Share

12.ผ่านด่านเมืองหลวง

last update Last Updated: 2025-06-28 20:42:32

ผ่านด่านเมืองหลวง

เช้าวันรุ่งขึ้น เสวียนหนี่ตื่นขึ้นมาพร้อมเสียงร้องของสัตว์บางชนิด นางลุกขึ้นจากเตียงไม้ไผ่ผุพังในกระท่อมของถานถานแล้วเดินออกมาขยี้ตาดู ที่หน้ากระท่อมนั้นถานถานกำลังจูงล่อมาหนึ่งตัว ล่อตัวนี้ลักษณะดี แข็งแรงเหมาะแก่การใช้เป็นพาหนะในการแบกขน เจี่ยนถานถานมัดมันไว้กับเสาหน้าบ้านแล้วเดินมาดื่มน้ำดื่มท่าให้หายเหนื่อย

“ท่านเอามันมาจากที่ใดเจ้าคะ”

“ซื้อมา”

“เอาเงินจากไหนไปซื้อมา”

“ก็ปิ่นปักผมกับต่างหูนั่นอย่างไร อ้อ มีแหวนด้วย”

“ปิ่นและต่างหูของข้าท่านเอาไปตอนไหน”

“ตอนเจ้าหลับ”

คราวนี้เป็นเสวียนหนี่บ้างที่เป็นฝ่ายกัดฟันกรอดอย่างเหลืออด นางอยากจะกรีดร้องออกมาดัง ๆ แต่ก็ระงับสติได้ทันกลัวว่าถานถานจะไม่พานางไปหุบเขาอูยา เขายังดื่มน้ำในถุงหนังสัตว์อย่างไม่เป็นเดือดเป็นร้อนในขณะที่เสวียนหนี่ตอนนี้โมโหสุดขีดเพราะได้กลายเป็นคนสิ้นเนื้อประดาตัวโดยสมบูรณ์

ความตั้งใจเดิมของนางคืออยากเอาของมีค่าทั้งหมดให้เขาเมื่อยามที่ออกเดินทางไปได้ระยะหนึ่ง เพราะขืนให้ไปตอนนี้นางหวั่นใจเหลือเกินว่าเขาอาจจะหักหลัง

“ไม่ต้องกลัวข้าหักหลังหรอกนะ ข้าเอาเงินไปซื้อล่อมาก็เพื่ออยากให้เจ้าเดินทางสะดวกยิ่งขึ้น หรือเจ้าจะเดินเท้าจากที่นี่เป็นหมื่นลี้ไปหุบเขาอูยาล่ะ”

ถูกของเขา เมื่อเขาอธิบายแล้วนางก็ใจเย็นลง ไม่มีทางที่นางจะเดินเท้าเป็นหมื่นลี้ไปถึงหุบเขาอูยาได้โดยเร็ว การใช้สัตว์เป็นยานพาหนะพาไปย่อมไปถึงได้รวดเร็วกว่า

“ข้ามีรถเข็นลาก ข้าต้องหาไม้มาต่อเพิ่มเติมให้ใหญ่ว่าเดิม ทำให้เป็นเกวียนเราจะได้เดินทางสะดวก”

“ข้าช่วยท่านเอง”

เขาไม่ว่าอะไรแต่เดินกลับไปที่ล่อแล้วเอาห่อผ้าที่อยู่บนหลังของมันโยนมาให้นาง เสวียนหนี่ที่ยังไม่ทันตั้งตัวรับไว้แทบไม่ทัน เมื่อเปิดห่อผ้าดูแล้วจึงพบว่าในห่อผ้านั้นคือเสื้อผ้าของ

บุรุษ  ถึงเนื้อผ้าจะหยาบกร้านเพราะถักทอด้วยวัสดุราคาถูกแต่นางก็ไม่นึกตำหนิถานถานเลย ออกจะประหลาดใจด้วยซ้ำที่เขายังคำนึงถึงนางอยู่บ้างไม่ได้เลวร้ายไปเสียหมด

“อาภรณ์บุรุษจงเอาไปเปลี่ยนเสีย อาภรณ์ถูก ๆ เจ้าคงใส่ได้”

“ข้าไม่ใช่พวกเจ้ายศถือตัว บัดนี้ข้าไม่มีสิทธิ์เลือกแล้ว ทางใดที่ทำให้ข้าสามารถรอดไปได้อย่างปลอดภัย ข้าจำเป็นต้องทำ”

