Share

13.เจ้าสาวผี

last update Last Updated: 2025-06-29 20:42:41

เจ้าสาวผี

เข้าสู่วันที่สิบของการออกเดินทาง เสบียงที่นำติดตัวมานั้นเริ่มร่อยหรอเต็มที เสวียนหนี่ก้มลงมองถุงผ้าที่นางห่อเสบียงแล้วมองไปรอบ ๆ ข้างทางที่ผ่านมานั้นไม่มีลำธารหรือบ่อน้ำให้เห็น เป็นเพราะเส้นทางที่เขาพามาไม่ได้สะดวกอย่างเช่นที่เขาได้บอกไว้ก่อนหน้า ฉะนั้นการหาเสบียงเพิ่มจึงเป็นปัญหาหลักของการเดินทางครั้งนี้

“ตาแก่ถาน ข้ากระหายน้ำ”

“แถวนี้ไม่มีน้ำหรอก อดทนอีกหน่อย พ้นจากตรงนี้ไปราวยี่สิบลี้น่าจะมีน้ำตกถ้าข้าจำไม่ผิด”

“ยี่สิบลี้เลยหรือเจ้าคะ”

ในขณะที่เสวียนหนี่กำลังหดหู่สิ้นหวังสายตาของนางเหลือบไปเห็นป่าไผ่ข้างทาง นางชี้มือไปที่ป่าไผ่พร้อมบอกเขาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นดีใจ

“ตาแก่ถาน นั่นป่าไผ่เจ้าค่ะ”

“ป่าไผ่แล้วอย่างไร”

“ข้าหิวน้ำ ในต้นไผ่มีวุ้นสามารถกินแก้กระหายได้”

“เจ้าก็ว่าไปเรื่อย คุณหนูอย่างเจ้าจะไปรู้เรื่องของป่าได้อย่างไร”

เขาหัวเราะนางอย่างขำขัน แต่ก็ยังดึงบังเหียนบังคับล่อให้หยุด เมื่อจอดสนิทแล้วเสวียนหนี่กระโดดลงมาจากเกวียน นางเดินไปยังต้นไผ่พลางหยุดพิจารณาบางอย่างจึงชี้นิ้วไปที่ไผ่ลำหนึ่งอย่างมั่นอกมั่นใจ

“ผ่าลำนี้”

“ลำนี้เนี่ยนะ มันจะไปมีวุ้นได้อย่างไร ข้าชำนาญเรื่องการตัดไม้เป็นที่สุด เรื่องที่บอกว่าในต้นไผ่มีวุ้นข้าไม่เชื่อ”

“เป็นเพราะท่านตัดเอาแต่ลำงาม ๆ ก็เลยไม่เคยเจอนะสิ มันต้องแบบนี้ สั้น ๆ ป้อม ๆ มีแน่นอน ตัดสิเจ้าคะรออะไรอยู่”

“เออ ๆ ข้าจะตัดให้ คุณหนูฉู่เจ้านี่ช่างเรื่องมากเสียจริง”

ครู่ต่อมาต้นไผ่ที่เสวียนหนี่หมายตาก็ถูกโค่นลงมา แล้วถานถานก็ใช้ขวานผ่าออกตามที่นางบอก พอผ่าเสร็จปรากฏว่าสิ่งที่อยู่ข้างในนั้นมีลักษณะเป็นวุ้นใส ๆ เสวียนหนี่ไม่รอช้ารีบเอามากินดับกระหาย แต่ก็ช่วยบรรเทาได้เพียงนิดหน่อยเท่านั้น นางยังรู้สึกคอแห้งอยู่ เพราะปริมาณของวุ้นไผ่ในแต่ละลำไม่ได้มากมาย

“พอใจหรือยังคุณหนูฉู่”

“ยังเจ้าค่ะ เดี๋ยวข้าไปเก็บเห็ดจมูกหมูตรงนั้นด้วย สภาพอากาศค่อนข้างชื้น เห็ดจมูกหมูน่าจะพอมีน้ำกักเก็บอยู่บ้าง ระหว่างทางหากกระหายอีกจะได้เอาออกมาดื่มแทนน้ำได้”

