โจวลี่อินยืนนิ่งคิดอยู่นานเพราะไม่รู้ว่าจะเอาอะไรให้ลูกสาวกิน ตอนนี้เธอก็ไม่มีเงินที่จะไปซื้ออาหารเพราะก่อนหน้านี้เธอนำเงินเดือนที่ได้จากทำงานไปซื้อเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวจนไม่เหลือเงินติดตัวสักหยวนเดียว
ถ้าหากว่าเธอทะลุมาแล้วมีมิติเหมือนนิยายที่เคยอ่านก็ดีน่ะสิ ทว่าเพียงแค่คิดถึงมิติเท่านั้นภาพเบื้องหน้าของหญิงสาวก็เปลี่ยนไปจากห้องครัวที่ทรุดโทรมได้กลายเป็นห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่ไร้ผู้คน ในห้างสรรพสินค้าเต็มไปด้วยอาหารสดอาหารแห้งและยารักษาโรค ทำให้โจวลี่อินดีใจเป็นอย่างมาก หญิงสาวจึงรีบหยิบข้าวกับเนื้อและของที่จะใช้สำหรับทำข้าวผัดออกมา
เมื่อกวาดตามองไปรอบห้องก็ยังไม่มีคนออกมาจากห้องหญิงสาวจึงไม่เป็นกังวลว่าจะมีใครมาเห็น จึงรีบหุงข้าวจุดไฟทำข้าวผัดให้กับลูกสาว
ข้าวผัดส่งกลิ่นหอมไปทั่วทั้งห้องหญิงสาวตักใส่จานก่อนจะนำไปให้ลูกสาวในห้อง
หลี่อิงอิงที่นอนอยู่พอได้กลิ่นหอมของข้าวผัดก็ลุกขึ้นมานั่งพร้อมกับกลืนน้ำลายด้วยความหิว แม่ทำข้าวผัดมาให้เธอจริงๆ ด้วย ตอนแรกเธอก็พูดไปอย่างนั้นว่าอยากกินข้าวผัดเพราะไม่คิดว่าแม่จะทำให้เธอกิน เพราะทุกครั้งแม่ก็ไม่สนใจว่าเธอจะได้กินข้าวหรือไม่
"อิงอิงแม่ทำข้าวผัดมาให้แล้ว ลุกขึ้นมากินเถอะ ลูกหิวมากไม่ใช่เหรอ" โจวลี่อินเอ่ยบอกพร้อมกับเดินเอาจานข้าวไปวางไว้ที่โต๊ะ ต่อไปนี้เธอจะไม่ยอมให้เด็กคนนี้ได้อดอาหารอีกต่อไป เธอดูแล้วร่างเล็กน่าจะไม่ค่อยได้กินอะไรสักเท่าไร เพราะเด็กน้อยผอมแทบจะเห็นกระดูก พอคิดถึงตรงนี้โจวลี่อินก็รู้สึกสงสารลูกสาวเป็นอย่างมาก
"ค่ะแม่" หลี่อิงอิงรับคำก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปยังโต๊ะที่โจวลี่อินวางข้าวผัดเอาไว้ มือบางตักข้าวคำแรกเข้าไปในปากก็รู้สึกว่ามันรสชาติดีเป็นอย่างมาก ไม่คิดเลยว่าแม่ของเธอจะทำข้าวผัดอร่อยมากขนาดนี้ เพราะตั้งแต่เกิดมาเธอก็ไม่เคยได้กินอาหารที่แม่ทำเลย วันนี้เกิดอะไรขึ้นแม่ของเธอถึงได้ใส่ใจการกินอยู่ของเธอ หลี่อิงอิงคิดด้วยความแปลกใจ แต่ไม่นานก็เลิกคิดแล้วตักข้าวเข้าปากเคี้ยวด้วยความอร่อย
"อร่อยไหมคะ" โจวลี่อินเอ่ยถามลูกสาวขึ้นด้วยน้ำเสียงเอ็นดู เพียงแค่ได้เห็นเด็กคนนี้ครั้งแรกก็ทำให้เธอตกหลุมรักอย่างบอกไม่ถูก เธอจะต้องปกป้องเด็กคนนี้และเลี้ยงให้เติบโตอย่างมีคุณภาพให้ได้
"อร่อยมากเลยค่ะแม่" หลี่อิงอิงบอกแม่ก่อนจะตักข้าวเข้าปากเคี้ยวด้วยความเอร็ดอร่อย เท่าที่จำความได้เธอไม่เคยได้กินของอร่อยเท่านี้มาก่อนเลย แม่ของเธอตอนนี้ช่างดีจริงๆ