“เช่นนั้นก็ดี ปลอมตัวเป็นบุรุษโอกาสรอดของเจ้าจะมีมากกว่า”

เสวียนหนี่มองตาแก่ถานอย่างซาบซึ้งใจ ก่อนที่เขาจะเบือนหน้าเดินหนีไปทางอื่นนางได้เรียกเขาไว้

“เจี่ยนถานถาน”

“มีอะไรอีก”

“ขอบใจท่านมาก รอข้าสักครู่ข้าจะเข้าไปเปลี่ยนอาภรณ์แล้วจะตามท่านเข้าป่าไปตัดไม้กับท่าน หากเราช่วยกันเราก็จะได้ไปจากที่นี่เร็วขึ้น ข้ากลัวว่าทหารจะไหวตัวทันเสียก่อน ภายในวันสองวันนี้ทุกอย่างต้องเรียบร้อย”

โชคดีที่กระท่อมของถานถานตั้งอยู่ห่างไกลจากผู้คน ดังนั้นจึงไม่มีใครเข้ามายุ่มย่าม เหตุผลหลัก ๆ ที่ถานถานต้องหนีมาอยู่ห่างไกลชุมชนขนาดนี้เสวียนหนี่พอเดาออกว่าเป็นเพราะเขาอยากปกปิดฐานะที่ตนเองเป็นทาสหลบหนี จึงไม่อยากอยู่ใกล้ใครและไม่อยากสุงสิงกับใครเกินความจำเป็น อาชีพของเขาคือเผาถ่านแล้วเอาไปฝากขาย ขายได้ก็เอาเงินไปซื้อสุรามานั่งดื่ม

เงียบ ๆ กลางป่ากลางเขา ง่วงก็นอน หิวก็เดินเข้าป่าไปล่าสัตว์และหาผลไม้ป่าเป็นอาหาร ชีวิตในแต่ละวันวนเวียนเช่นนี้

ทว่าบัดนี้ความสงบสุขของเขาคงจบลงเพราะนางแล้ว...

ช่วงยามเซิน ทั้งสองได้ใช้รถเข็นเล็กเดินขนไม้ออกมาจากป่า เมื่อมาถึงเสวียนหนี่ได้นำของที่เก็บได้จากในป่า อาทิเช่น ผักป่าและกระต่ายมาปรุงเป็นอาหาร วันนี้โชคดีที่ได้เผือกและมันติดมือมานิดหน่อย ส่วนถานถานเขาไม่คิดจะหยุดพัก กำลังเร่งมือต่อเกวียนใหม่โดยเร็ว คิดว่าภายในสองถึงสามวันที่นางกล่าวถึงนั้นคือระยะเวลาที่ยาวนานเกินไป หากทำเสร็จในคืนนี้แล้วออกเดินทางพรุ่งนี้ได้ก็คงจะดี

ตาแก่ถานต่อเกวียนไปก็จิบสุราไปพลาง ส่วนเสวียนหนี่เริ่มง่วงแล้วแต่นางยังช่วยเขาส่งเครื่องมืออดนอนไปด้วยกัน จนเมื่อถึงยามซื่อของวันรุ่งขึ้นทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อย สรุปแล้วทั้งเขาและนางล้วนไม่ได้นอนตลอดทั้งคืน เมื่อถึงวันถัดมาเวลาก็ล่วงเลยไปแล้วครึ่งวัน สองคนรู้สึกเหนื่อยล้าเต็มที

“เหลือเวลาอีกครึ่งวัน เจ้าไปพักผ่อนเถิด เราจะออกเดินทางไปคืนนี้เลย”

“ถ้าเราเดินทางไปตอนกลางคืนจะไม่ถูกสงสัยหรอกหรือเจ้าคะ”

“แน่นอน”

“แล้วเหตุใดท่านไม่รอพรุ่งนี้เช้า”

“ข้ามีเส้นทางที่ไม่ต้องผ่านด่านนอกเมือง แต่ทางเส้นนั้นค่อนข้างขรุขระไม่สะดวกสบาย แต่รับรองได้ว่าปลอดภัย ขอเพียงเราผ่านด่านเมืองหลวงออกไปได้ก่อนเท่านั้นก็ไม่มีอะไรต้องห่วง”

“มีกบฏหลบหนีเช่นนี้ทหารต้องตรวจตราหนาแน่นแน่”

“ก็ต้องลองดู”

“แต่ถ้าหากถูกจับได้ทั้งท่านและข้าถึงตายทั้งคู่”

“...”

