หลัวเยี่ยนเจ๋อและหลัวเทียนเฉิง พาโจวอวี้หลันกลับมาที่จวนอ๋องของพวกเขาตามคำสั่งของหลัวม่อเยียน ก่อนจะจัดให้นางไปอยู่ที่เรือนเล็กติดกับสระน้ำ ใกล้ ๆ กับตำหนักของพวกเขา เพื่อจะได้สอดส่องดูพฤติกรรมของนางได้อย่างใกล้ชิด อีกทั้งยังสั่งให้นาง ดูแลปัดกวาดจวน และทำงานเหมือนกับสาวรับใช้อีกด้วย
"ที่ข้ารับเจ้าเข้าจวนมา เพราะเป็นคำสั่งของเสด็จพี่ หึ!!! คราแรกข้าคิดจะรับเจ้าเป็นนางบำเรออุ่นเตียง แต่ยามนี้คงต้องดูนิสัยใจคอของเจ้าไปก่อน ว่าสมควรจะได้รับเกียรติเช่นนั้นหรือไม่"
หลัวเยี่ยนเจ๋อเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา แต่ทว่าสายตากลับมองหน้าอกของนางคราหนึ่ง ให้ตายเถอะ!!! นั่นหน้าอกหรือภูเขาไท่ซานกันแน่ เหตุใดมันจึงใหญ่ยิ่งกว่าศีรษะของเขาอีกเล่า!!!
โจวอวี้หลันที่เห็นเช่นนั้น ก็ยิ่งแอ่นอกสู้เขาอย่างไม่นึกอาย
แอ่นเข้าไปลูก!!! แอ่นเข้าไป!!! ดูสิ!!! จะทนได้สักเท่าใดกัน
หลัวเทียนเฉิงที่ได้เห็นเช่นนั้นก็รู้สึกปวดหนึบช่วงล่างจนเกินจะทน เขาเป็นบุรุษ มีสตรีงดงามเช่นนี้มาอยู่ตรงหน้า เขาไม่รู้สึกสิ่งใดก็บ้าเต็มทนแล้ว!!!
หลัวเยี่ยนเจ๋อที่เห็นว่านางยืนแอ่นหน้าอกเช่นนี้ก็ขมวดคิ้วมุ่น
"เหตุใดจึงยืนเช่นนั้น เจ้ายืนดีดีไม่เป็นหรืออย่างไร!!!"
"อ้อ หม่อมฉันเป็นเช่นนี้มาตั้งแต่กำเนิดแล้วเพคะ ท่านอ๋องโปรดอภัยด้วย"
หลัวเยี่ยนเจ๋อที่ได้ยินเช่นนั้นก็เสแสร้งแกล้งหันไปมองที่อื่น ในใจนึกด่าทอหลัวม่อเยียน รู้ทั้งรู้ว่าเขาเป็นโรคแพ้นม ยังจะส่งนางมา หากนางมิใช่เชลยศึกเขาจะไม่ว่าเลยสักคำ!!!
เขาเคยร่วมรบกับท่านพ่อของนางมาคราหนึ่ง ตาเฒ่าผู้นั้นทั้งเจ้าเล่ห์แสนกล มีหรือบุตรสาวเช่นนางจะไม่เป็นเหมือนท่านพ่อของตน!!!
