Share

14.รับบทคนขุดสุสาน

last update Last Updated: 2025-06-30 20:42:49

รับบทคนขุดสุสาน

“โมโหขนาดนี้อย่าบอกนะว่าเจ้าจะช่วยนาง”

ถานถานดึงแขนเสวียนหนี่เข้ามากระซิบกระซาบถามเป็นครั้งที่สอง

“ตาแก่ถาน ท่านพอจะช่วยลูกของนางได้หรือไม่เจ้าคะ”

“เหอะ อย่าฝัน”

หลังอาทิตย์อัสดงที่สุสานบรรพชนตระกูลผิง

“เจ้าบ้าไปแล้วรึ ตัวเองยังเอาตัวไม่รอดยังจะแส่หาเรื่องอีก”

เขาตำหนินางด้วยน้ำเสียงที่เบาพอสมควร บรรยากาศรอบตัวเงียบสงัดวังเวง ท้องฟ้ายามนี้สิ้นแสงไปได้ระยะหนึ่ง เสียงสัตว์ที่ออกหากินตอนกลางคืนดังหวีดหวิวน่าหวาดกลัว ในขณะที่ทั้งสองเดินตามทางรกร้างแคบ ๆ เสวียนหนี่เกาะชายผ้าชายแก่ไว้เพราะรู้สึกกลัวจนขนหัวลุก  ทุกย่างก้าวของนางสั่นเครือเกือบจะก้าวต่อไปไม่ไหว

สำหรับถานถานไม่ใช่เรื่องที่น่าตื่นกลัวอะไรเลย เพราะในบางวันที่เขาเข้าป่าไปหาตัดไม้ก็มักจะนอนกลางป่ากลางเขาเป็นเรื่องปกติ ไม่ว่าจะในสุสานหรือพงไพรล้วนบรรยากาศอึม

ครึมไม่แพ้กัน สัตว์ป่าที่ส่งเสียงน่ากลัวในยามราตรีไม่สามารถสร้างความหวาดกลัวให้แก่เขาได้  เขากลับคิดว่ามันเป็นเสียงขับกล่อมให้เขาหลับสบาย หรือบางครั้งก็ถือเอาว่าสัตว์เหล่านี้เป็นเพื่อนยามวิกาล ช่วยให้ตอนร่ำสุราลำพังกลางพงไพรไม่เงียบเหงา

“แล้วแม่ของนางไม่มาด้วยหรือ”

“แม่ของนางบอกว่าหากสามีหลับแล้วจะหาโอกาสแอบตามมาทีหลังเจ้าค่ะ”

“สตรีอ่อนแอเพียงนี้ แม้แต่จะลุกขึ้นมาต่อต้านสามีเพื่อลูกก็ยังไม่กล้า รอคอยแต่ความช่วยเหลือของผู้อื่น นิสัยรอพึ่งพาผู้อื่นเช่นนี้หากช่วยลูกของนางออกไปได้ ลูกของนางก็ยังจะถูกพ่อขายเอาเงินซ้ำแล้วซ้ำเล่า”

จะว่าไปถานถานพูดก็ไม่ผิด เสวียนหนี่ไม่เคยคิดถึงความจริงข้อนี้ หญิงชาวบ้านที่มาขอความช่วยเหลือเมื่อตอนหัวค่ำนางอ่อนแอเกินไป แม้แต่จะโต้ตอบสามีเพื่อปกป้องลูกยังไม่สามารถทำได้ หากถานถานและเสวียนหนี่ช่วยลูกของนางให้รอดพ้นภัยครั้งนี้ไปได้ ก็ไม่สามารถการันตีได้ว่าผู้เป็นพ่อจะไม่ขายลูกกินอีก

...บิดาใจทมิฬ ชั่วช้า ผีใดที่ว่าร้ายยังไม่เท่าผีพนันเข้าสิง

...ส่วนมารดาก็อ่อนแอ ขี้ขลาดและหวาดกลัวจนไม่สามารถปกป้องลูกได้ ชีวิตของเจ้าสาวผีช่างน่าสงสารยิ่งกว่าเจ้าของร่างที่นางทะลุมิติเข้ามาเสียอีก

“...ข้าไม่เคยคิดถึงความจริงข้อนี้ แต่ชีวิตคนสำคัญกว่า เราไม่สามารถเพิกเฉยต่อความตายของผู้บริสุทธิ์ได้เจ้าค่ะ”

