มารยาสาไถย
"เจ้ากล้ามากเลยนะที่ดูถูกการต้อนรับอย่างดีของข้า อ๋อ...ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าคงทราบแล้วว่ามีสตรีนางหนึ่งอ้างตัวว่าเป็นฉู่เสวียนหนี่เช่นกัน ข้าให้นางพักอยู่อย่างดีในเรือนไป๋เหอ หากยังให้เจ้านอนในห้องขังก็ดูจะไร้ความเป็นธรรมเกินไป"
"ข้าไม่ได้มาขอให้ตนเองไม่ต้องนอนที่ห้องขังเจ้าค่ะ แต่ข้ามาขอให้สหายของข้าไม่ต้องอยู่ในห้องขังเพราะทั้งสองคือคนแก่และเด็ก ที่นั่นทั้งหนาวยะเยือกและอับชื้น พวกเขาไม่อาจทนต่อความหนาวเย็นตลอดทั้งคืนในนั้นได้ หากท่านประมุขเมตตาเปลี่ยนที่คุมขัง ข้าขอรับรองว่าถานถานจะไม่หลบหนีแน่นอน"
"ไม่ได้"
ถานถานยังมีความผิดติดตัวจึงไม่สามารถให้ออกจากห้องขัง คำขอของนางฟังดูตลกเกินไปสำหรับเขา นางไปเอาความกล้าจากที่ใดถึงเอ่ยปากขอในสิ่งที่เขาให้ไม่ได้ หากได้ยินถึงหูชาวบ้านว่าเขาได้ปล่อยถานถานออกมาเพราะคำขอร้องของสตรีนางเดียวยังจะมีผู้ใดยำเกรงต่ออำนาจเขาได้อีก
"ถานถานคือนักโทษหลบหนี ส่วนเจ้าก็ยังพิสูจน์ตัวเองไม่ได้ว่าเป็นเสวี
ตัดสินโทษเจี่ยนถานถานยามโหย่วของวันเดียวกัน เสวียนหนี่ถูกแปลงโฉมใหม่เรียบร้อยนางไม่ได้ถูกส่งตัวเข้าห้องขังเช่นเดิม แต่ถูกนำตัวให้ไปพักที่เรือนไป๋เหอซึ่งเป็นสถานที่เดียวกันกับซูหนี่พักอาศัยด้วยความเป็นห่วงพวกพ้องที่ยังอยู่ในห้องขังเสวียนหนี่จึงไม่ได้ตรงไปยังเรือนไป๋เหอทันทีแต่นางแวะมาที่ห้องขังเสียก่อนเมื่อย่างกายเข้ามายังบริเวณห้องขัง บรรดาผู้คุมต่างมองนางตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้านั่นก็เพราะนางเปลี่ยนแปลงไปมากจริง ๆในสายตาพวกเขาสตรีงดงามผู้นี้ต่างจากสตรีมอมแมมที่ถูกคุมขังก่อนหน้านี้ไปถนัดตาฝ่ายถานถานพอเห็นว่าคนที่มาเยี่ยมเยือนคือเสวียนหนี่เขาก็ดีใจเป็นอย่างมาก เดินเข้ามาเกาะกรงห้องขังแล้วถาม“เจ้าหายไปไหนมาตั้งนานแล้วทำไมถึงได้แต่งกายด้วยชุดใหม่”“อย่าให้พูดเลยเรื่องมันยาว เอาเป็นว่าข้ากับประมุขหงได้ทำข้อตกลงกันบางอย่าง ท่านรู้เท่านี้ก็พอ…และที่ข้ามาที่นี่ก็เพื่อจะมารับเพียนเพียนออกไป”“ละ แล้วข้าล่ะ&