แม้ต้าไห่จะเป็นแคว้นใหญ่ ปกครองโดยท่านอ๋องโจวหลาน เสด็จพ่อของเขากับท่านอ๋องโจวหลานเป็นสหายสนิทร่วมเป็นร่วมตายด้วยกันมาตั้งแต่วัยเยาว์ ต่างร่วมรบช่วยกันชิงแคว้นมาหลายสิบปี เมื่อรบชนะ เสด็จพ่อก็พระราชทานแคว้นต้าไห่ให้โจวหลาน และยังมอบตำแหน่งอ๋องให้ อีกทั้งบุตรสาวที่เกิดมาก็ยังได้รับพระกรุณาจากเสด็จพ่อให้แต่งตั้งนางเป็นถึงองค์หญิง นับเป็นความกรุณาอย่างที่มิเคยมีมาก่อน แต่เมื่อเสด็จพ่อสิ้นพระชนม์ โจวหลานกลับคิดละโมบโลภมาก หวังจะยึดแผ่นดินไท่หยาง จึงถูกเขาปราบปรามจนยอมพ่ายแพ้และส่งนางมาเป็นเครื่องบรรณาการซึ่งก็คือเชลยศึกจากต้าไห่
"ว่าแต่เจ้าไม่มีสาวใช้ติดตามมาหรือ?"
"ไม่มีเพคะ"
หลัวเยี่ยนเจ๋อที่เห็นนางเพียงคนเดียว ไร้สาวใช้ข้างกายคอยดูแลจึงเอ่ยถามนางด้วยความสงสัย โจวอวี้หลันจึงเอ่ยตอบเขาไปว่าไม่มี
จะมีได้เช่นไรเล่า? ความทรงจำของร่างเดิมบอกกับนางว่า พ่อของนาง เห็นนางเป็นเพียงเครื่องมือทางการเมือง นางจะเป็นหรือตายก็ไม่เกี่ยวกับเขา ขอเพียงให้ต้าไห่อยู่รอด ต่อให้แลกตัวนางออกไป เขาก็ยอม กว่านางจะเดินทางมาถึงไท่หยาง ช่างลำบากลำบนยิ่งนัก โชคดีที่ทหารคุ้มกันยังภักดี จึงส่งนางมาถึงไท่หยางได้อย่างปลอดภัย
"ก็ดี อยู่ที่จวนข้าอย่าคิดทำตัวสูงส่ง มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้าใจร้ายกับเจ้า!!!"
"เพคะ"
"อาเฉิง อาเฉิง!!!"
หลัวเยี่ยนเจ๋อกำลังจะหันไปเรียกหลัวเทียนเฉิงแต่กลับพบว่าแฝดน้องของตนได้เดินหนีห่างออกไปไกลด้วยความรีบร้อนเสียแล้ว หลัวเทียนเฉิงรีบเร่งกลับเรือนใหญ่ทันทีเพราะเขาทนมองหน้าอกของนางไม่ไหวแล้ว
จะทนอยู่ได้เช่นไรกัน เลือดไหลออกจากจมูกจนจะหมดตัวอยู่แล้ว!!!
ด้านโจวอวี้หลันนั้น นางก็รีบกลับมาทำความสะอาดเรือนเล็กอย่างเร่งด่วน ยามนี้ท้องฟ้ามืดครึ้มราวกับฝนกำลังจะเทกระหน่ำลงมา โชคดีที่นางได้ ป้าหลิว สาวใช้ใหญ่ในจวนมาช่วยนางทำความสะอาดเรือนอีกแรง
"ขอบคุณท่านป้ามากนะเจ้าคะ"
"เพคะ ได้ยินมาว่า พระองค์เป็นองค์หญิงของแคว้นต้าไห่หรือเพคะ"
"ใช่แล้ว แต่ป้าหลิวไม่ต้องมากพิธีกับข้านะเจ้าคะ ข้าน่ะมาอยู่ที่นี่ในฐานะสาวใช้"
"สาวใช้!!!"
"เจ้าค่ะ ท่านอ๋องน่ะรังเกียจข้า เฮ้อ!!! ช่างมันเถิด อย่างไรเสีย ข้าขอฝากตัวกับท่านป้าด้วยนะเจ้าคะ"
ป้าหลิวที่ได้ยินเช่นนั้นก็นึกเวทนาโจวอวี้หลันเป็นอย่างมาก สตรีน้อยอายุเพียงสิบห้าสิบหกปี แต่กลับต้องจากบ้านจากเมืองมาลำบากเช่นนี้
"องค์หญิงไม่ต้องกังวลนะเพคะ"
"ไม่ต้องเรียกข้าว่าองค์หญิงหรอกเจ้าค่ะ เรียกข้าว่าอวี้หลันก็พอ"
"เอ๋? จะดีหรือ?"
