เรื่อง ทะลุมิติมาเป็นคุณนายทหาร ยุค 70 เมื่อพยาบาลสาวโสดทะลุมิติมาอยู่ในร่างของคุณแม่ลูกหนึ่ง พวงด้วยสามีที่เกลียดเธอเข้าไส้ คล้ายสวรรค์จะยังไม่พอใจ เธอยังต้องมาสู้รบกับแม่สามีใจทราม แล้วจากนี้เธอจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไง เรื่อง เมื่อนางร้ายทะลุมิติมาเป็นหญิงชนบท เธอเป็นถึงนางร้ายเบอร์หนึ่ง ในชีวิตไม่เคยคิดเลยว่าตนเองจะทะลุมิติมาอยู่ในยุคที่อดยากถึงขนาดนี้ สามีก็ไม่รัก แถมเธอยังมีลูกสาวต้องเลี้ยงดูอีก ทั้งยังมีแม่สามีที่ร้ายกาจ แต่คนอย่างเธอหรือจะยอม เรื่อง ข้ามเวลามาเป็นหญิงชั่วช้าที่สามีจะหย่า หลี่เซียงเฟย ที่เป็นถึงบุตรภรรยาเอกของท่านกั๋วกง โดนลอบทำร้าย ทำให้นางข้ามเวลามายุค 80 แถมยังมีลูกหนึ่ง สามีก็เอือมระอา แม่สามีก็ไม่ปลื้ม แต่นางหรือจะสน เงินเท่านั้นค่ะที่นางต้องการ
View Moreภายในอพาร์ทเม้นท์มีหญิงสาวคนหนึ่งกำลังนอนหลับอยู่ ข้างๆ มีเด็กน้อยวัยสามขวบครึ่งกำลังเขย่าแขนเรียวของแม่เพื่อปลุกให้อีกฝ่ายตื่นขึ้นมา
"แม่คะ อิงอิงหิว" หลี่อิงอิงเป็นลูกสาวของโจวลี่อินกับหลี่เหว่ยซึ่งตอนนี้ชายหนุ่มไปเป็นทหารอยู่ที่ค่าย นานๆ ถึงจะได้กลับมาเยี่ยมบ้านที
"นี่แกจะเรียกฉันทำไมนักหนาหะ! หิวก็ไปหาอะไรกินเองสิ ฉันจะนอน อย่ามากวน" โจวลี่อินตื่นขึ้นมาก่อนจะตะคอกเสียงใส่หลี่อิงอิงลูกสาวของตนเอง ก่อนจะนอนต่ออย่างไม่สนใจอะไร
หลี่อิงอิงได้ยินแม่เสียงดังใส่ก็เบะปากก่อนจะส่งเสียงร้องออกมาทำเอาโจวลี่อินเกิดความรำคาญลุกขึ้นมาแล้วฟาดฝ่ามือที่ไปที่ร่างเล็กอย่างแรง
"แกจะร้องทำไม ฉันจะตีแกให้ตายเลย" โจวลี่อินตะคอกเสียงใส่ลูกสาวพร้อมกับฟาดมือใส่ร่างเล็กไม่ยั้งด้วยความโมโห
"แม่คะ อิงอิงเจ็บ ฮือๆ" หลี่อิงอิงร้องบอกแม่เมื่อรู้สึกเจ็บไปทั้งตัว ไม่คิดว่าแม่จะใจร้ายถึงขนาดลงไม้ลงมือกับตนเองได้
"ฉันก็ตีให้แกเจ็บไง จะได้จำว่าอย่ามากวนใจฉันอีก" โจวลี่อินเอ่ยบอกเมื่อตีลูกสาวจนพอใจแล้วก็ลากร่างเล็กเดินตรงไปที่ประตูห้องก่อนจะเปิดประตูแล้วผลักเด็กน้อยออกไปแล้วปิดประตูก่อนจะเดินกลับมานั่งที่เตียง
ทำไมชีวิตของเธอจะต้องเป็นอย่างนี้ด้วย ได้แต่งงานกับทหารอย่างหลี่เหว่ยแทนที่จะได้เป็นคุณนายใช้ชีวิตสบายกลับต้องมาลำบากตั้งท้องคลอดตัวไร้ประโยชน์อย่างหลี่อิงอิงออกมา เธอไม่ชอบเด็กมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วแต่นี่กลับต้องมาเลี้ยงเด็กคนหนึ่ง ช่างน่ารำคาญจริงๆ