เขาไม่พูดอะไรต่อแต่เดินไปยกไหสุราขึ้นมาดื่มจนหมด พอดื่มหมดก็ขว้างไหทิ้งไป เสียงไหสุราดังกระทบพื้นแตกเป็นเสี่ยง ๆ เสวียนหนี่มองแล้วไม่เข้าใจความคิดเขาเลยจริง ๆ หลังจากทิ้งศีรษะลงนอนได้ไม่ถึงห้าจิบน้ำชาเสียงกรนก็ดังลอยมา

ตามลม จนนางต้องใช้มือปิดหูแก้รำคาญ

...ตาแก่นี่ประหลาดคนนัก

คนแบบไหนกันทิ้งศีรษะลงไม่ทันไรก็หลับเป็นตายเสียแล้ว อนาคตข้างหน้านางจะเป็นเช่นไรก็ไม่มีทางรู้ได้เลย แต่ถานถานคือที่พึ่งเดียวของเสวียนหนี่ เช่นนั้นนางจะเลือกอะไรได้อีก เดินทางไปกับเขาก็อาจจะรอดแต่ถ้าหากยังรั้งอยู่ที่นี่ต่อไปหากถูกจับได้ตายอนาถแน่นอน

และแล้วถานถานก็ตื่นนอนขึ้นมาเมื่อปลายยามโหย่วพอดิบพอดี เขาตื่นจากการหลับใหลลืมตาขึ้นมาก็พบว่านางตื่นก่อนแล้วและกำลังก่อไฟเผามันเพื่อจะได้เอาไว้กินประทังยามหิว พอเผาสุกก็เอาใส่ห่อผ้าขนขึ้นรถเข็นที่ถูกต่อให้เป็นเกวียน ซึ่งถานถานผูกติดกับล่อเรียบร้อยแล้ว ส่วนน้ำดื่มค่อยไปหาเอากับลำธารข้างหน้า

หวังเพียงว่าผ่านด่านประตูเมืองหลวงไปให้ได้ก่อนอาทิตย์อัสดง อะไร ๆ คงง่ายดายขึ้นกว่าเดิม หมื่นพันลี้นับจากนี้คือการเดินทางครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต เสวียนหนี่ตื่นเต้นเสียยิ่งกว่าตอนได้ขึ้นเครื่องบินเป็นครั้งแรก นางทั้งตื่นเต้นและหวาดกลัวสารพัดเมื่อใกล้ประตูเมืองเข้าไปทุกที...ทุกที

ล่อเดินช้าลง เสียงของถานถานดังขึ้น เสวียนหนี่ที่นั่งอยู่บนเกวียนรีบพยายามข่มความกลัวทำตัวให้ไม่มีพิรุธ

“ถึงด่านตรวจแล้วอย่าทำตัวมีพิรุธนะ”

“เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ”

เขายังคงเดินอย่างปกติต่อไปจนถึงด่านตรวจคนเข้าเมือง ที่หน้าประตูทางออกมีทหารไม่น้อยกว่าสิบนาย เสวียนหนี่รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องเมื่อทหารนายหนึ่งเดินเข้ามาใกล้

“จะไปที่ใด”

หนึ่งในทหารถามขึ้นตาแก่ถานแสร้งหัวเราะแล้วกล่าวตอบ

“แฮะ ๆ ข้ากับลูกชายจะไปบ้านญาตินอกเมืองใกล้ ๆ นี่เอง”

“ลูกชายงั้นรึ”

ทหารทวนคำแล้วกำลังจะเดินมาใกล้ ระหว่างนี้เสวียน

หนี่หวาดกลัวจับจิต นางตื่นเต้นเสียจนเหงื่อแตกพลั่ก พลางนึกว่าทหารต้องไม่เชื่อแน่ ๆ ว่านางนั้นเป็นชาย นี่คือความจริงหาใช่ละครหลังข่าวที่นางเอกติดหนวดหรือติดไฝพูดเสียงห้าวแล้วใครต่อใครต่างดูไม่ออกอย่างโง่งม

...บ้าเสียจริง เชื่อก็โง่แล้ว บนโลกใบนี้ไม่มีผู้ใดโง่เขลาเพียงนั้นหรอก

“เจ้าหันหน้ามานี่ซิ”