"ดีเจ้าค่ะ"
"เอ่อ อวี้หลัน หากเจ้าต้องการสิ่งใดก็มาถามข้าได้นะ ข้าน่ะอยู่ที่โรงครัวตลอดเวลา เรือนนอนข้าก็อยู่ไม่ไกลมากนัก"
"เจ้าค่ะป้าหลิว"
"ไป ๆ ข้าจะพาเข้าไปรู้จักกับเหล่าข้ารับใช้ในจวน"
โจวอวี้หลันพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะตามป้าหลิวไป ชาติก่อนนางเองก็เป็นเพียงผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง การข้ามภพมาเช่นนี้ แล้วจะต้องกลายเป็นเพียงสาวใช้ ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าลำบากใจอะไรมากนัก
เพียงไม่กี่วันโจวอวี้หลันก็รู้จักและสนิทสนมกับทุกคนในจวน เหล่าสาวใช้ต่างชื่นชอบนางเป็นอย่างมาก เพราะนางไม่ถือตนและยังจิตใจดีอีกด้วย
โจวอวี้หลันปรายตามองไปยังเรือนใหญ่ ก่อนจะครุ่นคิดในใจ
นางชอบท่านอ๋องแฝดสองคนนั้นยิ่งนัก อย่างไรเสียก็ต้องหาวิธีเข้าหาพวกเขาเสียแล้ว
ไม่ได้เป็นภรรยาเอกก็ช่างเถิด!!! ได้ร่างกายเขาสักสองสามครา นางก็พอใจแล้ว!!!
รัชศกหลัวเฉวียนปีที่5ม้าเร็วจากไท่หยาง ส่งข่าวมาแจ้งหลัวเยี่ยนเจ๋อและหลัวเทียนเฉิงว่า ฮ่องเต้หลัวเฉวียน ทรงสิ้นพระชนม์แล้วเมื่อคืนที่ผ่านมา ด้วยเพราะพิษร้ายที่สะสมในร่างกายมันรุนแรงจนกัดกร่อนทุกส่วนในกายจนหมดสิ้น ยามนี้ราชวงศ์กำลังสั่นคลอน ฮองเฮามีเพียงพระธิดาที่มีอายุเพียงไม่กี่ชันษาเท่านั้นไร้พระโอรสสืบทอดราชบัลลังก์ ยามนี้ไท่หยางกำลังต้องการฮ่องเต้พระองค์ใหม่ หลัวเยี่ยนเจ๋อและหลัวเทียนเฉิงรีบเร่งกลับไท่หยางโดยเร็ว พร้อมกับพาโจวอวี้หลันและบุตรชายทั้งสองติดตามมาด้วย ยามนี้โจวอวี้หลันกำลังตั้งครรภ์ที่สอง พวกเขาใช้เวลาร่วมสองคืนสามวันจึงเดินทางถึงไท่หยาง พระศพของฮ่องเต้หลัวเฉวียนถูกนำไปฝังในสุสานของราชวงศ์ ส่วนเหมยฮองเฮาก็ออกจากวังหลวงพร้อมกับองค์หญิงหลัวอิงอิง ไปบำเพ็ญเพียรที่วัดบนหุบเขา รักษาศีลภาวนาให้จิตใจบริสุทธิ์และไม่คิดจะกลับเข้าวังหลวงอีกชั่วชีวิต ยามนี้ที่วัดบนหุบเขาแห่งนั้นมีไต้ซือและสามเณรที่น่านับถือพักอาศัยอยู่หลายร้อยองค์ อีกทั้งยังมีภิกษุณีอาศัยอยู่ในวัดแห่งนั้นอีกด้วย หลัวเฉวียนตอนที่ยังมีชีวิตเขาก็ได้ขยายพื้นที่ของวัดให้กว้างขวางมากขึ้น เหล่าผู้คนต่างพากันไปไหว้พร
