ช่วงเย็นโจวลี่อินกลับมาบ้าน หญิงสาวเปิดประตูเข้าไปในห้องนอน ก็เห็นเด็กน้อยกำลังนั่งเล่นอยู่บนโต๊ะ พอหันมาเห็นเธอเท่านั้นแหละก็รีบวิ่งเข้ามาหาทันที
"แม่กลับมาแล้ว" หลี่อิงอิงกอดโจวลี่อินเอาไว้แน่น รู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่แม่กลับมา "หนูได้กินข้าวกลางวันไหมจ๊ะ" โจวลี่อินเอ่ยถามลูกสาวขึ้น "กินค่ะ อิงอิงกินโจ๊ก" หลี่อิงอิงกินโจ๊กที่เหลือเมื่อเข้านี้เป็นอาหารกลางวัน โจวลี่อินรู้สึกโล่งใจที่เด็กน้อยได้กินข้าว เป็นเพราะความประมาทของเธอเองที่ไม่ได้เอานมกับขนมในมิติออกมาไว้ให้ลูกกิน "อิงอิงเด็กดี แม่มีไก่ทอดมาให้ลูกด้วยนะ" โจวลี่อินเอ่ยบอกพร้อมกับหยิบห่อข้าวกับไก่ทอดในกระเป๋าออกมา เดิมเธอไม่รู้ว่าสามารถนำอาหารกลางวันกลับมากินที่บ้านได้ ยังดีที่ได้รู้จากเพื่อนร่วมงาน พรุ่งนี้เธอคงจะเอาอาหารกลับมากินกับลูก "จริงเหรอคะ" หลี่อิงอิงได้ยินที่แม่บอกก็เอ่ยถามออกมาด้วยความตื่นเต้น ก่อนหน้านี้เธอเคยเห็นแต่พี่หลินกับพี่ชิงได้กิน ไม่คิดมาก่อนเลยว่าตนเองจะมีโอกาสได้กินบ้าง แม่ช่างดีกับเธอจริงๆ "จริงสิ แม่ไม่โกหกหรอกจ้ะ รีบมากินเร็ว" โจวลี่อินเอ่ยบอกพร้อมกับเดินเอาห่อข้าวไปวางที่โต๊ะแล้วแกะห่อข้าวออกเผยให้เห็นไก่ทอดชิ้นใหญ่กับข้าว หลี่อิงอิงรีบเดินไปนั่งที่เก้าอี้แล้วจ้องมองไก่ทอดอย่างไม่อยากเชื่อ มือน้อยหยิบไก่ทอดขึ้นมากินด้วยใบหน้ามีความสุขทำเอาโจวลี่อินรู้สึกดีใจไปด้วยที่เห็นลูกสาวได้กินของอร่อย "แม่คะ ที่คุณย่าพูดไม่เห็นจะเป็นความจริงเลย" จู่ๆ หลี่อิงอิงก็พูดขึ้น "คุณย่าพูดอะไรจ๊ะ" โจวลี่อินเอ่ยถามด้วยความสงสัย ไม่รู้ว่าเยว่ซื่อพูดอะไรไม่ดีให้เด็กอย่างหลี่อิงอิงฟัง "คุณย่าบอกว่าแม่นิสัยไม่ดี ไม่รักอิงอิง แต่อิงอิงว่าแม่ใจดีที่สุดเลย แล้วแม่ก็รักอิงอิงด้วย จริงไหมคะ" เด็กน้อยเล่าเรื่องที่ผู้เป็นย่าบอกก่อนจะเอ่ยถามแม่แล้วจ้องมองโจวลี่อินอย่างรอคอยคำตอบ "ลูกอย่าไปเชื่อที่คุณย่าบอก แม่รักอิงอิงมากที่สุดแล้ว" โจวลี่อินเอ่ยบอกพร้อมกับยื่นมือไปหยิบเม็ดข้าวที่ติดอยู่ที่ริมฝีปากของเด็กน้อยออกด้วยความรักใคร่ เธอคงจะต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว ไม่อย่างนั้นเด็กไร้เดียงสาอย่างหลี่อิงอิงจะต้องมาเป็นที่รองรับอารมณ์ของเยว่ซื่อ เธอไม่อยากให้ลูกมีความรู้สึกไม่ดีไปมากกว่านี้ "อิงอิงก็รักแม่ที่สุดค่ะ รักพ่อด้วย" หลี่อิงอิงบอกรักแม่แต่ไม่ลืมที่จะบอกรักพ่อ "กินอิ่มแล้ว ก็ไปอาบน้ำเถอะลูก" "ค่ะ" เด็กน้อยรับคำก่อนจะเดินไปเตรียมชุดแล้วออกจากห้องไป