“เหอะ ข้ารังเกียจคนดีแบบเจ้าที่สุด”

“ข้าไม่ใช่คนดี”

“แล้วเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเจ้าสาวผียังไม่ตาย”

“ตามหลักแล้วคนที่ถูกฝังทั้งเป็นจะมีชีวิตอยู่ได้ราวหนึ่งเค่อถึงครึ่งชั่วยาม บางคนอาจอยู่ได้นานถึงสามชั่วยามเลยก็เป็นได้ ข้าต้องรบกวนแรงท่านให้รีบขุดเร็วหน่อย”

“ข้าอีกแล้วเรอะ”

“ท่านแรงดีนี่เจ้าคะ สุราห้าไหยังเอาท่านไม่ลงเลย”

พูดจบทั้งสองก็เดินมาถึงหน้าสุสานบรรพชนตระกูลผิง ร่องรอยของการกลบฝังใหม่ทำให้รู้ตำแหน่งของโลงศพได้ไม่ยาก ซึ่งรอยฝังใหม่มีอยู่สองจุดเคียงกันเพราะเป็นการฝังแบบโลงคู่

“ขุดคนละโลงเถิดเจ้าค่ะ”

“ได้ ๆ คุณหนูฉู่เจ้ามาพนันกันไหมล่ะ”

“พนันอะไรเจ้าคะ”

“พนันว่าเจ้ากับข้าใครจะได้ผีใครจะได้คน”

“ย่อมได้ ข้าว่าข้าขุดได้คน ส่วนท่านขุดได้ผี ข้าคงไม่โชคร้ายเจอศพแน่นอน หากเจอคงติดตาข้าไปอีกนาน เร่งมือขุดก่อนเถิดเจ้าค่ะ ข้าคิดว่าหากท่านได้เห็นสมบัติที่ตระกูลผิงใส่ไว้ในโลง ของพนันจากข้าท่านคงไม่สนแล้วล่ะ”

"จริงของเจ้า ตระกูลผิงร่ำรวยขนาดนั้นต้องมีของดีในโลงแน่นอน"

ครอบครัวที่ค่อนข้างมีฐานะมักจะใส่สมบัติและของมีค่าไว้ในโลงศพผู้ตาย การที่เสวียนหนี่พูดถึงของมีค่าเป็นแรงจูงใจให้ถานถานเร่งมือขุดอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย เขาตั้งใจขุดไม่พูดไม่จาและไม่บ่นสักคำ

หนึ่งสตรีกับหนึ่งชายแก่รีบขุดหลุมศพอย่างขันแข็ง จนในที่สุดเสวียนหนี่ก็เจอเข้ากับฝาโลงหัวหมู นางร้องบอกถานถานอย่างดีใจ เขาจึงรีบเข้ามาช่วยนางเปิดฝาโลงออก เมื่อเปิดออกมาภาพที่เห็นตรงหน้าทำเสวียนหนี่ตกใจแทบสิ้นสติ เพราะร่างที่อยู่ในโลงนั้นคือบุรุษผิวซีดเซียว ใต้ตาดำคล้ำ ใบหน้าไร้เลือดฝาด ดูแล้วผู้ที่ตายยังหนุ่มยังแน่นแท้ ๆ

“ฮ่า ๆ คุณหนูฉู่เจ้าได้ศพ เจ้าแพ้ข้าแล้ว”

“ชะ เช่นนั้น ที่อยู่ในโลงของท่านน่าจะเป็นเจ้าสาวผี เร็วเถิดเจ้าค่ะเสียเวลามามากแล้ว ข้ากลัวนางจะหมดลมเสียก่อน”

“เร่งข้าเสียจริง เจ้ากำลังทรมานคนแก่นะรู้ตัวไหม”

เสวียนหนี่ไม่มีเวลาต่อปากต่อคำกับเขา นางใช้มือกับไม้แหลมตะกุยดินที่ฝังกลบโลงศพออกจนเล็บหัก แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่หยุดมือ ครู่ต่อมาฝาของโลงศพหัวหมูได้ปรากฏต่อสายตา เสวียนหนี่เริ่มคลี่ยิ้มออกมาอย่างมีความหวัง

ถานถานใช้กำลังทั้งหมดที่มีช่วยกันเปิดฝาโลงออก หลังจากเปิดออกแล้วทั้งสองต่างมองหน้ากันด้วยความตะลึงงัน

“ดะ เด็ก!”