รัชศกเฉวียนปีที่1 ฮ่องเต้นามว่า หลัวเฉวียน เสียงบรรเลงเพลงขับขานแซ่ซ้อง ฮ่องเต้หนุ่มในชุดพัสตราภรณ์มังกรสีทองกำลังนั่งเคียงคู่อยู่กับสตรีที่สวมชุดสีแดง ปักลวดลายหงส์งามนั่นก็คือฮองเฮาของเขา นามว่า เหมยลี่อิง บุตรสาวของท่านแม่ทัพตระกูลเหมยเหมยฮองเฮาทรงประสูติพระธิดาหนึ่งองค์ ด้วยเพราะร่างกายของหลัวเฉวียนไม่ดีเท่าใดนัก นางจึงมิอาจตั้งครรภ์ได้อีก หลัวเฉวียนยังจำได้ดี วันที่เขาเดินทางมาไท่หยางเพื่อสู้ศึก เหมยลี่อิงกำลังตั้งครรภ์ แต่ทว่านางกลับเข้มแข็งและไม่ยอมเป็นตัวถ่วงเขา นางบอกว่า ขอเพียงประชาชนไท่หยางอยู่อย่างร่มเย็นสงบสุข นางยินดีสละความสุขส่วนตนได้เสมอแผ่นดินไท่หยางกลับมาอุดมสมบูรณ์อีกครา ฝนตกต้องตามฤดูกาล อีกทั้งสติปัญญาที่เก่งกาจของหลัวเฉวียนทำให้แผ่นดินไท่หยางอุดมสมบูรณ์ เหล่าราษฎรอยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข ขุนนางในราชสำนักก็ไม่คิดต่อต้านราชวงศ์อีกหลัวเฉวียนสั่งให้คนขุดดินเพื่อสร้างเป็นทางน้ำขนาดใหญ่ ให้แม่น้ำจากนอกเมืองหลวงไท่หยางไหลเข้ามาในพื้นที่ทำการเกษตรของชาวบ้านได้ รวมถึงสร้างพื้นที่กักเก็บน้ำไว้ใช้ยามเกิดภัยแล้งอีกด้วย และยังลดค่าภาษีต่าง ๆ ลงเป็นจำนวนมาก ผู้คนอยู่ดีกิ
เสียงฟ้าร้องพร้อมกับฝนห่าใหญ่ ทำให้โจวอวี้หลันรู้สึกหนาวเย็นยิ่งนัก ฝนตกในครั้งนี้ ไม่ได้สร้างความหวาดกลัวให้นางเหมือนในครั้งก่อน ๆ อีก ยามนี้นางกำลังยื่นมือไปลูบหัวของอาลู่และอาชิงเจ้าแมวอ้วนสองตัวด้วยความรักใคร่ฉาฮวาละสายตาจากสายฝนด้านนอก ก่อนจะทิ้งกายลงนั่งข้างกายโจวอวี้หลัน แล้วจึงเอ่ยขึ้นมา "ฝ่าบาทสิ้นพระชนม์แล้วเพคะ ดวงดาวของฮ่องเต้ดับสูญแล้ว" โจวอวี้หลันที่ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกตื่นตระหนกเป็นอย่างยิ่ง "ฉาฮวา หรือจะเกี่ยวกับพิธีบูชายัญเหล่านั้น""เพียงแค่ส่วนเดียวเพคะพระชายา การบูชาเทพและปีศาจ เป็นเพียงสิ่งยึดเหนี่ยวทางจิตใจเพียงเท่านั้น ฝ่าบาททรงถูกอำนาจและความทะเยอทะยานครอบงำจิตใจจนเกินจะแก้ไข ทำให้ขาดสติไตร่ตรองดีชั่ว หลงเชื่อคนผิด คิดกระทำการขัดต่อดวงชะตา ผลจึงออกมาเป็นเช่นนี้เพคะ""แล้วที่ได้ยินมาว่าดวงชะตาของฝ่าบาทคือดวงชะตาที่วิบัติ มันจริงหรือ?""จริงเพคะ ดวงวิบัติไม่ได้หมายถึงแผ่นดินจะวิบัติเพียงอย่างเดียว แต่คนรอบข้างที่รายล้อมฝ่าบาท หากไม่ตายด้วยน้ำมือของเขา ก็จะสิ้นชีพลงเพราะดวงชะตาของเขากดข่มเอาไว้ แต่ถ้าหากฝ่าบาททรงใช้สติปัญญาไตร่ตรองให้ดีและมองดูตนเองอย่างถ่อง
กว่าจะสะสางเรื่องราวตรงหน้าได้จนแล้วเสร็จหลัวเยี่ยนเจ๋อก็เหนื่อยไม่น้อยแล้ว หลัวเฉวียนสั่งให้เหล่าทหารนำซากศพของเหล่ากบฏต้าไห่ไปทิ้งในป่านอกเมืองเสีย ไม่ต้องกลบฝัง ปล่อยให้ฝูงกาทึ้งกินตามยถากรรม ส่วนหัวของโจวอวิ๋น ให้นำไปเสียบประจานที่หน้าประตูเมือง เพื่อมิให้แคว้นอื่นคิดทำเป็นเยี่ยงอย่าง ด้านหลัวเทียนเฉิงในยามนี้เขาบาดเจ็บหนักจากการต่อสู้ หมอหลวงจึงให้เขาพักฟื้นห้ามขยับกายทำสิ่งใดเป็นอันขาด หลัวเยี่ยนเจ๋อเองก็ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น "ขอบพระทัยเสด็จพี่รองยิ่งนัก""ข้าเต็มใจ อย่างไรเสีย ข้าคงต้องรีบกลับแคว้นเย่ว์ก่อนแล้ว ป่านนี้พระชายาคงจะร้อนใจยิ่งแล้ว เรื่องต่าง ๆ ที่ไท่หยางมีพวกเจ้าทั้งสองคอยจัดการ ข้าก็วางใจ""พี่รอง""หืม?""เรื่องราชโองการของเสด็จพ่อ...""ช่างเถิด หลัวม่อเยียนยังไม่ได้สิ้นพระชนม์ หากเขาคิดได้แล้ว ข้าก็ไม่อยากแย่งชิงบัลลังก์กับพี่น้อง"หลัวเฉวียนยิ้มให้หลัวเยี่ยนเจ๋ออย่างอ่อนโยน แต่ทว่ายังไม่ทันที่เขาจะได้เดินทางกลับแคว้นเย่ว์ ก็ได้ยินเสียงตะโกนก้องของราชเลขาดังขึ้นมาเสียก่อน "เย่ว์อ๋อง!!! ชินอ๋องแย่แล้วพ่ะย่ะค่ะ!!!"หลัวเฉวียนและหลัวเยี่ยนเจ๋อรีบหัน
ทหารไท่หยางตกตายไปกว่าครึ่ง หลัวเยี่ยนเจ๋อเห็นว่าปล่อยเอาไว้เช่นนี้คงไม่ดีแน่แล้ว จึงสั่งให้พ่อบ้านเฉียวรีบพาหลัวเทียนเฉิงที่บาดเจ็บสาหัสเข้าไปในเรือนเสียก่อน ส่วนเขาและหลัวเฉวียนจะต้านทัพของต้าไห่เอาไว้อย่างสุดกำลัง "ถึงเวลาตายของพวกเจ้าแล้ว!!! ฆ่าคนไท่หยางให้หมด!!!"