โจวลี่อินเดินไปล็อกประตูก่อนจะเข้าไปในมิติแล้วหยิบนมกับขนมออกมาเอาไว้สำหรับลูกสาว พอออกจากมิติโจวลี่อินก็นำนมกับขนมไปซ่อนไว้ในตู้เสื้อผ้าเพราะกลัวว่าคนอื่นจะเข้ามาเห็น เรียบร้อยแล้วหญิงสาวก็เปิดประตูเดินออกไปข้างนอก ตอนนี้ในห้องนั่งเล่นกำลังคึกคักเมื่อหลี่กุ้ยพ่อสามีและหลี่หยวนกับเด็กๆ เพิ่งจะกลับมา "คุณย่าคะ หลินหลินหิวมากเลย" หลี่หลินเอ่ยบอกคนเป็นย่าด้วยน้ำเสียงออดอ้อน "รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเร็ว จะได้รีบมากินข้าว วันนี้ย่าทำน้ำแกงไก่เอาไว้ให้ แถมยังตักเนื้อไก่เอาไว้ให้อาหลินกับอาชิงโดยเฉพาะเลยนะ" เยว่ซื่อเอ่ยบอกหลานรักด้วยน้ำเสียงใจดี ไม่เหมือนที่พูดกับหลี่อิงอิงเลยสักนิดเดียว ช่างเป็นยัยแก่น่ารังเกียจเสียจริง เด็กอย่างหลี่อิงอิงไปทำอะไรให้ เยว่ซื่อถึงได้ทำตัวร้ายกาจกับหลานตัวเองถึงขนาดนั้น "ค่ะคุณย่า" หลี่หลินรับคำก่อนจะวิ่งเข้าไปในห้องนอน หลี่ชิงจึงเดินตามน้องสาวเข้าไปในห้องเพื่อที่จะเปลี่ยนชุด "คุณเองก็ไปอาบน้ำเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันจะไปเตรียมอาหาร โจวลี่อินมาช่วยฉันยกอาหารหน่อย" เยว่ซื่อเอ่ยบอกหลี่กุ้ยก่อนจะหันไปเห็นลูกสะใภ้คนเล็กก็รีบเรียกมาใช้งานทันที "ขอฉันเก็บกวาดห้องก่อนนะคะแม่ แล้วฉันจะมาช่วย" โจวลี่อินเอ่ยบอกจบก็เดินเข้าไปจูงมือหลี่อิงอิงที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จเข้าไปในห้องส่วนตัวอย่างไม่สนใจว่าเยว่ซื่อจะโกรธมากขนาดไหน "ดีนักล่ะ ใช้นิดใช้หน่อยไม่เคยจะได้ อีกหน่อยฉันจะไล่พวกแกสองคนแม่ลูกออกไปจากบ้าน" เยว่ซื่อตะโกนด่าว่าสะใภ้ด้วยความโมโหก่อนจะเรียกหนิงเหมยมาช่วยทำแทน "แม่คะ สะใภ้เล็กอยู่ที่ทำงาน เอาแต่เล่าให้เพื่อนร่วมงานฟังว่าถูกแม่สามีรังแก ฉันล่ะทนฟังไม่ได้จึงไปพูดเตือนแต่สะใภ้เล็กกลับด่าว่าฉันยกใหญ่" หนิงเหมยเอ่ยใส่ความโจวลี่อินอย่างไม่อายปาก รู้สึกสะใจเมื่อเห็นแม่สามีโกรธเกลียดโจวลี่อินมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม "นังโจวลี่อินกล้าขนาดนี้เลยเหรอ ฉันเป็นแม่สามีของนังนั่นนะ คอยดูฉันจะเอาเรื่องนี้ไปบอกลูกชายฉัน" เยว่ซื่อตั้งใจว่าจะต้องโทรไปบอกอาหย่วนลูกชายของตนเองให้ได้ว่าภรรยาของลูกนั้นร้ายกาจขนาดไหน อย่าเพิ่งว่านางเอกของไรท์นะคะ ยกโทษให้นางด้วยน้าาาา ฝากกดเข้าชั้นคอมเม้นท์เป็นกำลังใจให้ไรท์ด้วยนะคะ แจ้งนะคะ ตอนหน้าไรท์จะขอติดเหรียญเป็นค่าขนมสักเล็กน้อยนะคะ อย่าลืมมาอุดหนุนผลงานไรท์ด้วยนะคะ แล้วจะเปิดให้อ่านฟรีระหว่างอัพจ้าาาเวลาผ่านไปโจวลี่อินได้ทำการเช่าร้านหน้าโรงเรียนเพื่อเปิดขายบะหมี่ แรกๆ ยังไม่ค่อยมีลูกค้าสักเท่าไร แต่หญิงสาวก็ไม่ท้อจนปัจจุบันมีลูกค้ามากมายจนหญิงสาวทำไม่ทันจึงต้องจ้างคนงานมาช่วย ร้านบะหมี่ของโจวลี่อินเริ่มมีชื่อเสียงขึ้นเรื่อยๆ วัตถุดิบที่ใช้ทำอาหารหญิงสาวก็เอาออกมาจากมิติ ทำให้มีรายได้เป็นกอบเป็นกำหญิงสาวจึงตัดสินใจให้สามีเป็นคนทำเรื่องซื้อบ้านก่อนจะย้ายออกจากบ้านเช่า หลี่อิงอิงดีใจมากที่ได้อยู่บ้านหลังใหญ่แล้วมีห้องนอนส่วนตัวตอนนี้ขาของหลี่เหว่ยหายดีแล้ว ชายหนุ่มช่วยงานหญิงสาวในร้าน ถึงแม้ทางกองทัพจะอยากให้ชายหนุ่มกลับไปทำงานให้ แต่หลี่เหว่ยก็ปฏิเสธเพราะอยากอยู่ใกล้ชิดกับภรรยาและลูกสาวมากกว่าเมื่อปิดร้านบะหมี่เรียบร้อยแล้วโจวลี่อินกับหลี่เหว่ยก็ไปรับลูกสาวที่โรงเรียน ตอนนี้หลี่อิงอิงโตขึ้นมากแล้ว เมื่อเห็นพ่อกับแม่มารอรับก็รีบวิ่งมาหาทันที ทั้งสามเดินไปรอรถประจำทาง ระหว่างรอหลี่อิงอิงก็เล่าเรื่องในโรงเรียนไม่หยุดจนกระทั่งรถมาจอดตรงหน้าหลี่อิงอิงถึงได้หยุดพูด ทั้งสามคนขึ้นไปหาที่นั่ง ก่อนที่โจวลี่อินจะเอ่ยบอกกับลูกสาวว่าวันนี้จะพาไปกินข้าวข้างนอกบ้าน หลี่อิงอิงได้ยินก็ดีใจเป็นอ
หลี่เหว่ยขึ้นไปบนเตียงแล้วจับเขาเรียวแยกออกจากกันเผยให้เห็นดอกไม้งามที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำหวาน มือหนาจับแก่นกายขนาดใหญ่ไปจ่อกลางร่องก่อนจะลากขึ้นลงทำเอาโจวลี่อินส่งเสียงครางออกมา ปลายหยักชุ่มไปด้วยน้ำหวานชายหนุ่มก็ไม่รอช้าที่จะดันแก่นกายเข้าไปในโพรงสวาท ด้วยความคับแน่นทำเอาโจวลี่อินรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูกหลี่เหว่ยครางอยู่ในลำคอด้วยความทรมานเมื่อแก่นกายโดนตอดรัดอย่างหนัก ชายหนุ่มจึงตัดสินใจยกสะโพกขึ้นก่อนจะกระแทกกลับลงไปอย่างแรงทำให้แก่นกายจมหายเข้าไปในกายสาวจนมิดลำนิ้วร้อนสัมผัสกับเกสรดอกไม้ที่กำลังบวมเป่ง หลี่เหว่ยออกแรงเขี่ยไปมาเบาๆ ก่อนจะขยี้ ทำเอาโจวลี่อินดิ้นพล่านไปมาด้วยความเสียวซ่าน สะโพกสอบขยับขึ้นลงจากช้าเป็นเร็วขึ้นแก่นกายผลุบเข้าออกกลางกายสาวจนกลีบสวาทยับยู่ยี่ไปตามแรงกระแทกชายหนุ่มก้มใบหน้าลงไปแลบลิ้นออกมาไล้เลียที่ปลายถันก่อนจะอ้าปากดูดดึงเข้าไปในอุ้งปากส่วนสะโพกสอบก็ขยับขึ้นลงทำเอาหญิงสาวเสียวสะท้านไปทั้งตัวโจวลี่อินแอ่นสะโพกขึ้นสู้แรงกระแทกของชายหนุ่มด้วยความรัญจวน มันช่างดีเหลือเกิน แขนเรียวยื่นไปกอดรัดร่างหนาเอาไว้แน่น ยิ่งชายหนุ่มสร้างความเสียวให้มากเท่าไรเล็บคมก
