ภายในห้องน้ำขนาดไม่ใหญ่มาก ร่างบางของโจวลี่อินกำลังถูสบู่ขัดเหงื่อไคลออกจากร่างกายแต่แล้วก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้นทำเอาหญิงสาวหยุดชะงักมือขัดตัว ก่อนจะเอ่ยถามออกไปด้วยความหงุดหงิดที่โดนรบกวนระหว่างอาบน้ำ เพราะตอนอาบน้ำเป็นช่วงเวลาที่เธอผ่อนคลายเป็นที่สุด
ปังๆๆ
"ใครกัน"
"เมื่อไรจะเสร็จสักที ฉันก็อยากอาบน้ำเหมือนกันนะ" หนิงเหมยที่เพิ่งตื่นเดินออกมาจากห้องนอน จะไปเข้าห้องน้ำพอเห็นว่าประตูปิดอยู่ก็ยกมือขึ้นเคาะประตูอย่างแรงราวกับไม่กลัวว่ามันจะพัง ยิ่งได้ยินเสียงว่าคนข้างในคือโจวลี่อินก็พูดออกมาอย่างไม่เกรงใจ หนิงเหมยเป็นสะใภ้ใหญ่ของบ้านจึงรู้สึกว่าตนเองอยู่เหนือกว่าโจวลี่อินที่เป็นสะใภ้เล็ก อีกอย่างโจวลี่อินก็ได้แต่งเข้ามาในสกุลเพราะใช้วิธีต่ำช้าจับน้องสามีของเธอ จึงทำให้หนิงเหมยยิ่งดูแคลนหญิงสาวเป็นอย่างมาก
"ตอนนี้ฉันยังอาบน้ำไม่เสร็จ มาทีหลังก็ต้องรอสิ ไม่ใช่มาเคาะเร่งอย่างคนไม่มีมารยาทอย่างนี้" โจวลี่อินเอ่ยต่อว่าออกมาเสียงดังก่อนจะอาบน้ำต่อไม่สนใจหนิงเหมยอีกต่อไป
ผ่านไปซักพักโจวลี่อินอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้วก็เปิดประตูออกมา เห็นหนิงเหมยยืนอยู่หน้าห้องน้ำด้วยสีหน้าบึ้งตึง หญิงสาวไม่สนใจทำเพียงเดินผ่านหนิงเหมยไป
"คิดว่าตัวเองเป็นคุณหนูสกุลใหญ่หรือไงกัน ก็แค่ผู้หญิงชั้นต่ำ" หนิงเหมยต่อว่าโจวลี่อินด้วยใบหน้าบิดเบี้ยว นึกดูถูกสกุลเดิมของสะใภ้เล็กอย่างโจวลี่อินเป็นอย่างมาก มาจากสกุลที่ยากจนแล้วยังชอบทำตัวสูงส่ง น่าขยะแขยงสิ้นดี
"ฉันจะเป็นผู้หญิงแบบไหน ก็ไม่รบกวนให้สะใภ้ใหญ่มาบอกหรอกนะ ที่ฉันรับรู้มาสะใภ้ใหญ่ก็มาจากสกุลชั้นต่ำเหมือนกันนี่" โจวลี่อินอดไม่ได้ที่จะหันกลับมาเอ่ยว่าหนิงเหมย มีสิทธิ์อะไรมาว่าเธอเป็นผู้หญิงชั้นต่ำ ทั้งที่ตัวเองก็ไม่ได้สูงส่งไปกว่าคนอื่นสักเท่าไร ก็แค่เป็นสะใภ้ที่แต่งเข้ามาก่อนก็เท่านั้นเอง
"นี่แกว่าฉันเหรอโจวลี่อิน" หนิงเหมยได้ฟังก็ตัวสั่นด้วยความโกรธ ปรี่เข้าไปหาโจวลี่อินเตรียมจะหาเรื่อง
"เสียงดังอะไรกัน" เยว่ซื่อเปิดประตูเดินออกมาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงรำคาญ พอเห็นว่าเป็นสะใภ้ทั้งสองของตนเองก็หันไปมองโจวลี่อินอย่างเอาเรื่อง