เสวียนหนี่ค่อยหันกลับมาแล้วยิ้มแห้ง ๆ ทหารนายนี้จ้องหน้านางอยู่นานแล้วก็เดินวนสำรวจไปรอบ ๆ เหมือนกำลังพิจารณาบางอย่าง เสวียนหนี่เกร็งตัวจนแทบจะฉี่ราด

...ต้องไม่เชื่อแน่เลย เจ้าของร่างหน้าหวานปานน้ำผึ้งเพียงนี้ คงไม่มีทหารที่ไหนโง่ขนาดนั้นหรอก ข้าต้องตายแน่ ๆ

“หน้าเจ้า!”

นางสะดุ้งโหยงเมื่อทหารนายนั้นชี้หน้านาง ในใจของนางตอนนี้คิดเอาไว้ว่าเขาต้องมองนางออกแล้วว่าคือสตรีหาใช่บุรุษไม่

“หน้าเจ้า”

“มีอะไรหรือขอรับ”

ถานถานพูดขึ้นแล้ววิ่งกลับมายืนข้างเสวียนหนี่ ทั้งคู่ลุ้นจนตัวโก่งหัวใจหล่นไปอยู่แทบตาตุ่ม คิดในใจว่างานนี้อาจต้องมีคนตายคู่อย่างไม่ต้องสงสัย

“เจ้าหนุ่มนี่หน้ามันติดขี้เถ้า”

ขี้เถ้า! แค่ขี้เถ้าเองหรือ

ขี้เถ้าที่ติดมาคงจะเป็นตอนที่นางก่อไฟเผามัน เสวียน

หนี่และถานถานผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก ได้แต่อุทานอยู่ภายในใจว่า...โอ้ พระโพธิสัตว์!

พ้นเขตเมืองหลวงมาไกลราวสองลี้ เสวียนหนี่และถานถานส่งเสียงหัวเราะออกมาเพราะกลั้นขำเอาไว้ไม่อยู่ ที่น่าขันกว่านั้นคือไม่คิดว่าทหารคนนั้นจะมองไม่ออกจริง ๆ

“เจ้านี่โง่เสียจริง ฮ่า ๆ เกิดมายังไม่เคยเห็นใครโง่ได้เท่ากับเจ้า ขี้เถ้าติดหน้ายังไม่รู้ตัวอีก”

“ในเมื่อท่านก็เห็นว่าขี้เถ้าติดหน้าข้าตั้งแต่ออกจากกระท่อมแล้วเหตุใดถึงไม่บอกข้าสักคำ ในห่อผ้ามีมันเผา หากท่านยังว่าข้าโง่อีกข้าจะไม่แบ่งให้”

“เห้อะ มันก็มันข้าขุดมาได้แท้ ๆ”

“แต่ตอนนี้มันเป็นของข้าแล้ว”

หลังดวงอาทิตย์อัสดง ถานถานได้จุดไฟกองใหญ่  เขานำมันมาเผาใหม่เพื่ออุ่นให้ร้อน แสงจากเพลิงไฟให้ความสว่างไสวเป็นวงกว้าง รู้สึกอุ่นกายอุ่นใจกว่าตอนที่อยู่เมืองหลวง แค่ผ่านด่านเมืองหลวงมาได้ก็โล่งใจแล้วหนึ่งเปลาะ พอมันเผาเริ่มร้อนเขาก็ได้ใช้กิ่งไม้เขี่ยมันออกจากกองไฟ นำมาลอกเปลือกออกก่อนจะเอาเข้าปาก แต่แล้วถานถานก็ต้องรีบคายออกมาเพราะมันเผายังไม่คลายความร้อน ท่าทางของเขาดูตลกปนโง่เขลาสิ้นดี

“แค่ก ๆ ร้อน ๆ ร้อนชะมัด ปั๊ดโธ่”

ทางด้านเสวียนหนี่ยังไม่รู้สึกหิว นางได้เดินไปลูบหัวของล่อแล้วเกิดความสงสัยว่าเหตุใดเขาถึงเลือกซื้อล่อมาแทนม้า จึงได้เอ่ยปากถามขึ้น

“เหตุใดท่านถึงซื้อล่อมา เงินคงไม่พอซื้อม้าสินะเจ้าคะ ข้าเองก็ลืมไปว่าม้าน่าจะแพงกว่า”