ผ่านไปหลายเดือน เช้าวันนี้โจวลี่อินตื่นขึ้นมาแต่เช้าปลุกลูกสาวให้ลุกไปอาบน้ำแต่งตัวไปโรงเรียน วันนี้เป็นเปิดเรียนวันแรก หลี่อิงอิงที่ตื่นเต้นจะได้ไปโรงเรียนก็รีบลุกขึ้นอาบน้ำ โจวลี่อินช่วยลูกสาวแต่งตังเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ไปทำอาหารเช้าหลังจากทำอาหารเสร็จก็ยกไปวางบนโต๊ะก่อนจะเรียกสามีกับลูกสาวมากินข้าว สองพ่อลูกพากันเดินมานั่งที่เก้าอี้ โจวลี่อินจึงตักข้าวใส่ถ้วยให้กับทั้งสองคนก่อนจะตักให้ตัวเองหลังจากกินข้าวกันเสร็จเรียบร้อยแล้วหญิงสาวก็เก็บถ้วยบนโต๊ะไปล้างก่อนจะเปลี่ยนชุดเตรียมพาลูกสาวไปส่งโรงเรียนทั้งสามคนเดินออกจากบ้านไปรอรถประจำทาง ไม่นานรถก็มาจอดตรงหน้า ทั้งสามคนจึงเดินขึ้นรถก่อนจะหาที่นั่ง รถแล่นเข้าสู่ท้องถนน หลี่อิงอิงที่ตื่นเต้นเป็นพิเศษพูดกับพ่อแม่ด้วยน้ำเสียงเจื้อยแจ้วไม่นานก็มาถึงโรงเรียนที่ก่อนหน้านี้หลี่เหว่ยกับโจวลี่อินพาลูกสาวมาสมัครเรียน ลงจากรถเรียบร้อยแล้วโจวลี่อินก็จูงมือลูกสาวไปหน้าโรงเรียนที่มีครูผู้หญิงมายืนต้อนรับเด็กนักเรียนหลี่อิงอิงทำความเคารพคุณครูก่อนจะเดินเข้าโรงเรียนด้วยความตื่นเต้น โจวอินจึงฝากฝังให้ครูช่วยดูแลลูกสาว คุณครูก็รับปากว่าจะดูและหลี่อิงอ
หลังจากส่งของถึงมือของเพื่อนหลี่เหว่ย ฝ่ายนั้นก็พอใจกับสินค้ามาก จึงทำการส่งเงินมาจ่ายค่าของ ครั้งนี้โจวลี่อินได้เงินมาเยอะพอสมควรจึงชวนสามีกับลูกสาวไปกินข้าวข้างนอกบ้าน ทั้งสามคนกำลังเตรียมตัวก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายดังมาจากหน้าบ้านพร้อมกับเสียงเคาะประตูตอนแรกโจวลี่อินจะไปดู แต่หลี่เหว่ยอาสาจะไปดูแทน พอเปิดประตูออกไปก็เห็นเยว่ซื่อยืนร้องไห้ดวงตาแดงก่ำอยู่หน้าบ้าน"อาเหว่ย ต้องช่วยพี่ชายของลูกนะ" เยว่ซื่อเอ่ยบอกหลี่เหว่ยด้วยน้ำเสียงสะอื้น"คุณจะมาที่นี่อีกทำไม ผมบอกแล้วว่าห้ามมาข้องเกี่ยวกันอีก" หลี่เหว่ยพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา เตรียมจะปิดประตูห้องแต่เยว่ซื่อก็รีบเอามือดันประตูไว้ไม่ยอมให้ชายหนุ่มปิด"อย่าใจร้ายกับแม่กับพี่ชายของลูกมากนักเลย ตอนนี้อาหยวนกำลังลำบาก โดนนังตัวดีอย่างหนิงเหมยแจ้งทางการว่าอาหยวนมีชู้ แถมนังนั่นยังจ้างนักสืบหาหลักฐานมาด้วย ทางการเลยให้อาหยวนหย่ากับนังนั่นพร้อมจ่ายค่าเลี้ยงดู แต่ตอนนี้อาหยวนไม่มีเงินเลย ลูกต้องมีเงินเก็บอยู่แล้วใช่ไหม เอามาให้อาหยวนจ่ายค่าเสียหายก่อนได้ไหม" เยว่ซื่อพูดเสียยืดยาว สรุปก็คืออยากจะได้เงินของหลี่เหว่ยเพื่อไปให้หลี่หยวน โจวลี่อินที