"ไม่มีอะไรหรอกค่ะแม่ เพียงแค่สะใภ้เล็กเอาแต่ขัดเนื้อขัดตัวอยู่ในห้องน้ำนานเกินไปก็เท่านั้นเอง ฉันบอกว่าปวดท้องเข้าห้องน้ำจนจะทนไม่ไหวแล้ว สะใภ้เล็กก็ไม่สนใจ" หนิงเหมยเดินเข้าไปเอ่ยบอกแม่สามีด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานราวกับว่าตนเองนั้นถูกโจวลี่อินกลั้นแกล้ง
โจวลี่อินเห็นท่าทางของหนิงเหมยก็อยากจะเข้าไปตบใบหน้าเสแสร้งนั่นเหลือเกิน มีอย่างที่ไหนก่อนหน้านี้ยังอ้าปากด่าว่าเธออยู่เลย แต่ก่อนนี้กลับทำท่าทางอ่อนแอเป็นหญิงสาวเรียบร้อย เธอถามหน่อยเถอะว่าแม่สามีไม่รู้จริงๆ หรือว่าสะใภ้คนโปรดกำลังเสแสร้ง หรือรู้แต่แกล้งไม่เห็น
"ทำไมแกถึงทำอย่างนี้ คิดว่าบ้านหลังนี้เป็นของตัวเองหรือไง ถึงได้ทำอะไรเอาแต่ใจ หนิงเหมยปวดท้องจะเข้าห้องน้ำ แกก็ยังแกล้งไม่ให้เข้า" และก็เป็นอย่างที่โจวลี่อินคิด เยว่ซื่อปิดหูปิดตาเชื่อสะใภ้คนโปรดและเอาแต่ด่าว่าเธอ คนอย่างโจวลี่อินจะยอมให้ด่าง่ายๆ เหรอ ด่ามาก็ด่ากลับน่ะสิ
"คุณแม่คะ ทำไมฉันจะต้องแกล้งสะใภ้ใหญ่ด้วย ฉันก็รีบอาบรีบออกมา แต่สะใภ้ใหญ่น่ะสิเอาแต่ด่าว่าฉันตั้งนาน ถ้าหากว่าปวดท้องจริง คงได้ถ่ายท้องจนเหม็นไปทั่วบ้านแล้ว" โจวลี่อินเอ่ยบอกก่อนจะยกมือขึ้นมาปิดที่จมูกและจ้องมองไปที่หนิงเหมยอย่างไม่เกรงกลัว คิดว่าตัวเองเล่นละครเป็นคนเดียวหรือไงกัน เธอดูซีรี่ส์มาเยอะ จะเอาบทไหนล่ะ โจวลี่อินคนนี้เล่นให้ได้หมดแหละ
"ถ้าปวดท้องก็รีบไปเข้าห้องน้ำเถอะ เดี๋ยวได้ถ่ายเรี่ยราดหน้าห้องน้ำอีก" เยว่ซื่อได้ฟังก็เอ่ยปากไล่สะใภ้คนโปรดให้ไปเข้าห้องน้ำ ใครจะอยากเห็นภาพน่าขยะแขยงและได้กลิ่นเหม็นกัน
"ค่ะแม่" หนิงเหมยถึงกับพูดไม่ออกเมื่อเห็นท่าทางเหมือนจะรังเกียจของแม่สามี หญิงสาวจึงหันไปถลึงตาใส่โจวลี่อินก่อนจะสะบัดก้นเดินเข้าห้องน้ำไปด้วยความโมโห
"ส่วนเธอก็มาช่วยฉันทำกับข้าว เดี๋ยวอาหยวนกับสามีของฉันจะกลับมาแล้ว ไหนจะอาหลินกับอาชิงหลานๆ ของฉันอีก กลับมากจากโรงเรียนจะต้องหิวมากเป็นแน่" เยว่ซื่อเอ่ยบอกโจวลี่อินเมื่อใกล้ได้เวลาที่ลูกชายคนโตกับสามีและหลานๆ จะกลับมาจากโรงเรียน
เยว่ซื่อนั้นรู้สึกภูมิใจในตัวหลี่หยวนเป็นอย่างมากที่มีอาชีพเป็นครูส่วนสามีก็ทำงานขายตั๋วรถไฟ ถึงแม้สภาพทางบ้านจะไม่ร่ำรวยแต่ก็ไม่ถึงกับยากจนอะไร ไม่อย่างนั้นโจวลี่อินจะอยากจับลูกชายคนเล็กของเธอทำสามีหรือ
ฝากกดเข้าฉันและคอมเม้นต์เป็นกำลังใจให้ไรท์ด้วยนะคะ