“พวกเขาทำเช่นนี้ได้อย่างไร นี่มันเด็กอายุไม่น่าจะถึงสิบหนาวด้วยซ้ำ ขายเด็กมาเป็นเจ้าสาวผีเนี่ยนะ ให้ตายเถอะ”

"เฮ้อ เจ้าสาวผีมีใครอยากเป็นเล่า ถ้าหาผู้หญิงมาได้ไม่ว่าจะเป็นเด็กคนสาวหรือคนแก่ พวกมันก็เอาหมดนั่นแหละ"

"แต่พ่อที่ขายลูกนี่มันเลวเกินไปจริง ๆ"

เสวียนหนี่เอาร่างเด็กน้อยออกมาจากโลงแล้วอุ้มขึ้นมาเขย่าตัวปลุกให้ตื่น แต่ไม่มีทีท่าว่าเด็กจะลืมตาตื่นขึ้นมาเลย นางไร้สัญญาณชีพจรไปเสียแล้ว ดังนั้นเสวียนหนี่จึงวางร่างเด็กน้อยราบกับพื้นแล้วทำการปั๊มหัวใจตามความรู้ที่เคยได้เรียนมา

“พอเถิด เราทำเต็มที่แล้ว นางสิ้นใจไปแล้ว”

ถานถานบอกพร้อมกับเอนตัวทรุดนั่งอย่างอ่อนแรง เสวียนหนี่ยังคงไม่หมดหวังพยายามทำทุกวิถีทางให้เด็กน้อยผู้น่าสงสารมีสติตื่นฟื้น

"ไม่ เราช่วยนางมาขนาดนี้แล้วต้องช่วยต่อให้ถึงที่สุด ตัวนางยังอุ่นอยู่บางทีข้าอาจช่วยนางได้"

ในที่สุดแสงแห่งความหวังอันริบหรี่ก็มาเยือน เด็กน้อยเริ่มมีสัญญาณชีพจร นางค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาช้า ๆ แล้วร้องไห้ด้วยความตกใจรีบโผเข้ากอดเสวียนหนี่เพราะคิดว่าเป็นแม่ของตน

“โอ๋ ๆ อย่าร้อง เจ้าปลอดภัยแล้ว ปลอดภัยแล้วนะหนูน้อย เจ้าจะได้กลับบ้านไปหาแม่ของเจ้าแล้ว”

“เหอะ ป่านนี้แล้วแม่ของนางยังไม่โผล่หัวออกมาเลย”

ถานถานลุกขึ้นยืนพลางกวาดสายตาไปรอบ ๆ ยังไม่เห็นเงาผู้ที่ได้ชื่อว่ามารดาของเด็กจะโผล่มา

"นางต้องมาแน่ ลูกนางทั้งคนนะเจ้าคะ ไม่มีแม่คนไหนทิ้งลูกได้ลงคอหรอก...เว้นเสียแต่ว่า..."

พูดมาถึงตรงนี้เสวียนหนี่ก็พูดต่อไม่ออก เพราะนางลองย้อนคิดในมุมของคนเป็นแม่ดู ถ้าเสวียนหนี่เป็นแม่ของเด็กก็หวังเพียงอยากให้ลูกรอดพ้นภัยอันตราย แต่จะไม่มารับลูกกลับไปอย่างแน่นอน ถ้ากลับไปแล้วลูกต้องตกอยู่ในสภาพครอบครัวแบบนั้น ปล่อยให้เด็กได้ไปใช้ชีวิตกับคนที่ดีจะดีกว่า เสวียนหนี่คิดแล้วก็ถอนหายใจ ได้แต่ภาวนาว่าขออย่าได้เลวร้ายแบบที่นางคิด

...อย่าเป็นอย่างที่ข้าคิดเลย มารับลูกไปเสียเถิด ข้าไม่มีปัญญาดูแลนางให้ดีได้ แม้แต่ตัวข้าเองข้าก็ยังเอาตัวไม่รอด

เวลาผ่านมานานขนาดนี้แล้วสตรีผู้นั้นยังไม่โผล่หน้ามา...หรือว่าจะเป็นอย่างที่เสวียนหนี่กำลังหวั่นใจ ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไรเสวียนหนี่ยิ่งมั่นใจแล้วว่าสตรีผู้นั้นได้ทิ้งลูกของตนเองไว้กับนางและถานถาน