หลังจากกินข้าวเช้าเรียบร้อยแล้วโจวลี่อินก็ออกไปข้างนอก หญิงสาวไปในที่ลับตาคนก่อนจะหยิบของออกมาจากมิติมากมายตามรายการที่เพื่อนของหลี่เหว่ยสั่งเอาไว้ พอเอาออกมาเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวก็ว่าจ้างคนให้แบกของไปส่งที่สถานีรถไฟ รออีกฝ่ายได้รับของหลังจากนั้นก็จะส่งเงินมาจ่ายค่าของโจวลี่อินทำธุระเสร็จแล้วก็ขึ้นรถประจำทางกลับบ้าน ไม่นานรถก็มาถึง หญิงสาวเดินลงจากรถก็ต้องชะงักเมื่อเจอเข้ากลับหนิงเหมย โจวลี่อินทำเป็นมองไม่เห็น กำลังจะเดินผ่านหนิงเหมยไป แต่อีกฝ่ายก็ร้องเรียกพร้อมกับเข้าไปจับแขนเรียวเอาไว้"เธอมาที่นี่ทำไม" โจวลี่อินเอ่ยถามเสียงแข็งก่อนจะสะบัดแขนให้หลุดจากการเกาะกุมของหนิงเหมย"คือว่าฉันอยากจะมาขอยืมเงินน่ะ" หนิงเหมยเอ่ยบอกถึงความต้องการของตนเองออกไปทันที ความจริงแล้วเธอก็ไม่อยากจะทำแบบนี้ แต่เพราะไม่มีทางออกจริงๆ ก็เลยต้องบากหน้ามาขอยืมเงินจากโจวลี่อิน"ฉันไม่มีเงินมากถึงขนาดให้ใครยืมหรอก กลับไปซะเถอะ" โจวลี่อินบอกปัดอย่างไร้เยื่อใย เรื่องอะไรเธอจะต้องให้คนที่เกลียดเธอยืมเงินด้วย"แต่ว่าฉันจำเป็นจริงๆ นะ ถ้าหากว่าไม่ได้เงินกลับไปฉันต้องตายแน่ๆ" ก่อนหน้านี้เธอโดนไล่ออกจากงานเพราะทำงานผ
หลี่เหว่ยเห็นภรรยาต้องไปขายของที่ตลาดมืดทุกวันก็รู้สึกสงสาร วันนี้ชายหนุ่มจึงออกจากบ้านเพื่อไปใช้โทรศัพท์ที่ศูนย์บริการ ชายหนุ่มโทรหาเพื่อนสนิทที่กองทัพ ตอนแรกว่าจะขอความช่วยเหลือแต่พอได้ยินว่ากองทัพกำลังขาดแคลนอาหาร ชายหนุ่มจึงคิดว่าเป็นโอกาสดีที่เขาจะหาเงินได้จากเรื่องนี้ หลี่เหว่ยจึงลองเสนอความคิดของตนเองให้เพื่อนฟังว่าเขานั้นจะหาทางส่งเสบียงอาหารไปให้แต่ของที่หายากอาจจะมีราคาแพงนิดหน่อย เพื่อนชายหนุ่มได้ฟังก็ดีใจมากบอกเพียงว่าถ้ามีอาหารส่งมาให้เขาก็พร้อมที่จะจ่ายหลี่เหว่ยจึงบอกกับเพื่อนว่าจะโทรไปแจ้งความคืบหน้าอีกทีเมื่อหาเสบียงอาหารได้ หลังวางสายจากเพื่อนชายหนุ่มก็เดินไปรอรถประจำทาง ระหว่างยืนรอรถอยู่นั้นก็มีหญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาหา"ใช่พี่เหว่ยไหมคะ" หญิงสาวเอ่ยถามด้วยความไม่แน่ใจว่าจะใช่คนที่ตนเองรู้จักหรือไม่ เพราะเธอก็ไม่ได้เจออีกฝ่ายมานานแล้วหลี่เหว่ยมองคนตรงหน้าก่อนจะพยายามนึกว่าเคยรู้จักหญิงสาวมาก่อนไหม แต่นึกเท่าไรก็นึกไม่ออก ชายหนุ่มจึงตอบรับว่าตนเองนั้นคือหลี่เหว่ยก่อนจะเอ่ยถามกลับว่าหญิงสาวเป็นใคร"ฉันถิงถิงไงคะ เคยเป็นรุ่นน้องที่โรงเรียนของพี่เหว่ย" หญิงสาวเอ่ยแนะ