เวลาผ่านไปโจวลี่อินได้ทำการเช่าร้านหน้าโรงเรียนเพื่อเปิดขายบะหมี่ แรกๆ ยังไม่ค่อยมีลูกค้าสักเท่าไร แต่หญิงสาวก็ไม่ท้อจนปัจจุบันมีลูกค้ามากมายจนหญิงสาวทำไม่ทันจึงต้องจ้างคนงานมาช่วย ร้านบะหมี่ของโจวลี่อินเริ่มมีชื่อเสียงขึ้นเรื่อยๆ วัตถุดิบที่ใช้ทำอาหารหญิงสาวก็เอาออกมาจากมิติ ทำให้มีรายได้เป็นกอบเป็นกำหญิงสาวจึงตัดสินใจให้สามีเป็นคนทำเรื่องซื้อบ้านก่อนจะย้ายออกจากบ้านเช่า หลี่อิงอิงดีใจมากที่ได้อยู่บ้านหลังใหญ่แล้วมีห้องนอนส่วนตัวตอนนี้ขาของหลี่เหว่ยหายดีแล้ว ชายหนุ่มช่วยงานหญิงสาวในร้าน ถึงแม้ทางกองทัพจะอยากให้ชายหนุ่มกลับไปทำงานให้ แต่หลี่เหว่ยก็ปฏิเสธเพราะอยากอยู่ใกล้ชิดกับภรรยาและลูกสาวมากกว่าเมื่อปิดร้านบะหมี่เรียบร้อยแล้วโจวลี่อินกับหลี่เหว่ยก็ไปรับลูกสาวที่โรงเรียน ตอนนี้หลี่อิงอิงโตขึ้นมากแล้ว เมื่อเห็นพ่อกับแม่มารอรับก็รีบวิ่งมาหาทันที ทั้งสามเดินไปรอรถประจำทาง ระหว่างรอหลี่อิงอิงก็เล่าเรื่องในโรงเรียนไม่หยุดจนกระทั่งรถมาจอดตรงหน้าหลี่อิงอิงถึงได้หยุดพูด ทั้งสามคนขึ้นไปหาที่นั่ง ก่อนที่โจวลี่อินจะเอ่ยบอกกับลูกสาวว่าวันนี้จะพาไปกินข้าวข้างนอกบ้าน หลี่อิงอิงได้ยินก็ดีใจเป็นอ
หลี่เหว่ยขึ้นไปบนเตียงแล้วจับเขาเรียวแยกออกจากกันเผยให้เห็นดอกไม้งามที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำหวาน มือหนาจับแก่นกายขนาดใหญ่ไปจ่อกลางร่องก่อนจะลากขึ้นลงทำเอาโจวลี่อินส่งเสียงครางออกมา ปลายหยักชุ่มไปด้วยน้ำหวานชายหนุ่มก็ไม่รอช้าที่จะดันแก่นกายเข้าไปในโพรงสวาท ด้วยความคับแน่นทำเอาโจวลี่อินรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูกหลี่เหว่ยครางอยู่ในลำคอด้วยความทรมานเมื่อแก่นกายโดนตอดรัดอย่างหนัก ชายหนุ่มจึงตัดสินใจยกสะโพกขึ้นก่อนจะกระแทกกลับลงไปอย่างแรงทำให้แก่นกายจมหายเข้าไปในกายสาวจนมิดลำนิ้วร้อนสัมผัสกับเกสรดอกไม้ที่กำลังบวมเป่ง หลี่เหว่ยออกแรงเขี่ยไปมาเบาๆ ก่อนจะขยี้ ทำเอาโจวลี่อินดิ้นพล่านไปมาด้วยความเสียวซ่าน สะโพกสอบขยับขึ้นลงจากช้าเป็นเร็วขึ้นแก่นกายผลุบเข้าออกกลางกายสาวจนกลีบสวาทยับยู่ยี่ไปตามแรงกระแทกชายหนุ่มก้มใบหน้าลงไปแลบลิ้นออกมาไล้เลียที่ปลายถันก่อนจะอ้าปากดูดดึงเข้าไปในอุ้งปากส่วนสะโพกสอบก็ขยับขึ้นลงทำเอาหญิงสาวเสียวสะท้านไปทั้งตัวโจวลี่อินแอ่นสะโพกขึ้นสู้แรงกระแทกของชายหนุ่มด้วยความรัญจวน มันช่างดีเหลือเกิน แขนเรียวยื่นไปกอดรัดร่างหนาเอาไว้แน่น ยิ่งชายหนุ่มสร้างความเสียวให้มากเท่าไรเล็บคมก