"ถ้าหากอร่อยก็กินเยอะๆ นะ" โจวลี่อินเอ่ยบอกพร้อมกับยกมือขึ้นไปลูบที่ศีรษะของเด็กน้อยด้วยความเอ็นดู
"ค่ะแม่" หลี่อิงอิงตอบแม่ก่อนจะตั้งใจกินข้าวในถ้วยจนหมดไม่เหลือสักเม็ดเดียว ทำเอาคนเป็นแม่ปลื้มใจเป็นอย่างมากที่ลูกสาวชอบอาหารที่ตนเองทำ
หลังจากที่เด็กน้อยกินข้าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว คนเป็นแม่ก็เอ่ยบอกให้ลูกสาวไปอาบน้ำก่อนที่ตนเองจะเอาถ้วยออกไปล้างเก็บไว้ที่เดิมแล้วกลับเข้าห้องมาทำความสะอาด
โจวลี่อินปัดกวาดเช็ดถูอยู่นานจนในห้องดูสะอาดขึ้น กว่าจะเสร็จทำเอาเหนื่อยจนเหงื่อท่วมตัวเลยทีเดียว
ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้โจวลี่อินคนเดิมใช้ชีวิตอยู่ในห้องที่มันสกปรกขนาดนี้ได้อย่างไงกัน ต่อไปนี้เธอจะไม่ยอมให้ตนเองกับลูกสาวอยู่ในห้องที่รกเลอะเทอะไม่เจริญตาอีกต่อไป
"โห...แม่เก่งจังเลยค่ะ ห้องใหม่สะอาดมาก" หลี่อิงอิงหลังจากอาบน้ำเสร็จมือน้อยเปิดประตูเดินเข้ามาในห้อง พอกวาดสายตามองไปทั่วก็เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงจนต้องร้องออกมาด้วยความแปลกใจ
ก่อนหน้านี้เธอไม่เคยเห็นแม่ทำความสะอาดหรือหยิบจับไม้กวาดกับผ้ามาเช็ดถูห้องสักที ทำไมตอนนี้แม่ของเธอถึงได้เปลี่ยนไป ทว่าหลี่อิงอิงกลับดีใจมากที่แม่เปลี่ยนไปในทางที่ดี
"อิงอิงชอบไหม" โจวลี่อินเดินเอาไม้กวาดไปเก็บเข้าที่ก่อนจะหันไปเอ่ยถามลูกสาวด้วยรอยยิ้ม
"ชอบค่ะ อิงอิงชอบห้องแบบนี้แล้วก็ชอบแม่ที่เป็นแบบนี้ที่สุดเลย" เด็กน้อยเอ่ยบอกแม่ด้วยรอยยิ้มก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปกอดโจวลี่อิน จนคนร่างบางต้องย่อตัวลงมาอุ้มลูกสาวไปวางลงบนเตียงนอน
"อิงอิงชอบที่แม่ใจดีใช่ไหมคะ" โจวลี่อินคุกเข่าอยู่หน้าเตียงเอ่ยถามลูกสาวพลางยกมือขึ้นไปจับผมที่บังใบหน้าเล็กออกด้วยความเอ็นดู ก่อนหน้านี้เด็กน้อยคงจะเจออะไรที่เลวร้ายมาเยอะเป็นแน่ พอมาเจอความใจดีของเธอก็เลยเกิดอาการดีใจจนเก็บเอาไว้ไม่อยู่ ใบหน้าเล็กเอาแต่ยิ้มกว้างจนเห็นฟันซี่เล็กๆ
"ใช่ค่ะ ต่อไปนี้แม่จะไม่ใจร้ายกับอิงอิงแล้วใช่ไหมคะ" หลี่อิงอิงถามด้วยความคาดหวัง ก่อนหน้านี้ไม่มีใครรักเธอสักคนเดียว ทั้งแม่และคนในบ้านเอาแต่ด่าว่าเธอ
"ต่อไปแม่จะใจดีกับอิงอิง ปกป้องอิงอิงเองค่ะ แต่หนูต้องเป็นเด็กดีนะคะ เข้าใจไหม"
"ค่ะ ต่อไปอิงอิงจะเป็นเด็กดีของแม่" เด็กน้อยเอ่ยบอกด้วยความดีใจก่อนจะสวมกอดร่างบางของแม่ ต่อไปนี้เธอก็ไม่ต้องกลัวว่าจะโดนแม่ตีหรือว่าตะคอกใส่แล้ว ชีวิตของเธอจะต้องมีความสุขมากแน่ๆ
