บทที่ 1
ขุนเพลิงลุกขึ้นจากโซฟาเมื่อได้รับสายจากใครบางคน ใบหน้าของเขานั้นยิ้มขึ้นดั่งกับคนดีใจที่ใครจะมา เมื่อก้าวขาออกจากโซฟามาเพียงหนึ่งก้าวเขาหยุดชะงักเพราะซูโจลูกน้องคนสนิทเดินกลับเข้ามาในบ้าน
สายตาที่กวาดมองเปลี่ยนจากขุนเพลิงคนละคนในแววตาที่เย็นชานั้นบ่งบอกถึงความน่ากลัวและร้ายกาจ
"นายจะให้ผมขังคุณผู้หญิงไว้นานแค่ไหน?"
ซูโจที่ยังเอ่ยถามเจ้านายตัวเองไม่ทันสิ้นสุดประโยค ขุนเพลิงยกมือขึ้นในเชิงห้ามไม่ให้พูดต่อ
"จะเป็นตายร้ายดียังไงก็ช่าง ถ้าไม่ได้ฟังคำสั่งของฉันไม่ต้องเปิดประตู ดูแลลูกสาวกลับบ้านให้ดีอย่าให้ใครเข้ามาก้าวก่าย ฉันจะไปรับนับดาว" ซูโจก้มหน้าคำนับให้กับเจ้านายตามคำสั่ง
นับดาวหญิงสาวรุ่นราวคราวเดียวกับผ้าแพรเพิ่งกลับจากเมืองนอกและในวันนี้นับดาวโทรหาขุนเพลิงให้ไปรับที่สนามบินจึงทำให้ขุนเพลิงนั้นยิ้มดั่งคนที่ดีใจมาก
"ปะป๊าจะไปไหน ปะป๊าอย่าไปไหนนะ" คนตัวโตถอนหายใจเมื่อได้ยินเสียงของเด็กสาวตัวเล็กทันทีมือของเขาถูกจับด้วยมือนุ่มอันนิดเดียว ใบหน้าน้อยเงยขึ้นในขณะที่เขย่ามือพ่อของตนเองเอ่ยถามทั้งยังเอ่ยปากไม่ให้ไป
ขุนเพลิงคุกเข่าลงตรงหน้าเสมอกับเจ้าตัวเล็ก มือหนาลูบหัวของเด็กสาวเบาๆ ใบหน้าน้อยคล้ายคลึงกับแม่ของเธอราวกับฝาแฝด
"เจ้าตัวเล็กปะป๊าไปธุระเดี๋ยวปะป๊ากลับมานะคะ" ใบหน้าน้อยมุ่ยใส่ผู้เป็นพ่อทั้งยังกอดอกทำท่าทีเหมือนไม่พอใจ
"ทำไมถึงเอานิสัยมามี๊มาใช้แบบนี้ เลี้ยงลูกของฉันยังไงเอาไปฝึกนิสัยใหม่ ถ้ายังเป็นนิสัยแบบนี้อีกฉันจะไล่พวกเธอออก" เมื่อขุนเพลิงลุกขึ้นเขาจ้องไปยังพี่เลี้ยงทั้งสองคนและเอ่ยว่าเรื่องการอบรมมารยาทของลูกสาวทั้งยังลามไปถึงผ้าแพร
"ปะป๊าใจร้ายจัง" ใบหน้าน้อยเต็มไปด้วยน้ำตาที่ไหลผู้เป็นพ่อเสียงดังใส่พี่เลี้ยงทำให้เธอตกใจจนไม่กล้ามองหน้าอีก
ขุนเพลิงยกมือลูบหัวของเด็กสาวตัวเล็กผู้เป็นสายเลือดของตนเองเบาๆ ก่อนที่จะเดินออกมาขึ้นรถหรูและมุ่งหน้าสู่สนามบิน
สนามบิน