“เพราะม้ามันเหมือนเจ้าต่างหากล่ะคุณหนูฉู่ ข้าก็เลยไม่ซื้อ”

“เหมือนอย่างไรเจ้าคะ”

“ล่อมันฉลาดกว่าม้า”

พูดเพียงเท่านั้นถานถานก็เอนหลังลงนอนในขนะที่อ้อมแขนของเขายังกอดไหสุราแนบแน่น เสวียนหนี่ที่ฟังแล้วจำต้องทวนคำพูดเขาใหม่ให้แน่ชัด

“ล่อมันฉลาดกว่าม้าหรือ...เอ๊ะ นี่ท่านว่าข้าโง่อีกแล้ว!”

ล่อ สัตว์ลูกผสมระหว่างม้ากับลา ฉลาดกว่าม้า แข็งแรงและอึดทนกว่า แถมราคายังถูกกว่าม้ามากมายหลายเท่า หากไม่ต้องการสัตว์ยานพาหนะที่อวดฐานะ ล่อจึงเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่ชาวบ้านเลือกใช้ขนของหนักและช่วยทำการเกษตรได้อย่างคุ้มค่ากับเม็ดเงินที่จ่ายไป แม้ว่าล่อมันจะสง่าน้อยกว่าม้า แต่ในสายตาเสวียนหนี่มันคือสัตว์ที่ดูน่ารักมากทีเดียว

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เจ้าสาวประมุขหุบเขามืด   15.ทิ้งเด็กไว้แล้วไปต่อ

    ทิ้งเด็กไว้แล้วไปต่อถึงแม้มารดาของเด็กจะยังไม่มาตามนัด แต่ถานถานและเสวียนหนี่ไม่อาจทนรอจนฟ้าสางได้ถานถานควบเกวียนเข้ามาในตลาด พอถึงแหล่งชุมชนเขาอุ้มเด็กลงจากเกวียนแล้วปล่อยให้นางยืนโดดเดี่ยวทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อยู่ตรงนั้นด้วยความสงสารเสวียนหนี่พยายามขอร้องเขาแต่ถานถานก็ไม่คิดจะใจอ่อน“พื้นฐานจิตใจของท่านข้าคิดว่าไม่ใช่คนใจร้าย”“เจ้าจะไปรู้ดีกว่าข้าได้อย่างไร”“ท่านไม่สงสารนางหรือเจ้าคะ”“ไม่ ออกเดินทางได้แล้ว เราเสียเวลามามากพอแล้ว”“...”เขาบอกให้นางขึ้นเกวียนแล้วตนเองก็เข้าไปนั่งประจำที่ของตน ก่อนจากไปเสวียนหนี่ไม่ยอมละสายตาจากเด็กน้อยที่กำลังยืนร่ำไห้ชีวิตต่อจากนี้ไปจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ไม่อาจทราบได้ ที่เสวียนหนี่ทำได้คือช่วยให้นางมีลมหายใจต่อ แต่เสียใจที่ไม่อาจช่วยได้ตลอดรอดฝั่งเกวียนของทั้งสองออกจากจุดนั้นไม่นานก็มาหยุดอยู่ที่โรงพนัน เสวียนหนี่ชะเง้อมองเข้าไปข้างในเห็นผู้คนม

  • เจ้าสาวประมุขหุบเขามืด   14.รับบทคนขุดสุสาน

    รับบทคนขุดสุสาน“โมโหขนาดนี้อย่าบอกนะว่าเจ้าจะช่วยนาง”ถานถานดึงแขนเสวียนหนี่เข้ามากระซิบกระซาบถามเป็นครั้งที่สอง“ตาแก่ถาน ท่านพอจะช่วยลูกของนางได้หรือไม่เจ้าคะ”“เหอะ อย่าฝัน”หลังอาทิตย์อัสดงที่สุสานบรรพชนตระกูลผิง“เจ้าบ้าไปแล้วรึ ตัวเองยังเอาตัวไม่รอดยังจะแส่หาเรื่องอีก”เขาตำหนินางด้วยน้ำเสียงที่เบาพอสมควร บรรยากาศรอบตัวเงียบสงัดวังเวง ท้องฟ้ายามนี้สิ้นแสงไปได้ระยะหนึ่ง เสียงสัตว์ที่ออกหากินตอนกลางคืนดังหวีดหวิวน่าหวาดกลัวในขณะที่ทั้งสองเดินตามทางรกร้างแคบ ๆ เสวียนหนี่เกาะชายผ้าชายแก่ไว้เพราะรู้สึกกลัวจนขนหัวลุก ทุกย่างก้าวของนางสั่นเครือเกือบจะก้าวต่อไปไม่ไหวสำหรับถานถานไม่ใช่เรื่องที่น่าตื่นกลัวอะไรเลยเพราะในบางวันที่เขาเข้าป่าไปหาตัดไม้ก็มักจะนอนกลางป่ากลางเขาเป็นเรื่องปกติไม่ว่าจะในสุสานหรือพงไพรล้วนบรรยากาศอึมครึมไม่แพ้กัน สัตว์ป่าที่ส่งเสียงน่ากลัวใ