"ตาแก่ถานข้าว่าเราถูก-"

เสวียนหนี่กำลังจะหันไปบอกว่าตนถูกสตรีผู้นั้นหลอกเข้าแล้ว แต่เมื่อหันไปก็ต้องอึ้งกับภาพที่เห็น ตาแก่ถานกำลังกุลีกุจอเอาสมบัติในโลงใส่ห่อผ้าอย่างเมามัน เขาไม่สนใจนางกับเด็กแม้แต่เพียงหางตาแลมอง แต่กลับแย้มยิ้มอย่างมีความสุข สร้อยมุขอยู่ที่คอเขาสามเส้น ร่วมไปถึงกำไลและแหวนเขาก็สวมใส่อร่ามตาท่ามกลางแสงจันทราสาดส่อง

"ตาแก่ถาน!"

"ข้ายุ่งอยู่ เจ้าเองก็มาช่วยข้าเก็บสมบัติพวกนี้ก่อน เด็กนั่นปล่อยไว้ตรงนั้นแหละอย่างไรนางก็รอดตายแล้ว"

"...ตาแก่ถาน"

"อะไรอีกเล่า"

"ข้าว่า...เอ่อ...ท่านอย่าโมโหนะถ้าหากข้าพูดไป"

"ฮ่า ๆ เห็นสมบัติแล้วจิตใจเบิกบานข้ามีอะไรต้องโมโห"

"...ดะ เด็กนี่ต้องไปกับเรา"

เสวียนหนี่กล่าวเสียงอ่อนพลางฉีกยิ้มแห้ง ๆ ให้ถานถาน

"..."

ถานถานชะงักงันในทันที เด็กคือตัวปัญหาใหญ่ แค่นางคนเดียวเดินทางมาด้วยกันยังอดมื้ออิ่มมื้อ ผู้ใหญ่ทนหิวได้แต่เด็กทนหิวไม่ไหว อีกอย่างเสวียนหนี่เองก็เป็นนักโทษกบฏ ส่วนเขาเป็นทาสหลบหนี การหนีไปให้ไกลจากแคว้นเถียนโดยเร็วจึงเป็นจุดประสงค์หลัก ถ้ารับเด็กไปเป็นตัวถ่วงเขาไม่เห็นด้วยเลยจริง ๆ

ถานถานค่อย ๆ หันกลับมามองนางช้า ๆ แล้วแหกปากโวยวายลั่นสุสาน

"เจ้าจะบ้าเรอะ!  ตัวเองยังเอาตัวไม่รอดจะเอาเด็กนั่นไปเป็นภาระได้อย่างไร  ลำพังแค่เจ้าคนเดียวข้าก็ปวดหัวจะแย่"

"ชู่  เบา ๆ สิเจ้าคะ  เดี๋ยวคนก็รู้กันพอดีว่าเรากำลังขโมยสมบัติจากสุสาน ท่านใจเย็นก่อน ระงับโทสะ...ระงับโทสะ"

"เห้อะ!"

"ข้าคิดว่าแม่ของนางคงไม่มารับนางกลับไปแล้วล่ะเจ้าค่ะ ถ้าข้าเดาไม่ผิดนางเพียงหวังอยากให้เราช่วยลูกของนาง แต่ไม่คิดจะพาลูกกลับไปให้ถูกขายซ้ำ นางก็เลยยังไม่ออกมาจนถึงขณะนี้ บางทีนางอาจกำลังเฝ้ามองเราจากที่ไหนสักแห่งแต่ไม่ยอมปรากฏตัวออกมา ข้ารู้ว่าความรักของแม่ยิ่งใหญ่เพียงใด แต่ก็มีแม่บางคนที่คิดว่าปล่อยลูกไปอยู่กับผู้อื่นจะมีหนทางรอดมากกว่า"

...เช่นซินหยาง มารดาของเจ้าของร่าง เสวียนหนี่พูดไปก็ปวดหนึบที่ใจ เป็นเพราะความจำของเจ้าของร่างยังทิ้งรอยบาดแผลให้เศร้าโศก

"คิดแล้วเชียว"

"สงสารที่นางยังเด็กยังเล็กอยู่ ท่านเองก็เป็นผู้ใหญ่ใจดีมีเมตตา น้ำใจของท่านประเสริฐดุจขุนเขา อีกทั้งหน้าตายังงามสง่าสมวัย"