ฝากกดใจคอมเม้นต์เป็นกำลังในให้ไรท์ด้วยนะคะ
เวลาผ่านไปโจวลี่อินได้ทำการเช่าร้านหน้าโรงเรียนเพื่อเปิดขายบะหมี่ แรกๆ ยังไม่ค่อยมีลูกค้าสักเท่าไร แต่หญิงสาวก็ไม่ท้อจนปัจจุบันมีลูกค้ามากมายจนหญิงสาวทำไม่ทันจึงต้องจ้างคนงานมาช่วย ร้านบะหมี่ของโจวลี่อินเริ่มมีชื่อเสียงขึ้นเรื่อยๆ วัตถุดิบที่ใช้ทำอาหารหญิงสาวก็เอาออกมาจากมิติ ทำให้มีรายได้เป็นกอบเป็นกำหญิงสาวจึงตัดสินใจให้สามีเป็นคนทำเรื่องซื้อบ้านก่อนจะย้ายออกจากบ้านเช่า หลี่อิงอิงดีใจมากที่ได้อยู่บ้านหลังใหญ่แล้วมีห้องนอนส่วนตัวตอนนี้ขาของหลี่เหว่ยหายดีแล้ว ชายหนุ่มช่วยงานหญิงสาวในร้าน ถึงแม้ทางกองทัพจะอยากให้ชายหนุ่มกลับไปทำงานให้ แต่หลี่เหว่ยก็ปฏิเสธเพราะอยากอยู่ใกล้ชิดกับภรรยาและลูกสาวมากกว่าเมื่อปิดร้านบะหมี่เรียบร้อยแล้วโจวลี่อินกับหลี่เหว่ยก็ไปรับลูกสาวที่โรงเรียน ตอนนี้หลี่อิงอิงโตขึ้นมากแล้ว เมื่อเห็นพ่อกับแม่มารอรับก็รีบวิ่งมาหาทันที ทั้งสามเดินไปรอรถประจำทาง ระหว่างรอหลี่อิงอิงก็เล่าเรื่องในโรงเรียนไม่หยุดจนกระทั่งรถมาจอดตรงหน้าหลี่อิงอิงถึงได้หยุดพูด ทั้งสามคนขึ้นไปหาที่นั่ง ก่อนที่โจวลี่อินจะเอ่ยบอกกับลูกสาวว่าวันนี้จะพาไปกินข้าวข้างนอกบ้าน หลี่อิงอิงได้ยินก็ดีใจเป็นอ
หลี่เหว่ยขึ้นไปบนเตียงแล้วจับเขาเรียวแยกออกจากกันเผยให้เห็นดอกไม้งามที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำหวาน มือหนาจับแก่นกายขนาดใหญ่ไปจ่อกลางร่องก่อนจะลากขึ้นลงทำเอาโจวลี่อินส่งเสียงครางออกมา ปลายหยักชุ่มไปด้วยน้ำหวานชายหนุ่มก็ไม่รอช้าที่จะดันแก่นกายเข้าไปในโพรงสวาท ด้วยความคับแน่นทำเอาโจวลี่อินรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูกหลี่เหว่ยครางอยู่ในลำคอด้วยความทรมานเมื่อแก่นกายโดนตอดรัดอย่างหนัก ชายหนุ่มจึงตัดสินใจยกสะโพกขึ้นก่อนจะกระแทกกลับลงไปอย่างแรงทำให้แก่นกายจมหายเข้าไปในกายสาวจนมิดลำนิ้วร้อนสัมผัสกับเกสรดอกไม้ที่กำลังบวมเป่ง หลี่เหว่ยออกแรงเขี่ยไปมาเบาๆ ก่อนจะขยี้ ทำเอาโจวลี่อินดิ้นพล่านไปมาด้วยความเสียวซ่าน สะโพกสอบขยับขึ้นลงจากช้าเป็นเร็วขึ้นแก่นกายผลุบเข้าออกกลางกายสาวจนกลีบสวาทยับยู่ยี่ไปตามแรงกระแทกชายหนุ่มก้มใบหน้าลงไปแลบลิ้นออกมาไล้เลียที่ปลายถันก่อนจะอ้าปากดูดดึงเข้าไปในอุ้งปากส่วนสะโพกสอบก็ขยับขึ้นลงทำเอาหญิงสาวเสียวสะท้านไปทั้งตัวโจวลี่อินแอ่นสะโพกขึ้นสู้แรงกระแทกของชายหนุ่มด้วยความรัญจวน มันช่างดีเหลือเกิน แขนเรียวยื่นไปกอดรัดร่างหนาเอาไว้แน่น ยิ่งชายหนุ่มสร้างความเสียวให้มากเท่าไรเล็บคมก
ผ่านไปหลายเดือน เช้าวันนี้โจวลี่อินตื่นขึ้นมาแต่เช้าปลุกลูกสาวให้ลุกไปอาบน้ำแต่งตัวไปโรงเรียน วันนี้เป็นเปิดเรียนวันแรก หลี่อิงอิงที่ตื่นเต้นจะได้ไปโรงเรียนก็รีบลุกขึ้นอาบน้ำ โจวลี่อินช่วยลูกสาวแต่งตังเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ไปทำอาหารเช้าหลังจากทำอาหารเสร็จก็ยกไปวางบนโต๊ะก่อนจะเรียกสามีกับลูกสาวมากินข้าว สองพ่อลูกพากันเดินมานั่งที่เก้าอี้ โจวลี่อินจึงตักข้าวใส่ถ้วยให้กับทั้งสองคนก่อนจะตักให้ตัวเองหลังจากกินข้าวกันเสร็จเรียบร้อยแล้วหญิงสาวก็เก็บถ้วยบนโต๊ะไปล้างก่อนจะเปลี่ยนชุดเตรียมพาลูกสาวไปส่งโรงเรียนทั้งสามคนเดินออกจากบ้านไปรอรถประจำทาง ไม่นานรถก็มาจอดตรงหน้า ทั้งสามคนจึงเดินขึ้นรถก่อนจะหาที่นั่ง รถแล่นเข้าสู่ท้องถนน หลี่อิงอิงที่ตื่นเต้นเป็นพิเศษพูดกับพ่อแม่ด้วยน้ำเสียงเจื้อยแจ้วไม่นานก็มาถึงโรงเรียนที่ก่อนหน้านี้หลี่เหว่ยกับโจวลี่อินพาลูกสาวมาสมัครเรียน ลงจากรถเรียบร้อยแล้วโจวลี่อินก็จูงมือลูกสาวไปหน้าโรงเรียนที่มีครูผู้หญิงมายืนต้อนรับเด็กนักเรียนหลี่อิงอิงทำความเคารพคุณครูก่อนจะเดินเข้าโรงเรียนด้วยความตื่นเต้น โจวอินจึงฝากฝังให้ครูช่วยดูแลลูกสาว คุณครูก็รับปากว่าจะดูและหลี่อิงอ
หลังจากส่งของถึงมือของเพื่อนหลี่เหว่ย ฝ่ายนั้นก็พอใจกับสินค้ามาก จึงทำการส่งเงินมาจ่ายค่าของ ครั้งนี้โจวลี่อินได้เงินมาเยอะพอสมควรจึงชวนสามีกับลูกสาวไปกินข้าวข้างนอกบ้าน ทั้งสามคนกำลังเตรียมตัวก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายดังมาจากหน้าบ้านพร้อมกับเสียงเคาะประตูตอนแรกโจวลี่อินจะไปดู แต่หลี่เหว่ยอาสาจะไปดูแทน พอเปิดประตูออกไปก็เห็นเยว่ซื่อยืนร้องไห้ดวงตาแดงก่ำอยู่หน้าบ้าน"อาเหว่ย ต้องช่วยพี่ชายของลูกนะ" เยว่ซื่อเอ่ยบอกหลี่เหว่ยด้วยน้ำเสียงสะอื้น"คุณจะมาที่นี่อีกทำไม ผมบอกแล้วว่าห้ามมาข้องเกี่ยวกันอีก" หลี่เหว่ยพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา เตรียมจะปิดประตูห้องแต่เยว่ซื่อก็รีบเอามือดันประตูไว้ไม่ยอมให้ชายหนุ่มปิด"อย่าใจร้ายกับแม่กับพี่ชายของลูกมากนักเลย ตอนนี้อาหยวนกำลังลำบาก โดนนังตัวดีอย่างหนิงเหมยแจ้งทางการว่าอาหยวนมีชู้ แถมนังนั่นยังจ้างนักสืบหาหลักฐานมาด้วย ทางการเลยให้อาหยวนหย่ากับนังนั่นพร้อมจ่ายค่าเลี้ยงดู แต่ตอนนี้อาหยวนไม่มีเงินเลย ลูกต้องมีเงินเก็บอยู่แล้วใช่ไหม เอามาให้อาหยวนจ่ายค่าเสียหายก่อนได้ไหม" เยว่ซื่อพูดเสียยืดยาว สรุปก็คืออยากจะได้เงินของหลี่เหว่ยเพื่อไปให้หลี่หยวน โจวลี่อินที
