تسجيل الدخولคุณพงพยักหน้ายิ้มแล้วบอกให้ฉันเรียกว่าคุณลุงก็ได้ ฉันเลยโอเคก่อนจะแยกย้ายไปทำงานต่อ ฉันนั่งโต๊ะใกล้ ๆ กับคุณลุงนี่แหละค่ะ แต่แบบชั่วคราวนะคะ
เพราะไอ้บ้านั่นมันบังคับให้ฉันไปนั่งทำงานในห้องเขาต่อเมื่อตอนฉันฝึกงานเสร็จ
“คุณลุงทำงานกับพี่เคียร์มานานแล้วเหรอคะ?”
ฉันถามคุณลุงออกไปด้วยความอยากรู้ อย่างน้อยถ้าได้รู้จุดอ่อนอะไรบ้างจะได้เอาไว้ใช้ขู่ หึหึ
“ใช่ครับ ทำตั้งแต่ที่คุณเคียร์ยังไม่ประสบความสำเร็จขนาดนี้เลยละครับ”
หืม?
“เขาไม่ได้เกิดมารวยอยู่แล้วเหรอคะ?”
“ฮ่า ๆ ใคร ๆ ก็คิดแบบนั้นครับ แต่มันไม่ใช่เลย คุณเคียร์เสียพ่อแม่ไปตั้งแต่เด็ก ไม่มีญาติที่ไหนรับคุณเคียร์ไปดูแลเลย สมัยก่อนคุณเคียร์ใช้ชีวิตเหมือนคนไร้บ้านเลยละครับ”
จะ..จริงเหรอเนี่ย ไม่เคยรู้มาก่อนเลย น่าสงสารเขาจัง
“แล้วเขาผ่านช่วงเวลาแบบนั้นจนมาสำเร็จแบบนี้ได้ยังไงเหรอคะ”
“คุณเคียร์โชคดีครับได้เจอกับผู้หญิงท่านหนึ่งเขารับเลี้ยงดูทั้งที่ไม่รู้จักกันมาก่อน เขาส่งคุณเคียร์เรียนรู้ทุกอย่าง คุณเคียร์คงอยากตอบแทนท่านละมั้งครับถึงได้เริ่มทำธุรกิจขึ้นมาจนมันประสบความสำเร็จมาถึงทุกวันนี้”
“อ่อ แล้วผู้หญิงคนนั้นเขายังอยู่ใช่ไหมคะ”
“อยู่ครับปัจจุบันเธอเป็นคุณป้าของคุณเคียร์ แต่ตอนนี้เธอไปท่องเที่ยวอยู่ครับ”
เขานี่มันโชคดีสุดๆเลยแฮะ
“น่าสงสารพี่เคียร์นะคะ”
“มาสงสารอะไรกู!”
ชมยังไม่ทันจบเสียงโมโหนั้นก็ดังเข้ามาในโสตประสาททันที ถามงี้สงสัยเขาไม่ได้ยินที่เราสองคนคุยกันแน่ ๆ ส่วนคุณลุงกลับไปทำงานต่อตอนไหนไม่รู้ไวมาก
“ฉันดูคลิปหมาแล้วสงสารอะ ทำไมมีไรปะ”
ฉันพูดพร้อมยกมือถือขึ้นมาทำเป็นดูนู่นนี่
“แต่กูได้ยินมึงพูดชื่อกู”
“อ่อ สงสัยพอฉันเห็นหมาแล้วมันทำให้คิดถึงพี่ขึ้นมาน่ะค่ะ^^”
อดไม่ได้ที่จะจิกกัด ส่วนคุณลุงมีขำเล็กน้อย
“กวนตีนแบบนี้งานเสร็จแล้ว?”
“หนูสร้อยเรียนรู้งานไวมากเลยครับคุณเคียร์”
“อืม”
“ไงล่ะ สวยและเก่งแบบฉัน ^^”
เขาทำเพียงส่ายหัวไปมาอย่างรำคาญ กล้าดีอย่างไรมารำคาญคนสวย ๆ แบบฉันกัน ชิ!
“พูดมากอยู่ได้ จะกลับไหม?”