"พอแล้ว ข้าไม่หลงเชื่อคำยกยอหรอก พรุ่งนี้เช้าเอาเจ้าเด็กตัวปัญหาไปทิ้งไว้ในตลาด เดี๋ยวก็มีคนจับนางไปเลี้ยงเองนั่นแหละ"

"...จับไปเลี้ยงเป็นทาสนะหรือเจ้าคะ"

คำถามของนางทิ่มแทงใจถานถาน เพราะเขายังฝังใจกับการเป็นทาสอยู่ เห็นสีหน้าถานถานเปลี่ยนไปชัดเจนเสวียนหนี่ก็เริ่มมองออกว่านางพูดได้ตรงจุด

"ท่านก็รู้ว่าชีวิตทาสต้องเจอกับอะไรบ้าง นางยังเป็นเด็กใสซื่อบริสุทธิ์ อย่าให้นางต้องรับความลำเค็ญเพียงนั้นเลยเจ้าค่ะ เมตตานางเถิดนะเจ้าคะ ข้าสัญญาว่าข้าจะเป็นคนดูแลนางเอง สมบัติที่เอาไปจากสุสานเราสามารถขายเอาเงินมาประทังได้สักระยะหนึ่ง"

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เจ้าสาวประมุขหุบเขามืด   15.ทิ้งเด็กไว้แล้วไปต่อ

    ทิ้งเด็กไว้แล้วไปต่อถึงแม้มารดาของเด็กจะยังไม่มาตามนัด แต่ถานถานและเสวียนหนี่ไม่อาจทนรอจนฟ้าสางได้ถานถานควบเกวียนเข้ามาในตลาด พอถึงแหล่งชุมชนเขาอุ้มเด็กลงจากเกวียนแล้วปล่อยให้นางยืนโดดเดี่ยวทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อยู่ตรงนั้นด้วยความสงสารเสวียนหนี่พยายามขอร้องเขาแต่ถานถานก็ไม่คิดจะใจอ่อน“พื้นฐานจิตใจของท่านข้าคิดว่าไม่ใช่คนใจร้าย”“เจ้าจะไปรู้ดีกว่าข้าได้อย่างไร”“ท่านไม่สงสารนางหรือเจ้าคะ”“ไม่ ออกเดินทางได้แล้ว เราเสียเวลามามากพอแล้ว”“...”เขาบอกให้นางขึ้นเกวียนแล้วตนเองก็เข้าไปนั่งประจำที่ของตน ก่อนจากไปเสวียนหนี่ไม่ยอมละสายตาจากเด็กน้อยที่กำลังยืนร่ำไห้ชีวิตต่อจากนี้ไปจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ไม่อาจทราบได้ ที่เสวียนหนี่ทำได้คือช่วยให้นางมีลมหายใจต่อ แต่เสียใจที่ไม่อาจช่วยได้ตลอดรอดฝั่งเกวียนของทั้งสองออกจากจุดนั้นไม่นานก็มาหยุดอยู่ที่โรงพนัน เสวียนหนี่ชะเง้อมองเข้าไปข้างในเห็นผู้คนม

  • เจ้าสาวประมุขหุบเขามืด   14.รับบทคนขุดสุสาน

    รับบทคนขุดสุสาน“โมโหขนาดนี้อย่าบอกนะว่าเจ้าจะช่วยนาง”ถานถานดึงแขนเสวียนหนี่เข้ามากระซิบกระซาบถามเป็นครั้งที่สอง“ตาแก่ถาน ท่านพอจะช่วยลูกของนางได้หรือไม่เจ้าคะ”“เหอะ อย่าฝัน”หลังอาทิตย์อัสดงที่สุสานบรรพชนตระกูลผิง“เจ้าบ้าไปแล้วรึ ตัวเองยังเอาตัวไม่รอดยังจะแส่หาเรื่องอีก”เขาตำหนินางด้วยน้ำเสียงที่เบาพอสมควร บรรยากาศรอบตัวเงียบสงัดวังเวง ท้องฟ้ายามนี้สิ้นแสงไปได้ระยะหนึ่ง เสียงสัตว์ที่ออกหากินตอนกลางคืนดังหวีดหวิวน่าหวาดกลัวในขณะที่ทั้งสองเดินตามทางรกร้างแคบ ๆ เสวียนหนี่เกาะชายผ้าชายแก่ไว้เพราะรู้สึกกลัวจนขนหัวลุก ทุกย่างก้าวของนางสั่นเครือเกือบจะก้าวต่อไปไม่ไหวสำหรับถานถานไม่ใช่เรื่องที่น่าตื่นกลัวอะไรเลยเพราะในบางวันที่เขาเข้าป่าไปหาตัดไม้ก็มักจะนอนกลางป่ากลางเขาเป็นเรื่องปกติไม่ว่าจะในสุสานหรือพงไพรล้วนบรรยากาศอึมครึมไม่แพ้กัน สัตว์ป่าที่ส่งเสียงน่ากลัวใ