โจวอวิ๋นส่งเสียงตะโกนก้องฟ้าสะเทือนปฐพี เหล่าทหารต้าไห่ที่ได้ยินเช่นนั้นต่างส่งเสียงโห่ร้องกึกก้อง พร้อมกับพุ่งเข้าเข่นฆ่าราษฎรของไท่หยางอย่างอำมหิตหลัวม่อเยียนในยามนี้จิตใต้สำนึกของเขามีแต่ความว่างเปล่า ความรู้สึกที่อยากได้ตัวฉาฮวาและโจวอวี้หลันไม่มีอีกแล้ว มีเพียงความรู้สึกที่ยากจะอธิบายในยามนี้ "ย้าาาาา!!!"ในความคิดของหลัวม่อเยียนมีเพียงคำว่า ฆ่า ฆ่าให้หมดเพียงเท่านั้น!!!หลัวเฉวียนไม่มีเวลาสนใจสิ่งใดแล้ว เขาร่วมรบเพื่อปกป้องไท่หยางอย่างสุดกำลังเช่นกัน นักพรตชราที่เขาอยากเห็นหน้ายามนี้คงไม่จำเป็นเสียแล้ว เพราะเขาได้ยินกับหูของตนเองแล้ว ว่ามันคือกบฏที่เข้ามาสร้างความปั่นป่วนให้แก่ไท่หยางดาบในมือของหลัวเฉวียนยังคงสังหารคนไม่หยุด แม้มีบางคราที่พิษจะกำเริบขึ้นมา แต่เขาเองก็ไม่ยอมหยุด ดาบในมือกวัดแกว่งอย่างรวดเร็วและว
เสียงกรีดร้องโหยหวนของราษฎรไท่หยางดังลอยมาเป็นระยะ อีกทั้งยังเกิดเพลิงไหม้เป็นวงกว้างทั่วทั้งเมืองหลวงไท่หยาง เหล่าทหารของต้าไห่ต่างควบม้าพุ่งทะยานเข้ามาในไท่หยางหลายแสนนาย หลัวเฉวียนและหลัวเยี่ยนเจ๋อที่ได้เห็นเช่นนั้นก็มองหน้ากันอย่างตื่นตระหนก จางไห่ถือโอกาสที่ทุกคนไม่ทันระวังตัว เงื้อดาบขึ้นสูงเตรียมจะจ้วงแทงมันลงไปที่หัวใจของหลัวม่อเยียน หลัวเยี่ยนเจ๋อที่ได้เห็นเช่นนั้นก็รีบเขวี้ยงมีดสั้นสกัดดาบของจางไห่ได้ทันเวลา ร่างสูงใหญ่พุ่งทะยานฟาดฝ่ามือเข้าที่กลางอกของจางไห่อย่างเต็มแรง จนฝ่ายตรงข้ามกระอักเลือดอีกครา ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด หลัวม่อเยียนหยัดกายลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะจ้องมองจางไห่ด้วยแววตาที่เย็นชา "จางไห่!!! เจ้า เหตุใดเจ้าจึงคิดสังหารข้า!!!"จางไห่ไม่ตอบ เขากระอักเลือดออกมาอีกคราอย่างทรมาน "เป็นเจ้าที่เปิดประตูเมืองหลวงให้เหล่ากบฏเช่นนั้นหรือ!!!"หลัวม่อเยียนหันไปเอ่ยถามจางไห่ด้วยน้ำเสียงที่คาดคั้น จางไห่ยังคงไม่ตอบ แต่ทว่ากลับหยัดกายลุกขึ้นยืน และเดินไปหาบุรุษวัยกลางคน ที่กำลังควบอาชามุ่งหน้าเข้ามายังทิศทางที่พวกเขาทั้งสี่คนอยู่ "โอ้ววว ได้มาดูพี่น้องเข่นฆ่ากันเช่นน