  • เจ้าสาวประมุขหุบเขามืด   13.เจ้าสาวผี

    เจ้าสาวผีเข้าสู่วันที่สิบของการออกเดินทาง เสบียงที่นำติดตัวมานั้นเริ่มร่อยหรอเต็มที เสวียนหนี่ก้มลงมองถุงผ้าที่นางห่อเสบียงแล้วมองไปรอบ ๆ ข้างทางที่ผ่านมานั้นไม่มีลำธารหรือบ่อน้ำให้เห็น เป็นเพราะเส้นทางที่เขาพามาไม่ได้สะดวกอย่างเช่นที่เขาได้บอกไว้ก่อนหน้าฉะนั้นการหาเสบียงเพิ่มจึงเป็นปัญหาหลักของการเดินทางครั้งนี้“ตาแก่ถาน ข้ากระหายน้ำ”“แถวนี้ไม่มีน้ำหรอก อดทนอีกหน่อย พ้นจากตรงนี้ไปราวยี่สิบลี้น่าจะมีน้ำตกถ้าข้าจำไม่ผิด”“ยี่สิบลี้เลยหรือเจ้าคะ”ในขณะที่เสวียนหนี่กำลังหดหู่สิ้นหวังสายตาของนางเหลือบไปเห็นป่าไผ่ข้างทาง นางชี้มือไปที่ป่าไผ่พร้อมบอกเขาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นดีใจ“ตาแก่ถาน นั่นป่าไผ่เจ้าค่ะ”“ป่าไผ่แล้วอย่างไร”“ข้าหิวน้ำ ในต้นไผ่มีวุ้นสามารถกินแก้กระหายได้”“เจ้าก็ว่าไปเรื่อยคุณหนูอย่างเจ้าจะไปรู้เรื่องของป่าได้อย่างไร”เขาหัวเราะนางอย่างขำขัน แต่ก็ยังดึงบังเหียนบังคับล่อให้หยุดเมื่อจอดสนิทแล้วเสวียนหนี่กระโดดลงมาจากเกวียน&nb

  • เจ้าสาวประมุขหุบเขามืด   12.ผ่านด่านเมืองหลวง

    ผ่านด่านเมืองหลวงเช้าวันรุ่งขึ้น เสวียนหนี่ตื่นขึ้นมาพร้อมเสียงร้องของสัตว์บางชนิดนางลุกขึ้นจากเตียงไม้ไผ่ผุพังในกระท่อมของถานถานแล้วเดินออกมาขยี้ตาดูที่หน้ากระท่อมนั้นถานถานกำลังจูงล่อมาหนึ่งตัว ล่อตัวนี้ลักษณะดี แข็งแรงเหมาะแก่การใช้เป็นพาหนะในการแบกขน เจี่ยนถานถานมัดมันไว้กับเสาหน้าบ้านแล้วเดินมาดื่มน้ำดื่มท่าให้หายเหนื่อย“ท่านเอามันมาจากที่ใดเจ้าคะ”“ซื้อมา”“เอาเงินจากไหนไปซื้อมา”“ก็ปิ่นปักผมกับต่างหูนั่นอย่างไรอ้อมีแหวนด้วย”“ปิ่นและต่างหูของข้าท่านเอาไปตอนไหน”“ตอนเจ้าหลับ”คราวนี้เป็นเสวียนหนี่บ้างที่เป็นฝ่ายกัดฟันกรอดอย่างเหลืออดนางอยากจะกรีดร้องออกมาดัง ๆ แต่ก็ระงับสติได้ทันกลัวว่าถานถานจะไม่พานางไปหุบเขาอูยาเขายังดื่มน้ำในถุงหนังสัตว์อย่างไม่เป็นเดือดเป็นร้อนในขณะที่เสวียนหนี่ตอนนี้โมโหสุดขีดเพราะได้กลายเป็นคนสิ้นเนื้อประดาตัวโดยสมบูรณ์ความต

  • เจ้าสาวประมุขหุบเขามืด   11.วัดใจกันไปเลย!