“เห็ดเนี่ยนะ”

“เจ้าค่ะ”

เสวียนหนี่เดินไปเก็บเอาเห็ดจมูกหมูที่อยู่ไม่ไกลแล้วยื่นให้ถานถานชิมดู ในตอนแรกเขายังไม่แน่ใจนักว่ามันสามารถดื่มแทนน้ำได้นางจึงบีบเห็ดให้ดูก่อน ผลที่ได้คือมีน้ำออกจากเห็ดจมูกหมูจำนวนมากเลยทีเดียว

ไม่เสียแรงที่เสวียนหนี่เกิดในครอบครัวชนบท ก่อนจะไปได้ดิบได้ดีอนาคตรุ่งโรจน์ สิ่งเหล่านี้นางล้วนลิ้มลองมาแล้วทั้งหมด มีอีกหลายอย่างในป่าที่นางรู้ว่าสามารถกินได้ และกินไม่ได้

ถานถานรับเห็ดจมูกหมูมาดูดน้ำดับกระหาย เมื่อพอใจแล้วจึงได้ออกเดินทางต่อ ค่ำไหนก็นอนที่นั่น

หลายวันต่อมาทั้งสองได้เดินทางเข้าใกล้เขตอำเภอ

เล็ก ๆ เสวียนหนี่ดีใจเป็นอย่างมาก นางอยากจะลิ้มรสอาหารอื่นนอกจากผลไม้ป่าและมันเผาเต็มที

“เราพักที่นี่ได้หรือไม่เจ้าคะ”

หญิงสาวถามความคิดเห็นชายแก่ สำหรับถานถานแล้วที่ใดมีสุราที่นั้นย่อมเป็นที่พักพิงได้ สุราที่เขาพกติดตัวมาแม้ว่าจะถนอมไว้เป็นอย่างดีก็เหลือน้อยเต็มที นับว่าเป็นโอกาสอันดีที่ควรจะแวะเติมสุราเสียหน่อย

“หยุดพักน่ะได้ แต่ข้าไม่เหลือเงินแล้วนะ”

“...แต่ข้าหิว”

เสวียนหนี่บอกเสียงเบาหวิวพลางสอดส่องสายตามองไปรอบ ๆ ฝั่งขวามือเป็นร้านขายบะหมี่ ซ้ายมือเป็นร้านต่อโลงศพ ถัดไปเป็นร้านขายเครื่องประดับ ไกลออกไปหน่อยคือร้านขายผ้า นางสังเกตสิ่งแวดล้อมรอบตัวอย่างพิจารณาแล้วส่งยิ้มให้ถานถาน

“ตาแก่ถาน”

“มีอะไร”

“ข้าว่าท่านน่าจะได้ร่ำสุราแบบไม่ต้องเสียเงินสักอิแปะ”

“อย่างไร?”

“ตามข้ามา”

ว่าแล้วถานถานก็จูงล่อเดินตามหลังเสวียนหนี่ไป เขตชุมชนแออัดเช่นนี้การจูงล่อให้ลากเกวียนไปช้า ๆ จะเหมาะกว่า ในตลาดมีผู้คนมากมายหากเจ้าล่อตัวนี้เกิดตื่นกลัวขึ้นมาแล้วควบคุมไม่อยู่ จะพลอยทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บไปด้วย

เมื่อมาถึงหน้าบ้านหลังหนึ่งซึ่งใหญ่โตมาก จัดว่ามีฐานะมากกว่าหลายหลังในละแวกเดียวกัน เสวียนหนี่ได้ส่งสัญญาณมือให้ถานถานหยุด ชายแก่ขมวดคิ้วเป็นปมด้วยความสงสัย แหงนหน้ามองที่ป้ายชื่อตระกูลที่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้าทั้งที่อ่านไม่ออก โดยที่ป้ายตระกูลนั้นเขียนอักษร "ผิง"