ผ่านไปหลายเดือน เช้าวันนี้โจวลี่อินตื่นขึ้นมาแต่เช้าปลุกลูกสาวให้ลุกไปอาบน้ำแต่งตัวไปโรงเรียน วันนี้เป็นเปิดเรียนวันแรก หลี่อิงอิงที่ตื่นเต้นจะได้ไปโรงเรียนก็รีบลุกขึ้นอาบน้ำ โจวลี่อินช่วยลูกสาวแต่งตังเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ไปทำอาหารเช้าหลังจากทำอาหารเสร็จก็ยกไปวางบนโต๊ะก่อนจะเรียกสามีกับลูกสาวมากินข้าว สองพ่อลูกพากันเดินมานั่งที่เก้าอี้ โจวลี่อินจึงตักข้าวใส่ถ้วยให้กับทั้งสองคนก่อนจะตักให้ตัวเองหลังจากกินข้าวกันเสร็จเรียบร้อยแล้วหญิงสาวก็เก็บถ้วยบนโต๊ะไปล้างก่อนจะเปลี่ยนชุดเตรียมพาลูกสาวไปส่งโรงเรียนทั้งสามคนเดินออกจากบ้านไปรอรถประจำทาง ไม่นานรถก็มาจอดตรงหน้า ทั้งสามคนจึงเดินขึ้นรถก่อนจะหาที่นั่ง รถแล่นเข้าสู่ท้องถนน หลี่อิงอิงที่ตื่นเต้นเป็นพิเศษพูดกับพ่อแม่ด้วยน้ำเสียงเจื้อยแจ้วไม่นานก็มาถึงโรงเรียนที่ก่อนหน้านี้หลี่เหว่ยกับโจวลี่อินพาลูกสาวมาสมัครเรียน ลงจากรถเรียบร้อยแล้วโจวลี่อินก็จูงมือลูกสาวไปหน้าโรงเรียนที่มีครูผู้หญิงมายืนต้อนรับเด็กนักเรียนหลี่อิงอิงทำความเคารพคุณครูก่อนจะเดินเข้าโรงเรียนด้วยความตื่นเต้น โจวอินจึงฝากฝังให้ครูช่วยดูแลลูกสาว คุณครูก็รับปากว่าจะดูและหลี่อิงอ
หลังจากส่งของถึงมือของเพื่อนหลี่เหว่ย ฝ่ายนั้นก็พอใจกับสินค้ามาก จึงทำการส่งเงินมาจ่ายค่าของ ครั้งนี้โจวลี่อินได้เงินมาเยอะพอสมควรจึงชวนสามีกับลูกสาวไปกินข้าวข้างนอกบ้าน ทั้งสามคนกำลังเตรียมตัวก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายดังมาจากหน้าบ้านพร้อมกับเสียงเคาะประตูตอนแรกโจวลี่อินจะไปดู แต่หลี่เหว่ยอาสาจะไปดูแทน พอเปิดประตูออกไปก็เห็นเยว่ซื่อยืนร้องไห้ดวงตาแดงก่ำอยู่หน้าบ้าน"อาเหว่ย ต้องช่วยพี่ชายของลูกนะ" เยว่ซื่อเอ่ยบอกหลี่เหว่ยด้วยน้ำเสียงสะอื้น"คุณจะมาที่นี่อีกทำไม ผมบอกแล้วว่าห้ามมาข้องเกี่ยวกันอีก" หลี่เหว่ยพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา เตรียมจะปิดประตูห้องแต่เยว่ซื่อก็รีบเอามือดันประตูไว้ไม่ยอมให้ชายหนุ่มปิด"อย่าใจร้ายกับแม่กับพี่ชายของลูกมากนักเลย ตอนนี้อาหยวนกำลังลำบาก โดนนังตัวดีอย่างหนิงเหมยแจ้งทางการว่าอาหยวนมีชู้ แถมนังนั่นยังจ้างนักสืบหาหลักฐานมาด้วย ทางการเลยให้อาหยวนหย่ากับนังนั่นพร้อมจ่ายค่าเลี้ยงดู แต่ตอนนี้อาหยวนไม่มีเงินเลย ลูกต้องมีเงินเก็บอยู่แล้วใช่ไหม เอามาให้อาหยวนจ่ายค่าเสียหายก่อนได้ไหม" เยว่ซื่อพูดเสียยืดยาว สรุปก็คืออยากจะได้เงินของหลี่เหว่ยเพื่อไปให้หลี่หยวน โจวลี่อินที