ยื่นข้อเสนอแลกชีวิตเมื่อได้ฟังชื่อของถานถานห่าวอู๋ก็มีแววตาที่เปลี่ยนไปโดยทันทีหลายสิบปีก่อนเขายังเป็นหนุ่มน้อยและได้รับหน้าที่ดูแลคลังเสบียงเป็นงานหลักเพียงอย่างเดียว หลังจากได้ทำงานที่มอบหมายได้เพียงสองปีก็เกิดไฟลุกไหม้ที่คลังเสบียงอย่างหนัก ข้าวของที่เก็บไว้ในคลังเสบียงถูกไฟเผาไหม้จนไม่เหลือซากตอนนั้นอี้เจ๋อโมโหหนักถึงขั้นสั่งให้คนตามล่าเอาชีวิตเจี่ยนถานถานตามหาเขาแทบพลิกแผ่นดิน ออกคำสั่งว่าหากพบเจอที่ใดสามารถสังหารถานถานได้ทันทีไม่ต้องจับกลับมาแบบเป็น ๆ“หลานจะรื้อคดีวางเพลิงคลังเสบียงขึ้นมาใหม่หรือ”“ไม่มีความจำเป็นต้องรื้อคดีใหม่ ในเมื่อเจี่ยนถานถานคือผู้กระทำผิด…เว้นเสียแต่ว่าคนที่วางเพลิงไม่ใช่เขา”ว่าแล้วอี้เฉินก็ตบท้ายด้วยรอยยิ้มแต่สายตาแข็งกร้าวมองตอบไม่กะพริบตาห่าวอู๋ไม่ได้รู้สึกว่ารอยยิ้มนั้นคือรอยยิ้มที่แสดงออกถึงความจริงใจและคำพูดเมื่อครู่นี้ยังพูดขึ้นเพื่อประเมินดูปฏิกิริยาเขาว่าจะมีท่าทางอย่างไร
ใครคือตัวจริง"รื้อคดีหาใช่เรื่องที่ควรทำ""ทำไมหรือขอรับท่านประมุข"หลีเหว่ยรีบถามขึ้นโดยทันที ส่วนอาจารย์โม่โฉวก็เห็นด้วยกับอี้เฉินจึงพยักหน้าตามช้า ๆ"ท่านอาจารย์เห็นด้วยกับท่านประมุขหรือขอรับ""ถูกแล้ว ตอนที่คลังเสบียงถูกเผาครั้งนั้นผู้ที่ทำหน้าที่ดูแลคลังเสบียงให้ประมุขอี้เจ๋อคือห่าวอู๋แต่ไม่คิดเลยว่าประมุขหงจะมีใจเป็นห่วงเป็นใยถานถานถึงเพียงนี้"เมื่ออ่านใจศิษย์เอกออกโม่โฉวก็ระบายยิ้มละมุนออกมา ยิ่งทำให้หลีเหว่ยมึนงงไปกันใหญ่เขามองทั้งสองคนสลับไปมา"ข้างงไปหมดแล้วขอรับ...ข้าไม่เข้าใจว่าเหตุใดท่านอาจารย์ต้องพูดว่าประมุขหงเป็นห่วงตาแก่ถานถานด้วยดูขัดกับนิสัยท่านประมุขหงนะขอรับ"พูดจบหลีเหว่ยก็หัวเราะแห้ง ๆ เพราะสายตาเฉียบคมที่มองมาทางเขาทำให้เขารู้สึกหนาว ๆ ร้อน ๆ"การรื้อคดีไม่ใช่เรื่องดีสำหรับถานถาน เขาอาจจะถูกฆ่าปิดปากก็เป็นได้หากรื้อคดีขึ้นมาใหม่ สู้ให้เขายอมรับผิดแล้วหาวิธีการอื่นไถ่โทษจะดีกว่า"
มารยาสาไถย"เจ้ากล้ามากเลยนะที่ดูถูกการต้อนรับอย่างดีของข้า อ๋อ...ข้าเข้าใจแล้วเจ้าคงทราบแล้วว่ามีสตรีนางหนึ่งอ้างตัวว่าเป็นฉู่เสวียนหนี่เช่นกันข้าให้นางพักอยู่อย่างดีในเรือนไป๋เหอหากยังให้เจ้านอนในห้องขังก็ดูจะไร้ความเป็นธรรมเกินไป""ข้าไม่ได้มาขอให้ตนเองไม่ต้องนอนที่ห้องขังเจ้าค่ะ แต่ข้ามาขอให้สหายของข้าไม่ต้องอยู่ในห้องขังเพราะทั้งสองคือคนแก่และเด็กที่นั่นทั้งหนาวยะเยือกและอับชื้นพวกเขาไม่อาจทนต่อความหนาวเย็นตลอดทั้งคืนในนั้นได้หากท่านประมุขเมตตาเปลี่ยนที่คุมขัง ข้าขอรับรองว่าถานถานจะไม่หลบหนีแน่นอน""ไม่ได้"ถานถานยังมีความผิดติดตัวจึงไม่สามารถให้ออกจากห้องขัง คำขอของนางฟังดูตลกเกินไปสำหรับเขานางไปเอาความกล้าจากที่ใดถึงเอ่ยปากขอในสิ่งที่เขาให้ไม่ได้หากได้ยินถึงหูชาวบ้านว่าเขาได้ปล่อยถานถานออกมาเพราะคำขอร้องของสตรีนางเดียวยังจะมีผู้ใดยำเกรงต่ออำนาจเขาได้อีก"ถานถานคือนักโทษหลบหนีส่วนเจ้าก็ยังพิสูจน์ตัวเองไม่ได้ว่าเป็นเสวี