เรือนร่างบางสวมใส่ชุดแขนยาวขายาวปกคลุมยี่ห้อดังแบรนด์นี้ราคาสูงเดินตรงมาพร้อมกับรองเท้าส้นสูงสีดำลากกระเป๋าถืออันใหญ่ลงมาจากบันไดเลื่อน ทันทีหญิงสาวคนนั้นรีบวิ่งมาหาขุนเพลิงเธอทิ้งกระเป๋าใบใหญ่โดยที่ไม่สนใจคนตัวเล็กอ้าแขนออกเพื่อโอบกอดขุนเพลิง
"คิดถึงจังเลย"
"คิดถึงเหมือนกัน...เป็นยังไงบ้างนับดาวอากาศเปลี่ยนแปลงเดี๋ยวจะไม่สบายนะค่อยๆ ปรับสภาพร่างกายของตัวเองรีบไปคอนโดก่อนไหมจะได้เปิดแอร์เย็นๆ อยู่"
นับดาวยิ้มหวานใบหน้าที่สวยละมุนเอียงคอเล็กน้อยก่อนที่จะจับแก้มของขุนเพลิงเบาๆ ด้วยมืออันนุ่ม
"ขุนเพลิงก็ยังคงเป็นขุนเพลิงคนเดิม เป็นห่วงนับดาวยังไงก็ยังเป็นห่วงอย่างนั้นเหมือนในตอนเด็กเลย" มือทั้งสองจับแก้มของขุนเพลิงโดยการส่ายไปมาราวกับตุ๊กตา เขากลับยิ้มและชอบในการกระทำของเธอ
"อย่าทำแบบนี้สิ ผมไม่ใช่เด็กแล้วนะ"
"โอเคค่ะ...ไม่ทำแบบนี้แล้วก็ได้ว่าแต่ภรรยาของคุณ?"
เมื่อนับดาวเอ่ยถึงภรรยาของเขา ขุนเพลิงนั้นเงียบไม่มีคำโต้ตอบกลับเขาถอนหายใจเพียงเล็กน้อย
"อย่าไปพูดถึงเลย ผมกำลังจะเลิกกับเขาในตอนนี้รอแค่เขาหย่าก็เท่านั้น ไปคอนโดเถอะผมซื้อคอนโดไว้รอคุณแล้ว"
"ขุนเพลิงน่ารักกับนับดาวที่สุดเลยค่ะ แต่นับดาวไม่ถนัดที่จะอยู่คอนโด นับดาวขอไปอยู่บ้านของคุณได้ไหมคะ" มือนุ่มสัมผัสจับแขนของขุนเพลิงใช้แววตาและใบหน้าที่อ้อนขอไปอยู่ที่บ้านด้วยโดยที่เธอก็รู้ว่าเขาแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่นแต่นับดาวยังคงใช้เล่ห์เหลี่ยมที่แพรวพราวอ่อยเขาด้วยคำหวาน
"ได้สิ" ขุนเพลิงตอบตกลงกับนับดาวอย่างไม่มีคำลังเล ในขณะที่ขึ้นรถกลับนับดาวเป็นผู้หญิงร่าเริงอ่อนหวานและนุ่มนวลผู้ชายใดที่อยู่ใกล้ต้องเป็นหวั่นไหว สายตาของขุนเพลิงที่มองนับดาวไม่เหมือนกับเมื่อก่อนที่เธอจะไปเรียนต่างประเทศเลยสักนิด
ขุนเพลิงสะดุ้งเล็กน้อยเพราะว่านับดาวถามคำถามเขาไปหลายประโยคและเอ่ยซ้ำเรียกหลายครั้งแต่ขุนเพลิงก็ได้เพียงแต่นั่งเหม่อใส่เธอ
"คุณเป็นอะไรหรือเปล่าคะ...หรือว่าไม่สบายใจที่นับดาวขอไปอยู่บ้านด้วยอย่างนั้นคุณไปส่งนับดาวที่บ้านของคุณพ่อคุณแม่ก็ได้ค่ะ"
ใบหน้าน้อยทำท่าทีก้มลงเหมือนน้อยใจทำให้ขุนเพลิงนั้นไม่สบายใจจึงรีบจับมือของนับดาว