“ที่นี่นะหรือมีสุรา”

“มีแน่นอนเจ้าค่ะ”

ถานถานรีบเอาล่อไปผูกไว้แล้วเดินตามนางไปอย่างรวดเร็ว ที่หน้าประตูบ้านมีบุรุษสองคนยืนต้อนรับท่าทางนอบน้อม เมื่อเห็นอีกฝ่ายทำความเคารพนางจึงเคารพตอบ

“คารวะคุณชาย เชิญด้านในขอรับ”

ชายเฝ้าประตูทั้งสองบอกกล่าวแก่นางเช่นนั้น แล้วก็เอามือออกมาขวางถานถานไว้ไม่ให้เขาตามไป นอกจากนั้นยังตะเบ็งเสียงแข็ง

“บ่าวรับใช้รอด้านนอกก่อนก็ได้นะ”

“เห้อะ ข้านะหรือบ่าวรับใช้ พวกเจ้าสองคนมีตาหามีแววไม่”

ถานถานโมโหจนหน้าเขียวคล้ำเพราะถูกมองว่าเป็นบ่าวรับใช้ ไม่แปลกที่จะถูกมองเช่นนั้นเพราะท่าทางของเขาเหมือนบ่าวรับใช้อยู่หลายส่วน เสวียนหนี่ที่เดินเข้าไปด้านในแล้วได้ชะเง้อกลับมามองอดขำขันเขาไม่ได้ ในขณะเดียวกันก็นึกชื่นชมเจ้าของร่างด้วยเช่นกัน ขนาดใส่อาภรณ์เนื้อหยาบราคาถูกยังปกปิดความมีสง่าราศีไม่มิด นางกระแอมแล้วพยายามเปล่งเสียงให้ดูทุ้มเพื่อจะได้คล้ายคลึงบุรุษที่สุดแล้วเอ่ยว่า

“พี่ชายทั้งสองให้เขาเข้ามาเถิด ข้าจะดูแลเขาเอง”

บรรยากาศภายในมีคนมากหน้าหลายตา กำลังนั่งล้อมวงพูดคุย บนโต๊ะมีอาหารมากมายหลายชนิด เสวียนหนี่มองไปที่หญิงวัยสี่สิบหนาวต้น ๆ  นางสวมใส่ชุดไว้อาลัยสีขาวขุ่นยืนทำหน้าเศร้าโศก มือข้างหนึ่งปาดน้ำตาอยู่เนือง ๆ ฝั่งซ้ายมือนั้นมีโลงศพหัวหมูวางเรียงกันอยู่สองโลง

หญิงสาวแย้มยิ้มมุมปากเล็กน้อย จัดเผ้าผมให้เข้าที่แล้วจึงก้าวเท้าเดินตรงไปหาสตรีนางนั้น

“คารวะฮูหยินผิง ข้าคือบุตรชายคนโตของตระกูลเกา”

“ตระกูลเกา?”

เจ้าบ้านทำหน้าตางงงวย นางจำไม่ได้ว่ามีญาติหรือคนรู้จักแซ่เกาหรือไม่ เพราะคนที่มาในงานนั้นมากมายเสียจนจำได้ไม่หมด ทั้งญาติฝั่งสามีและคนรู้จัก อีกทั้งพ่อค้าแม่ค้าในตลาดก็ส่วนหนึ่ง

“ข้าขอแสดงความเสียใจด้วยขอรับ ไม่น่าอายุสั้นเลย...ไม่น่าเลย ไม่น่าเลยจริง ๆ เขาเป็นคนดีมาก ไปที่ไหนก็มีแต่คนรักใคร่ โธ่”

เสวียนหนี่พูดพลางทำหน้าเศร้าแสร้งบีบน้ำตา ตั้งแต่ก้าวเข้าประตูจวนผิงนางถอนหายใจหน่วง ๆ มาแล้วสามรอบ ทั้งนี้ก็อยากให้เจ้าบ้านรับรู้ว่านางนั้นรู้จักกับผู้ตายและเสียใจเพียงใดที่ผู้ตายได้อำลาโลกไปก่อนวัยอันควร