หลังจากกินข้าวเช้าเรียบร้อยแล้วโจวลี่อินก็ออกไปข้างนอก หญิงสาวไปในที่ลับตาคนก่อนจะหยิบของออกมาจากมิติมากมายตามรายการที่เพื่อนของหลี่เหว่ยสั่งเอาไว้ พอเอาออกมาเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวก็ว่าจ้างคนให้แบกของไปส่งที่สถานีรถไฟ รออีกฝ่ายได้รับของหลังจากนั้นก็จะส่งเงินมาจ่ายค่าของโจวลี่อินทำธุระเสร็จแล้วก็ขึ้นรถประจำทางกลับบ้าน ไม่นานรถก็มาถึง หญิงสาวเดินลงจากรถก็ต้องชะงักเมื่อเจอเข้ากลับหนิงเหมย โจวลี่อินทำเป็นมองไม่เห็น กำลังจะเดินผ่านหนิงเหมยไป แต่อีกฝ่ายก็ร้องเรียกพร้อมกับเข้าไปจับแขนเรียวเอาไว้"เธอมาที่นี่ทำไม" โจวลี่อินเอ่ยถามเสียงแข็งก่อนจะสะบัดแขนให้หลุดจากการเกาะกุมของหนิงเหมย"คือว่าฉันอยากจะมาขอยืมเงินน่ะ" หนิงเหมยเอ่ยบอกถึงความต้องการของตนเองออกไปทันที ความจริงแล้วเธอก็ไม่อยากจะทำแบบนี้ แต่เพราะไม่มีทางออกจริงๆ ก็เลยต้องบากหน้ามาขอยืมเงินจากโจวลี่อิน"ฉันไม่มีเงินมากถึงขนาดให้ใครยืมหรอก กลับไปซะเถอะ" โจวลี่อินบอกปัดอย่างไร้เยื่อใย เรื่องอะไรเธอจะต้องให้คนที่เกลียดเธอยืมเงินด้วย"แต่ว่าฉันจำเป็นจริงๆ นะ ถ้าหากว่าไม่ได้เงินกลับไปฉันต้องตายแน่ๆ" ก่อนหน้านี้เธอโดนไล่ออกจากงานเพราะทำงานผ
หลี่เหว่ยเห็นภรรยาต้องไปขายของที่ตลาดมืดทุกวันก็รู้สึกสงสาร วันนี้ชายหนุ่มจึงออกจากบ้านเพื่อไปใช้โทรศัพท์ที่ศูนย์บริการ ชายหนุ่มโทรหาเพื่อนสนิทที่กองทัพ ตอนแรกว่าจะขอความช่วยเหลือแต่พอได้ยินว่ากองทัพกำลังขาดแคลนอาหาร ชายหนุ่มจึงคิดว่าเป็นโอกาสดีที่เขาจะหาเงินได้จากเรื่องนี้ หลี่เหว่ยจึงลองเสนอความคิดของตนเองให้เพื่อนฟังว่าเขานั้นจะหาทางส่งเสบียงอาหารไปให้แต่ของที่หายากอาจจะมีราคาแพงนิดหน่อย เพื่อนชายหนุ่มได้ฟังก็ดีใจมากบอกเพียงว่าถ้ามีอาหารส่งมาให้เขาก็พร้อมที่จะจ่ายหลี่เหว่ยจึงบอกกับเพื่อนว่าจะโทรไปแจ้งความคืบหน้าอีกทีเมื่อหาเสบียงอาหารได้ หลังวางสายจากเพื่อนชายหนุ่มก็เดินไปรอรถประจำทาง ระหว่างยืนรอรถอยู่นั้นก็มีหญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาหา"ใช่พี่เหว่ยไหมคะ" หญิงสาวเอ่ยถามด้วยความไม่แน่ใจว่าจะใช่คนที่ตนเองรู้จักหรือไม่ เพราะเธอก็ไม่ได้เจออีกฝ่ายมานานแล้วหลี่เหว่ยมองคนตรงหน้าก่อนจะพยายามนึกว่าเคยรู้จักหญิงสาวมาก่อนไหม แต่นึกเท่าไรก็นึกไม่ออก ชายหนุ่มจึงตอบรับว่าตนเองนั้นคือหลี่เหว่ยก่อนจะเอ่ยถามกลับว่าหญิงสาวเป็นใคร"ฉันถิงถิงไงคะ เคยเป็นรุ่นน้องที่โรงเรียนของพี่เหว่ย" หญิงสาวเอ่ยแนะ