    วัดใจกันไปเลย!“เห็นทีว่าท่านคงไม่อยากใช้ชีวิตอิสระอีกต่อไปแล้ว ก็ดี...เรียกทหารมาเลย”“เจ้าพูดอะไรของเจ้ากัน”“ทาสสินะ ทาสที่หลบหนีเสียด้วย”ถานถานหน้าถอดสี ความลับที่เขาเก็บซ่อนมานานนับสิบปี แม่นางผู้นี้รู้ได้อย่างไรกัน มาถึงตอนนี้เสวียนหนี่ไม่ได้เป็นรองเขาอีกต่อไป นางละสายตาไปยังกลุ่มทหารที่กำลังตรงมาหา เห็นท่าทีตื่นกลัวของถานถานนางยิ่งมั่นใจว่าตนเป็นฝ่ายเหนือกว่าบอกเขาต่ออย่างไม่เกรงกลัว“ทหารมานู่นแล้ว ข้าจะไม่หนี แต่ท่านกล้าวัดใจกับข้าหรือไม่เจ้าคะ”“เจ้าขู่ข้างั้นรึ”“ตัวข้านั้นรอดจากความตายมาหลายครั้ง ความตายหาใช่สิ่งน่ากลัวสำหรับข้าไม่ ตายแล้วก็หลุดพ้นแล้ว ๆ กันไป แต่ท่านนี่สิข้าดูก็รู้ว่าท่านโหยหาชีวิตอิสระเพียงใดหากถูกจับกลับไปเป็นทาสรองมือรองเท้าพวกขุนนางชั่วช้าอายุก็ไม่ใช่น้อย ๆ แล้วถูกทรมานโขกสับทั้งเช้าเย็นจะตายก็ไม่ได้ตายท่านว่าชีวิตที่เหลือของข้ากับท่านใครจะน่าเวทนาก

  • เจ้าสาวประมุขหุบเขามืด   10.ประกาศจับกบฏ

    ประกาศจับกบฏที่โรงเตี๊ยมในตลาด ถานถานพาเสวียนหนี่มาแล้วสั่งอาหารสามอย่าง มีเป็ดพะโล้ น้ำแกงซี่โครง ไก่ย่าง และที่ขาดไม่ได้เลยคือสุราหมัก ถานถานโลภมากจึงสั่งมาทีเดียวเลยห้าไห เขานั่งทานอย่างเอร็ดอร่อยราวกับว่าไม่เคยได้ลิ้มรสของดีเช่นนี้มาก่อนในชีวิต เสวียนหนี่ทานแค่พออิ่มจึงนั่งจิบชาต่อ เมื่ออิ่มแล้วถานถานได้แบมือออกมาตรงหน้านาง นางทำหน้ามึนงงสงสัยจึงถามกลับ"อะไรหรือเจ้าคะ""ข้าไม่มีค่าอาหาร เจ้าเอากำไลหยกมาให้ข้า ข้าจะเอาไปขายให้""ว่าอย่างไรนะเจ้าคะ""เอ้า เจ้าจะกินอิ่มโดยที่ไม่ต้องจ่ายค่าอาหารหรืออย่างไรหรือจะให้ข้าเป็นคนจ่าย แค่ให้เจ้าติดตามมาและยังต้องช่วยตามหาครอบครัวเจ้าอีก เท่านี้ข้าก็เสียเวลามากแล้ว"เสวียนหนี่เห็นว่าเป็นจริงดังที่เขาบอก หากเขาจะช่วยนางตามหาครอบครัวจริงนั่นเท่ากับว่าเขาได้เสียเวลาโดยใช่เรื่อง นางถอดกำไลออกมาแล้วยื่นให้เขา ตาแก่ถานยิ้มเต็มใบหน้าก่อนจะยื่นมือออกมารับกำไลไปทว่าอีกฝ่ายยังจับไว้แน่นไม่ยอมปล่อยง่าย ๆ"มีอะไรอีกเล่า"

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status