"ไม่ใช่แบบนั้นแค่กำลังคิดเรื่องงานอยู่ ผมขอโทษนะที่ไม่ได้ตั้งใจฟังคำถามของคุณ ช่วยถามผมใหม่อีกครั้งได้ไหม" เขาจ้องมองหน้าของนับดาวแล้วบอกให้เธอถามเขาใหม่อีกครั้ง ใบหน้าสวยฉีกยิ้มพร้อมกับพยักหน้าก่อนที่จะเอ่ยถาม
"นับดาวถามว่าภรรยาของคุณจะไม่ว่าใช่ไหมคะที่นับดาวไปอยู่บ้านด้วย"
"ไม่หรอกเพราะว่าบ้านหลังนั้นเป็นของผม ผู้หญิงคนนั้นเป็นเพียงเครื่องมือที่ทำให้ผมมีทุกอย่างก็เท่านั้น ไม่ต้องใส่ใจ เธอไม่ได้จำเป็นอะไรในชีวิตของผมอีกแล้วรอแค่เธอเซ็นใบหย่าให้ทุกอย่างก็จบ"
"ไม่ใช่เป็นเพราะว่านับดาวนะคะที่ทำให้พวกคุณเลิกกัน?"
คำพูดที่เอ่ยถามดั่งกับเสือร้ายที่พ่นคำหวานเหมือนหวังดีแต่แฝงไปด้วยความอยากรู้
"ไม่ใช่หรอก อย่าคิดมากสิเดี๋ยวหน้าแก่เร็วนะ" ขุนเพลิงยกมือลูบหัวของนับดาวเบาๆ หยอกล้อกันดั่งกับคู่รักใหม่จนกระทั่งรถขับมาถึงที่บ้าน แม่บ้านรีบวิ่งออกมาหน้าตาตื่นด้วยที่ซูโจลูกน้องคนสนิทของขุนเพลิงเปิดประตูห้องเก็บของที่ขังผ้าแพรเอาไว้ทำให้ผ้าแพรเป็นลมจนต้องเรียกหมอมาดูอาการที่บ้าน
"คุณผู้ชายคะ คุณผู้หญิงเป็นลมรีบขึ้นไปดูคุณผู้หญิงบนห้องนะคะ หมอมาดูแล้วแต่คุณผู้หญิงก็เพ้อหาแต่คุณผู้ชาย" ใบหน้าตื่นเต้นตื่นตระหนกของแม่บ้านพูดด้วยเนื้อตัวที่สั่นเครือ
"ไม่จำเป็นที่เธอจะต้องกะวนกะวายขนาดนั้น ถ้าจะตายก็ปล่อยให้เธอตายไปเลยอย่ามายุ่งกับฉันและใครอนุญาตให้ซูโจเปิดประตูห้อง
เขาไม่เคยตื่นเต้นที่ภรรยาของเขานั้นเป็นลมแถมยังว่าให้แม่บ้านอีกด้วย สายตาคู่น้อยของนับดาวมองแม่บ้านที่ตกใจทั้งยังสลับมองหน้าของขุนเพลิงทำให้เธอคิดและรู้ว่าผู้ชายคนนี้ต้องเป็นของเธออย่างแน่นอน เมื่อมองไปที่บ้านหลังใหญ่นับดาวที่ไม่ได้ร่ำรวยอะไรตั้งแต่แรกกลับเกิดความคิดอยากแย่งชิงที่จะเป็นคุณหญิงบ้านนี้แทนภรรยาของเขา
"คุณเพลิงคุณไปดูภรรยาของคุณก่อนเถอะค่ะ นับดาวรอได้"
"ตอนนี้แดดร้อนมากเดี๋ยวผมเอาเสื้อสูทคลุมให้เดินเข้าไปในบ้านนะ" ไม่เพียงแต่เสื้อสูทของเขาที่ถอดแล้วคลุมไหล่ให้กับนับดาวมือทั้งสองข้างที่เคยโอบกอดภรรยาในวันนั้นโอบกอดผู้หญิงคนอื่นเดินเข้าไปในบ้านอย่างหน้าตาเฉย