“คุณชายเกานี่เอง เอ่อ เชิญคุณชายเกานั่งก่อนเถิดเจ้าค่ะ เดี๋ยวข้าให้สาวใช้นำของมาต้อนรับ”

เจ้าบ้านเห็นกิริยาที่แสดงออกว่าเสียใจสุดซึ้งของอีกฝ่ายก็เออออตามน้ำไปด้วย หากค้านว่าไม่รู้จักกัน ก็เกรงว่าอาจทำให้ผู้คนที่มาร่วมงานติฉินนินทาได้ว่าไร้มารยาทไม่ต้อนรับแขก

เสวียนหนี่และถานถานถูกพาไปนั่งที่โต๊ะอาหาร อีกไม่นานก็คงจะได้เวลาเคลื่อนศพไปสุสานบรรพชน เมื่อทั้งสองนั่งได้เพียงครู่เดียวอาหารก็ถูกยกมาจัดวาง เสวียนหนี่และถานถานกินกันจนอิ่ม มิหนำซ้ำตาแก่ยังแอบหยิบสุราติดมือมาสองไห จากนั้นทั้งคู่ก็ย่องออกนอกจวนตระกูลผิงอย่างเงียบเชียบ

ด้านนอกกำแพงจวนตระกูลผิง

"ฮ่า ๆ เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าที่นี่มีงานไว้อาลัย"

"ข้าเห็นบ่าวของบ้านหลังนี้กำลังสั่งโลงศพหัวหมูอยู่ที่ร้านต่อโลงเจ้าค่ะ คนตายที่จะใช้โลงหัวหมูได้ฐานะต้องร่ำรวยมาก ข้าก็เลยพาท่านเดินตามบ่าวพวกนั้นมา"

"ฮ่า ๆ เจ้านี่หลักแหลมจริง ๆ"

“ท่านว่าพิธีศพที่บ้านหลังนี้ดูแปลกหรือไม่เจ้าคะ”

เสวียนหนี่ถามขึ้นในขณะที่ถานถานกำลังแกะเชือกล่อที่ผูกอยู่กับต้นไม้เพื่อจะได้เดินทางกันต่อ

“แปลกอย่างไร”

“โลงคู่”

“คุณหนูฉู่ ข้าว่าเจ้าอย่าไปยุ่งเรื่องของเขาเลย อิ่มแล้วเราก็รีบไปกันเถอะ”

นางพยักหน้าเห็นด้วย จากนั้นจึงออกเดินทางต่อไป ในจังหวะที่กำลังจะผ่านพ้นหน้าจวนตระกูลผิง เสวียนหนี่เหลือบไปเห็นสามีภรรยาคู่หนึ่งที่กำลังโต้เถียงกันอยู่ ผู้เป็นสามีผลักภรรยาลงอย่างแรงจนฝ่ามือที่ใช้ยั้งกายถูกเศษหินเล็ก ๆ บาดเลือดไหล เมื่อภรรยาล้มไปแล้วสามีก็ชี้หน้าด่าทอนางต่ออีกสองสามประโยค แล้วเดินหนีไปอย่างไม่ไยดี

“หยุดก่อน”

เสวียนหนี่ร้องบอกถานถานแล้วกระโดดลงจากเกวียน นางเข้าไปประคองหญิงรายนั้นให้ลุกขึ้นยืน หญิงแปลกหน้าร่างกายผอมโซ สวมใส่เสื้อผ้าเก่าขาดวิ่น นางเงยหน้าขึ้นมามองเสวียนหนี่แล้วรีบปาดน้ำตาอย่างรวดเร็ว

“เป็นอะไรหรือไม่”

“ข้าไม่เป็นอะไร”

“...เอ่อ เมื่อครู่นี้เขาทำร้ายท่าน”