แม่สามีอย่างเยว่ซื่อก็เป็นผู้หญิงร้ายกาจ สามีของเธอส่งเงินมาเท่าไรแม่สามีก็ไม่ยอมแบ่งมาให้เธอเลยสักหยวน แล้วแบบนี้จะไม่ให้เธอโมโหได้อย่างไง
เยว่ซื่อนั้นเอาแต่ลำเอียงรักหลานสองคนที่เกิดจากหนิงเหมยสะใภ้ใหญ่กับหลี่หยวนลูกชายคนโตที่ทำงานเป็นครู
ถ้าหากจะต้องมาเจอแม่สามีอย่างเยว่ซื่อให้ตายเธอก็จะไม่ยอมแต่งงานเข้ามาในสกุลนี้เด็ดขาด ยิ่งคิดโจวลี่อินก็ยิ่งโมโห
เธอทำงานในโรงงานเย็บรองเท้าซึ่งวันนี้เป็นวันหยุดคิดว่าจะนอนสบาย ที่ไหนได้ดันเจอตัวไร้ประโยชน์อย่างหลี่อิงอิงมากวนใจเสียได้
เมื่อคิดได้ดังนั้นร่างบางจึงล้มตัวลงนอนบนเตียงก่อนจะห่มผ้าแล้วหลับตาลงไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น
ด้านนอกห้องหลี่อิงอิงที่ถูกผลักออกมาจนล้มก็ร้องออกมาด้วยความเจ็บ เยว่ซื่อที่ได้ยินเสียงร้องก็เปิดประตูห้องนอนออกมาดู พอเห็นว่าเป็นหลี่อิงอิงก็ตวาดเสียงดังออกมาทันทีด้วยความโมโห
"มีใครตายหรือไง ถึงได้ร้องไห้เสียงดังไปทั่วบ้านอย่างนี้ แม่เธอไม่เคยสอนมารยาทมาเลยหรือไง"
"คุณย่าอิงอิงเจ็บ" เด็กหญิงเอ่ยบอกเยว่ซื่อทั้งน้ำ
"อย่ามาสำออย หยุดร้องเดี๋ยวนี้นะ ไม่อย่างนั้นฉันจะหยิกให้เนื้อเขียวเลย" เยว่ซื่อพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด รู้สึกรำคาญเสียงร้องเป็นอย่างมาก
"อิงอิงจะไม่ร้องแล้วค่ะ" เด็กหญิงที่กลัวโดนทำโทษจึงหยุดร้องแล้วเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
"นังเด็กเวร แล้วแม่ของแกยังไม่ตื่นหรือไง ทำไมถึงไม่ลุกมาทำงานบ้าน นอนจนตะวันสายโด่งขนาดนี้แล้ว ไม่รู้ว่าลูกชายฉันเอาผู้หญิงอย่างนี้มาเป็นภรรยาได้อย่างไรกัน" เยว่ซื่อเอ่ยออกมาด้วยความหงุดหงิดเมื่อไม่เห็นโจวลี่อินออกมาจากห้องเสียที เยว่ซื่อจึงเดินไปหยุดหน้าห้องของโจวลี่อิน ก่อนจะเคาะประตูเสียงดังลั่น
ปังๆๆ
"โจวลี่อิน ตื่นได้แล้ว ออกมาทำงานบ้านเดี๋ยวนี้นะ" เยว่ซื่อตะโกนบอกเสียงดังด้วยความโมโห โจวลี่อินเป็นตัวขี้เกียจจริงๆ วันหยุดแทนที่จะออกมาช่วยงานบ้าน เอาแต่นอนอยู่ในห้อง อย่างนี้มันใช้ได้ที่ไหน