เจ้าสาวประมุขมี 2 คน“เข้าไม่ได้”บุรุษสองนายที่กำลังทำหน้าที่เฝ้าทางเข้าออกหุบเขาชักดาบออกมาขวางถานถานไม่ให้เดินฝ่าเข้าไปด้านใน ถานถานใช้มือหยาบกร้านดันดาบคมกริมนั้นออกห่างตัวก่อนจะเสแสร้งหัวเราะประจบ“เหอะ ๆเหตุใดเข้าไม่ได้ละ ข้าก็บอกแล้วว่าแม่นางผู้นี้คือคนที่ประมุขหงต้องการตัว"เขาดันหลังเสวียนหนี่ออกมายืนข้างหน้า หญิงสาวเดินออกมาอย่างเกร็ง ๆ เพราะสิ่งที่ขวางทางอยู่นั้นคือกระบี่คมที่สามารถสะบั้นนางให้ขาดเป็นสองท่อนได้เพียงตวัดแกว่งแล้วใครเล่าจะไม่เกรงกลัว“เมื่อวานนี้ก็มีสตรีมาหาท่านประมุขนางอ้างตัวว่าเป็นว่าที่ฮูหยินท่านประมุขแล้วคนผู้นี้มอมแมมเหมือนยาจก บุรุษหรือสตรีก็มิอาจทราบได้ เราจะกล้าเสี่ยงปล่อยให้เข้าไปได้อย่างไร”หนึ่งในผู้คุมประตูเดินเข้ามากระซิบกระซาบอีกคน ถานถานเงี่ยหูฟังแล้วย่นคิ้วงงงวย เขาจำได้ดีว่าเสวียนหนี่เคยบอกว่าตนเองคือว่าที่ฮูหยินประมุขหงหรืออาจจะมีอะไรผิดพลาดไปตรงไหนเหตุใดถึงได้มี
มาถึงไวกว่าที่คิด“ท่านประมุขจะกลับเข้าหุบเขาอูยาตอนนี้เลยหรือขอรับ”หลีเหว่ยถามขึ้นในขณะที่หงอี้เฉินกระโดดขึ้นหลังม้า เขามองมายังสหายเพียงหนึ่งเดียวของเขาแล้วทอดมองทางคดเคี้ยวเบื้องหน้า นี่ก็เป็นเวลาเก้าวันแล้วที่เขาออกจากหุบเขาอูยามาเพื่อทำการธาราบำบัดตามคำแนะนำของผู้เป็นอาจารย์ น้ำตกเล็ก ๆ แห่งนี้คือแหล่งน้ำบริสุทธิ์ชั้นยอด เหมาะแก่การใช้บำบัดร่างกาย ทำให้สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระและยังรู้สึกผ่อนคลายไปในตัว อีกทั้งอี้เฉินยังชอบวิธีการบำบัดร่างกายด้วยวิธีนี้เป็นพิเศษเพราะเขาต้องการฝึกจิตใจให้สงบไปพร้อมกัน เขาเชื่อว่าผู้มีสติดีเท่านั้นจึงจะสามารถแก้ไขสถานการณ์ได้เป็นอย่างดี“นี่เพิ่งจะเก้าวันเองนะขอรับท่านอาจารย์”ผู้ติดตามหนุ่มหันไปสอบถามความคิดเห็นของโม่โฉว เขาพยักหน้าช้า ๆ คล้ายจะบอกว่าเห็นด้วยกับอี้เฉิน โม่โฉวรู้นิสัยอี้เฉินดีว่าถึงเขาทัดทานไว้ให้อยู่ต่ออี้เฉินก็จะไปตามใจปรารถนาอยู่ดี จะมีผู้ใดค้านเขาได้บ้าง ในเมื่อเขาเป็นคนที่ตัดสินใจแล้วมั