  • เจ้าสาวประมุขหุบเขามืด   13.เจ้าสาวผี

    เจ้าสาวผีเข้าสู่วันที่สิบของการออกเดินทาง เสบียงที่นำติดตัวมานั้นเริ่มร่อยหรอเต็มที เสวียนหนี่ก้มลงมองถุงผ้าที่นางห่อเสบียงแล้วมองไปรอบ ๆ ข้างทางที่ผ่านมานั้นไม่มีลำธารหรือบ่อน้ำให้เห็น เป็นเพราะเส้นทางที่เขาพามาไม่ได้สะดวกอย่างเช่นที่เขาได้บอกไว้ก่อนหน้าฉะนั้นการหาเสบียงเพิ่มจึงเป็นปัญหาหลักของการเดินทางครั้งนี้“ตาแก่ถาน ข้ากระหายน้ำ”“แถวนี้ไม่มีน้ำหรอก อดทนอีกหน่อย พ้นจากตรงนี้ไปราวยี่สิบลี้น่าจะมีน้ำตกถ้าข้าจำไม่ผิด”“ยี่สิบลี้เลยหรือเจ้าคะ”ในขณะที่เสวียนหนี่กำลังหดหู่สิ้นหวังสายตาของนางเหลือบไปเห็นป่าไผ่ข้างทาง นางชี้มือไปที่ป่าไผ่พร้อมบอกเขาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นดีใจ“ตาแก่ถาน นั่นป่าไผ่เจ้าค่ะ”“ป่าไผ่แล้วอย่างไร”“ข้าหิวน้ำ ในต้นไผ่มีวุ้นสามารถกินแก้กระหายได้”“เจ้าก็ว่าไปเรื่อยคุณหนูอย่างเจ้าจะไปรู้เรื่องของป่าได้อย่างไร”เขาหัวเราะนางอย่างขำขัน แต่ก็ยังดึงบังเหียนบังคับล่อให้หยุดเมื่อจอดสนิทแล้วเสวียนหนี่กระโดดลงมาจากเกวียน&nb

  • เจ้าสาวประมุขหุบเขามืด   12.ผ่านด่านเมืองหลวง

    ผ่านด่านเมืองหลวงเช้าวันรุ่งขึ้น เสวียนหนี่ตื่นขึ้นมาพร้อมเสียงร้องของสัตว์บางชนิดนางลุกขึ้นจากเตียงไม้ไผ่ผุพังในกระท่อมของถานถานแล้วเดินออกมาขยี้ตาดูที่หน้ากระท่อมนั้นถานถานกำลังจูงล่อมาหนึ่งตัว ล่อตัวนี้ลักษณะดี แข็งแรงเหมาะแก่การใช้เป็นพาหนะในการแบกขน เจี่ยนถานถานมัดมันไว้กับเสาหน้าบ้านแล้วเดินมาดื่มน้ำดื่มท่าให้หายเหนื่อย“ท่านเอามันมาจากที่ใดเจ้าคะ”“ซื้อมา”“เอาเงินจากไหนไปซื้อมา”“ก็ปิ่นปักผมกับต่างหูนั่นอย่างไรอ้อมีแหวนด้วย”“ปิ่นและต่างหูของข้าท่านเอาไปตอนไหน”“ตอนเจ้าหลับ”คราวนี้เป็นเสวียนหนี่บ้างที่เป็นฝ่ายกัดฟันกรอดอย่างเหลืออดนางอยากจะกรีดร้องออกมาดัง ๆ แต่ก็ระงับสติได้ทันกลัวว่าถานถานจะไม่พานางไปหุบเขาอูยาเขายังดื่มน้ำในถุงหนังสัตว์อย่างไม่เป็นเดือดเป็นร้อนในขณะที่เสวียนหนี่ตอนนี้โมโหสุดขีดเพราะได้กลายเป็นคนสิ้นเนื้อประดาตัวโดยสมบูรณ์ความต

  • เจ้าสาวประมุขหุบเขามืด   11.วัดใจกันไปเลย!