ร่างบางบนเตียงได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวายดังมาจากนอกห้องก็รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาด้วยความหงุดหงิด เป็นนังแก่เยว่ซื่ออีกแล้วที่มาเคาะประตูห้องของเธอ จะมีวันไหนบ้างที่ชีวิตของเธอจะสงบสุข
"คนจะหลับจะนอน มาเสียงดังอะไรอยู่หน้าห้องของฉันกัน" โจวลี่อินเปิดประตูพร้อมกับเอ่ยออกมาเสียงดังด้วยความโมโหแล้วจ้องมองเยว่ซื่อด้วยความไม่พอใจ
"จะนอนอะไรกันนักกันหนา ออกมาทำงานบ้านได้แล้ว" เยว่ซื่อเอ่ยบอกเสียงดัง
"ทำไมฉันต้องทำ วันนี้มันวันหยุดของฉันนะ" โจวลี่อินเถียงเยว่ซื่อเสียงดัง หนึ่งอาทิตย์จะมีวันหยุดแค่สองวัน ทำไมเธอจะต้องไปทำงานบ้านให้เหนื่อยด้วย
"ก็เป็นวันหยุดไง ฉันถึงได้บอกให้เธอออกมาทำงานบ้าน จะมาให้ฉันทำงานงกๆ คนเดียวไม่ได้หรอกนะ"
"ทำไมแม่จะทำไม่ได้ ในเมื่อแม่ก็ไม่ได้ทำงานนอกบ้าน มีเวลาเยอะแยะก็เอาไปทำงานบ้านสิ จะมาให้คนทำงานนอกบ้านมาทำงานบ้านได้อย่างไง" จะเอาเปรียบกันเกินไปแล้ว แม่สามีเป็นแม่บ้านก็สมควรแล้วที่ต้องทำงานบ้าน
"นี่แกกล้าเถียงฉันหรอ ฉันบอกให้แกทำแกก็ต้องทำ" เยว่ซื่อเอ่ยว่าลูกสะใภ้คนเล็กด้วยความโมโห
"ฉันไม่ทำ ถ้าอยากมีคนช่วยงานบ้านนักก็ไปตามสะใภ้ใหญ่ของแม่มาทำสิ" เรื่องอะไรที่เธอจะต้องไปทำงานบ้านอยู่คนเดียวในเมื่อบ้านนี้ก็มีสะใภ้อีกคนหนึ่ง
"หนิงเหมยกำลังนอนพักผ่อนอยู่ จะไปรบกวนสะใภ้ใหญ่ไปทำไมกัน"
"ฉันก็กำลังนอนพักผ่อนอยู่ แม่ยังมาเคาะประตูเรียกฉันให้ไปทำงานบ้านได้เลย ทำไมสะใภ้ใหญ่ถึงจะลุกขึ้นมาทำบ้างไม่ได้" เธอละเกลียดเยว่ซื่อเหลือเกิน ช่างเป็นแม่สามีที่ลำเอียงซะจริงๆ
"แกอย่ามาต่อล้อต่อเถียงกับฉันนะ ฉันสั่งให้แกไปทำแกก็ต้องไปทำ" เยว่ซื่อขึ้นเสียงใส่โจวลี่อินด้วยความโมโห ถ้าหากทำได้เธอล่ะอยากจะไล่นังตัวขี้เกียจนี่ออกจากบ้านซะจริงๆ
"นังแก่ ฟังนะว่าฉันไม่ทำ แล้วอย่ามายุ่งกับฉันอีก" โจวลี่อินเอ่ยบอกจบก็เตรียมจะเดินกลับเข้าไปในห้อง
"นี่แก่กล้าดีอย่างไงมาเรียกแม่สามีอย่างนี้ วันนี้ถ้าฉันไม่ได้จัดการแกอย่ามาเรียกฉันว่าเยว่ซื่อเลย" หญิงวัยกลางคนเอ่ยบอกด้วยความโมโหก่อนจะปรี่เข้าไปตบหน้าของโจวลี่อินอย่างแรงจนเกิดเสียงฝ่ามือกระทบใบหน้าดังลั่น
เพี๊ยะ!!
"โอ๊ย! นังแก่ แกกล้าตบฉันหรือไง ฉันไม่ปล่อยแกไว้แน่" โจวลี่อินโมโหสุดขีด เดินเข้าไปจะตบเยว่ซื่อ ทั้งสองฉุดรั้งกันไปมาก่อนที่เยว่ซื่อจะผลักโจวลี่อินออกไปอย่างแรงเพราะไม่อยากโดนอีกฝ่ายตบ
โผล๊ะ!