ภาพทุกอย่างผ้าแพรที่ยืนอยู่ด้านบนห้องเห็นแล้วว่าสามีของตัวเองพาผู้หญิงคนอื่นเข้ามาอยู่ในบ้านโดยที่ไม่บอกเธอสักคำ
คนตัวเล็กทรุดตัวลงกับพื้นชีวิตที่เปลี่ยนไปเพียงแค่ไม่กี่วันทำให้เธอรับความบาดเจ็บในหัวใจแทบไม่ไหว ในขณะที่ประตูเปิดเข้ามาเด็กสาวตัวเล็กผู้เป็นสายเลือดของเธอนั้นวิ่งเข้ามาโอบกอด
"มามี๊ มามี๊ไม่ร้องไห้นะคะ พะพายกอดมามี๊อยู่ตรงนี้" ใบหน้าของลูกสาวแนบชิดกับใบหน้าของผู้เป็นแม่โอบกอดได้เพียงแค่คอพยายามปลอบใจผู้เป็นแม่ทั้งๆ ที่ตนเองอายุเพียงแค่สองขวบ
"ฮื่อๆ พะพายลูก"
📌ถูกอกถูกใจหม่ำมี๊กันไหมฝากหม่ำมี๊กดใจเรื่องนี้ให้ไรท์หน่อยนะค้าบ อ้อนๆ ช่วยไรท์ทีงับ
🔥 บอกเลยว่า อิพี่ชั่ว 100% เตรียมทิชชู่รอเลยค่าบ
บทที่ 15หน้าห้องฉุกเฉินหลังจากส่งตัวลูกสาวให้หมอดูอาการและทำการรักษาผ้าแพรและขุนเพลิงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ผุดลุกผุดนั่งกะวนกะวายเดินวนกันไปมาอยู่แถวนั้นยิ่งผ้าแพรเธอร้องไห้ไม่ยอมหยุดสายตาของผู้เป็นแม่พยายามชะเง้อมองผ่านกระจกบานเล็กอยู่บนหน้าประตู"ฮึ๊ก อย่าเป็นอะไรนะลูกแม่เหลือลูกอยู่แค่คนเดียวแล้วนะ" ผ้าแพรร้องไห้กุมมือเข้าหากันและพูดเพียงคนเดียวว่าเหลือแค่พะพายสิ้นสุดคำพูดขุนเพลิงหันมองหน้าภรรยาแต่ก็หันกลับโดยไม่มีคำปลอบใจเมื่อหมอเปิดประตูออกมาใบหน้าของหมอที่ดูกังวลและเครียดใช้คำพูดติดขัดยังไม่บอกอาการของพะพาย"คุณหมอคะลูกสาวของฉันเป็นยังไงบ้าง" พยายามฝืนด้วยถ้อยคำพูดที่เอ่ยถามน้ำเสียงติดขัดทั้งยังน้ำตาที่ไหลเอ่อล้นบนแก้ม"เด็กอาการแย่ด้วยที่เสียเลือดมากเป็นเวลานานเกร็ดน้ำเกลือต่ำ ถ้าเกิดเราหาเลือดได้ทันเวลาก็จะไม่เป็นอะไรด้วยที่เลือดกำลังมาแต่ถ้าคุณพ่อกับคุณแม่ยินดีที่จะให้เลือดน้องก็ได้ครับทางเราจะได้ไม่ต้องรอ""ฉันค่ะ...ฉันเป็นแม่ของเขาฉันเป็นแม่ของพะพายเอาเลือดของฉันไปเลย" ผ้าแพรยื่นแขนตัวเองให้กับหมอด้วยความกระวนกระวายและหวาดกลัว เธอเอ่ยบอกกับหมอให้เอาเลือดของตัวเองแต่ถูกขุนเพ