“จ้า จ้า”
ฉันรีบเก็บของ ไม่ลืมที่จะลาคุณลุงแล้ววิ่งตามเขาไปทันที คนอะไรรอหน่อยก็ไม่ได้
สถานที่ ผับหรู
หลังจากออกมาจากบริษัทได้ไม่นานเขาก็พาฉันมาที่นี่ เห็นว่าเป็นเวรเขาดูแลร้านมั้ง ทำไมเขาเปิดธุรกิจเยอะจริง ๆ เอาเวลาไหนไปนอนพักวะ
“เฮียสวัสดีครับ”
มีเด็กหนุ่มเดินเข้ามาไหว้เขา
“เออ ร้านเป็นไงบ้าง”
“ช่วงนี้ดีครับ ลูกค้าเยอะกว่าเดิมครับ”
ก็จริงอย่างที่น้องคนนี้บอกแหละ เพราะตอนฉันเดินเข้ามาคนเยอะสุด ๆ
“อืม”
“แล้วนี่ใครอะเฮีย เมียเหรอ”
ไอ้เด็กนี่
“ไม่ใช่จ้ะ พี่เป็นเลขาเฉย ๆ”
ฉันตอบไปยิ้ม ๆ แต่ก็ต้องหุบยิ้มลงเมื่อเขาพูดออกมา
“เออเมียกู มันชอบเล่นตัว”
ไอ้!! โอ๊ยปวดหัว ส่วนไอ้น้องคนนั้นก็เดินยิ้มไปไหนก็ไม่รู้ล่ะ
“เป็นบ้าไงเที่ยวไปบอกชาวบ้านเขาอยู่ได้ แล้วฉันไปเป็นเมียพี่ตอนไหนไม่ทราบ! มโน”
“เหอะ เดี๋ยวก็เป็นละกูไม่ปล่อยไว้นานหรอก”
เดี๋ยวนะนี่เขาพูดอะไร
“ไอ้โรคจิต!”
ฉันพูดจบก็เดินหนีเขาไปโซนอื่นทันที ไหน ๆ ก็เคยมาครั้งแรกขอสำรวจหน่อยละกัน ส่วนเขาเดินขึ้นไปทำงานละมั้งมองกลับไปก็ไม่เห็นยืนอยู่
แสบตาจังมีแต่แสงสีสาดเต็มไปหมด แถมเพลงที่เปิดก็เปิดซะเสียงดังสนั่นเลย
“ขอโทษนะครับคุณคนสวย”
ฉันรู้สึกเหมือนมีคนมาสะกิดที่ไหล่ เอ๊ะ เรียกฉันว่าคนสวยงั้นเหรอ ฮิฮิ
“ว่าไงคะ ^_^”
ฉันหันไปตอบพร้อมกับยิ้มให้สวยที่สุด
“มาคนเดียวเหรอครับ?”
เขาพูดอะไรวะ แล้วนี่ก็เปิดเพลงเสียงดังจัง สงสัยเหมือนเขารู้ว่าฉันไม่ได้ยินเลยมากระซิบแทน
“มาคนเดียวเหรอครับ?”
“ใช่ค่ะ”
โกหกไปก่อน อย่างไรสาวโสดมักจะต้องมาคนเดียวเสมอนั่นแหละ ฮ่า ๆ
เคียร์ Talk
“เฮียไม่ไปดูเจ๊แกหน่อยเหรอ”
“ทำไมกูต้องดูด้วยวะ คงเดินเล่นอยู่แถวนี้แหละ”
ผมพูดออกไปด้วยความรำคาญ ยัยนั่นชอบทำให้ผมประสาทเสียทุกครั้งที่อยู่ใกล้กัน ตอนนี้ผมเลยรู้สึกสบายสมองหน่อย
“แต่ผมว่าเฮียต้องมาดูละ”
อะไรของมันวะ ผมลุกเดินไปทางมันก็จะมองไปตามที่มันชี้ กูเพิ่งจะพูดไปหยก ๆ แม่งยัยบ้านั่นทำให้กูปวดประสาทอีกละ
ก็ดูเธอสิครับยืนคุยกับผู้ชายด้วยท่าทางเขินๆ ร่านชะมัด ห่างกับกูได้ไม่กี่วิเสือกไปคุยกับผู้ชายอื่นอีก
“เห้ย ๆ เฮียรีบไปห้ามเลย มันส่งอะไรให้เจ๊แกกินแล้วนั่น”
“ปล่อยมัน ส่วนมึงอย่าให้มันลากยัยบ้านั่นไป”
ผมพูดจบก็เดินไปนั่งทำงานต่อ แค่รอเวลาสินะ หึ
“รู้นะว่าคิดไรอะเฮีย”
ไอ้นี่มันรู้ทัน!