เสวียนหนี่ยังไม่ทันจะได้ถามต่อนางสะอื้นร้องไห้ออกมาเหมือนเจ็บปวดเจียนจะขาดใจ กวาดมองตามเนื้อตัวของนางเต็มไปด้วยร่องรอยเขียวช้ำจากการถูกทำร้ายร่างกาย

“ช่วยข้าด้วยเถิด ลูกสาวข้าอยู่ในจวนตระกูลผิง ข้าแอบมองเข้าไปด้านในเห็นคุณชายท่านนี้สนิทสนมกับฮูหยินผิง พวกท่านเพิ่งออกมาจากที่นั่นบางทีอาจจะช่วยข้าได้”

...เฮ้อ เข้าใจผิดแล้ว พวกข้าแค่ไปหลอกกินก็เท่านั้น จะเอาปัญญาที่ไหนไปช่วย เสวียนหนี่นึกในใจ

ถานถานที่มาถึงทีหลังดึงแขนเสวียนหนี่ออกให้ห่างแล้วกระซิบกระซาบเบา ๆ พอได้ยินกันแค่สองคน

“เจ้าอย่าไปยุ่งกับนางเลย เสียเวลาเราเปล่า ๆ”

“ลองฟังนางก่อนเถิดเจ้าค่ะ”

พูดจบเสวียนหนี่ก็หันไปหาเจ้าของร่างผอมโซ นางมองมาที่เสวียนหนี่อย่างมีความหวังแล้วจึงรีบพูดต่อ

“สามีข้าขายลูกสาวให้บ้านหลังนี้”

“...ท่านน้า หากสามีท่านน้าขายลูกสาวไปเป็นทาสข้าคงช่วยอะไรไม่ได้”

“ไม่ใช่ เขาไม่ได้ขายลูกสาวให้ไปเป็นทาส เขาขายนางให้ไปเป็นเจ้าสาวผี”

“...จะ เจ้าสาวผี!”

ดวงตาของเสวียนหนี่เบิกโตด้วยความตกใจ แต่สำหรับถานถานแล้วนั่นถือเป็นเรื่องปกติ การหาเจ้าสาวให้ศพถือเป็นพิธีการที่ทำกันอย่างแพร่หลาย ที่ตระกูลผิงจัดงานศพใหญ่โตก็เพราะเหตุนี้เอง นอกจากงานศพแล้วที่น่าตกใจยิ่งกว่าคืองานสมรสของร่างที่นอนสิ้นลมอยู่ในโลงหัวหมูกับคนที่ยังมีชีวิต

“อย่าไปสนใจเลยน่า เดี๋ยวพอเขาเอาศพไปฝังเขาก็จะเอาลูกสาวมาคืนเจ้าแน่”

ตาแก่ถานที่ยืนฟังอยู่โพล่งขึ้นตามนิสัย แต่นั่นยิ่งทำให้มารดาของบุตรสาวที่ถูกขายไปหน้าซีดเซียวยิ่งกว่าเดิม

“พวกเขาไม่คิดจะปล่อยลูกสาวข้ากลับมา พวกเขาจะฝังนางไปพร้อม ๆ กับลูกชายของฮูหยินผิง ข้าอยากช่วยลูกสาวแต่สามีข้าไม่ยอมเพราะรับเงินจากฮูหยินผิงมาแล้ว”

“รับมาแล้วก็เอาไปคืนได้ เอาเงินไปคืนฮูหยินผิงเสีย”  เสวียนหนี่ออกความเห็น

“ไม่มี ไม่มีแล้ว สามีข้าเอาไปเล่นพนันหมดตัวแล้ว”

“จริงหรือ! เป็นพ่อคนประสาอะไรรู้ว่าลูกจะต้องถูกฝังทั้งเป็นแท้ ๆ ยังจะกล้าขายไปอีก สัตว์นรกกลับชาติมาเกิด! เลวทรามต่ำช้านัก! มารดามันเถอะ! เฮงซวยสิ้นดี!  ไอ้...ไอ้ชั่ว!”