แต่ใครจะคาดคิดว่าเยว่ซื่อจะใช้แรงทั้งหมดผลักโจวลี่อินจนล้มหัวไปชนกับขอบประตูก่อนจะหมดสติแน่นิ่งไป เยว่ซื่อเห็นดังนั้นก็ใจไม่ดีรีบเข้าไปใกล้ก่อนจะยื่นมือไปอังที่จมูกของโจวลี่อิน
เยว่ซื่อผละถอยหลังด้วยความกลัวเมื่อโจวลี่อินไม่หายใจแล้ว เธอยังไม่อยากติดคุกด้วยข้อหาฆ่าคนตายหรอกนะ จะทำอย่างไรดี เยว่ซื่อคิดออกมาด้วยความกลัว
ฝากกดติดตามเรื่องใหม่ด้วยนะคะ
เวลาผ่านไปโจวลี่อินได้ทำการเช่าร้านหน้าโรงเรียนเพื่อเปิดขายบะหมี่ แรกๆ ยังไม่ค่อยมีลูกค้าสักเท่าไร แต่หญิงสาวก็ไม่ท้อจนปัจจุบันมีลูกค้ามากมายจนหญิงสาวทำไม่ทันจึงต้องจ้างคนงานมาช่วย ร้านบะหมี่ของโจวลี่อินเริ่มมีชื่อเสียงขึ้นเรื่อยๆ วัตถุดิบที่ใช้ทำอาหารหญิงสาวก็เอาออกมาจากมิติ ทำให้มีรายได้เป็นกอบเป็นกำหญิงสาวจึงตัดสินใจให้สามีเป็นคนทำเรื่องซื้อบ้านก่อนจะย้ายออกจากบ้านเช่า หลี่อิงอิงดีใจมากที่ได้อยู่บ้านหลังใหญ่แล้วมีห้องนอนส่วนตัวตอนนี้ขาของหลี่เหว่ยหายดีแล้ว ชายหนุ่มช่วยงานหญิงสาวในร้าน ถึงแม้ทางกองทัพจะอยากให้ชายหนุ่มกลับไปทำงานให้ แต่หลี่เหว่ยก็ปฏิเสธเพราะอยากอยู่ใกล้ชิดกับภรรยาและลูกสาวมากกว่าเมื่อปิดร้านบะหมี่เรียบร้อยแล้วโจวลี่อินกับหลี่เหว่ยก็ไปรับลูกสาวที่โรงเรียน ตอนนี้หลี่อิงอิงโตขึ้นมากแล้ว เมื่อเห็นพ่อกับแม่มารอรับก็รีบวิ่งมาหาทันที ทั้งสามเดินไปรอรถประจำทาง ระหว่างรอหลี่อิงอิงก็เล่าเรื่องในโรงเรียนไม่หยุดจนกระทั่งรถมาจอดตรงหน้าหลี่อิงอิงถึงได้หยุดพูด ทั้งสามคนขึ้นไปหาที่นั่ง ก่อนที่โจวลี่อินจะเอ่ยบอกกับลูกสาวว่าวันนี้จะพาไปกินข้าวข้างนอกบ้าน หลี่อิงอิงได้ยินก็ดีใจเป็นอ
หลี่เหว่ยขึ้นไปบนเตียงแล้วจับเขาเรียวแยกออกจากกันเผยให้เห็นดอกไม้งามที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำหวาน มือหนาจับแก่นกายขนาดใหญ่ไปจ่อกลางร่องก่อนจะลากขึ้นลงทำเอาโจวลี่อินส่งเสียงครางออกมา ปลายหยักชุ่มไปด้วยน้ำหวานชายหนุ่มก็ไม่รอช้าที่จะดันแก่นกายเข้าไปในโพรงสวาท ด้วยความคับแน่นทำเอาโจวลี่อินรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูกหลี่เหว่ยครางอยู่ในลำคอด้วยความทรมานเมื่อแก่นกายโดนตอดรัดอย่างหนัก ชายหนุ่มจึงตัดสินใจยกสะโพกขึ้นก่อนจะกระแทกกลับลงไปอย่างแรงทำให้แก่นกายจมหายเข้าไปในกายสาวจนมิดลำนิ้วร้อนสัมผัสกับเกสรดอกไม้ที่กำลังบวมเป่ง หลี่เหว่ยออกแรงเขี่ยไปมาเบาๆ ก่อนจะขยี้ ทำเอาโจวลี่อินดิ้นพล่านไปมาด้วยความเสียวซ่าน สะโพกสอบขยับขึ้นลงจากช้าเป็นเร็วขึ้นแก่นกายผลุบเข้าออกกลางกายสาวจนกลีบสวาทยับยู่ยี่ไปตามแรงกระแทกชายหนุ่มก้มใบหน้าลงไปแลบลิ้นออกมาไล้เลียที่ปลายถันก่อนจะอ้าปากดูดดึงเข้าไปในอุ้งปากส่วนสะโพกสอบก็ขยับขึ้นลงทำเอาหญิงสาวเสียวสะท้านไปทั้งตัวโจวลี่อินแอ่นสะโพกขึ้นสู้แรงกระแทกของชายหนุ่มด้วยความรัญจวน มันช่างดีเหลือเกิน แขนเรียวยื่นไปกอดรัดร่างหนาเอาไว้แน่น ยิ่งชายหนุ่มสร้างความเสียวให้มากเท่าไรเล็บคมก
ผ่านไปหลายเดือน เช้าวันนี้โจวลี่อินตื่นขึ้นมาแต่เช้าปลุกลูกสาวให้ลุกไปอาบน้ำแต่งตัวไปโรงเรียน วันนี้เป็นเปิดเรียนวันแรก หลี่อิงอิงที่ตื่นเต้นจะได้ไปโรงเรียนก็รีบลุกขึ้นอาบน้ำ โจวลี่อินช่วยลูกสาวแต่งตังเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ไปทำอาหารเช้าหลังจากทำอาหารเสร็จก็ยกไปวางบนโต๊ะก่อนจะเรียกสามีกับลูกสาวมากินข้าว สองพ่อลูกพากันเดินมานั่งที่เก้าอี้ โจวลี่อินจึงตักข้าวใส่ถ้วยให้กับทั้งสองคนก่อนจะตักให้ตัวเองหลังจากกินข้าวกันเสร็จเรียบร้อยแล้วหญิงสาวก็เก็บถ้วยบนโต๊ะไปล้างก่อนจะเปลี่ยนชุดเตรียมพาลูกสาวไปส่งโรงเรียนทั้งสามคนเดินออกจากบ้านไปรอรถประจำทาง ไม่นานรถก็มาจอดตรงหน้า ทั้งสามคนจึงเดินขึ้นรถก่อนจะหาที่นั่ง รถแล่นเข้าสู่ท้องถนน หลี่อิงอิงที่ตื่นเต้นเป็นพิเศษพูดกับพ่อแม่ด้วยน้ำเสียงเจื้อยแจ้วไม่นานก็มาถึงโรงเรียนที่ก่อนหน้านี้หลี่เหว่ยกับโจวลี่อินพาลูกสาวมาสมัครเรียน ลงจากรถเรียบร้อยแล้วโจวลี่อินก็จูงมือลูกสาวไปหน้าโรงเรียนที่มีครูผู้หญิงมายืนต้อนรับเด็กนักเรียนหลี่อิงอิงทำความเคารพคุณครูก่อนจะเดินเข้าโรงเรียนด้วยความตื่นเต้น โจวอินจึงฝากฝังให้ครูช่วยดูแลลูกสาว คุณครูก็รับปากว่าจะดูและหลี่อิงอ
หลังจากส่งของถึงมือของเพื่อนหลี่เหว่ย ฝ่ายนั้นก็พอใจกับสินค้ามาก จึงทำการส่งเงินมาจ่ายค่าของ ครั้งนี้โจวลี่อินได้เงินมาเยอะพอสมควรจึงชวนสามีกับลูกสาวไปกินข้าวข้างนอกบ้าน ทั้งสามคนกำลังเตรียมตัวก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายดังมาจากหน้าบ้านพร้อมกับเสียงเคาะประตูตอนแรกโจวลี่อินจะไปดู แต่หลี่เหว่ยอาสาจะไปดูแทน พอเปิดประตูออกไปก็เห็นเยว่ซื่อยืนร้องไห้ดวงตาแดงก่ำอยู่หน้าบ้าน"อาเหว่ย ต้องช่วยพี่ชายของลูกนะ" เยว่ซื่อเอ่ยบอกหลี่เหว่ยด้วยน้ำเสียงสะอื้น"คุณจะมาที่นี่อีกทำไม