สร้อย Talk
“สักแก้วไหมครับ”
อุ้ย ๆ มีเหรอฉันจะพลาด พูดจบก็รับแก้วจากเขามาดื่มทันที ขมจัง = =
“ไม่เคยกินเหรอครับ ทำหน้าซะน่ารักเชียว”
“ไม่เคยกินมาก่อนเลยค่ะ แหะ ๆ”
ฉันตอบออกไปเขิน ๆ คนอะไรน่ารักจัง ดูเขาสิหน้าตาก็ดี ผิวขาว ร่างกายก็กำยำรูปร่างใหญ่ อืมม..ตรงนั้นจะใหญ่ด้วยไหมน้า เอ๊ะ! เดี๋ยวก่อน สติ อีสร้อย
อยู่ดี ๆ ฉันก็คิดอะไรแปลกประหลาดขึ้นมา แถมยังรู้สึกร้อน ๆ อีก เป็นไรวะ
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?”
“รู้สึกมึน ๆ หัวนิดหน่อยค่ะ”
นี่ฉันเป็นไรเนี่ย
“เอ๊ะ!”
เขาเข้ามาจับตัวฉัน ฉันสะดุ้งตัวเผลอร้องเสียงแปลก ๆ ออกไป กรี๊ด อีสร้อยเป็นไร สติลูกกก
“เดี๋ยวผมช่ว-“
“อย่าเสือกยุ่งกับเมียกู!”
เขาที่กำลังจะมาพยุงฉันก็ต้องชะงักกับเสียงของพี่เคียร์
“โทษนะครับ คนนี้เขาเป็นแฟนผม ผมขอตัวนะครับ”
เอ๊ะ ไอ้หน้าหล่อนี่ไหงว่าบอกว่าฉันเป็นแฟนวะ ยังไม่ทันได้จีบกันเลยเว้ย
“มึงมั่นใจเหรอว่ายัยบ้านั่นคือแฟนมึง”
ไม่พูดเปล่ายังมากระชากแขนฉันอีก
“ปล่อยเดี๋ยวนี้ อย่าหาว่ากูไม่เตือน!”
ส่วนไอ้หน้าหล่อก็กระชากฉันเช่นกัน ตอนนี้แขนทั้งสองข้างถูกจับด้วยคนสองคน โอ้ยเจ็บเว้ย
ผลัวะ!
พี่เคียร์ต่อยไปที่หน้าหล่อของอีกคนจนกระเด็นไปชนกับกำแพง
“อย่าเสือกมาเล่นลิ้นกับกู ลากมันออกไป!”
“อ๊ะ อ๊า จะ..จุกไป ๆ” เธอใช้มืออีกข้างที่ไม่ได้กอดคอเขาไว้มากุมท้องตัวเองที่จุกจากการกระแทกลึกของเขา “ยืนแป๊บ” เคียร์เอ่ยบอกหญิงสาวที่ทำหน้างงก่อนจะวางเธอลงในท่ายืน เขาจับเธอหันหลังดันเธอให้ติดกับกระจกหน้าต่าง เขาดึงก้นเธอเข้ามาแนบชินก่อนจะสอดใส่เจ้ามังกรเปียกชุ่มเข้าจากทางด้านหลัง “อ๊า อื้ออออ ไม่..เอาท่านี้สิ อื้อออ” หญิงสาวร้องออกมาเมื่อท่านี้มันทำให้แก่นกายใหญ่ของเขาเข้ามาได้ลึกกว่าเดิมอีก ไหนจะหน้าอกหน้าใจของเธอที่กำลังเบียดเสียดรูดขึ้นลงกับกระจกที่แนบชิดอยู่ สร้างความเสียวราคะทุกโซนประสาทจริง ๆ “ตอดขนาดนี้จะแตกแล้วเหรอหืมม ซี้ดด” เมื่อรับรู้ถึงการตอดถี่ของหญิงสาวว่าใกล้จะแตะขอบสวรรค์แล้วเขาก็เร่งเครื่องติดจรวดทันที กระแทกเข้าออกไม่ยั้ง “อ๊ามะไหวว/อื้อออซี้ดด” เสียงครางกระเส่าดังขึ้นประสานกันเมื่อทั้งคู่แตะที่จุดสุดยอดในที่สุด ชายหนุ่มกระแทกสองสามทีรีดน้ำรักเข้าไปในตัวของหญิงสาวจนหมดก่อนจะชักออกมา ส่งผลให้หญิงสาวที่มีขาอ่อนจากความเสียวในตอนแรกนั่งพับ