เสวียนหนี่โมโหจนลืมตัวเผลอด่าทอบิดาของเด็กที่ถูกขายให้ตระกูลผิงเสียยกใหญ่ ถานถานที่ฟังนางด่าชายคนนั้นไม่เว้นวรรคเว้นตอนได้แต่อ้าปากค้าง

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เจ้าสาวประมุขหุบเขามืด   15.ทิ้งเด็กไว้แล้วไปต่อ

    ทิ้งเด็กไว้แล้วไปต่อถึงแม้มารดาของเด็กจะยังไม่มาตามนัด แต่ถานถานและเสวียนหนี่ไม่อาจทนรอจนฟ้าสางได้ถานถานควบเกวียนเข้ามาในตลาด พอถึงแหล่งชุมชนเขาอุ้มเด็กลงจากเกวียนแล้วปล่อยให้นางยืนโดดเดี่ยวทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อยู่ตรงนั้นด้วยความสงสารเสวียนหนี่พยายามขอร้องเขาแต่ถานถานก็ไม่คิดจะใจอ่อน“พื้นฐานจิตใจของท่านข้าคิดว่าไม่ใช่คนใจร้าย”“เจ้าจะไปรู้ดีกว่าข้าได้อย่างไร”“ท่านไม่สงสารนางหรือเจ้าคะ”“ไม่ ออกเดินทางได้แล้ว เราเสียเวลามามากพอแล้ว”“...”เขาบอกให้นางขึ้นเกวียนแล้วตนเองก็เข้าไปนั่งประจำที่ของตน ก่อนจากไปเสวียนหนี่ไม่ยอมละสายตาจากเด็กน้อยที่กำลังยืนร่ำไห้ชีวิตต่อจากนี้ไปจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ไม่อาจทราบได้ ที่เสวียนหนี่ทำได้คือช่วยให้นางมีลมหายใจต่อ แต่เสียใจที่ไม่อาจช่วยได้ตลอดรอดฝั่งเกวียนของทั้งสองออกจากจุดนั้นไม่นานก็มาหยุดอยู่ที่โรงพนัน เสวียนหนี่ชะเง้อมองเข้าไปข้างในเห็นผู้คนม

  • เจ้าสาวประมุขหุบเขามืด   14.รับบทคนขุดสุสาน

    รับบทคนขุดสุสาน“โมโหขนาดนี้อย่าบอกนะว่าเจ้าจะช่วยนาง”ถานถานดึงแขนเสวียนหนี่เข้ามากระซิบกระซาบถามเป็นครั้งที่สอง“ตาแก่ถาน ท่านพอจะช่วยลูกของนางได้หรือไม่เจ้าคะ”“เหอะ อย่าฝัน”หลังอาทิตย์อัสดงที่สุสานบรรพชนตระกูลผิง“เจ้าบ้าไปแล้วรึ ตัวเองยังเอาตัวไม่รอดยังจะแส่หาเรื่องอีก”เขาตำหนินางด้วยน้ำเสียงที่เบาพอสมควร บรรยากาศรอบตัวเงียบสงัดวังเวง ท้องฟ้ายามนี้สิ้นแสงไปได้ระยะหนึ่ง เสียงสัตว์ที่ออกหากินตอนกลางคืนดังหวีดหวิวน่าหวาดกลัวในขณะที่ทั้งสองเดินตามทางรกร้างแคบ ๆ เสวียนหนี่เกาะชายผ้าชายแก่ไว้เพราะรู้สึกกลัวจนขนหัวลุก ทุกย่างก้าวของนางสั่นเครือเกือบจะก้าวต่อไปไม่ไหวสำหรับถานถานไม่ใช่เรื่องที่น่าตื่นกลัวอะไรเลยเพราะในบางวันที่เขาเข้าป่าไปหาตัดไม้ก็มักจะนอนกลางป่ากลางเขาเป็นเรื่องปกติไม่ว่าจะในสุสานหรือพงไพรล้วนบรรยากาศอึมครึมไม่แพ้กัน สัตว์ป่าที่ส่งเสียงน่ากลัวใ