ผมบอกแล้วว่าห้ามมาข้องเกี่ยวกันอีก" หลี่เหว่ยพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา เตรียมจะปิดประตูห้องแต่เยว่ซื่อก็รีบเอามือดันประตูไว้ไม่ยอมให้ชายหนุ่มปิด"อย่าใจร้ายกับแม่กับพี่ชายของลูกมากนักเลย ตอนนี้อาหยวนกำลังลำบาก โดนนังตัวดีอย่างหนิงเหมยแจ้งทางการว่าอาหยวนมีชู้ แถมนังนั่นยังจ้างนักสืบหาหลักฐานมาด้วย ทางการเลยให้อาหยวนหย่ากับนังนั่นพร้อมจ่ายค่าเลี้ยงดู แต่ตอนนี้อาหยวนไม่มีเงินเลย ลูกต้องมีเงินเก็บอยู่แล้วใช่ไหม เอามาให้อาหยวนจ่ายค่าเสียหายก่อนได้ไหม" เยว่ซื่อพูดเสียยืดยาว สรุปก็คืออยากจะได้เงินของหลี่เหว่ยเพื่อไปให้หลี่หยวน โจวลี่อินที
หลังจากกินข้าวเช้าเรียบร้อยแล้วโจวลี่อินก็ออกไปข้างนอก หญิงสาวไปในที่ลับตาคนก่อนจะหยิบของออกมาจากมิติมากมายตามรายการที่เพื่อนของหลี่เหว่ยสั่งเอาไว้ พอเอาออกมาเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวก็ว่าจ้างคนให้แบกของไปส่งที่สถานีรถไฟ รออีกฝ่ายได้รับของหลังจากนั้นก็จะส่งเงินมาจ่ายค่าของโจวลี่อินทำธุระเสร็จแล้วก็ขึ้นรถประจำทางกลับบ้าน ไม่นานรถก็มาถึง หญิงสาวเดินลงจากรถก็ต้องชะงักเมื่อเจอเข้ากลับหนิงเหมย โจวลี่อินทำเป็นมองไม่เห็น กำลังจะเดินผ่านหนิงเหมยไป แต่อีกฝ่ายก็ร้องเรียกพร้อมกับเข้าไปจับแขนเรียวเอาไว้"เธอมาที่นี่ทำไม" โจวลี่อินเอ่ยถามเสียงแข็งก่อนจะสะบัดแขนให้หลุดจากการเกาะกุมของหนิงเหมย"คือว่าฉันอยากจะมาขอยืมเงินน่ะ" หนิงเหมยเอ่ยบอกถึงความต้องการของตนเองออกไปทันที ความจริงแล้วเธอก็ไม่อยากจะทำแบบนี้ แต่เพราะไม่มีทางออกจริงๆ ก็เลยต้องบากหน้ามาขอยืมเงินจากโจวลี่อิน"ฉันไม่มีเงินมากถึงขนาดให้ใครยืมหรอก กลับไปซะเถอะ" โจวลี่อินบอกปัดอย่างไร้เยื่อใย เรื่องอะไรเธอจะต้องให้คนที่เกลียดเธอยืมเงินด้วย"แต่ว่าฉันจำเป็นจริงๆ นะ ถ้าหากว่าไม่ได้เงินกลับไปฉันต้องตายแน่ๆ" ก่อนหน้านี้เธอโดนไล่ออกจากงานเพราะทำงานผ
หลี่เหว่ยเห็นภรรยาต้องไปขายของที่ตลาดมืดทุกวันก็รู้สึกสงสาร วันนี้ชายหนุ่มจึงออกจากบ้านเพื่อไปใช้โทรศัพท์ที่ศูนย์บริการ ชายหนุ่มโทรหาเพื่อนสนิทที่กองทัพ ตอนแรกว่าจะขอความช่วยเหลือแต่พอได้ยินว่ากองทัพกำลังขาดแคลนอาหาร ชายหนุ่มจึงคิดว่าเป็นโอกาสดีที่เขาจะหาเงินได้จากเรื่องนี้ หลี่เหว่ยจึงลองเสนอความคิดของตนเองให้เพื่อนฟังว่าเขานั้นจะหาทางส่งเสบียงอาหารไปให้แต่ของที่หายากอาจจะมีราคาแพงนิดหน่อย เพื่อนชายหนุ่มได้ฟังก็ดีใจมากบอกเพียงว่าถ้ามีอาหารส่งมาให้เขาก็พร้อมที่จะจ่ายหลี่เหว่ยจึงบอกกับเพื่อนว่าจะโทรไปแจ้งความคืบหน้าอีกทีเมื่อหาเสบียงอาหารได้ หลังวางสายจากเพื่อนชายหนุ่มก็เดินไปรอรถประจำทาง ระหว่างยืนรอรถอยู่นั้นก็มีหญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาหา"ใช่พี่เหว่ยไหมคะ" หญิงสาวเอ่ยถามด้วยความไม่แน่ใจว่าจะใช่คนที่ตนเองรู้จักหรือไม่ เพราะเธอก็ไม่ได้เจออีกฝ่ายมานานแล้วหลี่เหว่ยมองคนตรงหน้าก่อนจะพยายามนึกว่าเคยรู้จักหญิงสาวมาก่อนไหม แต่นึกเท่าไรก็นึกไม่ออก ชายหนุ่มจึงตอบรับว่าตนเองนั้นคือหลี่เหว่ยก่อนจะเอ่ยถามกลับว่าหญิงสาวเป็นใคร"ฉันถิงถิงไงคะ เคยเป็นรุ่นน้องที่โรงเรียนของพี่เหว่ย" หญิงสาวเอ่ยแนะ
พอทั้งสามคนกินข้าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว โจวลี่อินก็พาสามีกับลูกสาวไปร้านขายเสื้อผ้า หญิงสาวเลือกชุดให้สองพ่อลูกคนละชุดก่อนจะจ่ายเงินพร้อมกับคูปอง หลังจากนั้นก็ขึ้นรถประจำทางกลับบ้านพอมาถึงหน้าบ้านชายหนุ่มก็ไขกุญแจก่อนจะเปิดประตูบ้าน ทั้งสามคนเดินเข้าไปในห้อง โจวลี่อินก็เอ่ยปากให้ลูกสาวไปอาบน้ำเตรียมตัวเข้านอน หลี่อิงอิงก็ว่าง่ายเดินถือชุดเข้าห้องอาบน้ำทันทีพอหลี่อิงอิงอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลี่เหว่ยก็ให้ภรรยาเป็นคนอาบน้ำก่อน โจวลี่อินก็ไม่อิดออดรีบเข้าไปอาบน้ำเพราะสามีจะได้อาบเป็นคนต่อไปแล้วก็เป็นเหมือนเช่นทุกวันที่คนเป็นแม่จะนอนอ่านนิทานให้ลูกสาวฟัง พอหลี่อิงอิงหลับแล้วโจวลี่อินก็หลับตาลง เธอรู้สึกอีกแล้วว่ากำลังโดนชายหนุ่มกอด แต่ครั้งนี้เธอกลับรู้สึกอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก มันช่างมีความสุขเหลือเกินเช้าวันต่อมา โจวลี่อินที่ทำกับข้าวเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ยกถ้วยมาวางบนโต๊ะ เตรียมจะเดินไปเรียกสามีกับลูกสาวมากินข้าวก็ได้ยินเสียงเคาะประตูบ้านดังขึ้นโจวลี่อินรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมากเพราะเธอเพิ่งมาอยู่ที่นี่ ใครกันนะที่มาเคาะประตูบ้านหรือว่าจะเป็นป้าหวัง หญิงสาวคิดจบก็เดินไปเปิดประตูห้อง พอ