บทที่ 14 พรึ่บ เรือนร่างบางนอนอยู่บนโซฟาในขณะที่กำลังละเมออยู่ๆ น้ำเย็นสาดเข้ามาที่หน้าจนเธอสะดุ้ง ผ้าแพรรีบดีดตนเองนั้นลุกขึ้นมองคนตรงหน้าผู้เป็นสามียืนถือแก้วน้ำอยู่"คุณทำอะไรของคุณ" ใบหน้าน้อยขมวดคิ้วเพ่งเล็งไปยังหน้าของสามีตนเอง เมื่อวานนี้ก่อนจะกลับบ้านดันเกิดปัญหาและเขาก็พาตัวของเธอมาที่นี่เพื่อมาเคลียร์งาน"ก็ฉันปลุกให้ตื่น" "นี่คือการปลุกของคุณเหรอ ขุนเพลิงคุณเปลี่ยนไปมากรู้ไหม" การกระทำเล็กๆ น้อยๆ ถึงแม้ว่าไม่เจ็บแต่เป็นการกระทำที่ย่ำยีหัวใจ การสาดน้ำใส่หน้าในขณะที่หลับมันดูทุเรศจนผ้าแพรนั้นโมโห"ถ้าไม่พอใจก็เซ็นใบหย่าให้กับฉันสิ" ครั้งที่ร้อยเพียงเวลาแค่ไม่กี่วันเขาพูดคำว่าหย่าจนนับไม่ถ้วนในครั้งนี้ไม่เพียงแต่ท้าผ้าแพรไปหย่าแต่ยังมีเอกสารหย่าที่อยู่หน้าจอคอมนั้นตรงมาที่โซฟาแล้วโยนลงบนโต๊ะให้กับผ้าแพรด้วย"เซ็นซะใบหย่านี้" ปากกาในมือโยนลงมาทับกระดาษทั้งคำพูดในเชิงตะคอกให้รีบเซ็นใบหย่า ผ้าแพรที่มองกระดาษโกรธในการกระทำของขุนเพลิงจากกระดาษใบหย่านั้นชูขึ้นและฉีกต่อหน้าของขุนเพลิงทันที"ไม่ฉันยังไม่พร้อม ฆ่าฉันเลยสิเพราะยังไงฉันก็ไม่หย่า" ใบหน้าสวยที่เงยขึ้นเผชิญกับแววตาของขุน
บทที่ 13 ตัดมาทางด้านของนับดาวหลังจากที่เธอรู้ว่าขุนเพลิงออกไปข้างนอกเพราะว่าไปตามหาผ้าแพรภรรยาของเขา เธอโกรธมากเขวี้ยงข้าวของในห้องจนกระจายลงพื้นมีเพียงแต่แม่บ้านที่เธอเพิ่งรับเข้ามาทำงานพยายามห้ามแต่ก็ถูกตบหน้าด้วยความโมโห"ขุนเพลิง" เธอนั้นดั่งกับคนละคนที่อยู่กับขุนเพลิงอ่อนหวานและแสนดีนั้นหายไปทันที มือทั้งสองข้างที่กำหมัดเข้าหากันจนเนื้อตัวสั่นด้วยความโกรธในแววตาเเดงโดยที่เวลาผ่านไปนานขุนเพลิงยังไม่กลับเข้ามาในบ้าน"คุณนับดาวคะ รถของคุณผู้ชายกลับเข้ามาแล้ว" แม่บ้านคนสนิทของนับดาวรีบวิ่งมาที่หน้าต่างเห็นรถของขุนเพลิงกลับเข้ามาหน้าตาตื่นหันมองไปทางนับดาวและเอ่ยบอกทันที"รีบเก็บข้าวของให้เรียบร้อย" นับดาวเอ่ยสั่งให้กับแม่บ้านที่ตัวเองเพิ่งจะเขวี้ยงข้าวของนั้นเก็บของให้เรียบร้อยส่วนตัวเองรีบวิ่งลงมาจากห้องแม้ในตอนดึกมากเธอก็ยังไม่ยอมนอน