  • เจ้าสาวประมุขหุบเขามืด   13.เจ้าสาวผี

    เจ้าสาวผีเข้าสู่วันที่สิบของการออกเดินทาง เสบียงที่นำติดตัวมานั้นเริ่มร่อยหรอเต็มที เสวียนหนี่ก้มลงมองถุงผ้าที่นางห่อเสบียงแล้วมองไปรอบ ๆ ข้างทางที่ผ่านมานั้นไม่มีลำธารหรือบ่อน้ำให้เห็น เป็นเพราะเส้นทางที่เขาพามาไม่ได้สะดวกอย่างเช่นที่เขาได้บอกไว้ก่อนหน้าฉะนั้นการหาเสบียงเพิ่มจึงเป็นปัญหาหลักของการเดินทางครั้งนี้“ตาแก่ถาน ข้ากระหายน้ำ”“แถวนี้ไม่มีน้ำหรอก อดทนอีกหน่อย พ้นจากตรงนี้ไปราวยี่สิบลี้น่าจะมีน้ำตกถ้าข้าจำไม่ผิด”“ยี่สิบลี้เลยหรือเจ้าคะ”ในขณะที่เสวียนหนี่กำลังหดหู่สิ้นหวังสายตาของนางเหลือบไปเห็นป่าไผ่ข้างทาง นางชี้มือไปที่ป่าไผ่พร้อมบอกเขาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นดีใจ“ตาแก่ถาน นั่นป่าไผ่เจ้าค่ะ”“ป่าไผ่แล้วอย่างไร”“ข้าหิวน้ำ ในต้นไผ่มีวุ้นสามารถกินแก้กระหายได้”“เจ้าก็ว่าไปเรื่อยคุณหนูอย่างเจ้าจะไปรู้เรื่องของป่าได้อย่างไร”เขาหัวเราะนางอย่างขำขัน แต่ก็ยังดึงบังเหียนบังคับล่อให้หยุดเมื่อจอดสนิทแล้วเสวียนหนี่กระโดดลงมาจากเกวียน&nb

  • เจ้าสาวประมุขหุบเขามืด   12.ผ่านด่านเมืองหลวง

    ผ่านด่านเมืองหลวงเช้าวันรุ่งขึ้น เสวียนหนี่ตื่นขึ้นมาพร้อมเสียงร้องของสัตว์บางชนิดนางลุกขึ้นจากเตียงไม้ไผ่ผุพังในกระท่อมของถานถานแล้วเดินออกมาขยี้ตาดูที่หน้ากระท่อมนั้นถานถานกำลังจูงล่อมาหนึ่งตัว ล่อตัวนี้ลักษณะดี แข็งแรงเหมาะแก่การใช้เป็นพาหนะในการแบกขน เจี่ยนถานถานมัดมันไว้กับเสาหน้าบ้านแล้วเดินมาดื่มน้ำดื่มท่าให้หายเหนื่อย“ท่านเอามันมาจากที่ใดเจ้าคะ”“ซื้อมา”“เอาเงินจากไหนไปซื้อมา”“ก็ปิ่นปักผมกับต่างหูนั่นอย่างไรอ้อมีแหวนด้วย”“ปิ่นและต่างหูของข้าท่านเอาไปตอนไหน”“ตอนเจ้าหลับ”คราวนี้เป็นเสวียนหนี่บ้างที่เป็นฝ่ายกัดฟันกรอดอย่างเหลืออดนางอยากจะกรีดร้องออกมาดัง ๆ แต่ก็ระงับสติได้ทันกลัวว่าถานถานจะไม่พานางไปหุบเขาอูยาเขายังดื่มน้ำในถุงหนังสัตว์อย่างไม่เป็นเดือดเป็นร้อนในขณะที่เสวียนหนี่ตอนนี้โมโหสุดขีดเพราะได้กลายเป็นคนสิ้นเนื้อประดาตัวโดยสมบูรณ์ความต

  • เจ้าสาวประมุขหุบเขามืด   11.วัดใจกันไปเลย!

