแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปก็ล้วนส่งผลบางอย่างกับร่างกายของคนที่บริโภคมันเสมอในตอนนี้ทิพากรจึงต้องมาชดใช้กรรมด้วยการจ้ำอ้าวตรงไปยังบริษัทซึ่งเป็นลูกค้าที่เขาจะเข้าไปดูแลโปรเจกต์ให้ อาการมึนหัวหลังตื่นนอนเมื่อเช้าหายไปตั้งแต่เขาเห็นเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาดิจิตอลที่หัวเตียง ซึ่งมันบ่งบอกว่าเขาตื่นสายกว่าปกติมากแล้วใช้เวลาไม่นานทิพากรก็ทำธุระส่วนตัวจนเสร็จ และเลือกการเดินทางในเมืองหลวงยามเช้าอันแสนวุ่นวายด้วยการขนส่งที่เร็วที่สุดเท่าที่จะหาได้...วินมอเตอร์ไซค์“คุณทิ!”เสียงเอ่ยทักทายจากคนในทีมเดียวกันดังขึ้นเมื่อทิพากรสาวเท้าเข้ามาถึงด้านในโถงต้อนรับของอาคารสูงซึ่งบริษัทจุดหมายปลายทางของเขาตั้งอยู่บนชั้นที่ 32ทิพากรเอ่ยทักทายกลับไป ก่อนที่ทั้งเขาและทีมจะเดินตรงไปยังลิฟต์ เมื่อเข้ามาอยู่ภายในกล้องเหล็กสี่เหลี่ยมเสียงพูดคุยก็หยุดลง ทิพากรลอบถอนหายใจพรางจัดเสื้อคลุมให้ดูเรียบร้อย ก่อนจะถกปลายแขนเสื้อคลุมขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อดูเวลาจากนาฬิกาข้อมือ
กริ๊งเสียงปากขวดไวน์แดงกระทบกับขอบแก้วไวน์สีใส นักดื่มหน้าอ่อนเทน้ำสีสวยเติมลงแก้วตัวเองเป็นรอบที่สาม แก้มขาวนวลขึ้นสีระเรื่อตามปริมาณแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไป จนชายหนุ่มอีกคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามต้องยื่นมือมาจับขวดไวน์เอาไว้เพื่อยั้งแรงกระทบป้องกันความเสียหายต่อแก้วไวน์ใบบางที่เพื่อนสนิทของเขาอาจทำให้มันแตกเสียก่อนที่จะคุยธุระกันรู้เรื่อง“พอไหมไอ้ทิ เดี๋ยวก็เมาหรอก ฉันไม่ใจดีอุ้มไปส่งคอนโดนนะโว้ย”“ยังไม่เมา นี่เพิ่งแก้วที่สามเอง” ทิพากร หรือ ทิ เอ่ยตอบเพื่อนสนิทอย่างเล้ง ซึ่งเขาเป็นคนโทรนัดให้ออกมาดื่มเป็นเพื่อนในค่ำคืนนี้“ไม่เมาก็เทเบา ๆ อุตส่าห์มาบาร์หรูขนาดนี้ดันไม่ให้เขาบริการ อยากจะเทเองซะอย่างนั้น อย่าทำแตกเชียว ถ้านายทำแตกคราวหน้าฉันไม่มาด้วยแล้ว”“รู้แล้วน่า ไม่ทำให้นายขายหน้าหรอก อีกอย่างพรุ่งนี้ฉันเองก็มีงานที่ต้องทำเหมือนกัน ไม่ปล่อยให้ตัวเองเมาหรอก แค่อยากดื่มแก้เซ็งเฉย ๆ” พูดจบทิพากรก็ยกแก้วไวน์ขึ้นมาจิบไปหนึ่งอึก เล้งเห็นแบบนั้นก็ได้แต่ถอนหายใจ ก่อนจะเทไวน์ราคากลาง ๆ ของร้านใส่แก้วตัวเองเช่นกัน“แล้วมีเรื่องเซ็งอะไรถึงได้อยากดื่