นับดาวผิดหวังเมื่อลงมาถึงด้านล่างขุนเพลิงไม่ได้กลับมาที่บ้านทั้งยังผ้าแพรที่ไม่ได้กลับมาด้วยมีเพียงแต่ลูกน้องคนสนิทที่กลับมา"คุณผู้ชายทำไมถึงไม่กลับมา" ซูโจลูกน้องคนสนิทก้มหน้าลงและส่ายหน้าไปมา เขาไม่บอกอะไรกับนับดาวมีเพียงแต่การเดินหลีกทันทีนับ
บทที่ 12 "บอกให้ปล่อย...ฉันบอกให้ปล่อย กล้าดียังไงมาจับฉัน" ยิ่งผ้าแพรสะบัดมือของตัวเองมือที่จับเธอนั้นยิ่งบีบแน่น คนตัวเล็กถูกกระชากออกมาจากโต๊ะนั่งดื่ม"ช่วยด้วยใครก็ได้ช่วยด้วยไม่อื้อ" เตโชที่กล้ามากใช้ยานอนหลับใส่กับผ้าเช็ดหน้าปิดปากให้ผ้าแพรนั้นสลบก่อนที่เขาจะอุ้มเธอออกมาจากสถานบันเทิงแห่งนี้ไม่มีใครกล้าที่จะยุ่งกับเตโชสักคนปล่อยให้เขาอุ้มผู้หญิงออกไปต่อหน้าต่อตา"มันไม่สนใจเธอแล้วมาเป็นของฉันทุกอย่างก็จบ" เตโชรู้มาว่าเรื่องระหว่างผ้าแพรกับสามีของตัวเองกำลังจะหย่าจึงเข้าหาผ้าแพรอย่างไม่กลัว เขาพาผ้าแพรขับรถออกมาข้างนอกแต่รู้ตัวว่ามีรถประกบทางด้านหลังมาหลายคัน "ผัวเธอคงตามมาสินะ" ในวันนั้นเตโชถูกขุนเพลิงสามีของผ้าแพรนั้นต่อยจนล้มลงไปกับพื้นในวันนี้เขาต้องการเอาคืนเลยขับรถเลี้ยวเข้าซอยเล็กๆ ด้วยความเร็วเลี้ยวไปเลี้ยวมาจนรถคันหลังตามมาไม่ทัน เสียงโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าสะพายของผ้าแพรดังขึ้นเรื่อยๆ ช่วงจังหวะที่เตโชนั้นตบไฟยกเลี้ยวเข้าโรงแรมเล็กๆ ในซอยพอดีหลังจากที่โรงแรมปิดผ้าม่านเตโชจึงหยิบกระเป๋านั้นมาดูโทรศัพท์เป็นเบอร์ของขุนเพลิงที่โทรมาหาภรรยาจริงๆเขากดรับสายอย่างไม่กลัว
บทที่ 11 ไม่เพียงแต่ตัวเองที่ไม่ปลอดภัยแต่ยังเป็นเด็กตัวเล็กผู้เป็นลูกถูกกระทำจากผู้หญิงหน้าด้านคนนั้นหลังจากที่ผ้าแพรรู้ว่าลูกสาวของเธอนั้นถูกหลอกให้ไปเอาของเล่นในน้ำก็เป็นใครไปไม่ได้นอกจากนับดาว "ต่อจากนี้ไปห้ามเข้าใกล้ผู้หญิงคนนั้นอีกนะลูก" ผ้าแพรพยายามคิดว่าจะทำยังไงจะให้ลูกสาวของตัวเองปลอดภัยไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนแต่ถ้าจะปล่อยให้อยู่ที่นี่อีกลูกของเธอต้องเป็นอันตรายแน่ๆ "ป๊า" ถ้าแพรไม่รู้ว่าประตูลูกบิดถูกเปิดเข้ามาตอนไหน เธอนั่งอยู่ที่ห้องของตัวเองกับลูกสาวเสียงลูกสาวจึงพูดขึ้นเอ่ยเรียกผู้เป็นพ่อของเขาผ้าแพรจึงหันมองไปที่หน้าประตูเห็นขุนเพลิงยืนอยู่ตรงนั้น เมื่อผ้าแพรกับลูกสาวรู้ตัวขุนเพลิงเดินเข้ามาด้านในก่อนที่จะปิดประตูห้องเขานั่งลงที่เตียงด้านข้างของลูกสาวลูบหัวของเด็กสาวเบาๆ ด้วยความอ่อนโยน"ทีหลังอย่าลงไปเก็บของเล่นในน้ำอีกนะลูก รู้ไหมว่ามันอันตรายแค่ไหนดีที่พี่ซูโจอยู่ไม่อย่างนั้นหนูจะต้องจมน้ำ ไม่มีใครช่วยหนูได้แม้แต่แม่ของหนูเองยังช่วยตัวเองไม่ได้เลย" คำพูดประชดของสามีเอ่ยว่าให้ทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นสามีที่ห่วยแตก ผ้าแพรเธอได้เพียงแต่เงียบในครั้งนี้เธอเลือกที่จะเห
บทที่ 10 ผ้าแพรอาบน้ำแต่งตัวเตรียมที่จะพาลูกสาวนั้นไปเที่ยวข้างนอกพาไปโรงเรียนเด็กศูนย์ของประเทศโรงเรียนนานาชาติที่มีแต่ลูกคนรวยคนมีเงินเรียน "คุณผู้หญิงคะ...คุณผู้หญิงคุณหนูหายไปไหนไม่รู้ค่ะ" ผ้าแพรเธอเดินลงมาจากห้องยังไม่ทันก้าวขาไปไหนต้องหยุดชะงักด้วยที่พี่เลี้ยงทั้งสองคนวิ่งหน้าตาตื่นมองซ้ายและขวาตามหาพะพาย ในวินาทีที่เธอได้ยินแบบนั้นหัวใจแทบหยุดเต้นเหมือนฟ้าถล่มลงมาเพราะตั้งแต่พะพายเกิดมาไม่เคยมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเลย"เป็นไปได้ยังไงไปตามหาให้เจอเดี๋ยวนี้" ผ้าแพรเอ่ยร้องส่งเสียงตามหาลูกสาวตามบ้านด้วยความเป็นเด็กเขาอาจจะซุกซนอยู่มุมไหนของบ้านสักที่ ทั้งในห้องทำงานของขุนเพลิงตามห้องนั่งเล่นก็ไม่มีเสียงตอบรับของพะพายเลย"นับดาว" เมื่อผ้าแพรเอ่ยชื่อของนับดาวเสียงร้องกรี๊ดดังมาจากสระน้ำกลางบ้านผ้าแพรจึงรีบหมุนตัวก้าวฝีเท้าวิ่งตรงไปที่เสียงร้องนั้น"คุณหนู" ผ้าแพรวิ่งมาที่สระน้ำเธอตกใจที่เห็นลูกตัวเองอยู่ในน้ำกำลังสำลักน้ำซูโจกระโดดลงไปช่วยเอาไว้ได้และรีบพาตัวของพะพายนั้นขึ้นมาด้านบน ผู้เป็นแม่หัวใจแทบแตกสลายเห็นลูกสาวตัวเล็กนั้นจมน้ำมือทั้งสองข้างโอบกอดลูกลูบหัวเบาๆ"เป็นอะไรหรือ