    วัดใจกันไปเลย!“เห็นทีว่าท่านคงไม่อยากใช้ชีวิตอิสระอีกต่อไปแล้ว ก็ดี...เรียกทหารมาเลย”“เจ้าพูดอะไรของเจ้ากัน”“ทาสสินะ ทาสที่หลบหนีเสียด้วย”ถานถานหน้าถอดสี ความลับที่เขาเก็บซ่อนมานานนับสิบปี แม่นางผู้นี้รู้ได้อย่างไรกัน มาถึงตอนนี้เสวียนหนี่ไม่ได้เป็นรองเขาอีกต่อไป นางละสายตาไปยังกลุ่มทหารที่กำลังตรงมาหา เห็นท่าทีตื่นกลัวของถานถานนางยิ่งมั่นใจว่าตนเป็นฝ่ายเหนือกว่าบอกเขาต่ออย่างไม่เกรงกลัว“ทหารมานู่นแล้ว ข้าจะไม่หนี แต่ท่านกล้าวัดใจกับข้าหรือไม่เจ้าคะ”“เจ้าขู่ข้างั้นรึ”“ตัวข้านั้นรอดจากความตายมาหลายครั้ง ความตายหาใช่สิ่งน่ากลัวสำหรับข้าไม่ ตายแล้วก็หลุดพ้นแล้ว ๆ กันไป แต่ท่านนี่สิข้าดูก็รู้ว่าท่านโหยหาชีวิตอิสระเพียงใดหากถูกจับกลับไปเป็นทาสรองมือรองเท้าพวกขุนนางชั่วช้าอายุก็ไม่ใช่น้อย ๆ แล้วถูกทรมานโขกสับทั้งเช้าเย็นจะตายก็ไม่ได้ตายท่านว่าชีวิตที่เหลือของข้ากับท่านใครจะน่าเวทนาก

  • เจ้าสาวประมุขหุบเขามืด   10.ประกาศจับกบฏ

    ประกาศจับกบฏที่โรงเตี๊ยมในตลาด ถานถานพาเสวียนหนี่มาแล้วสั่งอาหารสามอย่าง มีเป็ดพะโล้ น้ำแกงซี่โครง ไก่ย่าง และที่ขาดไม่ได้เลยคือสุราหมัก ถานถานโลภมากจึงสั่งมาทีเดียวเลยห้าไห เขานั่งทานอย่างเอร็ดอร่อยราวกับว่าไม่เคยได้ลิ้มรสของดีเช่นนี้มาก่อนในชีวิต เสวียนหนี่ทานแค่พออิ่มจึงนั่งจิบชาต่อ เมื่ออิ่มแล้วถานถานได้แบมือออกมาตรงหน้านาง นางทำหน้ามึนงงสงสัยจึงถามกลับ"อะไรหรือเจ้าคะ""ข้าไม่มีค่าอาหาร เจ้าเอากำไลหยกมาให้ข้า ข้าจะเอาไปขายให้""ว่าอย่างไรนะเจ้าคะ""เอ้า เจ้าจะกินอิ่มโดยที่ไม่ต้องจ่ายค่าอาหารหรืออย่างไรหรือจะให้ข้าเป็นคนจ่าย แค่ให้เจ้าติดตามมาและยังต้องช่วยตามหาครอบครัวเจ้าอีก เท่านี้ข้าก็เสียเวลามากแล้ว"เสวียนหนี่เห็นว่าเป็นจริงดังที่เขาบอก หากเขาจะช่วยนางตามหาครอบครัวจริงนั่นเท่ากับว่าเขาได้เสียเวลาโดยใช่เรื่อง นางถอดกำไลออกมาแล้วยื่นให้เขา ตาแก่ถานยิ้มเต็มใบหน้าก่อนจะยื่นมือออกมารับกำไลไปทว่าอีกฝ่ายยังจับไว้แน่นไม่ยอมปล่อยง่าย ๆ"มีอะไรอีกเล่า"

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status