หลังจากกินข้าวเช้าเรียบร้อยแล้วโจวลี่อินก็ออกไปข้างนอก หญิงสาวไปในที่ลับตาคนก่อนจะหยิบของออกมาจากมิติมากมายตามรายการที่เพื่อนของหลี่เหว่ยสั่งเอาไว้ พอเอาออกมาเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวก็ว่าจ้างคนให้แบกของไปส่งที่สถานีรถไฟ รออีกฝ่ายได้รับของหลังจากนั้นก็จะส่งเงินมาจ่ายค่าของโจวลี่อินทำธุระเสร็จแล้วก็ขึ้นรถประจำทางกลับบ้าน ไม่นานรถก็มาถึง หญิงสาวเดินลงจากรถก็ต้องชะงักเมื่อเจอเข้ากลับหนิงเหมย โจวลี่อินทำเป็นมองไม่เห็น กำลังจะเดินผ่านหนิงเหมยไป แต่อีกฝ่ายก็ร้องเรียกพร้อมกับเข้าไปจับแขนเรียวเอาไว้"เธอมาที่นี่ทำไม" โจวลี่อินเอ่ยถามเสียงแข็งก่อนจะสะบัดแขนให้หลุดจากการเกาะกุมของหนิงเหมย"คือว่าฉันอยากจะมาขอยืมเงินน่ะ" หนิงเหมยเอ่ยบอกถึงความต้องการของตนเองออกไปทันที ความจริงแล้วเธอก็ไม่อยากจะทำแบบนี้ แต่เพราะไม่มีทางออกจริงๆ ก็เลยต้องบากหน้ามาขอยืมเงินจากโจวลี่อิน"ฉันไม่มีเงินมากถึงขนาดให้ใครยืมหรอก กลับไปซะเถอะ" โจวลี่อินบอกปัดอย่างไร้เยื่อใย เรื่องอะไรเธอจะต้องให้คนที่เกลียดเธอยืมเงินด้วย"แต่ว่าฉันจำเป็นจริงๆ นะ ถ้าหากว่าไม่ได้เงินกลับไปฉันต้องตายแน่ๆ" ก่อนหน้านี้เธอโดนไล่ออกจากงานเพราะทำงานผ
หลี่เหว่ยเห็นภรรยาต้องไปขายของที่ตลาดมืดทุกวันก็รู้สึกสงสาร วันนี้ชายหนุ่มจึงออกจากบ้านเพื่อไปใช้โทรศัพท์ที่ศูนย์บริการ ชายหนุ่มโทรหาเพื่อนสนิทที่กองทัพ ตอนแรกว่าจะขอความช่วยเหลือแต่พอได้ยินว่ากองทัพกำลังขาดแคลนอาหาร ชายหนุ่มจึงคิดว่าเป็นโอกาสดีที่เขาจะหาเงินได้จากเรื่องนี้ หลี่เหว่ยจึงลองเสนอความคิดของตนเองให้เพื่อนฟังว่าเขานั้นจะหาทางส่งเสบียงอาหารไปให้แต่ของที่หายากอาจจะมีราคาแพงนิดหน่อย เพื่อนชายหนุ่มได้ฟังก็ดีใจมากบอกเพียงว่าถ้ามีอาหารส่งมาให้เขาก็พร้อมที่จะจ่ายหลี่เหว่ยจึงบอกกับเพื่อนว่าจะโทรไปแจ้งความคืบหน้าอีกทีเมื่อหาเสบียงอาหารได้ หลังวางสายจากเพื่อนชายหนุ่มก็เดินไปรอรถประจำทาง ระหว่างยืนรอรถอยู่นั้นก็มีหญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาหา"ใช่พี่เหว่ยไหมคะ" หญิงสาวเอ่ยถามด้วยความไม่แน่ใจว่าจะใช่คนที่ตนเองรู้จักหรือไม่ เพราะเธอก็ไม่ได้เจออีกฝ่ายมานานแล้วหลี่เหว่ยมองคนตรงหน้าก่อนจะพยายามนึกว่าเคยรู้จักหญิงสาวมาก่อนไหม แต่นึกเท่าไรก็นึกไม่ออก ชายหนุ่มจึงตอบรับว่าตนเองนั้นคือหลี่เหว่ยก่อนจะเอ่ยถามกลับว่าหญิงสาวเป็นใคร"ฉันถิงถิงไงคะ เคยเป็นรุ่นน้องที่โรงเรียนของพี่เหว่ย" หญิงสาวเอ่ยแนะ