    วัดใจกันไปเลย!“เห็นทีว่าท่านคงไม่อยากใช้ชีวิตอิสระอีกต่อไปแล้ว ก็ดี...เรียกทหารมาเลย”“เจ้าพูดอะไรของเจ้ากัน”“ทาสสินะ ทาสที่หลบหนีเสียด้วย”ถานถานหน้าถอดสี ความลับที่เขาเก็บซ่อนมานานนับสิบปี แม่นางผู้นี้รู้ได้อย่างไรกัน มาถึงตอนนี้เสวียนหนี่ไม่ได้เป็นรองเขาอีกต่อไป นางละสายตาไปยังกลุ่มทหารที่กำลังตรงมาหา เห็นท่าทีตื่นกลัวของถานถานนางยิ่งมั่นใจว่าตนเป็นฝ่ายเหนือกว่าบอกเขาต่ออย่างไม่เกรงกลัว“ทหารมานู่นแล้ว ข้าจะไม่หนี แต่ท่านกล้าวัดใจกับข้าหรือไม่เจ้าคะ”“เจ้าขู่ข้างั้นรึ”“ตัวข้านั้นรอดจากความตายมาหลายครั้ง ความตายหาใช่สิ่งน่ากลัวสำหรับข้าไม่ ตายแล้วก็หลุดพ้นแล้ว ๆ กันไป แต่ท่านนี่สิข้าดูก็รู้ว่าท่านโหยหาชีวิตอิสระเพียงใดหากถูกจับกลับไปเป็นทาสรองมือรองเท้าพวกขุนนางชั่วช้าอายุก็ไม่ใช่น้อย ๆ แล้วถูกทรมานโขกสับทั้งเช้าเย็นจะตายก็ไม่ได้ตายท่านว่าชีวิตที่เหลือของข้ากับท่านใครจะน่าเวทนาก

  • เจ้าสาวประมุขหุบเขามืด   10.ประกาศจับกบฏ

    ประกาศจับกบฏที่โรงเตี๊ยมในตลาด ถานถานพาเสวียนหนี่มาแล้วสั่งอาหารสามอย่าง มีเป็ดพะโล้ น้ำแกงซี่โครง ไก่ย่าง และที่ขาดไม่ได้เลยคือสุราหมัก ถานถานโลภมากจึงสั่งมาทีเดียวเลยห้าไห เขานั่งทานอย่างเอร็ดอร่อยราวกับว่าไม่เคยได้ลิ้มรสของดีเช่นนี้มาก่อนในชีวิต เสวียนหนี่ทานแค่พออิ่มจึงนั่งจิบชาต่อ เมื่ออิ่มแล้วถานถานได้แบมือออกมาตรงหน้านาง นางทำหน้ามึนงงสงสัยจึงถามกลับ"อะไรหรือเจ้าคะ""ข้าไม่มีค่าอาหาร เจ้าเอากำไลหยกมาให้ข้า ข้าจะเอาไปขายให้""ว่าอย่างไรนะเจ้าคะ""เอ้า เจ้าจะกินอิ่มโดยที่ไม่ต้องจ่ายค่าอาหารหรืออย่างไรหรือจะให้ข้าเป็นคนจ่าย แค่ให้เจ้าติดตามมาและยังต้องช่วยตามหาครอบครัวเจ้าอีก เท่านี้ข้าก็เสียเวลามากแล้ว"เสวียนหนี่เห็นว่าเป็นจริงดังที่เขาบอก หากเขาจะช่วยนางตามหาครอบครัวจริงนั่นเท่ากับว่าเขาได้เสียเวลาโดยใช่เรื่อง นางถอดกำไลออกมาแล้วยื่นให้เขา ตาแก่ถานยิ้มเต็มใบหน้าก่อนจะยื่นมือออกมารับกำไลไปทว่าอีกฝ่ายยังจับไว้แน่นไม่ยอมปล่อยง่าย ๆ"มีอะไรอีกเล่า"

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status