เช้าวันต่อมาโจวลี่อินก็ตื่นขึ้นมาทำอาหารเช้าก่อนจะเรียกสามีกับลูกมากินข้าว หลังจากอิ่มหญิงสาวก็เดินทางไปขายของที่ตลาดมืด ก่อนเข้าตลาดหญิงสาวก็ไปยังจุดที่ไม่มีคนก่อนจะเข้าไปในมิติเอาของออกมาแล้วเดินเข้าไปในตลาดมืดวันนี้เพียงโจวลี่อินเดินเข้าไปป้าเฉินก็ยิ้มให้อย่างเป็นมิตร หญิงสาวจึงปูผ้าก่อนจะนำของในตะกร้ามาวาง"วันนี้มีของมาขายเยอะเลยนะนังหนู" ป้าเฉินมองดูของที่วางอยู่ตรงหน้าของโจวลี่อินก่อนจะเอ่ยขึ้น ถ้าหากว่ามีของมาขายเยอะทุกวันแบบนี้ จะต้องได้เงินเป็นกอบเป็นกำแน่ๆ เพราะของที่ขายในตลาดมืดต่างมีราคาสูงกว่าข้างนอก"ฉันอยากรีบเก็บเงินให้ได้เยอะๆ น่ะค่ะ ก็เลยรับของมาเยอะ ไม่รู้ว่าวันนี้จะขายหมดไหม" โจวลี่อินเอ่ยขึ้น เธอคงมาขายของในตลาดมืดอีกไม่นาน เพราะนี่ก็ใกล้ถึงปี 1976 แล้วที่จะเปิดประเทศให้ประชาชนทั่วไปสามารถค้าขายได้ หลังจากนั้นเธอจะนำเงินที่ได้จากขายของไปลงทุนเปิดร้านค้า"มีใครบ้างไม่อยากได้เนื้อหมูกับผักสวยๆ แถมราคายังถูกกว่าร้านอื่นอีก นังหนูต้องขายหมดแผงเป็นแน่" ป้าเฉินเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม ราคาเนื้อหมูกับพวกผลไม้ของนังหนูนี่ถึงแม้ราคาจะแพงกว่าข้างนอกแต่ก็ถูกกว่าร้านอื่นใตตลาดมืด
โจวลี่อินเดินเลือกซื้อขนมไปฝากหลี่อิงอิงเรียบร้อยแล้วก็ออกจากตลาดมืดไปยืนรอรถประจำทาง ไม่นานรถประจำทางก็เคลื่อนมาจอดตรงหน้า หญิงสาวจึงเดินขึ้นไปหาที่นั่ง วันนี้บนรถผู้คนไม่ถึงกับเยอะมาก ยังมีที่นั่งว่างอยู่ ร่างบางจึงเดินเข้าไปนั่ง รถแล่นเข้าสู่ท้องถนนไม่นานก็มาถึงบ้าน หญิงสาวลงจากรถก่อนจะเดินเข้าไปในอพาร์ทเม้นท์ ระหว่างทางเดินกลับห้องก็เห็นเด็กน้อยกับหญิงวัยกลางคนยืนอยู่"เพิ่งย้ายมาอยู่ใหม่เหรอหนู ป้าไม่เคยเห็นหนูมาก่อนเลย" ป้าหวังเอ่ยถามด้วยความสงสัยเพราะไม่เคยเห็นหญิงสาวตรงหน้ามาก่อน แล้วอีกอย่างเธอก็ได้ข่าวว่าเพิ่งมีคนมาเช่าบ้าน โจวลี่อินยิ้มตอบก่อนจะเอ่ยบอกว่าตนเองนั้นเพิ่งย้ายมาอยู่ใหม่ มือบางหยิบขนมส่งให้กับเด็กน้อยที่ป้าหวังจูงมืออยู่ด้วยความเอ็นดู ก่อนจะเอ่ยปากขอตัวเข้าบ้านทันทีที่โจวลี่อินเปิดประตูเข้าไปในบ้าน หลี่อิงอิงที่กำลังนั่งเล่นอยู่กับบิดาก็รีบวิ่งเข้ามาหาคนเป็นแม่ด้วยความดีใจ โจวลี่อินยิ้มอย่างมีความสุขก่อนจะหยิบขนมออกมาให้ลูกสาว หลี่อิงอิงดีใจเป็นอย่างมากที่ได้ขนม เด็กน้อยจึงรีบวิ่งเอาไปอวดพ่อทันที หลี่เหว่ยเอ่ยบอกไม่ให้ลูกสาวกินขนมเยอะจนเกินไปเพราะกลัวว่าจะอิ่ม
Comments