ตอนพิเศษ ๓ NC+++สถานที่ ประเทศ USAตอนเช้า... ชายหนุ่มหญิงสาวคู่รักข้าวใหม่ปลามันที่เพิ่งแต่งงานกันไปได้ไม่นานก้าวขาลงจากเครื่องบินส่วนตัวเพียงสองคน วันนี้เธอและเขามาฮันนีมูนกันนั่นเอง โดยได้คุณแม่ของเธอและคุณแม่ของเคียร์ที่กำลังเห่อน้อง กำไล รับไปดูแล จนทำให้เธอกับเขาได้มีโอกาสเที่ยวกันสองคน “อยากไปที่ไหนเป็นพิเศษไหม?” มือใหญ่วางทาบลงบนหัวคนตัวเล็กที่กำลังยืนชั่งใจคิดว่าจะเที่ยวที่ไหนดี เนื่องจากก่อนมาพวกเขาไม่ได้ทำการวางแพลนใด ๆ เลย “อืม...อยากไปดูที่เขาแปะมือกับดาราอะ แบบมีการประทับมือดาราดัง ๆ ลงแผ่นไรสักอย่างอะ” เคียร์พยักหน้าเข้าใจในสิ่งที่ภรรยาตัวเองพูด ก่อนจะยกมือถือโทรหาคนขับรถของประเทศนี้ เพียงไม่นานรถหรูก็เคลื่อนเข้ามาจอดตรงหน้า พร้อมกับมีพนักงานลงมาเปิดประตูต้อนรับแขกคนพิเศษ พวกเขาคุยกันเป็นภาษาอังกฤษ สร้อยเองก็ทำหน้าไม่ค่อยจะเข้าใจมากเท่าไหร่ “รู้งี้ตั้งใจเรียนภาษาดีกว่า” ภรรยาตัวแสบนั่งบ่นให้เขาฟัง ส่วนเขาได้แต่นั่งยิ้มกับความน่าเอ็นดูของเธอ “อยากเรียนไหมล่ะ”
ตอนพิเศษ ๒ ใช้เวลาพักฟื้นตัวหลังคลอดได้ไม่นานก็ถึงเวลาเตรียมการจัดงานแต่งงานที่เคยสัญญาไว้แล้ว “ฝากเจ้าตัวเล็กด้วยนะคะแม่ สร้อยจะรีบกลับมาค่ะ” เสียงหญิงสาวเอ่ยบอกคนเป็นแม่ คุณยายของเจ้าตัวเล็กในอ้อมกอด เธอจะต้องออกไปลองชุดและซื้อของต่าง ๆ เพื่อจัดเตรียมงานแต่งที่กำลังใกล้จะถึงกับว่าที่สามีของเธอ “ไปเถอะลูก เจ้าตัวเล็กนี่แม่จะดูแลเอง เนอะหลานยาย” หญิงสาวมีอายุหันไปหยอกล้อเล่นกับหลานตัวน้อยอย่างเอ็นดูหลายชั่วโมงผ่านไป... ใช้เวลาหลายชั่วโมงเลยทีเดียวกว่าจะเตรียมของจนเสร็จ นอกนั้นก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของออร์แกไนเซอร์ เนื่องจากว่าที่สามีของเธอได้จ้างวานมาเอง “เหนื่อยไหมวันนี้” เคียร์เอ่ยถามเจ้าตัวแสบของเขา พลางวางมือหนาไว้บนหัวของว่าที่ภรรยาสาวไปด้วย “นิดหน่อย บอกแล้วไม่ต้องจัดก็ได้” เธอเพียงมุ่ยหน้าเล็กน้อย สร้างรอยยิ้มเอ็นดูให้กับคนตรงหน้าได้มากทีเดียว “ได้ไง คนดังอย่างกูแต่งงานทั้งทีเลยนะ” ชายหนุ่มพูดออกมาได้ไม่อายปาก หญิงสาวได้แต่ส่ายหัวไปมาแท
ตอนพิเศษ ๑8 เดือนผ่านไป...เวลา 04.35 น. ภายในห้องกว้างมีเพียงสองร่างชายหญิงกำลังนอนหลับใหล ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศกำลังทำงานส่งผลให้ทั้งคู่หลับอย่างสบาย เพียงแค่ไม่กี่วินาทีต่อมาจากความเงียบสงบแปรเปลี่ยนเป็น.... “อะ โอ้ยยยย” หญิงสาวท้องโตสะดุ้งตื่นพร้อมกับส่งเสียงถึงความเจ็บปวดที่ได้รับ เสียงที่เธอร้องออกมาดังจนปลุกให้ชายร่างกำยำมีลายสักที่คอสะดุ้งตื่น “สร้อยเป็นอะไร!” เขาถามเธอออกไปด้วยความตระหนกตกใจ เมื่อเห็นหญิงสาวลุกขึ้นมานั่งกุมท้องใหญ่ “ละ..ลูก จะคลอด! โอ๊ยยยยยเจ็บบบ” หญิงสาวท้องโตพูดออกมาด้วยความเจ็บปวด เตียงที่เคยแห้งกลับกลายเป็นเปียกโชก บ่งบอกได้ดีว่าเด็กน้อยในท้องพร้อมที่จะออกมาลืมตาดูโลกแล้ว “เวรเอ๊ย! อดทนก่อนกูจะรีบพามึงไปโรงพยาบาล” ชายร่างกำยำรีบจัดการเสื้อผ้าบนตัวก่อนจะวิ่งอ้อมมาหาหญิงสาวด้วยความรีบร้อน “หนักฉิบหายเลยโว๊ยยยยย” ปากหนาบ่นอุบอิบ หญิงสาวไม่มีเวลามาสนใจเนื่องจากต้องทนกับอาการเจ็บปวดที่ได้รับ ฝ่ายชายรีบอุ้มหญิงสาววิ่งไปที่รถ
“ไหวไหมนั่น” ฉันทำท่าทางจะลุกเดินไปหา แต่เขาห้ามไว้ซะก่อน “อย่าแกล้งพ่อเขาหนักสิลูก” ฉันนอนลูบท้องเปล่งเสียงเบาบอกลูกของตัวเอง ส่วนเขาก็เดินขึ้นมานอนข้าง ๆ “ดีแล้วที่กูแพ้แทนมึง เพราะถ้ามึงแพ้เองกูคงไม่มีกะจิตกะใจทำงานแน่” แหนะ ยังจะมาปากหวานอีก “พูดถูกใจตลอดด” ฉันแอบแซวเขาพร้อมกับเอื้อมมือขึ้นไปหยิกแก้มทั้งสองไปมา “กูพูดตามความรู้สึก” เขาเอื้อมมือมากุมมือฉันที่กำลังหยิกเขา แล้วหอมมือฉันอย่างแผ่วเบา “รู้ไหมว่ารักมาก?” “อือรู้ ฉันก็รักพี่มากเหมือนกัน” “แล้วรู้ไหมว่ากู หวง ห่วง มึงมาก?” “รู้สิ สร้อยก็ หวง ห่วง พี่เหมือนกันนะ” “งั้นก็รู้ไว้ซะ ว่ามึงคือผู้หญิงของกูคนเดียวและเป็นแม่ของลูกกูด้วย” “>////พี่ก็เหมือนกันเป็นพ่อของลูกสร้อย” ความร้อนรุ่มแทรกผ่านเข้ามาที่ใบหน้าของฉัน เครื่องปรับอาการที่ว่าเย็นมากแล้วยังต้องยอมแพ้กลับความร้อนที่เผาผลาญอยู่บนหน้าของฉัน เขานี่มันพูดได้ไม่อายเลยจริง
บทที่ 31 END “ทำงี้กะจะให้กูหลงจนโงหัวไม่ขึ้นเลยเหรอวะ” บ้าที่สุดดด ชอบพูดคำน่าอายอยู่นั่น “รีบไปได้แล้ว >///” ฉันออกแรงผลักไล่ให้เขาขยับตัวออก แล้วไล่ดุนหลังเขาจนไปถึงหน้าห้อง “เดี๋ยวรีบกลับนะ จุ๊บ” ว่าจับเขาก็จุ๊บลงบนปากของฉันอีกครั้ง แล้วหมุนตัวเดินออกไป กว่าจะได้ออกไปทำงานฉันก็เปลืองตัวไปกับเขามากโขแล้ว หุหุหัวค่ำ...Rrrr Rrr เสียงริงโทนดังขึ้นเรียกความสนใจให้ฉันละสายตาออกจากทีวี พลางก้มลงไปมองสายที่โทรเข้ามา ฉันยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าปลายสายเป็นใครโทรเข้ามา “จะกลับแล้วเหรอ” ฉันกดรับก่อนจะเอ่ยถามคนปลายสาย “อืม ใกล้ถึงแล้ว” เขาตอบเสียงเรียบ “ใกล้ถึงแล้วจะโทรมาให้เปลืองเงินทำไมเล่า” “คิดถึง เพิ่งมีเวลาจับมือถือเอง” เสียงออดอ้อนของปลายสายสร้างความรู้สึกดีให้ฉันไม่น้อย “คิดถึงเหมือนกัน วางสายก่อนขับรถอยู่อันตราย” “ครับ” เขาตอบรับด้วยคำสุภาพทำเอาฉันรู้สึกกระดากหูที่ได้ยิน ไม่







